ทำเลที่จะบำเพ็ญธรรมของพระกรรมฐานที่เสาะแสวงหาธรรม รู้สึกจะลำบากทุกวันนี้ ต้องไปตามจุด ๆ ที่จะไปเที่ยวสะดวกสบายเหมือนแต่ก่อนไปที่ไหนอยากปักกลดแขวนกลดที่ไหนได้สบาย ๆ เหมือนแต่ก่อนนั้น ทุกวันนี้ไม่มีว่างั้นเลย มีแต่ที่เป็นกรรมสิทธิ์ทั่วดินแดนไปเลย แต่ก่อนไม่มี เดินทางไปไหน ๆ แวะออกทางไหนพักได้เลย ภาวนาได้สบาย ๆ ทุกวันนี้ต้องมีเป็นที่ ๆ เช่นอย่างที่ของเอกชนเขานิมนต์ไปพักที่สวนที่ไร่เขาอย่างนี้ไปได้ แล้วทำเลที่บำเพ็ญโดยเฉพาะในภูเขาแต่ละลูก ๆ นี้ก็ได้ ต้องไปตามจุด ๆ ไม่ได้ไปสะดวกสบายตลอดไปเหมือนแต่ก่อน
อย่างภูวัวนี้เหมาะสมมากจริง ๆ ภูเขาลูกนี้ความกว้างของมันจะทะลุถึง ๕๐๐ เส้นละมั้ง กว้างบริเวณภูเขาลูกนั้น แต่ก่อนสัตว์เสือ เนื้อ ช้าง เดี๋ยวนี้ไม่มี หมด ช้างเขาก็สงวนเอาไว้ประมาณสัก ๙ เชือก ๑๐ เชือก ที่ทำเลหากินของเขาก็มักจะเป็นวัด วัดกรรมฐานที่ท่านภาวนาอยู่ คือมันมีกอไผ่มีอะไร ๆ บริเวณที่ท่านพัก คนไม่ค่อยไปทำลายไม้อะไรอย่างนี้ แล้วพวกช้างก็มาหากินตามที่ท่านพักอยู่นั้น อย่างภูวัวนี้ก็มาหากินในบริเวณที่พระท่านพัก กลางค่ำกลางคืนออกมาหากิน คือมีกอไผ่ มาหากินใบไผ่อะไร ๆ แล้วออกจากนี้ก็ไปที่นั่น ออกจากนั้นไปที่นั่น ล้วนแล้วตั้งแต่ที่พระท่านพักอยู่ นั่นดูซิการทำลายป่าเห็นไหม ก็มีที่อยู่เฉพาะพระพักเป็นป่าเป็นอะไรบ้าง นอกนั้นหมด
อย่างที่ว่าภูวัวนี้ช้างโขลงนี้เขามาบ่อย ๆ คือทำเลหากินลำบาก เขาต้องมาบ่อย ไปที่ไหนไม่สะดวก ท้องช้างเป็นยังไงใหญ่ไหมล่ะ กว่าจะหากินพอปากพอท้องวันหนึ่งแทบเป็นแทบตาย ต้องไปหาทำเลที่เขาเคยได้กิน เช่น ไปสำนักวัด วัดภูวัวแถวนั้นเขามาทั้งนั้นแหละ เขาไม่สนใจกับพระ เขารู้แล้วว่าพระไม่เป็นภัยกับเขา เขาก็มาหากินแอบกับพระ พระก็ไม่สนใจ หากินกลางค่ำกลางคืน ผ่านไปหมดแหละแถวนั้น มาสำนักพระเขามาอิสระ แล้วทำเลนั้นเขาเข้มงวดกวดขัน เจ้าหน้าที่รักษาสัตว์ เฉพาะอย่างยิ่งพวกช้างแตะไม่ได้เลย เขาเข้มงวดกวดขันมากเพราะมีเท่านั้นเวลานี้ช้างบนภูเขาลูกนี้ มีประมาณสัก ๙ เชือก ๑๐ เชือก เขาก็หากินอยู่ตามบริเวณ เพราะพระมีอยู่เป็นแห่ง ๆ แห่งละ ๒ องค์ ๓ องค์ อยู่ไกล ๆ ห่าง ๆ กัน เพราะฉะนั้นท่านถึงมาบ่อยที่วัดภูวัว เพราะมาท่านก็แจกอาหารที่เราส่งไปเผื่อ แจกทั่วไปหมดแถวนั้น
เขาไปส่งอาหารคราวที่แล้ว ท่านก็บอกให้ลดข้าว ข้าวมีเหลือเฟือ ทางนี้เด็ดขาด ไม่ลด ขึ้นเลยทันที มีแต่จะเอามาเพิ่ม มาลดอะไรเราว่าอย่างนั้น นี่ก็แจกไปทั่วอาหารการบริโภค ความสงสารนั่นแหละ เราสนับสนุนพระที่ต่อไปนี้จะไม่มีพระให้ได้กราบได้ไหว้ จะมีแต่หัวโล้นทั้งเขาทั้งเรา เราไม่อยากว่าท่าน ว่าเขาว่าเราเหมาะกับหัวโล้นมีแต่ผ้าเหลือง ไม่ได้สนใจกับศีลกับธรรมอะไรเลย อาศัยศาสนากินพระเราเวลานี้เป็น ไม่ว่าเขาว่าเรามันพอ ๆ กันเวลานี้ อย่างนั้นละธรรมต้องพูดให้ตรงไปตรงมา โลกเขาไม่แตะแต่ธรรมแตะ พังเข้าไปเลยเทียว มันเลอะเทอะขนาดนั้นนะเวลานี้พวกพระพวกเณรเรา ใครก็ไม่อยากแตะอยากว่าซิ ยิ่งสนุกสร้างทิฐิมานะ สร้างกิเลสตัณหาเข้าในผ้าเหลืองหัวโล้นนั่นน่ะ ถ้าไปก็เอาชื่อเอานามอยู่ฟากเมฆมาอวดกัน ไม่ได้หน้าได้หลังอะไร ประสาลมปากตั้งฟากจรวดดาวเทียมก็ตั้งได้จะว่าอะไร แต่คนมันจมอยู่ในนรก มีความหมายอะไรตั้งชื่อนั่น
ลองถามดูซิถามชื่อ เวลาถามให้เอาหูจ่อขึ้นโน่นฟากจรวดดาวเทียม ชื่อนามอยู่โน่น คนจมอยู่ในนรกมันดูได้ไหม เวลานี้มันบ้าสด ๆ ร้อน ๆ บ้าลึกบ้าลับ บ้าคืบบ้าคลานตลอด ไม่มีวันถอยหลังนะบ้ากิเลสนี่ ขนาดนั้นละ เห็นไหมเมืองไทยเราเป็นเมืองพุทธมันกำลังจะจม มันเป็นอะไร ถ้าไม่ใช่พวกเปรตพวกผีมีแต่กิเลสตัณหาเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้ตัวเองแล้วเผาไหม้ทั่วไปหมด เผาไหม้ตัวเองก็ความโลภ โลภคฺคินา ความโลภก็เป็นไฟกองหนึ่งว่าไง มันเผาไปเรื่อย ๆ จนจะไม่มีเหลือเมืองไทยติดแผ่นดินไทยเลยเป็นยังไง นี่ละอำนาจของกิเลสมันตีตลาดออกอย่างนี้
ใครก็ชมว่าดี ๆ ดีแบบกิเลสมันก็เป็นไฟแบบกิเลสไปหมดเลย เผากันไปด้วยหมด สุดท้ายวัดก็วิ่งตามเขาไปด้วยกันเลย พูดแล้วสลดสังเวชนะ แบบแผนตำรับตำราก็มีอยู่ก็อ่านได้ทุกคน พวกปริยัติไม่ผ่านตำราจะผ่านอะไร ต้องผ่านตำราทั้งนั้น แต่มันไม่ได้สนใจปฏิบัติยิ่งกว่ากิเลสลากคอไปซิ พระเรานี้ละคอเขาคอเรามีด้วยกัน ลากไปด้วยกันนั่นแหละ ใครทำผิดถูกลากทั้งนั้น มีศาสนาที่ไหนเวลานี้ มองไปที่ไหนมีแต่กิเลสพันคอ ๆ อยู่ตลอดทั้งโลกทั้งธรรม โลกก็หมายถึงประชาชน ธรรมก็หมายถึงศาสนาพระเณรเรามันก็แบบเดียวกัน จะเอาอะไรมาเป็นเกาะเป็นดอนพอได้ยึดได้อาศัย ให้ซุกหัวนอนด้วยความสงบเย็นใจบ้างไม่มีนะ
ท่านทั้งหลายอย่าไปหาความสุข จากดินฟ้าอากาศ วัตถุสิ่งของเงินทองข้าวของ อย่าไปหา วันยังค่ำตั้งแต่วันเกิดถึงวันตายจะตายทิ้งเปล่า ๆ จะไม่มีความสุขเข้าครองใจนะถ้าไม่สนใจในอรรถในธรรม ความสุขจริง ๆ ความทุกข์จริง ๆ อยู่ที่หัวใจจำให้ดี ไม่อยู่ที่ไหน ไม่ได้อยู่ที่ต้นไม้ภูเขาดินฟ้าอากาศ สมบัติเงินทองข้าวของกองเท่าภูเขา ความสุขความทุกข์ไม่อยู่ที่นั่น มันอยู่ที่เจ้าของ เพราะฉะนั้นคนเราที่หาความสุขด้วยอำนาจของกิเลสจึงเท่ากับหาฟืนหาไฟ
ไม่มีใครแปลกต่างกันนะ ตั้งแต่คนมั่งมีศรีสุขลงมา ความรู้ความฉลาดที่เสกสรรปั้นยอกันขึ้นฟากจรวดดาวเทียม ก็มีแต่กิเลสเหยียบหัวมันลงทั้งนั้น ความทุกข์ใครจะไปเกินพวกที่เย่อหยิ่งนั้นแหละ ความทุกข์อยู่ตรงนั้นนะ พวกตาสีตาสาอยู่ตามท้องนาเขาไม่ได้มีความทุกข์มากนะ การติดหนี้ติดสินเขาก็ไม่ได้ติดมากมาย นิดหน่อยเท่านั้นเอง อย่างหนึ่งไม่ติด ตามธรรมดาบ้านนอกบ้านนาในป่าในเขาไม่ค่อยติดหนี้ติดสินกันเหมือนในเมืองในตลาดลาดเล นั้นคือฟืนคือไฟ ติดหนี้พะรุงพะรัง ท่านทั้งหลายเห็นไหม มองไปตามตลาดลาดเลมีแต่เครื่องประดับร้านกันทั้งนั้น ข้างในมีแต่เรื่องหนี้เรื่องสินเต็มบ้านเต็มเมืองเต็มหัวใจคน ไปที่ไหนร้านไหนตึกใดบริษัทใดไม่ติดหนี้ไม่ได้นะ มันถือว่าปวดหัว ต้องได้ติดหนี้กันพะรุงพะรังไปหมด แล้วก็เอาเครื่องอวดของกิเลสมาอวดกัน คนนั้นเขามีอันนั้น คนนี้เขามีอันนี้ มีขี้หมาอะไรอยากว่าอย่างนั้น เอาธรรมส่องเข้าไปมันเห็นหมดจะว่ายังไง
เอา ใครว่าหลวงตาบัวพูดผิดแล้วเอาคอไปตัดได้เลย แล้วท่านทั้งหลายไปตรวจดูทุกบ้านทุกเรือนเป็นยังไง อย่างที่ว่านี้ถูกหรือผิดที่พูดไปนี้ มันถูกทั้งนั้นว่าไง เอามาประดับกันเฉย ๆ เป็นบ้ากัน นี่ละโลกบ้า ดูความสงบกับดูความวุ่นวายมันต่างกันยังไง ธรรมเป็นความสงบเย็นใจ กิเลสมีแต่มืดแต่บอดมีแต่ดิ้นแต่ดีด หัวชนไปไม่ว่าฝาไม่ว่าต้นไม้ชนดะไปเลย เรื่องของกิเลสลากคอคนให้จมไปอย่างนั้นละนะ ยังเป็นบ้ากันอยู่ทั้งนั้น มองดูอรรถธรรมมองดูหัวใจเจ้าของบ้างซิ ถ้าใจสงบเสียอย่างเดียวเท่านั้น อะไรจะมารวมอยู่ที่ใจหมดเรื่องความสุขความเจริญ ใจสงบไม่วุ่นวายเสียอย่างเดียวเท่านั้น อะไรไม่มีความหมาย
สมบัติเงินทองข้าวของเป็นกองฟืนกองไฟมาเผาไหม้เจ้าของ ด้วยอารมณ์ไปยึดมันนั้นแหละ ได้มาแล้วก็หึงก็หวง ยังไม่ได้ก็อยากได้ ดิ้น โอ๋ย สงวนแท้ ๆ กิเลสตัวสงวนที่สุดแหละ สงวนตัว แล้วก็สร้างแต่ไฟเผาหัวใจสัตวโลก หาความสุขได้ที่ไหนทุกวันนี้ เราทั้งหลายดูเจ้าของดูยังไง เจ้าของมีอะไรบ้างอยู่ในนั้น ดูซิมันมีทั้งฟืนทั้งไฟ น้ำไม่ค่อยมีนะ อรรถธรรมไม่ค่อยมีหาความสุขไม่ได้คนเรา ถ้าลงมีความสุขแล้วอยู่ที่ไหนอยู่ ยกตัวอย่างเช่นพระกรรมฐานท่านอยู่ในป่าในเขา เหมือนผ้าขี้ริ้วนะ ยกออกมาพูดเสียที ผู้ตั้งใจต่ออรรถต่อธรรมจริง ๆ ท่านเหล่านั้นไม่ค่อยมีความทุกข์ ทุกข์ก็ทุกข์เพราะฟาดกับกิเลสต่างหาก ทุกข์อันนี้ทุกข์เพื่อสุข พวกเรานี่ทุกข์เพื่อมหันตทุกข์ ดิ้นเท่าไรยิ่งทุกข์ ทุกข์เท่าไรยิ่งดิ้น กิเลสพาสัตวโลกดิ้น-ดิ้นอย่างนี้
ดิ้นตามธรรมนี้ทุกข์ก็ทุกข์ เป็นก็เป็น ตายก็ตาย ฟาดกันลงเลย แล้วความสุขก็ครองขึ้นมาเรื่อยได้ขึ้นมาเรื่อย ท่านผู้มุ่งอรรถมุ่งธรรมจริง ๆ อยู่ในป่าในเขา นั้นละผ้าขี้ริ้วห่อทอง ท่านทั้งหลายดูเอาวันนี้เปิดให้ฟังเสีย ไปหากันนั่งปั๊บ เป็นยังไงอยู่ที่นั่น พูดแต่เรื่องอรรถเรื่องธรรม เรื่องแก้เรื่องไข เรื่องถอดเรื่องถอนกิเลส ไม่ได้พูดเกี่ยวกับเรื่องสั่งสมกิเลส ไม่ได้มี กิริยาท่าทางสั่งสมกิเลสท่านไม่มี พูดคำไหนขึ้นมามีแต่อรรถแต่ธรรมเต็มหัวใจ ๆ อยู่ที่ไหนท่านสบาย ไปบิณฑบาตกับชาวบ้านเขามาได้ข้าวมาปั้นหนึ่งเท่านี้ท่านพอกินแล้ว เพราะหัวใจท่านไม่เป็นทุกข์ อันนี้เพียงอาศัยไปชั่วคราว หัวใจเป็นสุขอยู่ไหนได้สบายหมดคนเรา ถ้าหัวใจเป็นทุกข์แล้ว เอาเงินทองข้าวของที่โลกทั้งหลายร่ำลือเป็นบ้ากันมาครอบหัวมัน ก็เท่ากับเอาฟืนมาครอบหัวมันแล้วเอาไฟจ่อเข้าไปแหละ มีแต่ฟืนแต่ไฟเผาไหม้หมด
ศาสนาดูโลกดูอย่างนี้นะ ใครมาพูดอย่างนี้น่ะ นี่พูดอย่างอาจหาญด้วย ในหัวใจนี้ไม่เคยมีเรื่องกองทุกข์แม้เม็ดหินเม็ดทรายจะมาผ่านหัวใจ ตั้งแต่วันกิเลสขาดสะบั้นลงไปได้ ๕๑-๕๒ ปีนี้แล้ว ไม่เคยปรากฏว่ามีทุกข์ในหัวใจเลย ท่านทั้งหลายฟัง หรือว่ามาอวดท่านทั้งหลายหรือเวลานี้ เราเมตตาสงสารแทบจะเป็นจะตายยังจะว่ามาอวดท่านทั้งหลายเหรอ กิเลสมันไม่ยอมรับความดีนะ นี่ไม่เคยมีพูดจริง ๆ ก็ชี้นิ้วได้เลยว่ากิเลสเท่านั้น มีมากมีน้อยสร้างขวากสร้างหนามสร้างฟืนสร้างไฟใส่หัวใจโลก เผาหัวใจโลก กิเลสพังลงไปแล้วไม่มีอะไรมาสร้างเลย นั่นละท่านว่าบรมสุขอยู่ตรงนั้น กิเลสขาดสะบั้นออกไปเป็นบรมสุขขึ้นมาทันที
ไม่มีอดีตอนาคตว่ากาลนั้นจะเสื่อม กาลนี้จะเจริญ กาลนั้นจะเป็นทุกข์ กาลนี้จะเป็นสุข ในหัวใจดวงบริสุทธิ์ล้วน ๆ แล้วนี้ไม่มี ท่านจึงเรียกว่านิพพานเที่ยง ดูในหัวใจเจ้าของ นี่ละความสุขจริง ๆ อยู่ที่หัวใจ อย่าเป็นบ้ากันเกินเหตุเกินผลจนจะล้มจะตาย ไม่มีป่าช้า ทั้ง ๆ ที่ป่าช้ามีอยู่กับทุกคน นี่ป่าช้าผีดิบนั่งอยู่ใต้ถุนศาลานี่เห็นไหม พอลมหายใจขาดลงไปแล้วก็ผีตายขึ้นทันทีเลย อยู่นี่มันตายด้วยกันทุกคนไม่มีใครไม่ตาย อย่าโอ้อย่าอวด อย่าเย่อหยิ่งจองหอง เรื่องของกิเลสเย่อหยิ่งเท่าไรยิ่งเอาเจ้าของหนักเข้า
ธรรมท่านสบาย อยู่ในป่าในเขาเวลามาคุยธรรมะกันนี้เพลินเลยเทียวนะ แก้กิเลสตัณหาประเภทต่าง ๆ ตามจริตนิสัยของผู้บำเพ็ญมา ความรู้แปลก ๆ ต่าง ๆ นี่ก็เหมือนกันท่านรู้ แต่ท่านไม่เป็นบ้าน้ำลาย รู้อะไรเท่าไรท่านก็เหมือนไม่รู้ นั่นละธรรมไม่ดีดไม่ดิ้นไม่เป็นบ้า ถ้ากิเลสนี้ โอ๋ย อยากดีดอยากดิ้นอยากโม้อยากคุย อยากอวดดีอวดเด่น คือกิเลสทั้งนั้น ตัวนี้ตัวหิวโหยที่สุดคือกิเลส หิวมากทีเดียว อยู่เฉย ๆ ไม่ได้ ชอบเยินยอสรรเสริญมากที่สุดคือกิเลส ไม่มีอะไรเกินกิเลส ไปตำหนิไม่ได้นะกิเลส ต้องยอมันตลอดอย่างนั้นถึงได้ ธรรมท่านไม่ต้องยอ ท่านอยู่ไหนท่านสบาย พอดีตลอด
พระท่านอยู่ในป่าในเขา พูดคำไหนออกมาหัวใจท่านเป็นธรรม แสดงออกมาต่อกันเป็นมงคลต่อกันตลอดไปเลย เพลินในการฟังธรรมของกันและกัน ในขณะที่สนทนากัน องค์หนึ่งรู้อย่างหนึ่ง องค์หนึ่งเห็นอย่างหนึ่ง ๆ รู้อย่างหนึ่ง เวลามาพูดกันแล้วเป็นสิริมงคล รื่นเริงบันเทิงภายในจิตใจ เป็นกำลังใจในการบำเพ็ญธรรมต่อไปของแต่ละฝ่าย ๆ ที่ได้มาศึกษาปรารภกัน เราสงสารจึงได้อุตส่าห์อนุเคราะห์ วัดไหนก็ตามถ้าตั้งใจประพฤติปฏิบัติเราเข้าถึง ๆ ทั้งนั้น ส่งเสริมทุกด้านทุกทางที่จะส่งเสริมได้ นี่ก็อุตส่าห์พยายาม ก็เห็นว่าวัดภูวัวนี้เป็นวัดที่เหมาะสมมากที่สุด เป็นอันดับหนึ่งเลย ไปอยู่ที่ไหนอยู่ได้หมด สบายหมดการภาวนา
นั่งอยู่ไม่ว่ากลางวี่กลางวันกลางคืนสติอยู่กับตัว ความระมัดระวังรักษาอยู่กับตัว ไม่เผลอได้ง่าย ๆ นะ อยู่องค์เดียว อยู่ในป่าในเขานั่งอยู่ก้อนหินก้อนไหนท่านก็สบาย สติกับจิตอยู่ด้วยกันรักษากันตลอดเวลา ไม่มีอารมณ์เป็นฟืนเป็นไฟเข้ามาเผาไหม้เลย ท่านอยู่อย่างนั้นท่านสบาย ๆ แล้วบำรุงรักษาเข้าทุกวัน ๆ ก็ต้องเจริญซิธรรม เมื่อได้รับการบำรุงรักษาอยู่ต้องเจริญ เมื่อเจริญขึ้นมาเรื่อย ๆ แล้วก็อย่างที่พูดให้พี่น้องทั้งหลายฟัง เราไม่เคยมีความทุกข์ในหัวใจตั้งแต่บัดนั้นมาจนกระทั่งป่านนี้ ท่านทั้งหลายเชื่อหรือไม่เชื่อ ธรรมพระพุทธเจ้าเชื่อหรือไม่เชื่อ พระพุทธเจ้าบำเพ็ญมาเป็นอย่างนั้น พระสาวกทั้งหลายบำเพ็ญมาเต็มสัดเต็มส่วนแล้ว เป็นอย่างนั้นด้วยกันหมดทุกองค์ ไม่มีองค์ไหนจะเป็นศาสดาแหวกแนว ทั้ง ๆ ที่เป็นศาสดาสอนโลกแต่ความทุกข์เต็มหัวใจไม่เคยมี มีแต่บรมสุขเต็มหัวใจทั้งนั้น นี่พระพุทธเจ้า พระสาวกท่าน ท่านสอนเรา จึงสมควรเป็นสรณะของพวกเราได้เต็มสัดเต็มส่วน
แต่พวกเรา พุทฺธํ ธมฺมํ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ มันไม่อยากฟังเสียด้วยซ้ำ แต่ความขี้เกียจขี้คร้านความท้อแท้อ่อนแอ เสื่อขาดหมอนแตกนี้ สรณํ คจฺฉามิ วันยังค่ำ มันต่างกันนะ เราไปที่ไหนเราเห็นแต่ สรณํ คจฺฉามิ เต็มวัดเต็มวาแหละมองไปที่ไหนก็ดี ไม่ว่ากลางค่ำกลางคืนไฟมิบ ๆ แม็บ ๆ มีแต่พวก สรณํ คจฺฉามิ ทั้งนั้น จุดไฟไว้เจ้าของนอนหลับหรือไม่หลับก็ไม่รู้ แต่ไฟแม็บ ๆ ไว้ โถ วันนี้ไฟสว่าง คนนอนหลับครอก ๆ เราก็ไม่ทราบได้ เป็นอย่างนั้นนะ ไปที่ไหนมันสว่างไสวไปด้วยไฟ แต่จิตใจมันมืดมันบอดมันจะตาย แล้วกอดหมอนดังครอก ๆ อยู่งั้น โอ๊ย ลูกศิษย์หลวงตาบัวทำไมเป็นอย่างนี้
นี่พูดเรื่องการบำเพ็ญธรรมให้พี่น้องทั้งหลายฟัง ต้องมีสติสตังมีเด็ดมีเดี่ยว เข้มแข็งตลอดเวลา ไม่งั้นสู้กิเลสไม่ได้ สิ่งที่พูดมาเหล่านี้ฟัดมาเสียจนกระทั่งจะเป็นจะตายมาแล้ว มาพูดให้พี่น้องทั้งหลายฟัง เพราะฉะนั้นจึงกล้าพูดได้อย่างเต็มปาก ใครเชื่อไม่เชื่อก็ตามเราทำเต็มหัวใจของเราทุกอย่าง ประจักษ์กับตัวของเราแล้วผิดไปไหนว่างั้นเลย จึงกล้าพูดได้เต็มปากล่ะซี พระกรรมฐานท่านอยู่ เช่นอย่างวัดภูวัวนี่ พอตกค่ำท่านเอาเทปมาเปิด มานั่งภาวนาฟังเทป อย่างน้อย ๑ ม้วนเป็นประจำทุกคืน ๆ พอนั่งแล้วก็เปิดเทป หัวหน้าพานั่งภาวนาเปิดเทปฟัง พอเทปจบแล้วท่านก็นั่งต่อ หลังจากนั้นก็เลิกไปภาวนาตัวเอง เป็นประจำทุกวัน ๆ ทำไมจะไม่เจริญธรรมเมื่อรักษาอยู่บำรุงอยู่อย่างนี้ ต้องเจริญซิ
สำหรับเทปวัดป่าบ้านตาดรู้สึกจะกระจายไปมากจริง ๆ ทั่วประเทศไทย เฉพาะที่เทศน์สอนพระล้วน ๆ มีมาก ไปลึก ๆ ลับ ๆ ไปเงียบ ๆ ทุกภาคทั่วประเทศไทย บรรดาวงกรรมฐานอยู่ที่ไหน เทปวัดป่าบ้านตาดนี้จะออกไปทั่วถึงหมด ท่านติดต่อกันขอกันมาเรื่อย ส่งไปให้กันเรื่อย ๆ อย่างนี้ทั่วไปหมดบรรดาวัดกรรมฐาน ไม่ว่าภาคไหน เทปวัดป่าบ้านตาดจะมีอยู่ทุกแห่งทุกหน ท่านเอาไปฟัง เวลาเปิดเทปฟังท่านก็นั่งภาวนา มีข้อข้องใจตรงไหนเปิดเทปฟัง ความแก้ไขอธิบายต่าง ๆ จะมีอยู่ในนั้นเสร็จ
เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้วใจเจริญ ถ้าลงใจเจริญแล้วโลกธาตุนี้มารวมอยู่ที่ใจหมด ความสุขอยู่ที่ใจหมด ถ้าใจมีแต่กิเลสเหยียบย่ำทำลาย ความทุกข์ในโลกธาตุนี้มาอยู่ที่หัวใจทั้งหมด หัวใจโลกที่หลงตามกิเลส อย่าพากันตื่นนะประสาอิฐปูนหินทรายเหล็กหลา อย่างเงินนี้เขาก็สมมุติไว้ พวกแร่ธาตุต่าง ๆ คือเงินเหรียญ ทองคำก็คือแร่ธาตุประเภทหนึ่ง เงินเหรียญแร่ธาตุประเภทหนึ่ง กระดาษที่มาพิมพ์เป็นธนบัตรนี้ก็เป็นกระดาษ ชื่อว่าไอ้หลังลาย ก็ตั้งชื่อสมมุติขึ้นเพื่อใช้สอยให้เป็นความสะดวกสบายระหว่างมนุษย์ที่เป็นสัตว์พวกสัตว์หมู่และอยู่ร่วมกัน ประสับประสานกันด้วยความสะดวกสบาย
แต่เราไม่เป็นอย่างนั้นซิ เกาะติดปั๊บ ๆ ไปเลย ถือเป็นเนื้อเป็นหนังเป็นตนเป็นตัว จนเป็นบ้ากับมัน ตกนรกกับมัน มีมากต่อมากนะกับไอ้หลังลายนี่ ตกนรกกับมันมีมากต่อมาก มีเท่าไรไม่พอ ๆ ขนมาใส่ตู้ใส่หีบใส่เซฟแล้วก็ยังไม่พอ ฟาดขุดอุโมงค์ลงไปก่ออิฐก่อปูนก่ออะไรที่ว่าจะปลอดภัยกับสมบัติเหล่านี้ เอาไปฝังไว้ใต้ดินก็ยังไม่พอ ฟาดออกไปเมืองนอก ขนออกไป ๆ ไปฝากไว้เมืองนอก เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามเปลี่ยนสถานที่อยู่สลับซับซ้อน เพื่อไม่ให้เข้าเห็นเงื่อนแห่งความชั่วของตัวเอง
สุดท้ายความชั่วเจ้าของเป็นผู้ทำเองใครจะไปเห็น ก็เจ้าของดูอยู่แล้วเห็นอยู่แล้ว ใครไม่รู้ก็จำเป็นอะไร เพราะไม่มีใครที่จะไปรับเคราะห์รับกรรมความชั่วช้าลามกเหมือนเจ้าของ ผู้กำลังสร้างอยู่ด้วยความลี้ลับว่าไม่มีใครรู้ใครเห็น เจ้าของรู้อยู่เต็มตัว ๆ จะปิดไปได้ที่ไหน นตฺถิ โลเก รโห นาม ขึ้นชื่อว่าที่ลับย่อมไม่มีในโลก มันลับที่ไหนก็ตาม เจ้าของไม่ลับกับการกระทำของเจ้าของ เป็นผู้ทำอยู่ตลอดเวลา ที่มืดที่แจ้งมีที่ไหน ทำที่ไหนก็เป็นการทำ ดีก็เป็นการทำ ชั่วก็เป็นการทำ อยู่ในตัวของเราเองเสร็จแล้ว มีที่แจ้งที่ลับที่ไหน
นี่ละเรื่องความโลภของมนุษย์เกี่ยวกับเรื่องแร่ธาตุต่าง ๆ ที่กล่าวมาเหล่านี้ ท่านตั้งสมมุตินิยมไว้เฉย ๆ ให้ได้อาศัยสิ่งเหล่านี้ประสับประสาน การซื้อการขายแลกเปลี่ยนก็สะดวกสบาย สมกับว่ามนุษย์ฉลาด นำสิ่งเหล่านี้เข้ามาใช้เพื่อเป็นความสะดวกสมกับว่ามนุษย์ฉลาด แต่ก็ไม่มีใครเกินมนุษย์ที่โง่ที่สุด เสกสรรปั้นยอนี้แล้วก็ไปติดพันกับอันนี้จนเป็นบ้า ฆ่าฟันรันแทงให้โลกพินาศฉิบหายก็เพราะสิ่งเหล่านี้เอง ก็เป็นไปอย่างนั้นจะว่าไง
ใครจะว่าเราประมาท เอ้าว่ามา ตามหลักความจริงก็เป็นอย่างนั้น ไม่ได้สอนคนให้เป็นบ้า ขนาดได้ไม่พอ สร้างบาปสร้างกรรมขึ้นเพราะสิ่งเหล่านี้มีมาก มีอะไรพิจารณาซิ กระดาษ เอามามวนบุหรี่สูบเหม็นเขียวจะตาย ไอ้หลังลาย ใบละร้อยละพันก็เอามา มามวนสูบก็ควันโขมงขึ้นเท่านั้น ภาษาทางภาคอีสานเขาว่า ถ้าเป็นพระก็ให้มีพินทุอธิษฐานเสียก่อน พอพูดอย่างนี้เราก็ระลึกถึงพระองค์หนึ่งเป็นเพื่อนกัน ชอบตลก แต่ไม่เคยทะเลาะกับใคร ท่านบวชก่อนเราบวชทีหลัง ไปคุยกันสนุกสนาน เราเห็นคนนั้นสูบคนนี้สูบเราก็สูบ พูดแบบเฉยเสียด้วยนะ ท่าใหญ่เสียด้วย เวลาจะพูดตลกมันเป็นได้ทุกแบบถึงน่าหัวเราะล่ะซิ พอคุยกันไปคุยกันมาก็ว่าขึ้น
ไอ้พระใหม่มันไม่รู้ภาษีภาษาอะไร พูดอย่างขึงขังเสียด้วยน่ากลัวเสียด้วย เราก็ยังไม่รู้วินัยละเอียดลออ ไอ้พระใหม่เหล่านี้มันไม่รู้ภาษีภาษาอะไร บุหรี่ที่สูบควันโขมงอยู่นี้มันได้พินทุอธิษฐานหรือยังก็ไม่รู้นะ พวกนี้พวกหาบอาบัติมาทั้งนั้น พูดหน้าตาเฉยนะ ไอ้เราก็ร้อนล่ะซีนึกว่าเป็นความจริง มานี่สูบบุหรี่ควันโขมงอยู่ แต่มันได้พินทุอธิษฐานหรือเปล่าก็ไม่รู้นะพระใหม่เหล่านี้ มันจะตกนรกไปหมดพวกนี้ เราก็ร้อน อ้าว บุหรี่ก็ต้องได้พินทุอธิษฐานเหรอ อู๊ย ยังไม่รู้ขนาดนั้นเชียวเหรอ นี่หาบอาบัติมาตั้งแต่วันบวช ขู่เราอีกด้วยนะ สูบบุหรี่ยังไม่รู้คำพินทุอธิษฐาน พวกนี้พวกหาบอาบัติมา พูดหน้าตาเฉย
เราก็ยิ่งร้อน เลยถาม ต้องพินทุอธิษฐานด้วยหรือสูบบุหรี่ โถ ขนาดนี้ยังไม่รู้ นู่นน่ะขู่เรา พระทั้งองค์ไม่มีพินทุอธิษฐานในข้อวัตรปฏิบัติในศีลของตนมีอย่างเหรอ แล้วมันมีว่ายังไงล่ะไม่เห็นที่ไหน โอ๊ย ยังไม่เห็นอีก เอาอีกไม่ได้บอกง่าย ๆ นะ บทเวลาจะบอก นี่ภาษาภาคอีสานนะ เวลาจะบอก เอ้า ถ้าว่าได้เรียนมาแล้วว่าไงบอกหน่อยซิ โหย พวกนี้เหลวไหลมาก ตั้งแต่บวชมานี้กี่วันแล้ว ขู่อยู่นั่นละยังไม่ลงจุด ร่อนอยู่บนสนาม บวชมานี้กี่วัน องค์นี้กี่วัน ๆ หาบอาบัติมากี่วัน นู่นน่ะขนาบเราอยู่ เราก็ยิ่งร้อน ก็มันไม่ยืดยาวอะไรไม่น่าจะไม่ได้เรียนนะ ถ้ายืดยาวก็ค่อยยังชั่วหน่อย อันนี้ก็สั้น ๆ นิดเดียวเท่านี้มันก็ไม่ได้ พระเหล่านี้ โอ๊ย ตายพวกหาบอาบัติ แล้วว่ายังไงก็บอกมาซิ นี่ภาษาภาคอีสานนะ อิมัง ควันถมดัง อธิษฐามิ ควันถมดัง ควันบุหรี่ถมจมูก ทางนี้เขาเรียกว่าดัง อิมัง ควันถมดัง อธิษฐานมิ โอ๊ย บักห่า เราอยากว่าอย่างนั้น มันเป็นตาอยากหัว พอเว้าจังซั้นมันเรื่องตลกน่ะซิ ไม่ใช่ความจริง อิมัง ควันถมดัง อธิษฐามิ ว่าจังซั้น เราอยากได้ค้อนไปฟาด บักห่านี่มึงมาต้มกู
นี่เราพูดเรื่องไอ้หลังลายเอามาจุดบุหรี่สูบมันก็อย่างนั้น ถ้าขาดความนิยมเสียอย่างเดียวมันก็เป็นกระดาษดี ๆ นี่เอง แต่เวลามันหลงมันก็หลงเอาอย่างลึกซึ้ง เอาให้ลงนรกอเวจีได้มากทีเดียว สิ่งเหล่านี้ก็ใช้ไว้สำหรับโลกอยู่ด้วยกันเป็นผาสุกสมัครสมานกัน ด้วยการติดต่อซื้อขายทุกสิ่งทุกอย่างเป็นความสะดวกสมกับว่ามนุษย์เราฉลาด ท่านก็ทำไว้อย่างนั้น แต่นี้เรากลับไปโง่อีกซิ จับสิ่งเหล่านี้มาเผาตัวเองแล้วเผาบ้านเผาเมืองได้จากสิ่งเหล่านี้ เพราะความโง่ของเจ้าของ เป็นอย่างนั้นนะ แล้วสิ่งเหล่านี้จะหาความสุขกับมันไม่ได้นะ ความสุขจริง ๆ อยู่ที่จิต ความทุกข์จริง ๆ อยู่ที่จิต ถ้าไปผิดไปพลาดไปสำคัญมั่นหมายกับมันจนเกินเหตุเกินผล เกินความพอดีที่ตั้งความนิยมเอาไว้ มันก็เป็นไฟเผาโลกได้
ถ้าเราปฏิบัติตามนี้โลกก็ผาสุกร่มเย็น การไปการมาที่ไหนไอ้หลังลายติดกระเป๋าแล้วไปได้สะดวกสบายเลย ก็เป็นอย่างนั้น ท่านตั้งไว้เพื่ออย่างนั้นต่างหาก แต่เรามันไม่ได้เพื่ออย่างนั้น เอามามัดติดคอด้วยจะว่าอะไร อยู่ในกระเป๋าแล้วเอามามัดติดคอ แล้วก็หึงก็หวงด้วย เรื่องเหล่านี้เลยเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้ไปหมด นี่เรื่องหาความสุขหาความทุกข์ สุขจริง ๆ ทุกข์จริง ๆ พี่น้องทั้งหลายอย่าว่าอยู่ที่ใด จะผิดจากจุดที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ อยู่ที่ใจ เพราะฉะนั้นท่านจึงสอนใจให้ปฏิบัติตัวให้ดี รู้รอบขอบชิดในตัวแล้ว สมบัติสิ่งทั้งหลายที่มาเกี่ยวข้องกับตัว ตัวเป็นผู้ฉลาดนำมาใช้ประโยชน์ได้หมด ถ้าเจ้าของโง่เสียอย่างเดียวเหล่านี้กลายเป็นไฟไปหมด ท่านก็สอนอย่างนั้นต่างหาก
ท่านไม่ได้สอนว่าไม่ให้ใช้ให้สอยสิ่งเหล่านี้ ให้ใช้เต็มเม็ดเต็มหน่วยของความจำเป็น แต่ให้รู้จักวิธีที่ใช้มีธรรมะมีความเฉลียวฉลาดรอบคอบ แล้วสิ่งเหล่านั้นเป็นคุณตลอดไปจนกระทั่งมันหมดมันสิ้นไปจากตัว ถ้าหากว่าเราไม่มีความฉลาดสิ่งเหล่านั้นเผาจนกระทั่งเรากลายเป็นเถ้าเป็นถ่านไปก็ได้ ในพระวินัยท่านจึงห้ามอย่างเด็ดขาด พระวินัยเกี่ยวกับการเงินการทอง ท่านสอนอย่างเด็ดขาดมากนะ เรื่องพระวินัยจริง ๆ ชาตรูปรชตํ อุคฺคณฺเหยฺย วา อุคฺคณฺหาเปยย วา อุปนิกฺขิตฺตํ วา สาทิเยยฺย นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ นี่บาลีขึ้นมาแล้ว คือภิกษุที่รับเงินและทองหรือสิ่งที่เขาใช้แทนเงินแทนทอง รับเองก็ดี ให้ผู้อื่นรับก็ดี ปรับอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ นั่นฟังซิ ปรับอาบัติ
นิคสัคคีย์ แปลว่าต้องเสียสละออก ปาจิตตีย์ คือปรับอาบัติปาจิตตีย์ ให้ไปแสดงอาบัติ แล้วก็ให้เอาเงินเอาทองนี้ประชุมสงฆ์ตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไป ฟังซิท่านถือเล็กน้อยเมื่อไร พระพุทธเจ้าตัดสิ่งเหล่านี้เพื่อให้ขาดจากความกังวล อันนี้เป็นตัวกังวลใหญ่ที่สุดตัวนี้ตัวสำคัญมากนะ ท่านจึงตัดไม่ให้พระเกี่ยวข้องเลย ถ้าองค์ใดไปจับเงินจับทองถือเงินทองว่าเป็นของตัวเอง ให้เอาเงินนั้นทั้งหมดมาวางกองตรงกลางสงฆ์ แล้วหัวหน้าในชุมนุมสงฆ์นั้นจะตั้งสมมุติขึ้นมา ให้องค์ใดเป็นผู้ทำหน้าที่แทนสงฆ์ในชุมนุมนี้ เกี่ยวกับเรื่องเงินนี้ แล้วสมมุติพระองค์หนึ่งที่อยู่ในชุมนุมสงฆ์นั้น ให้เอาเงินเหล่านี้ไปปาเข้าป่าให้หมดฟังซิ นี่ละพระวินัยฟังเอา
เวลาปาเข้าป่านั้นห้ามกำหนดที่ตกด้วย ปาเข้าป่าแล้วมันตกที่ตรงไหน ๆ ถ้าจิตยังแย็บไปนั้น ปรับอาบัติอีกฟังซิน่ะ คือไม่ให้เป็นกังวลเลย ฟาดเข้าป่าไหนก็แล้วแต่เถอะ เจ้าของไม่สนใจฟังเลย แล้วก็ให้มาแสดงอาบัติพระองค์นี้ นี่ละท่านตัดขาดขนาดนั้น ครั้นต่อมาเมณฑกเศรษฐีที่เป็นปู่ของนางวิสาขา เห็นความลำบากลำบนของพระ ที่มาจากสกุลต่าง ๆ สกุลเจ้าฟ้ามหากษัตริย์ เศรษฐี กุฎุมพี พ่อค้าประชาชนคนธรรมดา มีหลายขั้นหลายภูมิ ท่านเหล่านี้มีความละเอียดลออ การอยู่การกินการใช้การสอยที่จะมาสมบุกสมบันอย่างเราทั้งหลายนี้เป็นความลำบาก ก็ลดหย่อนผ่อนผัน พิจารณาเฉลี่ยแล้วก็ไปทูลพระพุทธเจ้า ขอลดหย่อนผ่อนผันเรื่องที่เด็ดขาดนี้ลง คือขอให้มีไวยาวัจกรคนหนึ่งมารับแทนพระแล้วนำไปใช้ พระจะต้องการใช้วัตถุสิ่งใดให้บอกไวยาวัจกรผู้รับเงินนี้ว่าต้องการสิ่งนั้น ต้องการสิ่งนี้ ให้เอาเงินนี้ไปซื้อสิ่งของที่ท่านต้องการมาถวายท่าน โดยไม่ให้ยินดีในเงินในทองเลย นั่นฟังซิ ท่านจึงอนุโลมให้คนอื่นรับแทนได้ ที่มาทุกวันมีรับแทนได้เห็นไหมล่ะ
นี่เป็นเมณฑกานุญาต เป็นขึ้นมาจากต้นเหตุ คือเมณฑกเศรษฐีที่เป็นปู่ของนางวิสาขา เรื่องจึงต่อมาจนกระทั่งทุกวันนี้มีไวยาวัจกรรับแทนได้ ๆ ตลอดมา นอกจากนั้นท่านไม่มี ที่จะมารับถือเป็นตัวของตัวนี้ไม่มี แบกอาบัติตลอดเวลาอย่างนี้เองจะว่ายังไง ใครจะเก่งกว่าพระพุทธเจ้ามีหรือ พระพุทธเจ้าทรงเป็นศาสดาเอกของโลก ตั้งข้อบัญญัติตั้งกฎตั้งเกณฑ์แล้วเราจะใหญ่กว่าพระพุทธเจ้าที่ไหน จะมาสะพายเอาไปใช้ตัวของเราโดยลำพังเหยียบหัวพระพุทธเจ้ามีอย่างเหรอ นี่ฟังเอา พระพุทธเจ้าท่านตัดขาดขนาดนั้น เพื่อไม่ให้สิ่งเหล่านี้มาเกี่ยวข้องกับการบำเพ็ญสมณธรรมเลย
เศรษฐี กุฎุมพี พระราชามหากษัตริย์ออกบวชแล้วไม่มีอะไรติดเนื้อติดตัว ออกเข้าป่า ๆ บำเพ็ญสมณธรรม สำเร็จแล้วองค์นี้เป็นโสดา องค์นี้สกิทา องค์นั้นอนาคา องค์นี้อรหันต์ ออกมาเป็นสรณะของโลกเรื่อยมา ด้วยความไม่กังวลห่วงใยกับสิ่งใดเลย มีแต่อรรถแต่ธรรมเต็มหัวใจเท่านั้น ท่านดำเนินมาอย่างนั้นนี่นะ ท่านไม่ได้ทำอย่างเราทำนี้ เดี๋ยวนี้มันดูไม่ได้แล้วนะ ให้พี่น้องทั้งหลายทราบ พูดถึงเรื่องเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่สิ่งจำเป็นยิ่งกว่าการรักษาจิตใจของเรา ถ้ารักษาไม่ได้ความทุกข์จะมากที่สุดในหัวใจ สมบัติเงินทองมีเท่าไรความทุกข์จะไม่ลดละเลย จะมีเต็มหัวใจคนนั้น ถ้าหัวใจนี้มีอรรถมีธรรมรู้จักวิธีเก็บรักษาแล้ว สิ่งเหล่านั้นก็เป็นสิ่งเหล่านั้นเป็นสมบัติอันดีงาม ผู้ที่มีอรรถมีธรรมนำเอามาใช้ประโยชน์อะไรได้เป็นประโยชน์ ๆ ไม่เป็นโทษ อย่างนั้นนะ มันอยู่กับหัวใจ จึงต้องให้รักษาใจ
อิมัง ควันถมดัง อธิษฐามิ มันพิลึกจริง ๆ มันตายแล้ว เพื่อนกันตายไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ แกสึกไปเสียก่อน ไปให้ผู้หญิงเป็นอุปัชฌาย์กี่ปีไม่รู้แหละ แล้วหลุดจากผู้หญิงมาก็มาบวชใหม่ มายังมีลักษณะตลกอยู่นะ ทีนี้มาหาคราวนี้ก็เราไม่ได้สึกนี่ นั่นสึกออกไปแล้วมาบวชทีหลัง มานี้ก็มีตลกอยู่นั่น คือกิริยาของท่านเป็นของท่านต่างหาก แต่ท่านไม่ได้มีเจตนาจะตลกกับเรา ท่านมาด้วยความเคารพ พอมานี้ มาอะไรล่ะเราว่า โหย สึกออกไปว่าจะเป็นเศรษฐีกับเขา ไปแล้วไปทุกข์ไปจน บวชแล้วยังจนอยู่นี่ มาขอจีวร พูดอย่างนั้นนะ นิสัยตลก พูดไม่ตั้งใจจะตลกมันก็เป็นของมันเอง สึกออกไปว่าจะไปตั้งตัวเป็นเศรษฐี ครั้นไปแล้วก็ทุกข์จนเต็มที่เลยกลับมาบวช ไม่มีจีวรใช้ มาขอจีวร อู๊ย เข้าท่าดีนะ แกเสียแล้วละเดี๋ยวนี้ เพื่อนกันอายุเท่ากัน แต่แกบวชแล้วสึกไปมีครอบครัวแล้วก็มาบวชใหม่
เดี๋ยวนี้เสียไปแล้ว พูดตลกดี นิสัยตลก นี่ละ ที่ว่าอิมัง ควันถมดัง อธิษฐามิ โธ่ มาต้มเราเสียจนเราร้อนเป็นฟืนเป็นไฟ บทเวลาบอกว่า อิมัง ควันถมดัง อธิษฐามิ เท่านี้ก็ไม่ได้ กูไม่ได้กูจะเอาค้อนฟาดหัวมึง สนุกมาเล่นผู้หนึ่งสบาย ผู้หนึ่งร้อนเป็นไฟ มันเป็นนิสัยตลก วันนี้มีเท่านั้นนะ
ว่าจะไปภูวัวก็เลยไม่ไป พูดถึงเรื่องภูวัวนี้ก็เราส่งเสริมเต็มที่ภูวัว เพื่อพระท่านจะได้รับการปฏิบัติสะดวกสบาย อรรถธรรมจะได้ค่อยงอกเงยขึ้นมา เราจึงต้องอุตส่าห์พยายามบำรุงรักษา พระปีนี้ดูว่า ๔๓ องค์ เอ้า มาเท่าไรมาเราบอกแล้วนี่ ถ้าตั้งใจปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจริง ๆ แล้วให้มา มาเท่าไรเราจะรับเลี้ยงทั้งหมด แต่พระที่โกโรโกโสไม่เป็นท่าเป็นทางให้ไล่ลงจากภูเขานี้ให้หมด นี่เด็ดด้วยกันทั้งสอง อย่าให้อยู่ค้างภูเขาเสียศักดิ์ศรีภูเขาทั้งลูก เราว่าอย่างนี้ท่านก็คัดเลือกนั่นแหละ ท่านอยู่มากน้อยเพียงไรเราก็ไม่ว่า เพราะบอกให้ท่านคัดเลือกแล้วให้มาอยู่เราจะเป็นผู้บำรุงรักษา มีมากมีน้อยเราจะเพิ่มขึ้นตามสัดตามส่วนตลอดมาอย่างนี้แหละ แต่วันนี้ว่าจะไปก็ไปไม่ได้แล้ว
คือที่เราไปนี้ ไม่ใช่เป็นอาหารจำเป็นที่เอาไปประจำทุกเดือน ๆ นะ ถ้าเราไปเป็นอาหารเสริม วันนี้ก็สั่งแล้วรถ ๒ คัน รถตู้เราจะเอาให้เต็มเหนี่ยวเลย พอดีทางตลาดนี้ก็เข้าลำบาก แต่นู้นมันเข้าไม่ได้ละซิ มันไปตัดสุดท้ายนู่น ทางตลาดไม่มีปัญหาอะไร เข้าจนได้แหละ ขอให้ทางนู้นเข้าได้ แต่ทางนู้นเข้าไม่ได้แล้วตกลงก็เลยเลิก ไม่ได้ไป ขาดผลประโยชน์ไป ถ้าเราไปแล้วก็เอาอาหารไปเสริม เอาเต็มรถไปเลย ส่วนที่เราสั่งไปเป็นประจำนั้นไม่ให้บกพร่องแล้ว อันนี้เป็นอาหารเสริม ถ้าเราไปทีไรเสริมทุกที แต่คราวนี้ไปไม่ได้แล้ว
ศิษย์ปากน้ำ ถวายทองคำให้แก่คุณแม่ที่เสียไป ๑๒ ปีแล้วเจ้าค่ะ
หลวงตา เออ ตั้งใจอุทิศส่วนกุศลให้คุณแม่นะ เจ้าของผู้เป็นเจ้าของทานนั่นแหละเป็นเจ้าของสมบัติ คือบุญกุศลทั้งหลาย เจ้าของเป็นผู้อุทิศไปนี้เหมาะสมที่สุดเข้าใจเหรอ หลวงตาหรือพระท่านอุทิศหรือท่านแผ่ให้เป็นส่วนหนึ่งของท่าน ส่วนหลักใหญ่จริง ๆ เป็นเรื่องของเราผู้บำเพ็ญอุทิศไปให้ หลักใหญ่อยู่กับเรา อันดับที่สองพระท่านเสริมอนุโมทนาไปด้วย เท่านั้นแหละ
สรุปทองคำและดอลลาร์วันที่ ๘ ทองคำได้ ๔ บาท ๗๖ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๒๔๕ ดอลลาร์