เทศน์อบรมฆราวาส ณ สวนแสงธรรม
เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๓
(หลังจากผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยเข้ากราบนมัสการ)
จะประจบประแจง มันหวานพวกนี้นา พอมาถึงเวลาขึ้นเรื่องแล้ว มันก็ไปแบบเขา นี่น่ะ พอขึ้นมันก็ไปแบบเขา ไม่ได้มาแบบที่เขาประจบไว้ว่า จะพูดตามที่พูดนั้นน่ะ มันไม่มาแล้วน่ะ มันไปนู้น แฉลบไปนู้น แฉลบไปนี้ ก็ไล่กัดเอาซิ เอาอย่างนี้ไม่เอาแล้ว ว่างี้ นั่น เห็นมั๊ยล่ะ หือ ไม่เอา ไป เข้าไปก่อน เรายังลงใจไม่ได้นะ บอกตรง ๆ เลย มาแย็บออกอะไรที่รวมบัญชีอีกเหรอ ตอนนี้น่ะ ถึงมาแย็บออกที่รวมบัญชีใช่ไหมล่ะ เราก็เปรี้ยงทันทีเลย รวมบัญชี นั่น เห็นไหม ถ้าปืนไม่ได้ง้างนกล่ะ กำเหนี่ยวไกเลย อย่างงั้นนะ
มาพูดอะไร รวมบัญชงบัญชีอะไรนี่ ใส่เปรี้ยง ๆ ๆ ออกไปเลย อย่างงั้นแล้วเรา นี่มันมาด้วยเล่ห์ด้วยเหลี่ยมแล้วล่ะ เพราะฉะนั้นจึงพูดกับเราไม่ได้นาน พอพูดกับเราเล็กน้อยแล้ว พอเราจับเงื่อน ๆ ได้แล้วนะ แสดงว่าที่มามีเล่ห์เหลี่ยม ก่อนจะมา ก็มาหลอกลวง หวานปากหวานคอ มาหาเราเสียก่อนนะ เราก็จับอันนี้ไว้ จะมาแบบนี้ หรือมันจะมาแบบไหน แต่หลักใหญ่มันจะมาแบบนั้น เราก็ฟัง พอมามันก็จริง ๆ ก็ไปแบบนั้นซะ เลยไล่กลับ ขี้เกียจยุ่ง
ไปแล้วมันก็ไปจ่ายตลาดอีก ไปตลาดอยู่แถวนั้นน่ะ หน้าศาลาหน้ากุฏินั่น ไปหาเก็บตกตามนั้นน่ะ ที่มาจะให้ได้ดั่งใจ ไม่ได้เรื่อง ถูกเราไล่เสีย แกก็กึ๊กกั๊กไปเลย เราก็ดู เราก็รู้ ๆ หมด กริยาท่าทางออกจากเราไป เราก็รู้ นั่น หือ ประสามูตรประสาคูถ ประสาถังขยะ มันมาแบบไหนมันก็รู้หมด ธรรมไม่ได้เป็นอย่างงั้นนะ อันนั้นก็ไปออกพวกหนังสือพิมพ์ พวกบ้าอ้าปาก ไปฟังเขาลงหนังสือพิมพ์ ไปลงแบบไหนก็ไม่รู้วันพรุ่งนี้ คือแบบของเขา หาเก็บตกไม่ได้จากนี้ มันก็ไปหาเก็บตกแบบนั้น เราก็บอกนี่กำลังจะหาเก็บตกแถวนั้น นั่นน่ะ ว่างี้
วันพรุ่งนี้เขาจะออกแบบไหนก็ไม่รู้ ออกแบบของเขาน่ะ เขามาหาผลหาประโยชน์เขานี่ มาหาคะแนนเขา หาอุบายมาหาเรา คือเรากันเอาไว้ เราไม่ให้พบ เราบอกเราไม่มีเวลานี่นะ เขาก็หาอุบายเรียกเข้ามาอีก มาประจบ ๆ เรา เราก็จับเอา ค่อยดูมันนี่น่ะ มา มันจะมาแบบไหนนี่ มันจะมาแบบประจบ นี่มามันก็ไปแบบเขา พอแบบเขานั้นมาก็ไล่กลับไป เป็นอย่างงั้นนะ
พวกนี้ไม่ถอยนี่ ระวังให้ดีนะ บอกนี่ ที่ว่าไปหาเก็บตกนี่ มันจะไปเป่าหูเขาออกทางหนังสือพิมพ์ แล้วอ่านเป็นเรื่องของเขางั้นนะ เป็นรายได้ของเขา เขามานี่ เขาไม่ได้ขาดทุนนะ อันนี้บอกนี้ กำลังไปหาเก็บตก ออกนี้ประกาศต้มพวกตาฝ้าตาฟางเหล่านี้หมด เราก็ว่างี้ละ พูดตรง ๆ มันไม่ได้เพี้ยน ลวดลายของกิเลสมันออกแบบไหน แป๊บ มันรู้แล้วละ เพราะฉะนั้นจึงไม่พูดให้เสียเวลา เอาละเหนื่อยมากแล้วพอ ไม่เล่นด้วยแล้วละ ว่างี้เลย ไล่ จึงไล่หนีนะ ไม่เล่นด้วย ไม่เกิดประโยชน์อะไร มาก็มาเล่ห์เหลี่ยมเก่า ไม่ยอม หาเล่ห์เหลี่ยมให้ออกทางนั้น ออกทางนี้ ออกธนาคาร แยกนี้ได้ แยกนี้เสีย มาบรรยาย มาหลอกเรา เราไม่เล่นด้วย นี่คือแง่เก่านั่นแหละ เนี่ย จะหาทางออก จะให้ลงใจ ให้เราลงใจไปล่มจมกับมัน โหย ไม่ลงง่าย ๆ อันนี้ยังตีเอาบ้างละซิ
ที่เขามาขอความเชื่อถือ ท่านควรจะเชื่อถือผมบ้าง ว่างั้นนะ ถ้าควรเชื่อ เชื่อ ไม่ควรเชื่อ ใหญ่ขนาดไหนก็ไม่เชื่อ นั่นเห็นไหมละ ต่อยทันทีเลย ถ้าไม่ควรเชื่อ เชื่อไม่ได้ เพราะเราเคยถูกต้มถูกตุ๋นมาแล้วนี่นา ว่างั้นเรา มันเป็นอย่างงั้นนะ เราไม่ได้เหมือนใคร เพราะฉะนั้น จึงไม่ให้พบง่าย ๆ นะ พบเรา เพราะฉะนั้นเราจึงได้บอกให้ไปพิจารณากันเรียบร้อยแล้วมีอะไรให้พิจารณากันเอง แล้วนำเรื่องมาหาเรา เราจะวินิจฉัยตามความเป็นจริงที่เรื่องออกมา ว่างั้น จะมาสุ่มสี่สุ่มห้า มาทะเลาะกัน ถกเถียง เราไม่เล่นด้วย เราไม่ใช่หมาคอยกัดกันกับเขา ถ้าเป็นหมา ไม่ได้บอก มันก็แฮ่ ๆ กัดเลย อันนี้ไม่ใช่หมา
จากอุดรฯ ยุบยอบนะ พวกในวัดเหงาหงอยไปตาม ๆ กันละ ทั้งพระทั้งโยมในวัด ตั้งแต่ยังไม่มา พอลั่นคำว่าจะมา เท่านั้นละ ทราบไปแล้วก็เอานั้นมาเผาเจ้าของ เป็นอย่างงั้น
หลวงตา มากันกี่คน
ลูกศิษย์ มาจากหาดใหญ่ 2 คน
หลวงตา ทางหาดใหญ่เขามีอินเตอร์เน็ตหรือเปล่า เคยอ่านอินเตอร์เน็ตไหม
ลูกศิษย์ ที่บ้านมีคอมพิวเตอร์ แต่ไม่มีอินเตอร์เน็ต
หลวงตา ที่หลวงตาเทศน์ที่อุดรฯ แล้วไปออกทางโน้นนะ มีไหม
ลูกศิษย์ มีค่ะ แต่ที่บ้านหนูไม่ได้ติดอินเตอร์เน็ต
หลวงตา เดี๋ยวนี้มันออก ในเมืองไทยออกนี้ ออกทั่วโลกเลยเดี๋ยวนี้นะ ทางเมืองนอกเขาก็อนุโมทนามาทางอินเตอร์เน็ตเหมือนกันนะ เขาอนุโมทนามาทางอินเตอร์เน็ต มาหาเรา พวกนี้ไม่ใช่เล่นนะว่างั้น มากันเยอะนะ คนไทยเรานี่ละ ฝรั่งก็มา พวกแหม่มพวกอะไรก็มา เดี๋ยวนี้ยังอยู่วัด เขากลับแล้วหรือยัง ไม่รู้นะ แหม่ม เขาตามมา อันนี้ก็ติดอยู่ในอินเตอร์เน็ตด้วย ออกทางเป็นเสียงก็ทางวิทยุด้วย เพราะเราพูดมันก็มีนั่นแหละ มีแง่ตลกอยู่ในนั้นแหละ เพราะงั้นเวลาเราเจ็บ จึงไม่เจ็บล้วน ๆ มันมีคันอยู่ มันชวนให้เกา มันดุแว้ว มันยังมีคันอยู่ในนั้นแหละ ทั้งเจ็บตรงนี้ มันก็คันตรงนี้นะ มันก็เลยแจ้งไปในตัว
แหม่มนี้มาพูด ขบขันจะตายเรา เขาพูดว่า เขามาถวายดอลล่าร์ มาถวายเสร็จแล้ว เขาจะส่งอุทิศให้ดวงวิญญาณของพระเจ้าเขา ว่างั้น เขาถือคริสต์ศาสนา แล้วเขามา เขาทราบเรื่องราวของเรา ออกทางโน้น ว่างั้น เขาเลยติดตามมา มาแล้วก็เรื่องราวเก่าเขาก็ยังติดมา พอถวายเรียบร้อยแล้ว เขาอยากอุทิศส่วนกุศลให้ถึงดวงวิญญาณพระเจ้าเขา ว่างั้นนะ พอพูดอย่างงั้น ทางนี้ก็ขึ้นล่ะ เราก็บอกด้วยนะ เราก็พูดเบา ๆ ว่างี้นะ เขาว่าอุทิศส่วนกุศลให้ดวงวิญญาณพระเจ้าเขา ว่างั้น เราก็บอก เราก็พูดกับคริสต์เลยว่า ดวงวิญญาณอะไรโคตรพ่อโคตรแม่ มันที่ไหน อย่างนั้นเลย เห็นไหม ซ้ำก็พูดเฉย ๆ ตลกเฉย ๆ เกิดมาก็จะได้เห็นวิญญาณเขา เขาว่าไง ก็ว่าไปตามเขาเฉย ๆ วิญญาณโคตรพ่อ โคตรแม่ มึงที่ไหนเล่า มันก็ออกทางนี้ ออกหมด ถ้ามีกิเลสก็ออก ออกทางนี้ก็ออกหมดละ คือคำพูดของเรานี่ คนที่ได้ฟังทั่ว ๆ ไป เพราะเป็นคำพูดที่ว่า เราพูดตามตรงเลยว่า มันไม่ค่อยเหมือนใครนะ มันก็มีแปลก ๆ อย่างงั้นแหละ คิดดูอย่างนี้ ใครมาพูดได้ ใช่ไหม เราก็พูดได้อย่างสบาย พวกฟังก็ฟังอย่างสบาย หัวเราะกันเล่นเป็นไรวะ เราพูดเฉย สบาย เวลาจะขึ้นนะ วิญญาณโคตรพ่อ โคตรแม่ ขึ้นไปอย่างนั้น ใครจะไปรู้อย่างนั้น ใช่ไหม แต่เราพูดได้อย่างสบายเลย เฉย พูดไปพูดมา มันมีแง่ตลกของมันอยู่ในนั้นล่ะ
อย่างที่ว่า ไอ้พวก ปปช. วันนั้นที่เทศน์เรื่อง ปปช. มันหาตีหาฟัน หาปราบตั้งแต่คนดีนะ ตัวโจรผู้ร้าย ทำไมมันไม่ไปปราบ มันนอนตายอยู่ไหน ปปช. นั้นน่ะ เราว่างี้นะ มันก็อย่างงั้นแล้ว มันนอนตายอยู่ไหนวะ เห็นไหมล่ะ ก็ไม่เห็นใครค้านมา (ลูกศิษย์ : ไม่กล้า ใครจะกล้าละคะ เขาแอบว่าข้างหลังค่ะ) เขาว่าไง (ลูกศิษย์ : โอ๊ะ กราบเรียนไม่ได้หรอกค่ะ) โอ๋ กราบไปเถอะ กราบถึงเมฆก็จะฟังถึงเมฆ โอ๋ มันกล้ามาพอแล้ว มันเคยฟังมาพอแล้ว จะไปกลัวอะไร
เวลานี้มันออกทางอินเตอร์เน็ต ที่เทศน์มานี้ หลายเดือนแล้วมั๊ง ยังไม่ถึงปีล่ะ ป่านนี้มันก็กระจายไปเมืองนอกเป็นทั่ว ๆ ไป ทางโน้นเขาก็อนุโมทนาสาธุการมาทางอินเตอร์เน็ตเหมือนกันนะ นี่หมายถึงคนไทยเราที่ไปอยู่เมืองนอก ใครมีอินเตอร์เน็ตบางคนพูดกันจนสนิทนะ เขาบอกว่า เขาไม่เคยได้ยินได้ฟังธรรมะอย่างนี้ เหมือนกับเขานี้หมดคุณค่าไปแล้วเรื่องศาสนา เป็นอย่างงั้นนะ พอมาได้ยินได้ฟังธรรมะนี้แล้ว เหมือนว่าเขาได้เกิดชาติใหม่ เขาอนุโมทนามา ขอให้มีอายุมั่นขวัญยืน เขาก็ว่าของเขา ยืนไม่ยืน คนตายก็อยู่กับเรา ใครให้เท่าไหร่ ถึงวันแล้วมันไปของมันเองก็เท่านั้นแหละ
มาเรื่อยแหละทางอินเตอร์เน็ต มาจากเมืองนอกนะ มาชมเชยสรรเสริญ มาอะไรแล้วแต่เขาจะออกมา แต่การตำหนิยังไม่มี มีแต่เขาชมเชย ถ้าเขาตำหนิเขาก็กลัวเราจะกัดเขานะซิ เพราะปากมันก็จะเห่า และกัดเขาด้วยนะ เขาก็ระวัง ออกอินเตอร์เน็ตทุกวันนั่นแหละ ออกไปทั่วประเทศไทย ถ้าใครรู้จุดมันแล้วเขาก็กด ว่างั้นนะ ออกทุกวัน ๆ ทีนี้มันกว้างขวางแล้ว สุดท้ายเวลานี้นะ เทศน์ทั่วประเทศไทยรู้สึกมีแต่เราคนเดียวนะ เทศน์ประจำวันอย่างนี้นะ เขาเรียกว่าวันต่อวัน เขาเขียนบอกไว้ในศาลาบ้านตาด วันต่อวันทางอินเตอร์เน็ต ว่างั้นนะ พอเทศน์นี้ปั๊บ มันก็ติดเทป เทปออกมันก็ทั่วไปหมด เมืองไทยทางวิทยุก็ได้ยินได้ฟัง ทางอินเตอร์เน็ตก็ออก ทางหนังสือก็ออก หนังสือนี้ก็มากที่สุด เขาพิมพ์อยู่เรื่อย อย่างอินเตอร์เน็ตนี้ไม่สงสัยว่าเขาจะไม่พิมพ์นะ เขาจะพิมพ์เรื่อย ๆ ไปเลย เพราะเทศน์ทุกวัน ๆ มันก็หนาขึ้นนะซิ ทีนี้เขาก็แยกออก กัณฑ์ไหนเขาชอบเขาก็จะพิมพ์ ๆ ไปเรื่อย ๆ ละ
หนังสือนี้ โอ้ โฮ มันจะเป็น 100 เล่มละมั้ง หนังสือของเรานะ
. หนังสือก็มาก เทปก็มาก ออกทางวิทยุก็มาก มิหนำซ้ำออกทางอินเตอร์เน็ตอีกแน่ะ ก็เรียกว่าทั่วประเทศไทย แล้วก็กระจายไปทั่วโลกเวลานี้ มีแต่หลวงตาองค์เดียวนี้เทศน์ประจำวันนะ นี้เป็นความสมัครใจเขานะ เราไม่เคยสนใจ เช่นทางวิทยุทางไหน ๆ ก็ตาม เราไม่เคยสนใจ เทศน์แล้ว แล้วเลย ทางโน้นเขาก็ติดต่อขอมา ทางนี้เขาก็ส่งไปให้ ๆ กระจายไปหมด มันจึงมากนะ
การเทศน์ของเรานี้ก็มาก ธรรมะแล้วแต่จะออก ไอ้ส่วนที่จะซ้ำของเก่าหรือไม่ซ้ำ เราไม่เคยสนใจ มันจะซ้ำกี่ครั้งกี่หน กี่พัน กี่หมื่น กี่แสนครั้ง เราก็ไม่สนใจ ว่าเราเทศน์เป็นของเก่าหรือของใหม่ พอถึงเวลาจะเทศน์ก็พูดเลยปั๊บ ๆ ๆ พอจบแล้วก็หายเงียบเลย ไม่ตกค้างในความจำนะ ไม่มี จึงไม่ทราบว่าเทศน์ของเก่าของใหม่ ผู้ฟังนั่นแหละจะรู้เรื่องว่ามันเก่ามันใหม่ มันซ้ำกันหรือไม่ซ้ำ ผู้ฟังน่ะจะเข้าใจ เรานี้จับไม่ได้นะ เทศน์แล้วหายเงียบเลย จำไม่ได้
ตั้งแต่เริ่มเทศน์มาเป็นเวลา 50 กว่าปีแล้ว พอปี 2493 ล่วงไปแล้ว พระเณรแต่ก่อนจะติดตามเรา ไม่ทันเรา คือแต่ก่อนพระเณรก็ติดตามตลอดอยู่แล้ว แต่เราไม่ยอมให้ใครไปด้วย ตลอดไปเลยนะ คือเราเที่ยวกรรมฐาน เราไปองค์เดียว ๆ ไม่ยอมเอาใครไปเลยนะ ตลอด ยิ่งเวลาขึ้นเวที 9 ปีเต็ม ๆ ใน 9 ปีนี้ใครจะเขียนประวัติเราไม่ได้เลย เพราะเราไม่ไปกับใคร การเขียนประวัติของเรานี้ เช่น องค์นี้ไปกับเราครั้งนั้น ๆ องค์นั้นไปกับเราครั้งนี้ อาจนำมาติดต่อกันไปเรื่อยก็ได้ ใช่ไหมละ เพราะมีผู้อยู่กับเราเป็นระยะ ๆ เอาเรื่องของเรามาติดต่อเขียนเป็นประวัติของเราก็ได้ แต่นี่เราไม่มี เราไปองค์เดียว ๆ ที่เอามาเขียนได้ก็เพราะว่า จากคำบอกเล่าของเรา เช่น เราไปที่ไหน เราก็เคยพูด พระท่านก็จดเอา ๆ ที่ได้มาเขียนเป็นอะไร หยดน้ำบนใบบัว มีเล่มหนึ่งนะ ทางกระทรวงศึกษาเขาพิมพ์แจกทั่วไปหมด เท่าไร หมื่นเล่ม หรือแสนเล่มก็ไม่รู้นะ เราจำไม่ได้ หยดน้ำบนใบบัวคือประวัติของเรา พระท่านไปหาเก็บตกเอามา เวลาเราเล่า ท่านก็จดเอา ๆ เพราะเล่าตรงไหนมันจริงตรงนั้นน่ะ เจ้าของเล่าเองใช่ไหมล่ะ มันจะโกหกไปได้ยังไง ที่มารวมกันแล้วพิมพ์เป็นเล่มขึ้นมา เรียกว่า หยดน้ำบนใบบัว เขาว่างั้น พิมพ์เยอะเหมือนกันนะ เรียกว่า กระทรวงศึกษาพิมพ์หมดทั้งกระทรวง แจกทั่วโรงเรียน
ตั้งแต่เราเป็นเด็กมานี้ เป็นฆราวาสมานี้ จนกระทั่งถึงเรียนออกปฏิบัติมาถึงปัจจุบันเลย ตอนเป็นเด็กก็ขบขันดีนะ ไปขโมยอ้อยเขา โอ้ มันก็ปัญญาดีนะ เราจำได้นี่นะ ป้าฝ้าย เป็นผู้หญิง เรายังจำนิสัยแกได้อยู่ ตอนเป็นเด็กไปกับพี่ชายนี่แหละ เราตอนนั้นจะอายุได้สัก 4 5 ปี ได้มั้ง เด็กขนาดนั้นแหละ มีดก็เล่มเท่านี้ถือไป มีดแกะขี้ไหมแม่นั่นแหละ ถือไป ผ่านไปผ่านมาก็เห็นอ้อยอยู่ อ้อยดำ โอ้ย สวยงามมาก น่าอยาก น่าหิว น่าขโมย ว่างั้นเถอะนะ ไปกับพี่ชายไปด้วยกัน มันหลายวันหลายคืน มันก็หิวมากนะซิ เรายังจำได้นะ เพราะถูกดัดเอานี่ มันถึงจำได้น่ะสิ ชวนพี่ชายไปขโมยอ้อยมากินเถอะ เราว่า พี่ชายก็ทำตาม เข้าไปก็เห็นลำนั้นใหญ่ ลำนี้ใหญ่ ก็เด็กขโมยของ ตัดกันมาคนละลำ ลากกันมา ประตูเขาก็ปิดอย่างดี แต่เด็กมันเข้าได้นี่ มันลอดเข้าไป ลอดเข้าไปแล้วก็ลากอ้อยออกมา ก็พอดีเจ้าของเขามา ชื่อฝ้าย อุ้ย สวยงามมาก ผู้หญิงคนนี้สวยงาม กิริยามารยาทนิ่มนวล สวยงามทั้งรูปร่าง กิริยามารยาทสวยงามด้วยนะ ยังจำอาการของแกได้นะ แกไม่มีอะไรกับเรานะ พอลากอ้อยมานี้ แกก็มาถึงพอดี แกไม่ได้ไปสวน สวนแกอยู่ข้าง ๆ นี้ แกมาธรรมดานี่
อย่างว่าแหละ บาปมันสู้บุญไม่ได้ เจ้าของเขามาเจอจนได้ กำลังลากอ้อยออกมา เด็กคนนี้สูมาขโมยอ้อยทำไม พูดยิ้ม ๆ นะ ก็เพราะมันเป็นเด็ก โอ้ย ทางนี้ตอบเข้าท่านะ อื่อ แปลกอยู่ เราจำคำตอบได้ โอ้ย ผมไม่ได้ขโมยนะป้า ผมหิวมาก พี่ชายมันนั่งอ้าปากอยู่นั่น ไอ้บ้านั่นนะ เราเป็นคนตอบเองนะ พี่ชายก็จะประมาณ 6 หรือ 7 ปี ละมั้ง ก็อ่อนกว่ากันปีกว่า พอเขามาถามก็ตอบเลยนะ โอ้ย ผมไม่ได้ขโมยนะป้านะ ผมหิวมาก ผมจะเข้าไปตัดเรียบร้อยแล้ว ผมจึงจะเอาอ้อยนี้ แบกอ้อยนี้ไปที่บ้านของป้า แล้วผมจะกลับไปบ้าน ถ้างั้นป้าก็เอาเสีย แน่ะ มันก็พูดเป็นนะ โอ้ย กูไม่เอาแล้ว สูตัดมาแล้วก็เอาไปกินซะ โอ้ย ยิ้มแป้นเลย ประสาเด็กก็ไปอวดทางบ้านนะซิ ขโมยอ้อยป้าฝ้าย มาเจอพูดแก้ตัวอย่างงั้น
ทางพ่อตาก็ฟังนะซิ โอ เด็กคนนี้มันเป็นเด็กเสียนิสัย มันไปขโมยอ้อยเขาแต่เด็ก โตกว่านี้มันจะเป็นเสือใหญ่แล้วนี่นะ ว่างั้น นึกในใจ พอไปเล่าให้ฟังแล้ว เด็กเรามันก็พูดไปตามความจริงแล้ว ขโมยแล้วมาเจอเจ้าของเขา ก็เลยแก้ตัวว่าไม่ได้ขโมย ได้อ้อยแล้วจะเอาไปบ้านเขาแล้ว ทีนี้จะเอากลับมา ทีนี้ให้เขาแล้วเขาไม่ยอมเอา เขาบอกว่าตัดมาแล้วก็เอาไปเสีย ทีนี้พ่อตาก็ว่า มันญาติกัน ก็ด้อมไปบ้านเขานะซิ ไอ้เด็ก 2 ตัวนั่นนะ ก็คือเรากับพี่ชาย มันไปขโมยอ้อยสูเมื่อวาน สูรู้ไหม ทางนั้นก็พูดตามความจริง โอ้ย เขาไม่ได้ขโมยนะ เขาบอกว่า เขาหิวมากเขาไปตัดอ้อย เขาจะเอาไปบ้าน แล้วเขาถึงจะเอามาบ้านเรานี้ ตัวขโมยใหญ่ละสู มันมาเล่าให้ฟังเองนะ มันบอกว่า มันขโมยทีแรก แล้วมันไปเจอสูเข้าแล้วมันก็แก้ตัวต่างหากนะ ตัวขโมยใหญ่ละ โอ้ย ก็ช่างหัวเขาละ เขาไม่ได้สนใจไปเล่าให้เขาฟัง กลัวว่าเด็กเรานี้จะเสียต่อไป หลานจะเสีย มันเป็นเด็ก มันขโมย ถ้าตามใจมันแล้วมันจะขโมยใหญ่ ความหมายว่าอย่างงั้น พอไปได้ความจากเขาแล้วก็มาฟาดเรานะซิ โอ้ย เราไม่ลืมนะ สูให้เตรียมข้าวเตรียมของให้มันนะ เด็ก 2 คนนี่นะ มันไปขโมยอ้อยเขา ต่อไปนี้ตำรวจเขาจะมา พ่อตามาขู่ ตำรวจเขาจะมาจับมัน สูเตรียมข้าวของให้มันไปกินในตะราง เด็ก 2 คนนี้นะมันจะไปติดคุก มันไปขโมยอ้อยเขามา ร้องไห้วิ่งขึ้นบนบ้าน เข้าห้องปิดประตู นั่นแหละเขายิ่งจะจับง่าย โดดลงจากบ้านอีก ลงจากบ้านอีกวิ่งเข้าป่า ไม่ลืมนะ พ่อตาดัดกลัวมันจะเสียนิสัย เราก็ไม่ลืม มันก็เป็นความจริงอย่างงั้น
โอ้ย เด็กนี่เวลาเป็นขโมยก็เป็นอย่างนี้แล้ว มันแก้ตัวน่าชมอยู่ไหมละ เอ๊ ชอบกลนะ ขโมยกับวิชาแก้ตัวนี้มันไปพร้อมกันนะ ไอ้เราก็ไม่เคยคิดจะแก้ตัวอย่างงั้น แต่เวลาไปถูกตาจนเข้าไปแล้วมันก็แก้ของมันได้ มันบอกว่ามันไม่ได้ขโมย มันหิวมาก ตัดแล้วจะแบกไปหาเจ้าของ ไปบอกเจ้าของว่าจะเอาไปบ้าน ความจริงมันขโมย ประวัติเรานี้น่าฟังดี มันก็เป็นเท่านั้นแหละ นิสัยไม่มีนะ ไอ้เรื่องผู้ร้ายใจโจรเราไม่มี นิสัยเราไม่มีมาดั้งเดิม
เราเองไม่เคยสนใจกับประวัติเรานะ เราก็บอกพระมาแต่ต้นแล้ว เรานี้ไม่เขียน พระก็พยายามเขียนจนได้นั่นแหละ เสร็จแล้วท่านสุดใจ เอาไปให้เราตรวจทาน ตรวจทานอะไรนะ ประวัติของครูอาจารย์นะนี่ ว่างั้น จะเอาออกพิมพ์ เราก็บอกว่าปาเข้าป่าเลยเราว่างั้น เราไม่สนใจจริง ๆ นะ จนกระทั่งเขาพิมพ์เป็นเล่มแล้วมาอ่านดู แต่มันก็ดี เป็นคติดี คือเราไม่เคยมีความชั่วช้าลามก เพราะนิสัยเราไม่มีแต่ก่อนนี้ คนพวกฉก พวกลัก พวกปล้นขโมยเราไม่เคยมี นิสัยไม่อำนวย เพื่อนฝูงคนไหนประพฤติตัวไม่ดี ไม่สนิทนะ ไม่คบค้าสมาคม เป็นนิสัยอย่างนั้นมาดั้งเดิม
เอ๊ ไปหาดใหญ่ มันปี พ.ศ.เท่าไร (ปี 27 เจ้าค่ะ หลวงตา) 27 นะ จากนั้นก็ไม่ได้ไปอีกเลยนะ (แล้วเมื่อไหร่จะไปอีกคะ) เวลา มันไม่มีเวลาว่างเลยนะ ยิ่งระยะนี้ยิ่งหนาแน่น กำลังเรานี้อ่อนลง ๆ ไม่ไหวแล้วนะ เดี๋ยวนี้ไปไหนไม่ได้นะ ยิ่งเรื่องเทศนาว่าการที่ต่าง ๆ เดี๋ยวนี้หยุดหมด เราไปเทศน์ให้เฉพาะจำเป็น ๆ เป็นบางรายเท่านั้น ไม่ได้ทั่วไปเหมือนแต่ก่อน ธาตุขันธ์มันไม่อำนวยแล้ว มันหมดกำลังของมัน จึงไม่ได้เทศน์
แต่ระยะนี้ดี ธาตุขันธ์รู้สึกว่ามันดี ฉันอาหารก็ดี ฉันดีมาเรื่อย ๆ การหลับนอนก็เป็นหลับเป็นตื่นบ้างนะ ฉะนั้นธาตุขันธ์ระยะนี้จึงดี ตอนถ่ายท้อง โหย ไม่ไหวนะ มันจะไปท่าเดียว ๆ 2540 41 42 ท้องยังไม่ดี พอมา 43 หายขาด มันค่อย ๆ ดีขึ้น ฉันอาหารได้ ฉันได้นะ ไอ้เรื่องมันอยาก มันหิว ไม่มีล่ะ คนในวัยนี้ไม่เคยปรากฏเลย เป็นปี ๆ ก็อยู่อย่างนั้นแหละ ที่จะให้มันคิดอยากนั้นอยากนี้น่ะ มันไม่ขัดไม่ขืนก็ฉันได้ แต่ก่อนไม่มี มีแต่ฝืนเรื่อย ๆ นะ จะฉันนี้มันฝืนเอานะ ไม่อยากฉัน แต่ก็ต้องจำเป็นฉันไปเล็กน้อย ครั้นต่อมาความฝืนนี้ก็ค่อยเบา ค่อยเบาลง ค่อยฉันได้ เดี๋ยวนี้ไม่ฝืน เป็นแต่เพียงว่าไม่อยากไม่หิว ไอ้เรื่องอยากเรื่องหิวไม่มี ถึงเวลาฉันก็ฉันได้ เมื่อมันไม่ฝืนก็ฉันได้ เราก็ฉัน ทุกวันนี้ฉันได้มากนะ เพราะงั้นธาตุขันธ์ค่อยดี
หมอฟังเทศน์แบบอินเตอร์เน็ต ที่บ้านมีอินเตอร์เน็ตไหม (ใช้พิมพ์มาอ่านครับหลวงตา มีแล้ว พิมพ์ออกมา พิมพ์ออกมาเป็นใบ ๆ )
..
เท่าที่เราได้ฟัง คือเราไม่ได้ทานนะ เช่น หนังสือพิมพ์ออก ๆ แต่ก่อนเวลาพระท่านถอดออกจากเทปแล้ว ท่านจะเอามาให้อ่าน ทานทีหนึ่ง เรื่องแก้นี้ไม่ได้แก้อะไรละ เป็นแต่เพียงว่าอ่าน เรียกว่าเป็นข้อประกันก็ว่าได้ เราทานหรือเราอ่านเรียบร้อยแล้ว ก็ออกพิมพ์ได้เลย แต่ทุกวันนี้ไม่มี แต่นี้ฟังอินเตอร์เน็ตนะที่เขาเอามาอ่านให้ฟัง เรียกว่าทานไปในตัว ว่างั้นเถอะ เวลาเขาเอามาอ่านให้ฟัง เราก็ฟัง อ่านจบแล้ว ก็เป็นว่าทานเรียบร้อยแล้ว เขาจะพิมพ์ก็พิมพ์ได้เลย ไอ้ เรื่องจะแก้ตรงนั้นตรงนี้ เราพูดจริง ๆ เราไม่เคยมีนะ ว่าเรานี้เทศน์ผิดไป สะดุดใจกึก โอ๋ ตรงนี้ผิดนะ ไม่มี แต่ข้อประกันก็คือว่า เมื่อได้ผ่านเรา เราได้ยินได้ฟังเรียบร้อยแล้ว ก็เป็นข้อประกันในตัว พิมพ์ได้เลย ๆ แต่ก่อนเขาถอดจากเทปมาให้เราอ่าน เราขี้เกียจอ่าน เดี๋ยวนี้ทางอินเตอร์เน็ต เอามาอ่านให้ฟัง ก็เรียกว่าผ่านไป ๆ เป็นยังงั้นเดี๋ยวนี้ ทานไปในตัว ในการฟังเสียงเขาอ่าน ต่อไปนี้มันจะหลายเล่มนะ เพราะมันเทศน์ มันจะเป็นทุกวันละมั้ง เทศน์ทุกวัน เขาออกทุกวัน
เทศน์มันก็มีธรรมทุกระดับ แต่ไม่ได้ทุกกัณฑ์นะ มันหากมีกัณฑ์หนึ่งมีธรรมแบบนี้ ๆ อันนี้แบบเด็ดขาดก็มี แบบดุเดือดก็มี ถ้าเป็นแบบดุเดือด ส่วนมากมักจะเป็นธรรมขั้นสูงหนึ่ง ธรรมเกี่ยวกับวงการบ้านการเมืองหนึ่ง ไอ้อันเกี่ยวกับวงการบ้านการเมืองจะดุเดือดบ้าง สองอย่างนี้มีเหมือนกัน ถ้าหมุนเข้าไปทางราชการงานเมืองแล้ว เช่น รัฐบาล เป็นต้น แล้วมักดุเดือดกับธรรมะขั้นสูง ถ้ามันเป็นขั้นสูง มันตีของมันเอง ผึง ๆ เลย ถ้าเป็นธรรมะทั่ว ๆ ไป เป็นธรรมะแกงหม้อใหญ่ มีตลกขบขันในนั้นเสร็จละ ถ้าเป็นเด็ด ๆ แล้วไม่ค่อยตลก ไปเรื่อยเลย
นี่มันก็เทศน์มาเท่าไรแล้วล่ะ จะเอาโวหารมาจากไหนนักหนาล่ะ เทศน์ตลอด ๆ ที่ออกที่สำคัญ ที่ออกช่วยโลกนี่ล่ะ มันร่วม 3 ปีแล้วนะ จะเข้า 3 ปีแล้ว เทศน์ตลอดนะ อย่างตอนเช้านี้เทศน์ทุกเช้า ๆ ตลอด วันละ 20-25 นาที 30 นาที เราดูนาฬิกาเวลาอ่านจบ มันอยู่ในราว 20-25 นาทีมาก 30 นาทีก็มีน้อย ส่วน 40 นาทีไม่ค่อยมี ไม่มีเพราะอะไร มันจะเตือนในธาตุขันธ์ของเราเอง พอเทศน์ไป ๆ นี้ มันจะเตือนเข้านะ เพราะเรา ไอ้เรื่องโรคหัวใจมันไม่ได้หายนะ มันสงบ อย่างธรรมดานี้เหมือนไม่มีนะ อย่างเราพูดอย่างนี้เหมือนไม่มีโรคหัวใจ แต่เวลาเทศน์ นั่นน่ะ เทศน์ที่เข้มข้นดุเดือด มันใช้ลม ลมออกมันสะท้อน ๆ ปั๊บเดียวรู้ พอรู้หยุดเลย นั่น เหมือนว่าอันนั้นเตือน เทศน์จึงได้ระยะแค่นั้น 25 นาที หรือ 30 นาที พูดธรรมดาเรา พอรู้ตัวมันก็หยุดของมันเอง นอกจากไปเทศน์ในงานต่าง ๆ ไปเทศน์ที่นั่นที่นี่ มักจะครึ่งชั่วโมง เพราะมันตั้งใจเทศน์จริง ๆ นะ ไปเทศน์ที่ไหนมักจะไม่ต่ำกว่าชั่วโมงนะ ชั่วโมง 5 นาที บ้าง 10 นาทีบ้าง ระยะนี้แทบทั้งนั้นนะ ไอ้ส่วนที่ต่ำกว่าชั่วโมงรู้สึกว่ามีน้อยมาก เช่น อย่าง 55 นาที 57 นาที 58 นาที นะ แต่มักจะชั่วโมง 5นาที ชั่วโมง 10 นาที หรือ 15 นาที บางทีถึง 20 นาที ก็มี อันนั้นห่าง ๆ ที ส่วนชั่วโมงกว่านี้มีอยู่ตลอด อันนี้พอมันเตือนแล้วก็ เราก็หยุดล่ะ อันนี้มันก็เตือนนะ พอเทศน์ไปเรื่อย ๆ แกงหม้อใหญ่ก็ไม่เข้มข้น เทศน์ก็ได้นาน ถ้าแกงหม้อเล็กมันเข้มข้น มันใช้ลม มันเป็นของมันเอง มันพุ่งออกนี้ ลมมันก็ออกแรง ๆ แรงมันก็สะท้อนกลับ ๆ ปั๊บเดียวก็ผึง ไปกระเทือนโรคนั้น มีลักษณะยิบ ๆ พอรู้แล้วเราก็เริ่มเหยียบเบรคล่ะ ประเดี๋ยวหยุด อย่างงั้น เดี๋ยวนี้เอาขันธ์เป็นประมาณนะ ขันธ์เตือนแล้วก็หยุด
เรามันมีกรรมเหมือนกันนะ เราพิจารณาดูเราเองเวลานี้ คือตอนธาตุขันธ์กำลังดี ไม่วิตกวิจารณ์กับเรื่องธาตุเรื่องขันธ์ เพราะโรคหัวใจไม่มี โหย เทศน์จนเจ้าของเองตกเก้าอี้เหมือนกันนะ เทศน์สอนพระ เวลาเทศน์สอนพระนี้มันจะพุ่ง ๆ ๆ จนฟังจะไม่ทัน พูดตรง ๆ เวลาเราว่าง ให้พระมาเปิดเทปให้ฟังที่เทศน์สอนพระนะ จนกระทั่งเจ้าของออกอุทาน โอ้โห มันขนาดนี้เชียวหรือวะ ฟังจนจะไม่ทัน มันพุ่ง ๆ ๆ บางทีเนื้อธรรมยังไม่หมด แต่ลมหายใจหมดเสียก่อน เลยรีบสูดลมหายใจดัง ฟิ้ว ๆ มันติดเทป นั่นแหละแต่ก่อนเป็นอย่างงั้น นี้พอโรคหัวใจเป็นขึ้นมาในเดือนมีนานะ ปี 2506 หยุดกึกตั้งแต่นั้นมาเลยนะ ไม่เทศน์เลยนะ รับแขกก็รับไม่ได้ เฉย ๆ ก็จะตาย มันเหนื่อยมันหอบของมันแหละ จนกระทั่ง2512 13 เราค่อยเทศน์ได้บ้าง รับแขกได้บ้าง จากนั้นมาก็โล่งเทศน์ได้บ้างก็ตอน 2520 ต่อมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งทุกวันนี้ โรคนี้ค่อยเบาไป ๆ ค่อยเทศน์ได้ ถ้าหากว่าโรคอันนี้ไม่มีตั้งแต่กำลังหนุ่มน้อยอยู่ โอ๋ย เทศน์นี้จะฟังไม่ทัน ถ้าไม่วิตกวิจารณ์กับธาตุกับขันธ์ มันพุ่งของมันเลยนะ เดี๋ยวนี้ไม่ได้ พังเลย ถ้าเทศน์อย่างนั้นพังเลยทันทีล่ะ มันต่างกัน เราอาศัยขันธ์เป็นเครื่องมือ ขันธ์อ่อนจะไปเทศน์แข็งไม่ได้นะ ขันธ์อ่อนกำลัง การเทศน์ก็ต้องได้ระวัง อย่างทุกวันนี้อย่างว่าล่ะ เทศน์ไปทั้งเหนื่อยทั้งหลงลืมไปด้วยนะ เป็นงั้น |