พอแล้วไม่ทุกข์
วันที่ 10 พฤษภาคม 2544 เวลา 7:30 น. ความยาว 29.57 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)   วิดีโอแบบ(Win High Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๔

พอแล้วไม่ทุกข์

เมื่อวานนี้ทองคำไม่ได้เลยเราก็เลยละอายจะอ่าน ดอลลาร์ได้ ๓ ดอลล์ ทองคำที่เข้ามาที่นี่บ่อย ๆ เวลานี้ก็ทางภูสังโฆ ผาแดง แล้วหนองกอง ทั้งสามนี้มาบ่อย แล้วก็ดงศรีชมภู มาบ่อยสามสี่จุดนี้

วันนี้ให้เขาเตรียมไปเอาของ วันนี้ไปสองรถตู้เลยไปภูวัว เอาของเต็มรถเลย คือนาน คราวนี้น่าจะสามเดือนสี่เดือนละมั้ง ตั้งแต่ออกพรรษามาแล้วนี้ได้ไปหรือเปล่าไม่รู้นะ เราระลึกไม่ได้ว่าไปภูวัว น่าจะไม่ได้ไปนะ คราวนี้ทิ้งระยะห่างมากทีเดียว ตามธรรมดาเราไปสองเดือนครั้งหนึ่งบ้าง บางทีเดือนละหนก็มีถ้าว่างก็ไป คือเอาตามเวลาของเราที่ว่าง เราไปนี้หมายถึงเราไปเยี่ยมไปดูพระ อบรมพระเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วก็ถามสิ่งของที่เราจัดสั่งไป ของที่เราให้เป็นประจำนั้นเรียกว่าเราเผื่อไว้ทุกสิ่งที่เรากำหนดไว้ ที่ออกรายการอันนั้นเท่านั้น ๆ อย่างน้อยต้องให้ได้เท่านั้น นอกจากไม่มีจริง ๆ ก็จำเป็น ถ้ามีแล้วอย่างน้อยต้องให้ได้เท่านั้น ๆ เป็นกำหนด ๆ

อันนี้เราส่งประจำเดือน เราไปไม่ไปไม่สำคัญพอถึงเวลาเขาไปเอง จวนสิ้นเดือน ๆ ตั้งแต่วันที่ ๒๕-๒๖ ไป เขาจะไปวันไหนเขาก็ไปของเขา เราก็คิดไว้เป็นแง่พิเศษเลยสั่งไปทางโน้นเอาปลาย่างมา จากเขมรนู่นนะ ให้ทางโคราชเป็นจุดศูนย์กลางสั่งทางโน้นมา โคราชส่งมาอุดรฯ อุดรฯ โทรมาบอกทางนี้ คือจวนสิ้นเดือนทางโน้นเขาจะเตรียมของมา พอปลามาถึงปั๊บก็ไปละ อย่างน้อยนอกจากจำเป็นจริง ๆ อย่างน้อยต้องให้ได้ ๖๐ กิโล วันละสองกิโล พวกปลาย่างนี้เพื่อมาทำเป็นป่นเป็นน้ำพริกอะไร ๆ ไปเป็นประจำวัน นอกจากไม่มีจริง ๆ ก็ยกไว้ แต่ส่วนมากจะได้ราว ๘๐ กว่ากิโลขึ้นไป

มาทีไรเราถามทุกที ๘๒-๘๓ กิโล ก็เรียกว่าสองกิโลกว่าในวันหนึ่ง ๆ สำหรับพระจำนวนตั้งจุด ๓๐ เอาไว้นะที่วัดภูวัว ตั้งจุด ๓๐ องค์ไว้ ท่านคงตั้งเองเพราะเราบอกไว้กว้าง ๆ แล้วว่า ถ้าพระตั้งใจปฏิบัติ คือเราไปดูสถานที่เรียบร้อยแล้วเป็นที่เหมาะสมอย่างยิ่ง เรียกว่าชั้นเอกในการปฏิบัติจิตตภาวนา ไปเที่ยวดูหมดตระเวนดูข้างบนหมดเลย เพราะแต่ก่อนยังหนุ่มยังน้อยไปไหนมาไหนสะดวกสบาย พอไปถึงครั้งแรกเลยเราก็ตระเวนดูหมด พอกลับมาแล้วก็บอกท่านอุทัยเลย ตั้งแต่บัดนั้นมาจนกระทั่งป่านนี้สิบกว่าปีแล้วนะ บอกว่า ถ้าเป็นพระตั้งใจปฏิบัติเพื่ออรรถเพื่อธรรมในทางด้านจิตตภาวนาแล้ว มาเท่าไรให้มาเราจะรับเลี้ยงตั้งแต่บัดนี้ต่อไป มีข้อแม้ก็คือว่า ถ้าเป็นพระเหลวไหลโลเลให้ไล่ออกจากภูเขาทันที อย่าให้หนักภูเขาลูกนี้ เด็ดด้วยกัน

ทีนี้ท่านก็รับ ดูเหมือนจะตั้งจุด ๓๐ ไว้ มากกว่านั้นบ้างลดบ้าง ๓๐ กว่าบ้าง ส่วนกรณีพิเศษบางทีถึง ๕๐ ก็มี อันนั้นเป็นกรณีพิเศษ ส่วนมากจะอยู่ใน ๓๐ กว่า ๒๗-๒๘ องค์ในย่านนี้ เป็นประจำมา แล้วสิ่งของที่เราสั่งก็สั่งให้พอ คำนวณไว้หมดเลย คำนวณไว้เรียบร้อยแล้วเผื่อ ๆ แล้วเผื่อว่าวัดแถวนั้นมาติดต่อขอไป ก็บอกไว้เลยว่าให้ท่านไป เราไม่อาจที่จะไปส่งซอกแซกไปได้ทุกแง่ทุกมุม เรามาส่งจุดศูนย์กลาง ถ้าท่านจำเป็นท่านมาขอให้ให้ท่านไปเลย แล้วไม่ต้องเกรงใจ ถ้าว่าขาดอะไรให้บอกไปเลย อันนี้เราเผื่อเพื่อความสะดวกของท่านว่า ขัดข้องอะไรให้บอกไปเลย คือทางโน้นจะจัดส่งมาทันที นอกจากสิ่งที่เรากำหนดไว้แล้ว เป็นกรณีพิเศษที่พระท่านมาติดต่อขอ อาจจะขาดไปบ้าง เราก็ให้บอกไปเลย แต่ท่านก็ไม่เคยบอก ไปท่านก็บอก เหลือ

นี้เราจึงห้ามตัดขาดเลยไม่ใช่ธรรมดานะ ไม่ให้ใครไปตั้งสถานที่อยู่ที่นั่น วัดนั้นสำหรับพระโดยเฉพาะ เด็ดขาดด้วยนะเราเป็นคนสั่ง ท่านจะไปทำอะไรขึ้นไม่ได้นะ เพราะเราเป็นคนดูแลหมดทั้งวัด พระเท่าไรเราเลี้ยงหมดเลย เพื่อสงเคราะห์ทางด้านอรรถธรรม ต่อไปนี้จะไม่มีแล้วนะคำว่าอรรถว่าธรรมมรรคผลนิพพาน มันจะมีตั้งแต่ส้วมแต่ถานเต็มวัดเต็มวาเต็มบ้านเต็มเมืองไปแล้ว เราวิตกวิจารณ์มากจริง ๆ เพราะฉะนั้นจึงเน้นหนักทางด้านจิตตภาวนา สนใจกับพระปฏิบัติเป็นอย่างมาก เช่นอย่างวัดนี้เรารับเลี้ยงตลอดเลย เรียกว่าร้อยเปอร์เซ็นต์ วัดนี้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เผื่อ ๆ เผื่อไว้หมดทุกอย่าง

ส่วนที่เขาจะหาพิเศษให้เขาหาเอา ได้มากเท่าไรไม่ต้องมาถามเรา เปิดโล่งไว้หมดเลย ส่วนที่เรากำหนดไว้นี้เป็นสิ่งจำเป็น เช่น ข้าวสาร น้ำตาล น้ำปลา น้ำมันพืชแล้วก็ปลา นี่ลงในบัญชีไว้ให้เขาปฏิบัติตามนี้เลย ส่วนนอกจากนี้เขาจะหามาเท่าไรก็ตาม พวกหวานพวกคาวอะไร เขาไปแต่ละครั้งนี้พวกอาหารสดอยากได้สักกี่กิโล เป็นกะละมัง ๆ อันนี้ไม่นับเข้านี้นะ พวกปลาก็โกยเอาจากลำแม่น้ำโขงทั้งหมด ใส่กะละมังเต็ม ๆ พวกเนื้อก็พวกเนื้อหมู พวกไก่พวกอะไร และของแห้งอาหารยาว เช่น กุนเชียง ได้มากเท่าไรยิ่งดี บอกไว้เลย ให้เต็มรถ ๆ ไปครั้งหนึ่งนี่รถ ๔ คัน หกล้อคันหนึ่ง สี่ล้อสามคัน แล้วบอง(กระดานเสริมด้านข้างให้บรรจุของได้มากขึ้น) ขึ้นนี้เต็มหมดเลยทั้งสามคัน รถหกล้อก็บองอยู่แล้วบองเต็ม ๆ สี่คันรถเต็ม หากว่ารถไม่พอให้เอาอีกเพิ่มอีก เขาบอกว่าพอ เขาไปเที่ยวละสี่คันรถ ๆ ทุกเดือน ๆ เป็นประจำ

ว่าทำอะไรเราจริงเราไม่ได้เหลาะแหละนะ ถ้าลงบทไหนแล้วเท่านั้น เคลื่อนไม่ได้เลย เราปฏิบัติตัวของเรามาอย่างนั้น เราปฏิบัติต่อสิ่งทั้งหลายส่วนรวมมันก็มีลักษณะอย่างนั้นไม่ค่อยผิดเพี้ยนจากกันไป จริงจังมาก นี่ก็กำลังสั่งแล้วแต่เช้า เมื่อเช้านี้รีบสั่งแล้วสักเดี๋ยวรถก็มา ไม่นานจะมาแล้ว เขาก็รู้เวลาเราจะไป พอมาเราก็ออกเดินทางไปเลย วัดนี้เป็นวัดที่เหมาะสมมาก เราห้ามไม่ให้ใครไปปลูกสถานที่ไปภาวนาอยู่ที่นั่น มันจะเลอะ ๆ เทอะ ๆ ไม่เอา ตัดบทเลย บอกเด็ดขาดด้วยนะ บอกท่านอุทัยไว้เด็ดขาดเลย ห้ามไม่ให้ใครไปสร้างอะไร ๆ ที่นั่น

สำหรับแม่ครัวก็มีในบ้านของเขาเขามาทำให้ วันละสี่ห้าหลังคาเรือนเขาก็ทำให้ พระป่าพระกรรมฐานกินดิบกินดีหาอะไร มีอะไร ๆ พอยังชีวิตให้เป็นไปวันหนึ่งเท่านั้นพอ ๆ พระท่านปฏิบัติเพื่ออรรถเพื่อธรรมท่านไม่ได้ยุ่งในการอยู่การกินการหลับการนอน ท่านมุ่งต่ออรรถต่อธรรมอย่างยิ่ง พอยังชีวิตให้เป็นไปวันหนึ่ง ๆ เท่านั้น สำหรับพระผู้มุ่งต่อธรรมไม่ยุ่งยากอะไรเลย ศาสนาจึงเป็นศาสนาที่สะอาดมากสุดยอด ความยุ่งยากไม่มี เพื่อความสะดวก ๆ ความสงบร่มเย็นเป็นสุข ๆ นี่คือศาสนา ไม่ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมนะ เพราะฉะนั้นพระที่มุ่งอรรถมุ่งธรรมจึงอยู่สะดวกสบาย ใครก็ตามถ้ามุ่งอรรถมุ่งธรรมแล้วไม่ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม มีขื่อมีแปอยู่สะดวกสบาย

จะทุกข์จะจนขึ้นอยู่กับหัวใจที่มันไม่พอ ถ้าหัวใจไม่พอแล้วมีเท่าไรก็ไม่พอ ทุกข์มากที่สุดคือพวกนี้พวกไม่พอ พวกพอนี้ไม่ทุกข์นะ มีมากมีน้อยหัวใจมันพอ สบาย ๆ ยิ่งฟาดกิเลสออกจากหัวใจเป็นลำดับลำดาแล้ว ยิ่งพอขึ้นเป็นลำดับนะ ภาระนี้ลดลง ๆ ไม่มีอะไรจะเป็นภาระ ก็มีแต่กิเลสมันสร้างภาระความยุ่งยากให้หัวใจเรานะ พอธรรมะชะล้างไปตรงไหนกิเลสจะเบาลง ความยุ่งยากจะเบาลง ความทุกข์จะเบาลงเป็นลำดับลำดา ไปอยู่ที่ไหนก็สบายซิ

เราคิดดูซิบ้านเมืองของเรานี้มีอะไรอดอยาก ที่มันอดอยากเป็นบ้ากันอยู่ก็คือความไม่พอนั่นเอง ถ้าว่าข้าวก็หาซิ เมืองไทยเราที่ไหนบกพร่องวะ เต็ม อู่ข้าวอู่น้ำอยู่เมืองไทย อาหารการบริโภคไปที่ไหนเต็มไปหมดอดอยากอะไร ถ้าหากว่าอยู่ไปด้วยความเป็นธรรมพอเหมาะพอดีแล้วก็เรียกว่าพอเพียง เพียงพอ อันนี้มันไม่พอนั่นซี สิ่งเหล่านี้มีมากแล้วมันก็อยากค้าอยากขาย อยากได้ไอ้หลังลายมาวางไว้เป็นตับๆ ให้ชม ตายก็ตามเถอะขอให้ชมไอ้หลังลาย เข้าใจไหมล่ะ กระดาษตีตราหลังลายใส่ไว้นั้น นี่เขาทำไว้เพื่อความสะดวกสบายต่อการไปมาหาสู่ การประสานซึ่งกันและกัน เพราะมนุษย์เป็นสัตว์หมู่สัตว์พวก อยู่ด้วยกันต้องมีการประสานซึ่งกันและกัน

การซื้อการขายแลกเปลี่ยนนี้เป็นธรรมดาของมนุษย์ซึ่งเป็นสัตว์พวกสัตว์หมู่ อยู่ร่วมกันจะต้องปฏิบัติต่อกันอย่างนี้ จึงต้องมีสิ่งเหล่านี้มาไว้ ไม่ได้มีมาไว้เพื่อให้เป็นบ้ากับไอ้หลังลายนะ เวลานี้มันเป็นบ้ากับไอ้หลังลายมากต่อมาก ไม่มีใครพูดอย่างนี้เราพูด พิจารณาหมดแล้วจึงเอามาพูดผิดไปที่ตรงไหน ทุกสิ่งทุกอย่างมันสมบูรณ์พูนผล ที่บกพร่องก็คือเป็นบ้ากับไอ้หลังลาย คนกำลังจะตายเพราะดิ้นกับไอ้หลังลายเวลานี้ ทุกอย่างเต็มไปหมด ไอ้หลังลายนี้มีเท่าไรไม่พอ นี่ละพาคนให้ทุกข์มากเวลานี้ สร้างบาปสร้างกรรมไม่รู้จักบาปบุญนรกสวรรค์พรหมโลก จะเอาให้ล่มจมกันทั้งบ้านทั้งเมืองก็คือไอ้หลังลายนี้ตัวสำคัญนะ

อย่างอื่นอดอยากที่ไหน มันมีอยู่ทั่วไปไม่เห็นอดอยาก สิ่งที่มันบืนจริง ๆ ก็คืออันนี้เอง มันถึงได้ร้อนมากล่ะซี นี่ก็เราดูซิสินค้าสินขายทะลักออกมาตามห้างตามร้าน ร้านไหน ๆ เต็มไปด้วยสินค้า ดูซิตามีทุกคน ร้านไหนสินค้าบกบางมีหรือ เต็มร้าน ๆ แต่คนจะเข้าไปซื้อไปหาไม่ค่อยมีนะ ดูเอาซิ สิ่งเหล่านี้ทะลักออกมาจากโรงงานต่าง ๆ ไหลมา ๆ เพื่อขาย ๆ ทีนี้เมื่อขายไม่ออกเพราะไม่มีใครซื้อ มันก็สะท้อนไปหาโรงงานน่ะซี เดี๋ยวโรงงานเจ๊งได้นะ เพราะเหตุใด คนงานก็มีปากมีท้องไม่อยู่ไม่กินได้เหรอ นั่นละมันจะเจ๊งตรงนั้น ทะลักแล้วก็สร้างคนให้ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมมากขึ้น ๆ ความทุกข์มากขึ้น ความยุ่งเหยิงวุ่นวายมากไปตาม ๆ กัน นี่โลกหาความสุขไม่ได้ตลอดวันตาย

ไม่ว่าที่ไหน ๆ เหมือนกัน ถ้าลงดีดลงดิ้นอยู่อย่างนี้ ไม่มีเมืองพอด้วยอรรถด้วยธรรมบ้างแล้วตาย ถ้าเอาตามกิเลสแล้วมีเท่าไรไม่พอ กองเท่าภูเขาสำหรับคนคนหนึ่งก็ไม่พอ เพราะความอยากมันเหมือนไฟรอหาเชื้อเสมอ พอไสเชื้อเข้ามานี่แสดงเปลวเพลิงขึ้นจรดเมฆ ๆ เอ้า หา ได้มาเท่าไรยิ่งอยากมาก มันก็ยิ่งไปใหญ่ล่ะซี นี่ละโลกเราทุกข์มากเพราะอันนี้เอง ไม่มีใครมองธรรมซิ มองไปตามกิเลสมันก็มีแต่กองทุกข์น่ะซิ จมเต็มบ้านเต็มเมือง เราเอามาอวดบ้างซิ เอาอวดธรรมพระพุทธเจ้าบ้างซิว่า บ้านใดเมืองใดที่เขาว่าเจริญ ๆ เอาความสุขที่เกิดขึ้นเป็นผลว่าความเจริญ ๆ เอามาอวดกันซิ มันมีแต่กองทุกข์เต็มหัวใจ

ถ้าเป็นอกนี้มันแตกได้มันระเบิดได้ มันระเบิดเสียงดังลั่นอยู่ทั่วโลกดินแดน ระเบิดกองทุกข์ มันอัดอั้นตันใจพอแล้ว มันระเบิดป้าง ๆ ออกมานี้ไม่มีท้องใดเหลือละ มีแต่ท้องระเบิดท้องแตกทั้งนั้น กองทุกข์มันดันออกมาแตก ๆ นี่ละวิ่งตามกิเลสเป็นอย่างนี้นะ ยังไม่เห็นคุณค่าของธรรม ดีไม่ดีตำหนิธรรม หาว่ากิเลสดิบดี ท้องมันจะไม่มีเหลือติดตัวยังว่ากิเลสดี ท้องถูกกิเลสความอยากความทะเยอทะยานผลักดันออกมาท้องแตก ๆ ท้องระเบิด ๆ เต็มบ้านเต็มเมือง นั่นมันทุกข์มากถึงขนาดท้องแตก กิเลสดัน มันก็ไม่เห็นความทุกข์ไม่เห็นโทษของกิเลส แล้วจะเอาสุขมาจากที่ไหนล่ะ

ธรรมท่านไม่เป็น มีมากมีน้อยยิ่งผาสุกสบายเย็นใจไปตลอด ทั้งโลกทั้งสงสารถ้ามีศาสนาเข้าไปปฏิบัติแล้วจะมีขื่อมีแป นี้มันไม่มีไม่ว่าเขาว่าเรา เราพูดเป็นส่วนกลาง ๆ เอาธรรมเข้าไปจับซิมันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ อย่าเอาบ้านไหนเมืองใดมาอวดกันว่า บ้านนั้นเขาเจริญ เขามีความสุขความสบาย อย่ามาอวดนะอวดธรรม นั้นละคือกองไฟใหญ่อยู่ตรงนั้น ที่ว่าเจริญสุดยอดของโลกสมมุติกิเลสสมมุติให้ นั้นละทุกข์สุดยอดอยู่ตรงนั้นเอง ภาระอะไรจะมากยิ่งกว่าคนโลภมาก ได้มากเท่าไรยิ่งโลภมากยิ่งดิ้นมาก การป้องกันการรักษาตัวมาพร้อม ๆ กันเลย มีแต่สร้างความกังวลวุ่นวายหาความสุขที่ไหนมี ไม่มี

ธรรมไม่มีใครมอง โลกถึงมีแต่กองทุกข์ ไปที่ไหนมีตั้งแต่กองทุกข์เต็มบ้านเต็มเมืองน่าทุเรศนะ ทุกข์จริง ๆ โลกเวลานี้ แต่กิเลสปิดไว้ ๆ ไม่ให้เห็น มันเอาเครื่องหลอกเครื่องทะเยอทะยานมาหลอกไว้ สร้างความหวัง ๆ ไว้เปิดทางสร้างความหวัง หวังอย่างนั้นหวังอย่างนี้ ครั้นสุดท้ายก็หมดหวัง ๆ จมลง ไม่ได้เป็นตามความหวังที่กิเลสหลอกนะ เอา จมลงไปแล้วยังหวังอีก โน่นเห็นไหมเห็นโทษกิเลสไหม จมลงไปแล้วยังหวังอีก ยกตัวอย่างเช่น เขาปลูกบ้านสร้างเรือนตึกรามบ้านช่อง ห้องแถวนี้ยาวเหยียด ๆ สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วปิดตาย ๆ ไว้ ใครไปเช่าใครไปซื้อไม่เห็นมี

แล้วเจ้าของเป็นยังไง เงินนี้เอามาจากไหน ไล่เข้าไปถึงต้นของมันก็ไม่พ้นจากธนาคาร เมื่อมันหมดแล้วความหวังความอยากได้ยังไม่หมด ไปหากู้หายืมเขามา ได้มาแล้วก็ยังหวังว่าจะขาย ๆ จะขายเท่านั้น ๆ เราจะร่ำรวยอย่างนั้น ๆ กิเลสมันหลอกนะ ครั้นเวลาปลูกเสร็จเรียบร้อยแล้วไม่มีใครไปเช่า ไม่มีใครไปซื้อ เจ๊ง ต้นไม้เต็มอยู่หน้าตึกนั้น ไม่มีใครไปเหยียบแถวนั้นเลยเป็นป่ารกไปหมด แล้วเงินจำนวนที่ไปสร้างนี้มาจากไหน นั่นดูเอาซิ เจ้าของจม จมลงไปแล้วยังไม่แล้วนะความหวังมันยังหลอกเอาไว้ จมลงไปแล้วอันนี้ยังหวังว่าเขาจะมาซื้อเขาจะมาเช่าอีกนะ ยังหวังอยู่นะ เจ้าของจมอยู่นั้น เห็นไหมโทษของกิเลส มันไม่ให้เห็นโทษของมันนะ มันเอาความหวังฝากเอาไว้ ๆ ไม่ให้เห็นโทษของความหวังนี้ว่าเป็นภัยแก่ตัวเอง ดูเอา นี่ละธรรมท่านพูดอย่างตรงไปตรงมาอย่างนี้

ถ้ามันสมหวังแล้ว สร้างไม่สร้างมันก็สมหวังอยู่แล้วยากอะไร ก็เมื่อมันไม่สมหวังทำเท่าไรมันก็ไม่สมหวัง เพราะกิเลสไม่เคยเอาของจริงมาพูด มีแต่หลอก ๆ หลอกให้ผิดหวังทั้งนั้น หมดหวัง ๆ ทั้งนั้น พากันจำเอานะ วันนี้พูดเพียงเท่านี้ละ เอาละ พูดมากเดี๋ยวเขาจะเอาไม้ไล่ตีหลวงตาบัวไม่มีที่อยู่แหละ

ลูกศิษย์ นาฬิกามีที่บอกอุณหภูมิเป็นตัวเลขเจ้าค่ะ

หลวงตา นาฬิกาเอามาทำไม แล้วหมายความว่ายังไงบอกมา มันเลขอะไรอย่าเอามาใกล้นะเดี๋ยวปาเข้าป่านะ เราดูเฉยๆ มันพิสดารมาเรื่อยอย่างที่พูดตะกี้นี้ เอานั้นมาอวดเอานี้มาให้ เราก็มีมือเดียว ถ้ามี ๓ มือเราจะจับทีเดียว ๓ มือปาเข้าป่าๆ อย่าเอามายุ่งว่างั้นเลย โคตรพ่อโคตรแม่หลวงตาบัวไม่ได้หาความสุขกับสิ่งเหล่านี้นักหนานะ ยิ่งหลวงตาบัวไม่หา เพราะฉะนั้นจึงจะเอาปาเข้าป่าละซีมันมากเกินไป ยุ่งมากนะ เอามา อันนี้ไม่ยุ่งมากได้เท่าไรยิ่งสบาย บ้านเมืองเรายิ่งเจริญ หลวงตาจะพาเดินให้แน่นหนามั่นคง วันนี้ได้มาแล้วนะ เมื่อวานนี้ดอลลาร์ได้ ๓ ดอลล์วันนี้ขึ้นเหยียบหัวมันไปแล้วแหละ แล้วทองคำเมื่อวานนี้ไม่ได้เลย วันนี้ฟาด ๒ กิโลกับ ๖ สลึงเหยียบหัวมันไปเลย เมื่อวานไม่ได้สักบาทเดียว ทองคำวันนี้เหยียบหัวมันไปเลย นั่นซีมันต้องมีวันแพ้วันชนะซี

ที่ไปเทศน์ ก.ท.ม.นั้นทาง ก.ท.ม.ติดต่อมาแล้วขอสำนวนไป คงจะเอาไปพิมพ์ ที่เทศน์ ก.ท.ม. สนามหลวงวันนั้น ทาง ก.ท.ม.เขาขอมาแล้ว

คุณบุษรา มีผู้ถามว่าอสุภะอย่างเดียวหรือที่จะฆ่ากามกิเลสได้ ลูกตอบว่าอสุภะเป็นทางเดินเข้าสู่ใจ ลูกตัดสินราคะตัณหาลงที่ใจ เพราะฉะนั้นต้องพิจารณาอสุภะถึงจะเป็นทางเดินเข้าสู่ใจ นั่นคือสิ่งที่ลูกได้ปฏิบัติมา

หลวงตา ก็ถูกต้องแล้วนี่ ถ้าพูดเฉพาะเป็นคำถามกันตอบโดยเฉพาะจะว่า ลูกพิจารณาอสุภะเข้าสู่ใจ ลูกตัดสินที่ใจก็ถูก ถ้าพูดเป็นสาธารณะว่าให้พิจารณาอสุภะแล้วเข้ามาสู่ใจตัดสินกันที่ใจกลางๆ เข้าใจไหม การพูดมันก็มีแยกด้วย เข้าใจหรือเปล่า ถ้าว่าเรานี้ก็พูดเฉพาะเพื่อเป็นเครื่องยืนยันกันเลย ถ้าพูดให้เป็นสาธารณะ คำว่าเราตัดออก เป็นสาธารณะกลางๆ ให้คนยึดเอาจุดกลางเข้าใจหรือเปล่าล่ะ

คุณบุษรา เราเป็นสาธารณะ

หลวงตา ไม่ เราหมายถึงตัวเรากับคนนี้ตอบโต้กันเพื่อได้ความชัดเจน ถ้ามีหลายคนมีหลายพวกหลายพรรคอย่างนี้คำว่าเราตัดออกเสีย ให้พิจารณาอสุภะแล้วอสุภะจะก้าวเข้ามาสู่ใจจะตัดสินกันที่ใจเข้าใจไหม ไม่บอกว่าเราว่าเขาละเข้าใจเหรอ ที่การตอบการพูดมันต้องมีหลายแง่นะ จะแง่เดียวไม่ได้ เข้าใจ

คุณบุษรา เข้าใจเจ้าค่ะ

หลวงตา นี่มันก็ฟัดกันอยู่ปากคอก ครั้นเก่งขึ้นมันกระจาย ฟัดกันอยู่ปากคอก เราสงสารเราก็เลยจับเอาดาบอันคมกล้ามายื่นให้ เข้าใจไม่ใช่เหรอ ก็อย่างนั้นแล้ว การพิจารณาอะไรๆ ก็สอนไปหมดแล้ว คือสอนยังไงให้จับไว้สดๆ ร้อนๆ นะ อย่าให้มันเฉื่อยชาอย่าให้บูดให้เน่าอย่าให้จืดให้จางเข้าใจไหม ว่าตรงไหนสดๆ ร้อนๆ จับไว้ให้ดี สอนมากี่วันกี่เวลาจับไว้สดๆ ร้อนๆ ตลอด ปฏิบัติตามนั้นเข้าใจเหรอ ไม่ถามใครละ เมื่อมันเข้าจุดนี้แล้วไปถามใคร เราบอกแต่ว่าจุดนั้นจะเป็นจุดตัดสินใช่ไหมล่ะ นี่ปั๊บมันก็ตัดสินเอง สนฺทิฏฺฐิโก มันบอก เมื่อเข้ามานี่แล้วจุดนี้จะเป็นจุดตัดสินเอง เข้าปั๊บนี้ตัดสินทันทีเลย มันก็อย่างนั้น ไม่ถามใครเลยมันรู้ของมันเอง มีเท่านั้นละ

เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร www.luangta.com


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก