อยู่ในความพอดีบ้าง
วันที่ 3 พฤศจิกายน 2544
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(Real)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)   วิดีโอแบบ(Win High Band)   วิดีโอแบบ(Real)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๔

อยู่ในความพอดีบ้าง

วันนี้เป็นวันมหามงคลแก่พี่น้องชาววัดป่าบ้านตาดของเรามากทีเดียว คือ ศจ.ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ท่านเสด็จมาโปรดประทานความร่มเย็นแก่บรรดาพี่น้องทั้งหลาย มีบริเวณใกล้เคียงแถวนี้เรียกว่าบ้านตาด เป็นต้น ต่างก็ได้มาชมพระบารมีของท่านที่สูงส่งผิดมนุษย์ทั้งหลาย มนุษย์ทั่ว ๆ ไปก็มี มนุษย์ต่ำต้อย มนุษย์ทั่ว ๆ ไป มนุษย์สูง มนุษย์สูงสุด หลายประเภทของมนุษย์เรา ไม่ใช่เพียงว่าเกิดเป็นมนุษย์แล้วก็จะเสมอกันไปหมด ไม่ได้เสมอ สิ่งที่เป็นแกนอันสำคัญฝังอยู่ในจิตใจให้แสดงออกมา ทั้งความมีคุณค่าไม่มีคุณค่า แสดงออกมาจากใจของผู้เป็นเจ้าของนั้นแล เพราะฉะนั้นคนเราจึงมีความเหลื่อมล้ำต่ำสูงต่างกัน

เกิดมาเป็นมนุษย์ คำว่ามนุษย์เป็นคำกลาง ๆ แยกออกไปมนุษย์ที่ต่ำก็มี สูงขึ้นมาก็มี สูงจนกระทั่งสูงสุดก็มี เป็นชั้น ๆ ขึ้นไป นี่เป็นเพราะกรรมตกแต่งมา ไม่มีใครตกแต่งให้ใครเลย สัตว์ทุกตัว มนุษย์ทั่วโลก เรียกว่าสัตว์ทั่วโลกอยู่ใต้อำนาจแห่งกรรมด้วยกันทั้งนั้น เพราะฉะนั้นท่านจึงสอนให้ระมัดระวังกรรม คำว่ากรรม แปลว่าการกระทำ เป็นกลาง ๆ ทางชั่วเรียกว่าอกุศลกรรม ทางดีเรียกว่ากุศลกรรม เมื่อทำลงไปแล้วก็เป็นกุศลและอกุศลจากการกระทำดีชั่วของแต่ละราย ๆ นั้นแล ท่านจึงสอนไม่ให้ประมาทกรรม

หลักพุทธศาสนาลงที่กรรมหมด รวบรวมไว้หมดในยอดพุทธศาสนาลงที่กรรม ใครเป็นผู้ทำกรรม ก็ขึ้น มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา มโนเสฏฺฐา มโนมยา กรรมนี้มีใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ใจเป็นโรงงานใหญ่โต เรียกว่าใจคือมหาเหตุอยู่ที่นั่นหมด แสดงออกจากใจ จะแสดงออกไปทางดีทางชั่วขึ้นจากใจทั้งนั้น ท่านจึงสอนโลกให้มองดูใจตัวเองทุกคน มองตั้งแต่ข้างในนี้ออกไปข้างนอกให้เห็นตลอดทั่วถึงเป็นลำดับ ตามอำนาจแห่งการพิจารณาของผู้คิดอ่านไตร่ตรองต่าง ๆ ซึ่งออกไปจากใจนั้นแล ถ้าใจคิดดีก็เป็นผลดีขึ้นมา สร้างความดีขึ้นมา พูดก็ชอบธรรม การกระทำก็มีเหตุมีผล สะอาดสะอ้าน เจ้าของเองก็ไม่ได้ตำหนิติเตียนเจ้าของ จนกระทั่งคนอื่นก็ไม่มีใครตำหนิติเตียน เพราะต่างคนต่างเลือกเฟ้นแล้วก่อนที่จะทำลงไป

ท่านสอนไว้ว่า นิสมฺม กรณํ เสยฺโย ก่อนจะทำลงไปให้คิดอ่านไตร่ตรองจากใจเสียก่อนแล้วค่อยทำ แม้จะผิดพลาดก็ไม่มาก แต่คนไม่คิดอ่านไตร่ตรองอะไร ทำตามความอยากคิดอยากทำอยากพูด มักจะเสียเป็นส่วนมาก ทางดีไม่ค่อยมี ท่านจึงสอนให้ทำความดีด้วยใจของเรา หลักพุทธศาสนาแล้วลงที่ใจ ใจเป็นผู้ผลิตสิ่งต่าง ๆ ขึ้นมา ถ้าใจได้รับการคิดอ่านไตร่ตรองและได้รับการอบรมจากศาสนา เฉพาะอย่างยิ่งพุทธศาสนาของเรา เป็นศาสนาที่เลิศเลอสุดยอด หาที่ใดเสมอเหมือนไม่มีแล้ว เราไม่ได้พูดเป็นคู่แข่งกระทบกระเทือนกัน แต่ธรรมต้องเอาของจริงออกมาพูด ดีบอกว่าดี ดีขั้นใดภูมิใดบอกตามขั้นตามภูมิแห่งความดีนั้น ๆ ดีสุดยอดก็บอกตามสุดยอดแห่งความดี ความชั่วสุดขีดก็บอกตามความชั่ว นั่นเรียกว่าธรรม

ธรรมจะพูดอย่างตรงไปตรงมา ไม่เอียงซ้ายเอียงขวาเอียงหน้าเอียงหลังไปไหนแหละ เรียกว่าธรรม โลกเมื่อเชื่อธรรม ปฏิบัติตามธรรมที่ถูกต้องอยู่แล้วนั้น ย่อมเป็นที่เย็นใจทั้งตัวเองและผู้อื่น ที่เกี่ยวข้องมากน้อยก็เย็นใจไปตาม ๆ กัน เพราะต่างคนต่างพิจารณาโดยธรรม ปฏิบัติโดยธรรมด้วยกัน ย่อมไม่ค่อยกระทบกระเทือนกันอย่างง่ายดาย การกระทบกระเทือนกันไม่ว่าส่วนใหญ่ส่วนย่อย มักจะเป็นไปจากจิตใจที่ผิดพลาดไปแล้วเท่านั้นเอง แล้วก็ขัดก็แย้งกัน ต่อจากนั้นมาก็ทะเลาะเบาะแว้งรบราฆ่าฟันกัน ก็เพราะจิตใจขัดแย้งกันนั่นเอง

ย่นเข้ามาหาตัวของเรา ท่านสอนถึงใจของคนใจของสัตว์ มนุษย์เรานี้สำคัญที่จะรับรองพุทธศาสนาได้ ท่านสอนลงที่ใจ ใจตั้งแต่ตื่นนอนมานี้คิดแล้ว ไม่ทราบว่าคิดเรื่องอะไร ๆ แต่เจ้าของไม่ได้คิดอ่านไตร่ตรองพิจารณาดูเรื่องความคิดของเจ้าของ เป็นความคิดดีชั่วประการใดแล้ว มักจะแสดงออกไปตามความคิดที่ไม่ได้คิดอ่านไตร่ตรอง แล้วก็ผิดพลาดไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งหลับมีแต่ความคิดที่ผิดพลาด กิริยาที่แสดงออกมามีแต่ความผิดพลาด คนนั้นเรียกว่าเหลวไหล หาความสุขทั้งวันไม่เจอเลย มีแต่ความผิดพลาดซึ่งนำมาแห่งความทุกข์ทั้งหลายเท่านั้น แล้วจะหวังเท่าไรก็ตามหวังความสุข หวังไม่ได้นะ ความสุขนั้นเป็นผลไปจากเหตุ คือความคิดการกระทำของเราดีถึงจะดี

เพราะฉะนั้นวันหนึ่ง ๆ ขอให้พี่น้องทั้งหลายซึ่งเป็นชาวพุทธ ได้คิดอ่านไตร่ตรองตนเองบ้างตามหลักพุทธศาสนาที่ท่านสอนลงที่ใจ ที่เป็นโรงงานอันใหญ่โตที่สุด คือใจของเรา ให้คิดอ่านไตร่ตรอง วันนี้เราจะทำหน้าที่การงานอะไรบ้างให้คิด มีส่วนได้ส่วนเสียอะไร ส่วนผิดถูกชั่วดีอะไร ให้พิจารณาไตร่ตรองเสียก่อนก่อนที่จะดำเนินงานแต่ละชิ้น ๆ อย่างนี้คนเราไม่ค่อยผิดพลาดมากนะ ไอ้โกโรโกโส คิดอย่างไรทำอย่างนั้น ๆ ผิดไปทั้งนั้นแหละ ผลที่ได้มาก็มีแต่ความผิด ตีบตันอั้นตู้ภายในจิตใจ ระบายออกก็เป็นฟืนเป็นไฟต่อหูคนอื่นใจคนอื่น ให้ได้รับความกระทบกระเทือน ใครระบายออกมาก็มีแต่ฟืนแต่ไฟ ออกมาจากความผิดพลาดของใจที่แสดงออกมาทางกายวาจาความประพฤติหน้าที่การงานไม่ดี ก็เป็นผลเสียไปหมด คนทั้งคนมีแต่ความเสียหาย จะหาสารประโยชน์อะไรจากตัวของเรา

เราพึ่งอะไรทุกวันนี้ ต้นไม้ภูเขาเขาก็เป็นต้นไม้ภูเขา ดินฟ้าอากาศเป็นเรื่องของเขา ตึกรามบ้านช่องถนนหนทางอาศัยเขาไปเป็นวัน ๆ เพียงวันหนึ่ง ๆ เท่านั้น ส่วนที่จะพึ่งเป็นพึ่งตายจริง ๆ คือเราต้องอาศัยเรา ความดีงามของเราให้คิดอ่านไตร่ตรองขวนขวายหามาไว้เสมอตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งหลับ ทุกวัน ๆ ให้พากันคิดอ่านไตร่ตรองอย่างนี้บ้างนะชาวพุทธเรา เดี๋ยวนี้เหลวไหลมากชาวพุทธเรา เอาธรรมจับมันเห็นหมดจะว่าไง กิเลสจับจับจนตายมันก็จมอยู่ตลอดกัปตลอดกัลป์ไม่มีวันฟื้น ให้กิเลสจับมุดลงนรกอเวจี สวรรค์ไม่มีแหละ มีตั้งแต่นรกอเวจีถ้ากิเลสจับไสลงไป ถ้าธรรมจับแล้วฉุดลากขึ้นมา อะไรผิดอะไรถูกธรรมย่อมทราบและปฏิบัติตามธรรม เราก็จะมีความหวังในตัวของเราวันหนึ่ง ๆ

วันหนึ่งมีกี่ชั่วโมง ในชั่วโมงหนึ่ง ๆ เราคิดอ่านไตร่ตรองทำหน้าที่การงานอะไรบ้าง คิดไปโดยลำดับ จนกระทั่งวันหนึ่ง ๒๔ ชั่วโมงเราได้อะไรบ้าง ให้คิดอ่านไตร่ตรองบ้างนะ เราหาความดีต่อเรา เราอย่าเป็นไปตามกิเลสทุกอย่าง ความโลภไม่มีคำว่าเมืองพอนะ คนเสียเพราะความโลภมากนี้มากต่อมากทีเดียว แล้วยังชมเชยกันว่าความโลภนี้เป็นของดิบของดี ได้เท่าไรก็ไม่พอ ๆ พุงหนึ่งแล้วยังไม่พอ อยากหาพุงมาอีก ไปหาซื้อตามตลาดก็ไม่มีพุง ใครก็มีแต่พุงเดียว ๆ ถ้าหากว่ามีตลาดร้านค้าขายพุงคนนี้ คนคนเดียวนี้จะไปกว้านซื้อเอาหมดในตลาดร้านค้า ไม่ว่าอำเภอจังหวัดใดก็ตาม ขายพุง ๆ ให้มนุษย์ เพราะมนุษย์นี้พุงใหญ่พุงหลวง กางออกตลอดเวลา ความอยากความโลภมันยัดเข้าไปใส่เข้าไปเต็มพุง จนกระทั่งพุงแตกก็ไม่รู้ตัว

ความโลภไม่พาคนให้รู้ตัวนะ ถ้าเป็นธรรมแล้วอิ่มก็รู้ว่าอิ่ม พอดีแล้วก็รู้ว่าพอดี หิวก็รู้ว่าหิว อิ่มขนาดไหนก็รู้ อิ่มเต็มที่พอหยุดแล้วก็ควรหยุด การรับประทานเขารับประทานกันอย่างนั้น การหลับนอนก็เหมือนกัน ไม่นอนจนจมเหมือนหมูอยู่ในปลักในขี้ตมขี้โคลน เรานอนแบบจะตื่นเพื่อหาผลหาประโยชน์ใส่ตัวของเรา เราไม่ได้นอนเพื่อจม อันนี้เราเกิดมาเป็นมนุษย์ เราก็ไม่ได้เกิดเป็นมนุษย์เพื่อจม เราเกิดเป็นมนุษย์เพื่อยกฐานะของเราขึ้นด้วยคุณงามความดีทั้งหลายต่างหาก เพราะฉะนั้นเราจึงควรคิดให้มาก

คำว่าความโลภพี่น้องทั้งหลายทราบไหม เมืองไทยเรากำลังจะจมอยู่เวลานี้เพราะความโลภมิใช่หรือ นี้ละความโลภ ไปหามาซิพุง ไปอุดรนี้ดูเขาขายพุงไหม มนุษย์มีพุงเดียว อยากได้มาอย่างน้อยให้ได้สัก ๑๐ พุง แขวงเป็นพวงเต็มตัวเลย พุงนี้ใส่ความโลภ พุงนี้ใส่ความโกรธ พุงนี้ใส่ราคะตัณหา หาเมียหาผัวให้ได้มาก ๆ ร้อยคนพันคนใส่พุงนี้ ความโกรธ โกรธเคียดแค้นเท่าไรไม่มีวันอิ่มพอ เอาใส่ถุงนี้ย่ามนี้ เอา โกรธมาเท่าไรใส่ย่ามนี้ถุงนี้ เอาจนกระทั่งให้พอ ความโกรธจะพอไหม ย่ามแตกก็ไม่พอ ถุงย่ามใส่ผัวใส่เมียมีหลาย ๆ คนไม่พอ ถุงย่ามแตกผัวก็ยังไม่พอ เมียก็ยังไม่พอ แน่ะ ความโลภ โลภเท่าไรก็ไม่พอ มีอะไรขนเข้ามาใส่ถุงนี้อีก ได้เงินเป็นแสนเป็นล้านยังไม่พอ อยากได้สิบ ๆ ล้าน พันล้าน หมื่นล้าน แสนล้าน สมบัติของคนทั้งโลกเอามาใส่ย่ามเดียวถุงเดียวให้เต็ม ถุงย่ามแตกความโลภยังไม่แตก ยังไม่พอ ดิ้นหาอยู่อย่างนั้น

เป็นของดีแล้วเหรอ คนดีดคนดิ้นเพราะความหิวความกระหายไม่ใช่คนสบายนะ หิวด้วยความโลภก็ไม่สบาย หิวด้วยความโกรธก็ไม่สบาย หิวด้วยราคะตัณหาผัวมากเมียมากก็ไม่สบาย ผัวเมียแตกฉานซ่านเซ็น ลูกเล็กเด็กแดงแตกไปหมด พ่อแม่เอาผัวเอาเมียเอาหญิงเอาชาย ซึ่งไม่ใช่เป็นของเลิศเลออะไร แม้แต่สัตว์เดรัจฉานเขาก็มีตัวผู้ตัวเมีย แล้วเอามาแข่งกันในบ้านเรือน กัดลูกกัดเต้าหลานเหลนตลอดครอบครัวผัวเมีย จนกระทั่งถึงวงศ์สกุลแตกกระจัดกระจายไปหมด เพราะผัวไม่พอเมียไม่พอ นี่ละความโลภพิจารณาซิ ถุงไหน ๆ แตกทั้งนั้น เอามากี่ถุงไปซื้อเอามาจากเมืองอุดรนี้ เอามากี่ถุงมาใส่คนเดียวนี้แตกหมด เพราะคนนั้นก็จะเอาเท่านั้นถุง คนนี้ก็จะเอาเท่านั้นถุง สุดท้ายทางตลาดก็เลยจะทะเลาะกัน หาถุงมาขายไม่พอกับคนซื้อ คนนั้นก็โลภ คนนี้ก็โลภ คนนั้นก็โลภไม่พอ ถุงย่ามไม่พอ ถุงใหญ่ไม่พอ สุดท้ายก็เลยแตกกระจัดกระจายกัน ทั้งผู้ไปซื้อไปขายทะเลาะกันยุ่งไปหมด นี่เพราะความโลภเห็นไหม พิจารณาซิ

ให้อยู่ในความพอดีบ้าง ความพอเพียงความเพียงพอเป็นยังไง ศาสนาสอนความพอดี อยู่เพียงพอ ไม่ได้สอนให้โลภดิ้นตามความโลภ ดิ้นจนตายก็ไม่มีสิ้นสุด ตายทิ้งเปล่า ๆ วิ่งตามความโกรธ ราคะตัณหา วิ่งเท่าไรไม่มีเมืองพอนะ ตายทิ้งเปล่า ๆ ด้วยกันหมด เพราะฉะนั้นจงอย่าวิ่ง พระพุทธเจ้าสอนไว้แล้วทุกอย่าง โลภ คนไม่ตายย่อมมีความอยากเป็นธรรมดา อยากหามาเพื่อความสุข ไม่ได้หามาเพื่อการสังหารตนด้วยความโลภไม่พอนั้น ความโกรธ พอเริ่มโกรธขึ้นเท่านั้นมันก็เผาตัวแล้ว ไหนยังจะเอาความโกรธของตัวที่เป็นไฟทั้งกองอยู่ในหัวใจนี้ ไปเผาหัวใจคนอื่นอีกให้เป็นฟืนเป็นไฟกันทั้งบ้านทั้งเมืองมันสมควรแล้วหรือ ดูซิน่ะความโกรธมันเกิดที่ไหนก่อน มันเกิดที่หัวใจของเราก่อน เผาเราก่อนอื่น

ความไม่พอใจ ความเคียดแค้นเผาเราแล้ว ก็ระบาดสาดกระจายไปหาคนอื่นให้เขาเดือดร้อนกันทั้งบ้านทั้งเมืองมันสมควรแล้วหรือ โลกนี้มีแต่ไฟเผากันใช้ได้เมื่อไร ถ้าพูดถึงราคะตัณหาก็เหมือนกัน สัตว์เขาก็มี พระพุทธเจ้าสอนแล้วให้พอดิบพอดี อยู่กันอย่างพอดิบพอดี ผัวเมียฝากเป็นฝากตายกันด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ความพึ่งเป็นพึ่งตายต่อกัน ผัวเมียเท่านั้นพอ พระพุทธเจ้าไม่เคยมี ๒๐ เมียนะ สาวกทั้งหลายก็เหมือนกันท่านออกบวช ท่านไม่ได้ไปหาค้าขายเอาผัวเอาเมียมาเป็นสรณะของโลกนะ พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ พระพุทธเจ้ามีพระยโสธราพิมพาพระองค์เดียวเป็นพระชายา บรรดาพระสงฆ์สาวกท่านก็อยู่ในกรอบของศีลของธรรม มาปฏิบัติตัวจนเป็นสรณะของพวกเรา เหล่านี้ท่านไม่เป็นพ่อค้าน่ะ พ่อค้ากิเลสตัณหา ท่านเป็นพ่อค้าธรรม เสาะแสวงหาแต่อรรถแต่ธรรมจนได้มาเป็นสรณะของพวกเรา

พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ พระพุทธเจ้ามีเมียเดียว ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ สอนให้คนมีความปรารถนาน้อย ให้มีเพียงผัวเดียวเมียเดียว อย่ายุ่งเหยิงวุ่นวายเป็นบ้ากับกิเลสตัณหา จะกลายเป็นหมาเดือนเก้าเดือนสิบสองไป อย่าเป็น เราเป็นมนุษย์หางไม่มี ถ้าไม่มีหางอย่าไปแข่งกับหมานะ หมาเขามีหางเดี๋ยวเขาเอาหางฟาดหน้าผากเอาแตกกลับมานะ เราจะอวดดีไปแข่งกับเขา เขามีหางเราไม่มีหางอย่าไปแข่ง สิ่งเหล่านี้กับสัตว์มันก็มี เขาไม่มีศีลมีธรรมก็ยังพอดู แต่มนุษย์เรามีศีลมีธรรมไปแข่งสัตว์ด้วยความเป็นผู้โลภโลเลจนมากมาย ไม่มองดูหน้าผัวหน้าเมียของตนเองซึ่งเป็นหน้ามนุษย์ด้วยกัน ฝากเป็นฝากตายด้วยกันมาตั้งแต่วันแต่งงาน ตกลงปลงใจกันว่าฝากเป็นฝากตายกันแล้ว แต่ไปทำอย่างอื่นให้เป็นความเสียหายแก่กันและกันนั้นไม่สมควรอย่างยิ่ง

ท่านสอนให้อยู่พอดิบพอดี ให้ต่างคนต่างดีผัวจะเย็นใจเมียจะเย็นใจ ความปรารถนาน้อยมอบให้กับมนุษย์ผู้มีขอบเขต ผัวเดียวเมียเดียวอยู่กันไป สุขทุกข์ให้สุขด้วยกัน ทุกข์ด้วยกัน เป็นด้วยกันตายด้วยกันไปอย่างนี้ นี่คือทางของศาสดาที่สอนมาแล้วทุกๆ พระองค์ ขอให้ท่านทั้งหลายได้นำนี้ไปปฏิบัติ อย่าโลเลในสิ่งเหล่านี้ไม่ดีเลย พระพุทธเจ้าองค์ใดไม่มีการที่จะชมเชย มีแต่ตำหนิเรื่องผัวมากเมียมากไม่มีสถานีจอดแวะ เลอะๆ เทอะๆ ใช้ไม่ได้ มนุษย์เรายิ่งเป็นผู้ฉลาดด้วยแล้วไปทำอย่างนั้นเลวมากที่สุด ไม่สมควร ยิ่งมนุษย์ชาวพุทธของเราด้วยแล้วอย่าทำเป็นอันขาด ให้เชื่อฟังพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้ามีผัวเดียวเมียเดียวมาเป็นศาสดาของโลก ใครมีร้อยผัวพันเมียเอามาแข่งพระพุทธเจ้าเคยมีที่ไหน ไม่เคยมี เราอย่ายึดเอามาแข่งพระพุทธเจ้าเราจะจมลงต่อหน้าเทวทัต ให้พากันจดกันจำ

วันนี้เป็นวันมหามงคลของเราแล้ว เราได้พบทั้งชาติคือฟ้าหญิงท่านเสด็จมา นี่ชาติของชาติไทยเรา หัวใจของชาติไทยเรา ร่มโพธิ์ร่มไทรของชาติไทยเราอยู่จุดเดียวนี้ เพราะฉะนั้นต่างคนจึงต่างรักษาต่างสงวน ต่างคนต่างเทิดทูนเอาไว้ซึ่งหัวใจของชาติไทยของเรา ชาติไทยของเราเมื่อมีพ่อมีแม่แล้วก็สงบร่มเย็น ลูกกำพร้าหาความสุขไม่ได้นะ มีกี่คนก็ว้าเหว่ไปหมดไม่มีพ่อมีแม่ นี่คนไทยเรา ๖๒ ล้านคน พ่อแม่ของคนไทยเราคือวงศ์กษัตริย์ นี้คือหัวใจของชาติ เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของชาติบ้านเมืองเรา วันนี้ท่านเสด็จมาในนามองค์กษัตริย์ทีเดียวจะเป็นอะไร นามขององค์กษัตริย์ก็คือนี้แหละ

วันนี้เป็นสิริมงคลแก่หูแก่ตาของเราทั้งหลายท่านเสด็จมา ท่านมีความรักใคร่ใฝ่ต่อธรรม ท่านอุตส่าห์เสด็จมา เราก็ให้ถือท่านเป็นคติตัวอย่างอันดีงามแล้วไปประพฤติปฏิบัติตัวให้ดิบให้ดี แล้วก็จะเป็นสิริมงคล เป็นการเทิดทูนเกียรติยศของท่านให้มีความสูงส่งขึ้นไปโดยลำดับ เพราะอำนาจแห่งความดีของพวกเราทั้งหลายปฏิบัติบูชาคุณท่าน จำให้ดีนะ วันนี้ก็เทศน์เพียงเท่านี้แหละไม่เทศน์อะไรมาก เหนื่อยนะเทศน์ไปๆ เหนื่อยแล้วหลวงตา เทศน์เพียงเท่านี้แหละ ขอความสวัสดีจงมีแก่บรรดาพี่น้องทั้งหลายโดยทั่วกันเทอญ

เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร www.luangta.com


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก