น้ำใจชาวพุทธต่อวัด
วันที่ 18 ตุลาคม 2544
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(Real)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)   วิดีโอแบบ(Win High Band)   วิดีโอแบบ(Real)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๘ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๔

น้ำใจชาวพุทธต่อวัด

วัดภูวัวท่านอุทัยท่านก็จะหนักใจเหมือนกันนะ เพราะพระเข้าไป มันจะมีแทรกจนได้แหละไอ้เรื่องดีกับชั่ว จริงกับปลอมจะแทรกกันเข้าไป เจตนาก็มีไม่มีเจตนาก็มีจะเข้าไปแทรก ท่านอุทัยก็ประหนึ่งเนื้อบนเขียงเหมือนกัน ข้างบนเราก็สับลง เตือน ๆ ท่านก็อยู่ตรงกลางเป็นเนื้อบนเขียง ข้างล่างไอ้พวกเลอะ ๆ เทอะ ๆ มันก็หนุนเข้าไป ๆ ลำบากเหมือนกัน ท่านจะหนักใจก็คือว่า ท่านไปอยู่ด้วยความเป็นธรรม รับหมู่เพื่อนไว้ก็เพื่อความเป็นธรรม อยู่ด้วยความเป็นธรรมด้วยกัน เราเองที่ไปเกี่ยวข้องก็สอนด้วยความเป็นธรรม แน่ะ ผู้ที่ไม่ได้เป็นธรรมไปเลอะ ๆ เทอะ ๆ นั่นซีมันแทรกเข้าไป ทำให้ท่านลำบากเหมือนกัน มันมีจนได้นั่นแหละ

เพราะฉะนั้นเราจึงได้ตัดออกเลยเทียวนะ เกี่ยวกับคนจะไปตั้งโรงครัวยุ่งอยู่ในวัด เราตัดขาดไปเลย มายุ่งไม่ได้ บอกงั้นเลย สถานที่นี่เป็นสถานที่จะอบรมพระให้เป็นอรรถเป็นธรรม เป็นสถานที่ครองอรรถครองธรรม พระครองอรรถครองธรรมโดยเฉพาะเท่านั้น อะไรเข้ามาจุ้นจ้านไม่ได้ เพราะเรื่องจุ้นจ้านมันแทรกอยู่ทุกแห่งทุกหน ยิ่งไปเกี่ยวข้องกับวัดภูวัว เราก็ได้คิดแล้วคิดเล่าตลอด พิจารณาตลอด มันก็ไม่ไปไหนไปตรงที่พิจารณานี้ คือที่นั่นเพื่อให้พระท่านบำเพ็ญโดยเฉพาะ ไอ้พวกที่มาทำครัวถวายพระก็มีคนในบ้านไม่กี่หลังคาเรือน พวกนี้เขาก็มาอาศัยพระ พระก็อาศัยเขา หุงข้าวจัดอาหารการบริโภคไว้สำหรับพระประจำวัน ๆ อาหารเศษเหลืออะไรมากน้อยเขาก็เอาไปกินกัน ก็มีเท่านั้น ไม่ให้ใครเข้าไปยุ่ง

เพราะเราเคยสอบแล้ว อันนี้ก็เกิดความสลดสังเวชเหมือนกัน ไม่ได้ตำหนิติเตียน พูดตามหลักความจริงที่มนุษย์เราชาวพุทธ ควรจะมีการแยกการแยะความดีความชั่ว วันเวล่ำเวลาเฉลี่ยกันให้ได้สัดได้ส่วนบ้าง ไม่มากก็เพียงบ้างก็ยังดี ที่วัดภูวัวนี้ถ้าพูดถึงเรื่องอำเภอก็มีอยู่นั้นถึง ๓ อำเภอ เซกา บึงโขงหลง บ้านแพง ภูวัวเกี่ยวข้องกันได้ทั้ง ๓ อำเภอนี้ เราพูดจริง ๆ ไม่ตำหนิใคร เวลาไปได้โอกาสแล้วก็ไต่ถามท่าน ท่านมาอยู่สถานที่นี่เป็นเวลานาน แล้วมีประชาชนได้คิดได้อ่านรวมหรือปรึกษาหารือกัน จัดเครื่องอาหารการบริโภคคนละเล็กละน้อยตามจุดต่าง ๆ ก็คือตามอำเภอ ตำบลหรือหมู่บ้าน แล้วนำมาถวายพอเป็นชิ้นเป็นอันบ้างมีไหม เราถามนะ เพราะเราไปเกี่ยวข้องตลอดเวลา ท่านบอกไม่เห็นมี ท่านว่าอย่างนี้ก่อนนะ พอนานเข้า ๆ สืบถามเข้าไปอีก ครั้นต่อมาท่านก็เปิดขึ้นมาว่าไม่มี ไม่ค่อยเห็นมี ยังเบาอยู่นะ ไม่มี แสดงว่าตัดขาด ไม่มีจริง ๆ

ทีแรกท่านก็พูดผ่อน ๆ ต่อไปท่านก็พูดตามหลักความจริงจริง ๆ คือท่านมาอยู่ที่นี่น่ะ มีศรัทธาญาติโยมเขารวมกัน ปรึกษาหารือกันคิดอ่านถึงเรื่องจตุปัจจัยไทยทาน ไม่มากก็ตาม คนละเล็กละน้อยรวมกันแล้วยกมาถวายท่านเป็นชิ้นเป็นอันอย่างนี้มีไหม เราว่าอย่างนี้นะ ท่านก็บอกไม่มี เราสลดสังเวชปึ๋งเลยเทียวนะ โอ๋ มนุษย์เราทำไมจึงเป็นอย่างนี้ เราไม่เอาที่ไหนแหละ ไกลก็เป็นไกล ส่วนที่ใกล้เคียงตั้งแต่วันตื่นนอนมาจนกระทั่งถึงหลับ วันหนึ่งเดือนหนึ่งปีหนึ่งหาเวล่ำเวลา สิ่งของเราหามาอยู่มากินมาใช้มาสอยประจำวัน ประจำบ้าน ประจำตัวของเรา พอหามาได้ประจำวัน ที่จะแยกแยะออกเป็นฝ่ายกุศลผลประโยชน์อันมหาศาลเพื่อจิตใจ ด้วยการบริจาคทานคนละเล็กละน้อยนี้ทำไมจึงมีไม่ได้ แสดงว่ากิเลสนี้หนามากนะ ปิดตันจนจะไม่มีทางออกแล้ว นี่เราพูดด้วยความสลดสังเวช ว่าจิตใจนี้ดำมาก ความหมายว่างั้น หากว่ามีเวลาพอแย็บบ้างคนเราจะมีกิริยาอาการอย่างนี้ออกมาไม่มากก็น้อย

อันนี้ผมก็ถามเฉย ๆ ถามดูน้ำใจของชาวพุทธเราตามสถานที่ต่าง ๆ เราบอกอย่างนั้น เฉพาะจุดนี้เป็นจุดสำคัญอยู่มาก พระเณรที่มานี้ส่วนมากมีแต่ตั้งใจปฏิบัติจริง ๆ มาด้วยความสนใจจริง ๆ มาอยู่สถานที่นี่ ผมทราบมานานว่าแต่ก่อนไม่มีพระ ก็มีแต่ท่านองค์หนึ่งสององค์เป็นอย่างมาก เพราะลำบากด้วยโคจรบิณฑบาต ตั้งมานาน ผมได้โอกาสจึงได้มาดู ดูก็ดูจริง ๆ นะ ลงรถแล้วเข้าป่าหายเงียบไปเลย เหมือนว่าไป ๕ ทวีปโน่น แต่ก่อนมันแข็งแรงนี่นะ ไปซอกแซกซิกแซ็กไปหมด หลังเขาเหล่านั้นมีแต่ที่สะดวกสบายในการบำเพ็ญสมณธรรม ไปนี้รื่นเริง ๆ ในใจ ไปเลยเพลินไปนะ เข้าป่าเข้าเขาดูอะไรไปนี้มันเพลิน เพลินในใจนะ เพลินด้วยความเป็นธรรม เพลินในธรรม สถานที่เช่นนี้เหมาะสมมาก ๆ ไปที่ไหนมีแต่เหมาะสม ๆ

พอกลับมาถึงแล้ว เอานะท่านอุทัยว่างี้เลย ผมไปเที่ยวดูหมดแล้วหายสงสัย สถานที่นี่เป็นมหาวิทยาลัยชั้นเอกบอกเลย สำหรับส่งเสริมพระให้เรียนความรู้วิชาทางภาคปฏิบัติ ถอดความจริงออกมาเป็นประโยชน์แก่โลกแก่สงสาร นอกจากเป็นประโยชน์แก่ตนแล้ว เอ้า ผมจะรับเลี้ยงบอกเลยนะ บอกเด็ดเสียด้วย เอ้า พระมีเท่าไรที่ตั้งอกตั้งใจปฏิบัติ สถานที่นี่ไม่คับแคบตีบตันในการอยู่การบำเพ็ญ ท่านตั้งใจปฏิบัติจริง ๆ เอ้าให้มา มากน้อยผมจะรับเลี้ยง เราไม่กำหนด เอ้ามาก็มาเราจะยกทัพใส่เลยเข้าใจไหม ถ้าลงได้ว่าเอานะ เรียกว่าโบกมือเลย เอา ผมจะรับเลี้ยง ให้ท่านคัดเลือกดูพระที่ท่านตั้งใจปฏิบัติดีจริง ๆ แต่ตอนนั้นเรายังไม่ได้พูดว่าคัดเลือกนะ บอกว่าพระท่านตั้งใจปฏิบัติจริง ๆ แล้วให้มา มาเท่าไรก็มาเถอะบอกอย่างนั้นนะไม่ใช่ธรรมดา เพราะเราไปดูสถานที่แล้วเหมาะสมหมดเลย

พระในครั้งพุทธกาลตั้งสี่ร้อยห้าร้อยท่านยังอยู่ด้วยกันได้ เราเอามาเทียบปั๊บเลย ทีนี้ออกจากนั้นก็เด็ดอีกทางหนึ่ง แต่พระที่โกโรโกโสขึ้นมาที่นี่ให้ไล่ลงภูเขานี้ให้หมด อย่าอยู่ให้หนักภูเขาลูกนี้ เสียศักดิ์ศรีของภูเขาซึ่งเป็นสถานที่มหาวิทยาลัยชั้นเอก เราบอกอย่างนั้น เด็ดทั้งสอง พอหลังจากนั้นมาเราก็คอยแนะคอยสังเกตพระ องค์ไหนที่ไม่เหมาะสมให้รีบระบาย อย่างน้อยระบาย มากกว่านั้นไล่หนีเลย ให้ว่างั้นนะ เพราะความชั่วมันไม่ไว้หน้าใคร ความดีที่จะปราบความชั่วต้องเด็ดเหมือนกัน เราบอกตรง ๆ อย่างนี้นะ ไม่เด็ดไม่ทันกัน ความชั่วเด็ดมาความดีเด็ดเข้ามันก็รับกันได้ นี้เราก็กำชับกำชาเรื่อยมาจนกระทั่งทุกวันนี้

วัดนั้นเหมือนว่าเราเป็นเจ้าอาวาสนะ นี้ก็จริง ท่านอุทัยจะฟังเสียงเราทุกอย่าง เพราะเราพูดอย่างเด็ดทุกอย่าง รับรองท่านหมดเลยในวัดนั้น เอา มีเท่าไรมา ถึงขนาดนั้น ผมจะรับเลี้ยง บอกเลย พระมากเท่าไรเราก็ยกทัพใส่เลย ถ้าลงได้สู้มันไม่ถอย ก่อนจะตัดสินใจพิจารณาเรียบร้อยหมดแล้วลงปึ๋ง ใช่แล้ว ขาดสะบั้นไปเลย จึงบอกว่า เอ้าให้มาพระที่ตั้งอกตั้งใจ เราบอกจริง ๆ อย่างนี้เลย ถ้าพระไม่ตั้งอกตั้งใจให้ไล่ลงภูเขานี้ให้หมดอย่าให้เหลือ ประชาชนญาติโยมอย่าให้ใครมายุ่ง เอาอีกนะตรงนี้ ใครมาสร้างครัวในสถานที่เหล่านี้ มันจะเป็นที่จุ้นจ้าน ๆ แล้วสถานที่นี่จะกลายเป็นตลาดสำเพ็งไปหมดนะ เราบอกตรง ๆ อย่างนี้ ไม่ให้ใครมา

อาหารการกินชาวบ้านเขาสามสี่หลังคาเรือนนี้ มาหุงมาต้มอาหารถวายพระนี้พอเป็นไปแล้วเราบอก ถ้าหากว่ามากกว่านี้ค่อยพิจารณากัน แน่ะเราก็ยังมีข้อแม้นะ จะสมควรปฏิบัติยังไงต่อพระที่มีจำนวนมากแต่เป็นผู้ตั้งใจปฏิบัติดี จะมีความสามารถบำรุงท่านได้แง่ใดเราจะพิจารณาอีกทีหนึ่ง แต่ขนาดนี้แล้วอย่าให้ใครมายุ่งนะบอกเลย เอาอย่างนั้นนะ

ที่นี่พอเวลาถามถึงเรื่องคนที่นำปัจจัยไทยทาน ซึ่งเป็นน้ำใจของชาวพุทธออกไปแสดงตัวบ้างในที่เช่นนั้น บอกไม่เห็นมีและไม่มี มันสะเทือนใจมาก จากนั้นเราก็พูดลงไปเลย ผมถามนี่ผมถามเฉย ๆ ผมไม่ได้กลัวว่าจะขาดแคลนหรืออะไรต่ออะไร ผมไม่ได้ถามเพราะผมส่งมาพอ ๆ ทุกอย่างแล้ว เราคำนวณทุกอย่างการส่งไปนี้ออกจากความคิดความอ่าน เราเป็นคนสั่งการเองทั้งหมดนะ พระจำนวนเท่าไรเราคำนวณเรียบร้อยแล้วเผื่อ ๆ เอาไว้หมด แล้วไปเลย

แล้วก็บอกท่านเปิดโอกาสให้ท่านว่า ที่ส่งมานี้พอไหม โอ๊ย พอ ท่านว่างั้นเลย พอ ยังได้แจกไปตามวัดต่าง ๆ แถวใกล้เคียงนี่ ท่านอยู่แห่งละสององค์สามองค์ข้าง ๆ เวลาท่านมานี้ได้แยกถวายท่านไป เอ้า ถวายท่านไปเราบอก ผมไม่อาจที่จะไปส่งซอกแซกซิกแซ็กได้ มาส่งแต่จุดศูนย์กลางเท่านั้น ถ้าหากว่าหมดแล้วไม่ต้องเกรงใจผม ให้บอกไปเลย ผมจะจัดส่งมาทันทีเราบอกงั้น แต่สำหรับเรา เราเผื่อไว้เรียบร้อยแล้ว แล้วก็ให้ท่านแจกกันไปแถวใกล้เคียงนี้ ผู้ทรงอรรถทรงธรรมด้วยกัน

ทีนี้เวลาเราถามเรื่องราวนี้เสร็จหมดแล้ว ผมก็ถามดูน้ำใจของประชาชนชาวพุทธเราซึ่งมีวัดอยู่ในที่ทั่วไป สำหรับชาวพุทธเราได้กราบไหว้บูชาทำบุญให้ทานบ้างเราว่างั้น ผมถึงได้ถาม สถานที่นี่เป็นสถานที่สำคัญด้วย พระที่มาอยู่ที่นี่จะเรียกว่าเริ่มมีความสำคัญ หรือมีความสำคัญอยู่ในนั้นแล้วก็ได้ ไม่ใช่ไปโกโรโกโส แล้วทำไมจึงไม่รู้ไม่เห็นไม่สนใจกันบ้าง เป็นยังไงหัวใจชาวพุทธเรานี้ เราอยากถามว่าอย่างนั้นนะ จากนั้นเราก็สรุปความลงไป ผมถามเฉย ๆ นี่แหละ ผมไม่ได้ถามเพราะกลัวว่าอะไรจะขาดแคลน ใครจะมาไม่มาก็ตามผมถามเฉย ๆ แต่เรื่องขาดตกบกพร่องนี้ผมรับหมดเราบอก ให้บอกไปเลยนะ ท่านก็ไม่เคยบอกมา

เราก็ไม่เคยบกพร่อง ไปทีไรถามทุกทีพระมีจำนวนเท่าไร คือเวลาไปก็สั่งเสียเขาเรียบร้อย ให้สืบถามเรื่องพระมีจำนวนมากน้อย ถ้าหากสมควรที่จะเพิ่มเติม มาถึงปั๊บเราจะสั่งทันทีเลย ส่งไปเพิ่มเติม แต่นี้ก็ไม่เคยได้เพิ่มเติม เพราะเราสั่งเผื่อหมดแล้ว มิหนำซ้ำอาหารบางประเภทท่านยังบอกว่า อันนั้นมากไป อันนี้มากไป ขอให้ลดลง ท่านบอกอย่างนั้น ทางนี้เราตอบว่าไม่ลด เราว่าอย่างนั้น เราตอบคำอย่างเด็ดขาดด้วยบอกไม่ลด เพราะเราถามแต่ความบกพร่อง ความสมบูรณ์เราไม่ถาม ถ้ามันสมบูรณ์แล้วว่าให้ลดเราไม่ลด เผื่อผู้มีความจำเป็นยังมีอยู่มากในแถวนั้น ได้อาศัยกันไปจากสิ่งที่เหลือนี้แหละเราว่างั้น

นี่พูดให้พี่น้องทั้งหลายฟัง เวลานี้ศาสนาจะไม่มีเหลือแล้วนะ ตามหลักความจริงของคำสอนพระพุทธเจ้าแล้วมีผู้ปฏิบัติตามอย่างนี้น้อยมาก ๆ แทบจะไม่มีแล้วเวลานี้ เราจึงรักสงวนสถานที่เช่นนั้น วัดนั้นประหนึ่งว่าเราเป็นสมภาร ท่านอุทัยจะต้อง มีอะไรแล้วแต่หลวงตา ขึ้นเลย ท่านก็เป็นธรรมดี เรียกว่าเป็นธรรม ถ้าไม่เป็นธรรม ลืมตัวแล้วก็ถือว่าตัวนี้เป็นเจ้าอาวาสใหญ่ อยากจะทำอะไรก็ทำตามชอบใจ แล้วมีส่วนกระทบกระเทือนเสียหายได้ โดยไม่ต้องคำนึงถึงครูบาอาจารย์หรือผู้ใด ๆ ถ้าคนยังมีคำนึงถึงเรื่องครูบาอาจารย์หรือผู้ที่สูงกว่าเรา หรือผู้ที่ควรให้อุบายอะไรกับเรา ถ้าไม่ได้สนใจอันนี้แล้วเละได้นะ ถ้าสนใจอันนี้แล้วไม่เละง่าย ๆ คนเรา มีที่แก้ที่ไข คอยฟังเสียงอยู่นี่ เราก็ให้ความสนใจทุกอย่างกับนั้นแล้วนี่นะ เราบอกหมด นี่ละที่ว่าวัดนี้จึงไม่ให้ใครไปยุ่ง

เราตั้งใจจะอบรมพระ สั่งสอนพระ บำรุงรักษาพระ เต็มความสามารถของเรา สิ่งที่ส่งไปนั้นเราไม่พูดแหละ เรียกว่าพอว่างั้นเลย ทุกสิ่งทุกอย่างเรากำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว พอ ๆ ตลอด คือธรรมดาเราพูดไม่ใช่โอ้ไม่ใช่อวด มันหากเป็นอยู่ในหัวใจ ถ้าลงลงอะไรแล้วขาดสะบั้นไปเลย อันนี้ก็ว่า เอาละนะ ตัดสินรับกันแล้ว เรียกว่าอะไรขาดให้รีบบอกไปเลยนะ บอกอย่างนั้นเลย ไม่ต้องเกรงใจ เราจะจัดผึงมาเลยทันที แต่เราก็เผื่อแล้ว อันนี้เผื่อท่านอีกทีหนึ่ง หากว่ามีอะไร ท่านเป็นผู้อยู่ใกล้ชิดติดพันกับสิ่งเหล่านี้ เวลาบกพร่องขาดเขินนี้ท่านอาจจะเกรงใจเรา เราถึงเปิดทางเอาไว้ตลอดมาอย่างนี้ เดือนละหน ๆ นี้เป็นประจำไม่ให้ขาด เดือนละหน พอปลายเดือนวันที่ ๒๕ ไปถึงสิ้นเดือนต้องไปส่ง แม้เราไปอยู่กรุงเทพ เขาก็จัดส่งทางนี้ ไม่ต้องได้บอกแหละเขารู้งานของเขาเอง

ถ้าหากว่าเราไปมีอาหารเสริม ที่เราไปอย่างนี้นะ ไปแต่ละครั้ง ๆ เราก็จัดอาหารใส่รถเราจนเต็มรถ ถึงขนาดคนขับรถเขาบอก อู๊ย รถเต็มแล้วไปไม่ได้ หือ อย่างนั้นเหรอ อันนั้นก็ดี อันนี้ก็ดี บางทีเขาขายอยู่ตามนั้น จอดรถดู ไม่เปิดนะผ้าม่าน เปิดนิดคอยดูไม่ให้ใครเห็น เห็นไม่ได้นะเดี๋ยวนี้ ไม่เหมือนแต่ก่อน ไปที่ไหนรู้หมดหลวงตาบัวองค์นี้น่ะ ไปไหนรู้กันหมด เด็กหัวเท่ากำปั้นเห็นจ้อเข้ามาแล้ว เขาดูในทีวี โอ๋ย ไม่สงสัยนะทีวี พอมองเห็นจ้อเลย แม้ที่สุดปั๊มน้ำมันก็เหมือนกัน เราไม่เคยเปิดแหละม่าน ไปเงียบ ๆ ไม่ให้ใครรู้ ไปอย่างนั้นไปทุกวันไม่มีใครรู้เรานะ เราไปแบบเราแบบสบาย ๆ นอนไปภาวนาไปพิจารณาไป ใครรู้เมื่อไรเรื่องของเรา พอถึงเวลาจะออกก็ออกไปเสีย เวลาเข้าเข้าปั๊บแล้วปิดม่านเงียบมาเลยไปเลย เราปฏิบัติอย่างนั้น

ทีนี้คนไปที่ไหนมันรุมนี่น่ะ เราพูดจริง ๆ ก็เราไม่มีอะไรกับโลกเราบอกจริง ๆ เราไม่ได้พูดเล่น พูดถอดออกจากหัวใจ มีอะไรสมมุติในโลกอันนี้เท่าเม็ดหินเม็ดทรายที่จะมาผ่านหัวใจเรา มันมีอะไรว่างั้นเลย มีแต่กิเลส ฟาดมันแหลกลงไปแล้วอะไรมีมาไม่เห็นมี เมื่อเป็นอย่างนั้นอยู่คนเดียวคือความสบายมากที่สุด ไม่ยุ่งกับอะไรเลย นี้คือความเหมาะสมมากกับธรรมประเภทนี้นะ แต่เมื่อเกี่ยวกับโลกนี้มันก็ยั้วเยี้ย ๆ เป็นธรรมดา ก็ให้อยู่ในความพอดิบพอดีอย่าให้มันหนักจนเกินไป อันนี้ไปไหนจ้อ ๆ มันก็รำคาญใช่ไหมล่ะ มันก็ต้องปิดม่านล่ะซี ไปไหนรุมมาเลยนะ แม้แต่อยู่ในวัดนี้ออกมาดูซิอยากตาย ว่าอย่างนั้นเลยไม่ต้องพูดธรรมดา ถ้าอยากตายให้ออกมา โผล่มานี้อยู่ที่ไหนก็ตามรุมใส่เลยนะ เราเผ่นเลยทีเดียวอยากได้สักสิบขานู่น มันไม่ทันเผ่นนะ ไปยืมขาหมาไม่ทราบอยู่ที่ไหนขาหมาก็ดี มีสองขานี้ก็ไปแล้วเผ่นเลย

ไปเดินจงกรมอยู่ในป่า ออกมาอีกแล้ว ไม่ทราบมาจากไหนนะ อยู่ในวัดนี้มันเหมือนกับผู้ต้องหาเรา เพราะฉะนั้นเราถึงได้หลีก ๆ อยู่ตลอดเวลา พี่น้องทั้งหลายก็ทราบแล้วไม่ใช่เหรอ อันนี้เอง อยู่ในวัดนี้ก็เหมือนผู้ต้องหา เดี๋ยวโผล่ออกไปจากนี้ออกไปนั้น โผล่ออกไปจากนั้นไปนั้น ไปกุฏินั่นแหละ เขามาตามประสาของเขา เราจะไปตำหนิเขาทีเดียวก็ไม่ได้เขาไม่มีเจตนา เขาก็มาตามประสา ส่วนมากคนมาจากไกล ๆ ที่อยู่พวกนี้ไม่ได้หัวแตกหมด ถ้าอยู่นี้ยังโผล่เข้าไปหัวแตกไม่ได้บอกเลย ปั๊วะทันทีเลย ที่อื่นยังต้องขู่ มาอะไร เขาก็เผ่น พอโผล่เข้าไป มาอะไร เผ่นเลย บางทีเดินจงกรมอยู่โผล่มาทางนี้ แล้วโผล่มาทางนี้ ไม่ทราบมาจากทางไหน นี่ละที่มันลำบากนะ

อยู่กุฏิก็เหมือนกันออกมานั่งข้างนอกไม่ได้ มันเหมือนเข้าห้องขัง ถ้าออกไปเดินจงกรมนี้ สักเดี๋ยวโผล่ไปนั้นโผล่มานี้ คือเขามาจากที่ต่าง ๆ ไกล ๆ เขาไม่เคยเห็น มาก็อยากดูนั้นดูนี้ โผล่ทางนั้นโผล่ทางนี้ เรื่องราวเป็นอย่างนั้นที่ได้ดุกัน จนกระทั่งอยู่วัดไม่ติดก็เพราะเหตุนี้เอง ตั้งแต่อยู่ในวัดนี้เป็นประจำ พวกไหนก็ตามเห็นแล้วไม่ได้นะ พอมองเห็นแพล็บเท่านั้นรุมใส่เลย ปั๊บเลยกลับ หนีเงียบเลย อู๊ย มันลำบากนะ ก็เราไม่มีอะไรกับใครเราพูดจริง ๆ โลกมันเป็นอย่างนั้นจะให้ว่าไง เราจะไปตำหนิเขาก็ไม่ได้ นี่เราพูดถึงเรื่องความสะดวกไม่สะดวกของเรา เป็นอย่างนั้น วุ่นตลอดนะ

เดี๋ยวนี้เวลานี้ศาสนาพุทธของเราซึ่งเป็นศาสนาชั้นเอก เป็นศาสนาคู่โลกคู่สงสาร เป็นศาสนาของผู้สิ้นกิเลส จะไม่มีอะไรติดในกายวาจาความประพฤติของชาวพุทธเรา เราพูดเฉพาะชาวพุทธเรา ที่อื่นเราไม่ต้องพูดแหละ เลอะไปขนาดนั้นนะจนดูไม่ได้ เอาศาสนาเอาธรรมจับดูนี้จนดูไม่ได้ว่างั้นเถอะนะ ถ้าจะดูจริง ๆ จะดูไม่ได้นะ นอกจากไม่ดู แบบเฉยไปเสียก็พอดูได้ หลับตาไปเสีย มันเลอะขนาดนั้นนะ ถึงได้เทศน์ย้ำอยู่ตลอด

อย่างเมื่อวานนี้เห็นไหม เทศน์เมื่อวานนี้เป็นยังไง เอาความจริงมาพูด หรือเอาของปลอมมาหลอกพี่น้องทั้งหลาย มาหาเรื่องพี่น้องทั้งหลายหรือที่พูดอย่างนั้น มันสกปรกขนาดนั้นแล้ว ทนดูไม่ไหวก็เอาเสียบ้างว่าเสียบ้างในฐานะเป็นครูเป็นอาจารย์สอนโลก ก็ต้องสอนเสียบ้างซิจะว่าไง ยังจะมาหาเรื่องว่าคำพูดนี้เป็นคำพูดดุเดือด เป็นคำพูดดุด่าว่ากล่าว คำพูดหยาบโลน คำพูดสกปรกอยู่เหรอ ตัวที่ถูกตำหนิติเตียนที่สอนอยู่เวลานี้มันตัวอะไร มันมีแต่ตัวส้วมตัวถานทั้งนั้นเต็มบ้านเต็มเมืองเวลานี้ จะไม่ให้พูดถึงยังไง

น้ำที่สะอาดสำหรับชำระล้างสิ่งสกปรก เรื่องเหล่านี้มันสกปรกเต็มบ้านเต็มเมือง น้ำคือธรรมก็ต้องชะล้างสั่งสอนกันบ้าง ในฐานะเราเป็นลูกศิษย์มีครู มีศาสนามีครูบาอาจารย์ ก็ต้องมีครูอาจารย์แนะนำสั่งสอนบ้าง มันถึงจะพอมีขื่อมีแปพอยับยั้งชั่งตัวได้บ้างคนเรา ถ้าจะปล่อยตามอารมณ์นี้มันเป็นบ้ากันไปหมดทั้งโลกมานานแล้วนะ ถ้าไม่มีธรรมมีขื่อมีแปเป็นเครื่องดัดแปลงบ้างจะเป็นมนุษย์ไม่ได้เลย ไปที่ไหนก็เลอะเทอะไปหมด คือไม่มีแบบมีฉบับจากคำสอนของครูอาจารย์หรือศาสนา มันจะไม่มีอะไรติดเนื้อติดตัว มันเป็นขนาดนั้นนะเวลานี้ ดูก็เหมือนไม่ดู สิ่งที่เอามากล่าวเหล่านี้ไม่ใช่พึ่งเห็นเมื่อวานนี้มาพูดเมื่อวานนี้ เห็นมาสักเท่าไร ๆ เห็นเหมือนไม่เห็น รู้เหมือนไม่รู้ แต่ถึงวาระที่ควรจะพูดหนักเบามากน้อย สัมผัสมาเท่าไรมันก็ออกตามเรื่อง จากนั้นก็หายไปเลย

ใครจะตำหนิติเตียนอะไรเฉยไม่สนใจกับใคร ถ้ายังไปสนใจกับคนอยู่สอนคนไม่ได้นะ พวกนี้พวกถังขยะพูดให้มันตรง ๆ พูดแล้ว เราพูดดิบพูดดีเพื่อชำระสะสางขนาดไหน มันจะถือว่าเป็นของสกปรก ว่าไปตำหนิติเตียนเขา แล้วเอามาขยี้ขยำทั้งดมทั้งชิมขี้กองนั้นเข้าใจไหม ของสกปรกนั่นน่ะ ท่านตำหนิชะล้างออก มันยังไปคว้าเอามาดมอยู่พวกนี้ ขนาดนั้นนะ โหย เลอะเทอะจริง ๆ เรานี่สลดสังเวชถ้าจะพูดถึงเรื่องสลดสังเวช ดูคนเดียวไม่มีใครเห็นด้วย ใครเห็นก็มีแต่บ้าด้วยกันเห็นด้วยกัน แล้วมาโจมตีเรา เราคนเดียวบ้าทั้งโลกมันจะหนีไปไหนพ้น ถูกเขาขยี้เอาแหลกล่ะซี เข้าใจไหม

นี่พูดถึงเรื่องวัดภูวัว เป็นวัดที่จะอบรมพระให้เป็นศีลเป็นธรรม เป็นผู้ทรงมรรคทรงผลได้จริง ๆ ไม่สงสัย สถานที่เหมาะสมมาก แล้วท่านดำเนินก็ไม่มีที่ต้องติ คือตอนเวลาค่ำนี้ท่านจะออกมารวมกันที่กุฏิสองชั้น ท่านอยู่ข้างล่าง ท่านเอาเทปมาเปิดฟัง เทปก็มีตั้งแต่เทปเรานั่นแหละ ที่ไหนก็ไม่มีท่านว่านะ ท่านบอกว่าเทปมาจากวัดป่าบ้านตาดทั้งนั้น แล้วเทปนี้มีแต่เทปที่เทศน์สอนพระล้วน ๆ เป็นเทปที่เรียกว่าเพชรน้ำหนึ่งไปเลยว่างั้นเถอะน่ะ ตั้งแต่แกงหม้อเล็กแกงหม้อจิ๋วตลอด แกงหม้อใหญ่ไม่มี พุ่ง ๆ เลย ท่านมานั่งภาวนาฟัง อย่างน้อยวันละม้วน คือวันละ ๑ กัณฑ์ บางทีมีโอกาสท่านก็เพิ่มเข้าอีกก็มี เช่น มีผู้เรียกร้องขอเพิ่มอีกนี้ ท่านก็มาเพิ่มบ้าง เปิดเพิ่มอีกก็มี แต่ส่วนมากท่านจะเปิดวันละม้วน ๆ เรียกว่า ๑ กัณฑ์พอดี ๆ ทุกวัน

เวลาเปิดท่านจะนั่งสมาธิภาวนาฟัง ธรรมะจะประสานเข้าที่ใจกล่อมใจให้สงบ ถ้าทางด้านปัญญาก็จะเสริมปัญญาให้ก้าวเดิน ถ้าด้านความสงบก็จะตีตะล่อม เหมือนแม่กล่อมลูกด้วยบทเพลงนั่นแหละ ธรรมะนี้กล่อมลงจิตสงบแน่ว ถ้าเป็นขั้นปัญญาขยับตาม ๆ เป็นขั้น ๆ ของผู้ฟัง เพราะเทศน์มีทั้งธรรมดาพื้น ๆ ตลอดถึงทะลุไปเลย ผู้จะฟังขั้นไหนภูมิใดตามจริตนิสัยของตนก็ฟังได้ตามสบายในเทปม้วนหนึ่ง ๆ ท่านฟังเสร็จแล้วก็นั่งสมาธิต่อไป พอสมควรแล้วท่านก็เลิกไปที่ทำงานภาวนาของตัวเอง อย่างนี้เป็นประจำเท่าที่เราทราบมานะ นี่เรียกว่าถูกต้องแล้ว เหมาะสม ไม่ยุ่งกับอะไร ถึงเวลาก็มารวมกัน ฟังเทศน์แล้วเลิก เงียบ ๆ ไม่มีอะไรมายุ่งเหยิงวุ่นวาย ไม่ทำอารมณ์ภายในใจให้เสีย มีแต่ตีตะล่อมส่งเสริมอารมณ์ดีให้ดียิ่งขึ้นไปโดยลำดับ ด้วยสมาธิธรรม ปัญญาธรรม ทีนี้ก็ทรงมรรคทรงผลขึ้นไปทุกวัน ต่อไปก็ตั้งรากตั้งฐานได้ ตั้งรากตั้งฐานได้แล้วก็สง่างามภายในจิตใจ อยู่บนภูเขาก็จ้าอยู่บนภูเขา

นี่ละจิตใจสว่างเป็นอย่างนั้นนะ ไม่ได้เหมือนเจ้าพายุสว่าง เจ้าพายุสว่าง สว่างที่นี่ก็อยู่แค่นี้ ออกจากนี้ไปไม่สว่าง ใจนี้ถ้าลงสว่างด้วยอรรถด้วยธรรมแล้วจ้าครอบโลกธาตุ จะมาว่าอะไรศาลาแค่นี้ ใจมีขอบเขตที่ไหน ความสว่างจะมีขอบเขตที่ไหน ครอบโลกธาตุคือธรรม อย่างอื่นครอบไม่ได้นะ ธรรมนี้ครอบได้หมด นั่นละจึงเรียกว่าธรรมเลิศ ๆ ให้มันเป็นในหัวใจของผู้ปฏิบัติ ถ้าไม่ปฏิบัติตายทิ้งเปล่า ๆ ไม่เกิดประโยชน์นะ จะมาเล่นธรรมศาสนาเป็นตุ๊กตาเครื่องเล่นของเด็ก เรียนมามากน้อยก็เอาไปให้กิเลสถลุง เป็นเขียงเหยียบขึ้นแหลกไปหมด ธรรมศาสนาไม่มีเหลือนะ

เวลานี้ศาสนากำลังเป็นเขียงเหยียบขึ้นของกิเลส สถานที่ต่าง ๆ ไม่ว่าโรงร่ำโรงเรียน โรงเรียนพระเรานี้ก็เอาศาสนาเอาส้วมเอาถาน เอาวิชาความรู้ของกิเลสตัณหาติรัจฉานวิชา ความรู้ของสัตว์เดรัจฉาน ท่านแปลออกตามธรรมเป็นอย่างนั้นนะ แล้วเอามาคละเคล้าเข้าไป วิชาทางโลกเป็นผู้เหยียบขึ้น ศาสนาเป็นเขียงรอง เรียนวิชาทางธรรมเพื่อออกเป็นทางโลก ครั้นเรียนได้มากได้น้อยพอสมควรแล้วสึกออกไป หากินด้วยอาศัยชาวบ้านเขาด้วยเพศผ้าเหลือง หัวโล้น ๆ ผ้าเหลืองแต่เรียนวิชาทางโลก เรียนธรรมก็เพื่อโลก เรียนโลกก็เพื่อโลก ทีนี้ก็มีแต่โลกเต็มตัว ออกไปเขากับเราไม่เห็นผิดกันอะไร มีแต่ความจำเฉย ๆ ความจริงไม่มีในใจ หิริโอตตัปปะไม่มีนะ

หิริโอตตัปปะคือความสะดุ้งกลัวต่อเรื่องบาปเรื่องบุญนรกสวรรค์ มีความสะดุ้งหวาดกลัวคนเราจะไม่ทำความชั่วได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย มีความขยะ ๆ ผู้ที่มีความละอายมากเท่าไรยิ่งไม่ทำบาป หิริโอตตัปปะจะไม่มีในความจำเฉย ๆ นะ เรียนมามากน้อยจบพระไตรปิฎก ก็เหมือนกับเรียนวิชาทางโลกทั่ว ๆ ไป ถ้าใจไม่เป็นธรรมเสียอย่างเดียวไม่เกิดประโยชน์อะไร ธรรมเหล่านี้เป็นเขียงเหยียบขึ้นของกิเลสได้ทั้งหมด ถ้าเป็นภาคปฏิบัติ ปฏิบัติเฉย ๆ ลุ่ม ๆ ดอน ๆ ไม่ได้หน้าได้หลัง ปฏิบัติแบบสุ่มสี่สุ่มห้าก็แบบเดียวกันอีกนะ

เราอย่าว่าแต่ภาคปริยัติความจำไม่เกิดประโยชน์อะไร ภาคปฏิบัติสักแต่ว่าปฏิบัติไม่เอาจริงเอาจังก็ไม่เกิดประโยชน์เช่นเดียวกัน ถ้าเรานำมาปฏิบัติ ผู้เรียนธรรมะพิจารณาในอรรถในธรรมที่ตัวเรียนไป ๆ ก็เป็นธรรมไปตลอดเหมือนกัน นี่การเรียนเป็นประโยชน์ก็มีอย่างนั้น เรียนไปสะดุดใจตรงไหน พยายามแก้ไขตนไปเรื่อย ๆ นี่เรียกว่าเรียนเพื่อเป็นประโยชน์ มีภาคปฏิบัติในนั้นด้วย ทีนี้ออกมาปฏิบัติก็สักแต่ว่าปฏิบัติก็ไม่เกิดประโยชน์อีกเช่นเดียวกัน ปฏิบัติเอาจริงเอาจังเพื่อละกิเลสถอนกิเลสจริง ๆ แล้วก็เป็นผลประโยชน์ด้วยกัน จึงไม่มีทางที่จะตำหนิทางไหน

ส่วนมากที่ว่ามีแต่ความจำเฉย ๆ ไม่เกิดประโยชน์ ความจำจำเอาเฉย ๆ ไม่มีภาคปฏิบัติ คือสะดุดใจแก้ไขตนเองไปตามภาคเรียนนั้นก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร ถ้ามีภาคปฏิบัติแทรกไปด้วยเป็นประโยชน์ด้วยกัน ทั้งภาคปริยัติทั้งภาคปฏิบัติ เข้าใจกันตามนี้นะ

เวลานี้มันจะไม่มีเหลือแล้วนะ มันเลอะไปหมดแล้วเวลานี้ เราจนได้ดู โอ้โห ศาสนาเสื่อม-เสื่อมอย่างนี้เอง เสื่อมให้เห็นต่อหน้าต่อตา เสื่อมอย่างนี้เอง นี่ละศาสนาเสื่อม เสื่อมกับผู้ปฏิบัติศาสนา ไม่สนใจปฏิบัติตาม วิ่งตามโลกตามสงสารตามกิเลสตัณหาไม่มีวันเข็ดหลาบอิ่มพอ ตายเท่าไรก็ตายไปด้วยกันกับกิเลส ไม่มีคำว่าเห็นภัยของกิเลสเลย อันนี้ตายจมตลอด ผู้ที่ยังเห็นภัยต่อกิเลสบ้างจะพยายามแก้ไขดัดแปลงตัวเอง ฟิตตัวออกเพื่อแก้ไขไปโดยลำดับ ผู้นี้มีทางจะดีขึ้นได้เป็นลำดับ ขอให้พี่น้องทั้งหลายจำเอาไว้นะ

วันหนึ่งเทศน์แบบหนึ่ง ๆ ให้พี่น้องทั้งหลายฟัง เพราะโลกนี้มันมีสิ่งที่จะนำมาพูดทั้งนั้น นอกจากไม่พูดเท่านั้น นั่นละความจริง คือมีอยู่ทั่วไปความจริง ธรรมะคือความรู้ได้แก่ใจดวงนี้ กับธรรมที่เข้ากันแล้ว มันจริงกว้างแคบขนาดไหน ธรรมะนี้จะเป็นเหมือนกับไฟได้เชื้อ เชื้อไฟมีมากมีน้อยไฟจะไหม้ไปหมดเลย อันนี้ธรรมะก็เหมือนกัน ความรู้-รู้ด้วยอรรถด้วยธรรมนี้จะรู้ไปหมดๆ แทรกๆ ไปตามหลักความจริง ซึ่งเป็นเหมือนกับเชื้อไฟ เมื่อเป็นเช่นนั้นมันจะอัดอั้นตันใจที่ไหน

พระพุทธเจ้าสอนโลกแล้วอัดอั้นตันใจ ไม่มีความรู้วิชามาสอนโลกไม่เคยมี พระอรหันต์องค์ไหนตรัสรู้แล้วไม่ต้องไปทูลถามพระพุทธเจ้า แล้วไปสอนโลกด้วยความอัดอั้นตันใจกลับไปศึกษากับพระพุทธเจ้าก่อนไม่มี เพราะมันเต็มหัวใจของท่านของเรา ช้างเต็มพุงของช้างถ้าเป็นรับประทาน หนูเต็มพุงของหนูรับประทาน ต่างตัวต่างอิ่มด้วยกันแล้ว หนูก็สบาย ช้างก็สบาย พระพุทธเจ้าเต็มภูมิของศาสดาเป็นศาสดาเอกเต็มองค์ บรรดาสาวกทั้งหลายก็เป็นครูของตัวเองเต็มตัว แล้วก็เป็นครูสอนโลกเต็มตัว ไม่ต้องไปทูลถามพระพุทธเจ้า เพราะความจริงที่จะสัมผัสสัมพันธ์กับความรู้นี้มีอยู่ด้วยกัน เห็นอยู่ด้วยกัน รู้ตามกำลังความสามารถของตนด้วยกันอย่างนั้นแหละ แล้วจะไปอัดอั้นตันใจที่ไหน ไปหาเรียนคัมภีร์ไหน พระพุทธเจ้าเรียนคัมภีร์ไหน พระสาวกเรียนคัมภีร์ไหน ทุกวันนี้ฟาดจนคัมภีร์แตกมันยังไม่เห็นได้เรื่องได้ราวอะไร นี่ละเรียนจำไม่ได้สนใจปฏิบัติ

ถ้าสนใจปฏิบัติเรียนอันนี้แตกกระจายออกไปแล้ว มันจะออกไปหมดนั่นแหละ ไม่ใช่ธรรมดานะ ออกไปหมด ความรู้อำนาจวาสนาบุญญาภิสมภารของผู้จะทรงความรู้มากน้อยนี้จะเป็นขึ้นในตัวเอง ไม่ต้องไปศึกษาใครอีกเหมือนกัน เป็นขึ้นเองๆ เหมือนไฟได้เชื้อลุกลามไปเรื่อยๆ ไฟมันไหม้อันนี้ เชื้อไฟนี้มาเกี่ยวข้อง ไหม้นี้ๆ ไหม้ไปเรื่อยๆ นั่น เชื้อไฟคือธรรมมันตามรู้ตามเห็นไปหมด นี่ละพระพุทธเจ้าและสาวกทั้งหลายท่านรู้ ตามอำนาจวาสนาบุญญาภิสมภารของท่านเป็นอย่างนั้น แต่เราไม่ได้ว่าเสมอกันหมดนะ แต่ความบริสุทธิ์เสมอกันหมดเป็นแบบเดียวกัน นตฺถิ เสยฺโยว ปาปิโย บรรดาท่านผู้บริสุทธิ์เต็มที่แล้วนั้นไม่มีใครยิ่งหย่อนกว่าใคร เสมอกันหมด เทียบกับแม่น้ำมหาสมุทร ไม่มีว่าแม่น้ำมหาสมุทรตรงนั้นขุ่นตรงนี้มัว ตรงนั้นปลอมตรงนี้จริงไม่มี เป็นมหาสมุทรด้วยกันหมด อันนี้จิตที่บริสุทธิ์แล้วก็เป็นธรรมธาตุด้วยกันหมดเป็นอย่างนั้นนะ เพราะฉะนั้นท่านจึงไม่ถามกัน

สาวกองค์ใดที่ไปสอนโลก ท่านสอนเต็มภูมิของท่าน ที่จะกลับมาศึกษากับพระพุทธเจ้าไปสอนใหม่ไม่เคยมี นี่สาวกเป็นอย่างนั้น แต่ธรรมดาเรานี้มันมีทั่วไปนั่นแหละ สอนนี้ วันนี้เขาจะให้ไปพูดที่นั่นที่นี่ยังไม่ได้ดูหนังสือเลย หนังสือหีพ่อหีแม่มันอยู่ไหนเราก็ไม่รู้นะ วันนี้เขาเชิญไปพูดที่นั่นที่นี่ ยังไม่ได้ดูหนังสือเลย หนังสือพ่อแม่มันอยู่ไหนเราอยากถามว่าอย่างนั้น หนังสือจริงๆ มันคืออะไร ถามเข้ามาใส่ปั๊วะเดียวแตกไปหมดเลย เอาละพูดไปมากๆ เดี๋ยวเขาจะว่าหลวงตาบัวเป็นบ้าเข้าใจไหม เราก็ไม่อยากเป็นบ้านะ เพราะฉะนั้น เราจึงลดลง ทีนี้จะลงเวทีแล้ว แต่มันจะขึ้นเวทีแบบไหนอีกก็ไม่รู้มวยแบบนี้ เข้าใจ เอาละ

เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร www.luangta.com


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก