หยุด ไม่ต้อง มหาเถโรเถเร อะไรแหละ เข้าใจ เอาวางลงอย่ายุ่ง เถเรเถแร อะไร มาเห็นหน้ากันก็ เถเร แล้ว พอแย็บเราเข้าใจทันที ไม่ยุ่งด้วย สะเปะสะปะไม่มีหลักมีเกณฑ์ไม่เล่นด้วย ต้องมีหลักเกณฑ์แสดงออกมา ศาสนามีหลักมีเกณฑ์ โลเลโลกเลกทำสุ่มสี่สุ่มห้าอย่างชาวพุทธของเราเป็นอยู่ทุกวันนี้เป็นอย่างนั้นเอง เพราะฉะนั้นเมืองไทยถึงจะจม เพราะไม่มีแบบไม่มีฉบับอะไร ใครชอบอะไรก็ทำตามความชอบใจ ส่วนมากความชอบใจเป็นเรื่องของกิเลสตัณหาฉุดลากลงทางต่ำ ๆ โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว เวลานี้เมืองไทยกำลังจะจม เพราะความฟุ้งเฟ้อเห่อตามกัน วิ่งตามกัน ไม่ได้คำนึงถึงความผิดถูกชั่วดี ความเสียมันเสียไปเรื่อย ๆ เพราะความผิดของเราที่ทำไม่มีหลักเกณฑ์นั้นแหละ
นี่พอมาก็ อาจริเย ปมาเทน มันหมายความว่ายังไง อาจริเย ปมาเทน เราเรียนน้อยเราแปลไม่ได้ แปลให้ฟังหน่อยน่ะ อะไรมีแต่เรื่อง อาจริเย มองเห็นหน้ากันฟากทุ่งนา อาจริเย แล้วมันอะไรกัน หาเหตุหาผลไม่ได้ นี่ละศาสนาเวลานี้ไม่ได้มีติดในชาวพุทธเรานะ มีก็มีแบบที่ว่านั่นแหละ อาจริเย นี่ ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร มีหลักมีเกณฑ์อะไรบ้าง อาจริเย ว่ามาซิน่ะ นี่มีหลักเกณฑ์ทุกอย่างนะที่อธิบายให้ฟังนี่ ไม่ได้ทำเล่น ๆ นะ พระพุทธเจ้าไม่ได้ทำเล่น ทำจริงจนเป็นศาสดาเอกของโลก ธรรมประกาศสอนโลกเพื่อความเป็นคนดีจนกระทั่งถึงขั้นเลิศเลอ มีแต่ธรรมพระพุทธเจ้า กิเลสมีแต่ลากถูลงไป ลากเข็นลงไปให้จมลง ๆ นี้คือเรื่องของกิเลส
เวลานี้พวกเราพวกจมูกขาด ให้กิเลสมันฉุดมันลากจมูกจนจะไม่มีเหลือแล้วเวลานี้ ยังไม่รู้เนื้อรู้ตัวว่าถูกลากถูกต้มตุ๋นจากกิเลส ของจริงพระพุทธเจ้าทรงประกาศลั่นโลกมาเป็นเวลา เฉพาะองค์ปัจจุบันนี้ ๒,๕๐๐ กว่าปีไม่ค่อยมีใครจะสนใจอะไรเลย ไม่ได้ว่าประชาชนญาติโยม แม้ที่สุดพระก็แบบเดียวกัน หาหลักหาเกณฑ์ไม่ได้ เพราะไม่ได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่ทรงสอนไว้นั่นซี มันถึงโลเลไปตาม ๆ กัน ถามพระก็ไปแบบโลเล ถามโยมไปแบบโลเล ศาสนาได้มามีแต่ความโลเล ความโลเลคือเรื่องของกิเลสแทรกศาสนารู้ไหมล่ะ มันไม่ได้ของดิบของดีอะไรมาติดตัวของชาวพุทธเรานะ
นี่พูดจริง ๆ เราสลดสังเวชนะสอนโลก ก็จับก็แตะก็ต้องไปอย่างนั้นแหละพวกกองมูตรกองคูถ กิเลสฉาบทาเอาไว้หมด แตะตรงไหนมีแต่กองมูตรกองคูถ ทีนี้สิ่งสาระที่มีแทรกอยู่ในกองมูตรกองคูถยังมีอยู่ ก็ต้องทนไปจับไปต้องไปอะไร เหม็นก็ทนเอา เปื้อนก็ทนเอา เพราะยังมีสาระสิ่งที่เป็นสาระยังมีแทรกอยู่ในกองมูตรกองคูถนั่น ถ้าหากมีแต่กองมูตรกองคูถถ่ายเดียวแล้วปัดทันทีเลยไม่สนใจ แต่นี้มันก็มีสิ่งที่เป็นสารประโยชน์แทรกอยู่ในนั้น คือคนดียังมี มันไม่มีแต่แบบเลว ๆ ร้าย ๆ ที่ทำลายโลกทำลายชาติอยู่เวลานี้โดยถ่ายเดียว คนดีของดียังมีอยู่ เพราะฉะนั้นจึงได้ต้านได้ทานได้แยกได้แยะออกให้เห็นอยู่อย่างทุกวันนี้
อย่างหลวงตาบัวนำพี่น้องทั้งหลาย ก็คือแยกคือแยะออก ที่มันสกปรกโสมมจนเกินเหตุเกินผลแล้วก็ปัดมันออกไม่ยุ่งพวกนี้ คัดเอาของที่ดีออกมาใช้ ผู้ที่ต้องการของดีมีอยู่ ให้นำคตินี้ไปพินิจพิจารณาปฏิบัติตนเพื่อความเป็นคนดีตามธรรมนี้แล้วจะเจริญรุ่งเรือง นี่เรียกว่าสิ่งที่เป็นสาระยังมีแทรกอยู่ แทรกอยู่ในนั้น เราสอนโลกทุกวันนี้เราไม่ได้หวังอะไรนี่นะ มีแต่ความเมตตาล้วน ๆ เต็มสัดเต็มส่วน มันจะเหม็นคลุ้งทั่วแดนไทยเราก็ยังอุตส่าห์เข้าไปแตะไปจับไม่ต้อง เหม็นก็ทนเอา เปื้อนก็ทนเอา เพราะสิ่งที่เป็นสาระยังมีแทรกอยู่ในกองมูตรกองคูถ ไม่ได้มีแต่กองมูตรกองคูถอย่างเดียว ถ้ามีแต่เหล่านี้มันจมไปแล้วก็ปล่อยเลย อย่างคนตายเหล่านี้ไปหาอะไรมัน ยังมีดีอยู่ยังหวังที่จะหายจากยาจากหมออยู่ก็ต้องบำรุงรักษากันไป ถ้ามันตายเสียจริง ๆ ไม่มีใครไปยุ่งแหละ เตรียมแต่โลงใส่มันเท่านั้น
อันนี้คนดียังมีอยู่ กระเสือกกระสนกระวนกระวาย ยังไม่ตาย ยังมีชิ้นดียังมีความหวังอยู่ก็ฉุดก็ลากกันไป ที่มันจมไปเลยด้วยความไม่รู้จักบาปจักบุญ หนาแน่นเกินประมาณแล้วก็ปล่อยเลย มอบให้ยมบาลเขาไปเลยเราไม่ยุ่ง สิ่งที่อยู่ในวิสัยของหมอของยาก็ยุ่งกับคนไข้ ที่ตายไปแล้วก็มอบไปเลย มันก็มีขั้น ๆ อย่างนั้น โห เราสลดสังเวชนะเราช่วยโลก เราไม่ช่วยเล่น ๆ นี่นะ พี่น้องทั้งหลายเห็นไหมหลวงตาออกสนามเพื่อช่วยชาติบ้านเมือง อ่อนแอท้อแท้ที่ไหนพิจารณาซิ นี่ละภาคปฏิบัติเอามาจากการปฏิบัติรอดเป็นรอดตาย เรียกว่าเดนตายมา
เราปฏิบัติเพื่ออรรถเพื่อธรรมตามทางของศาสดา เพื่อมรรคผลนิพพาน เอาอย่างสุดเหวี่ยงเลยเทียว หลังจากได้รับโอวาทจากหลวงปู่มั่นเราเป็นที่ถึงใจแล้ว ทีนี้ก็ถึงใจในการสละชีพเพื่อมรรคเพื่อผลนิพพาน เรียกว่าเฉียดสลบ แต่เราไม่เคยสลบก็บอกไม่สลบ หากเฉียด ๆ พระพุทธเจ้าสลบถึงสามหน เราไม่ถึงขั้นสลบแต่เฉียด ๆ มาตลอด คือเอาชีวิตเข้าแลก ๆ เอาอย่างจริงอย่างจังเป็นตายไม่ว่า ไปพักอยู่บางหมู่บ้านเขาตีเกราะประชุมผู้ใหญ่บ้านเขา ที่เราเป็นอย่างนั้นเราเป็นอยู่เรื่อย ๆ ไปที่ไหนเราก็ปฏิบัติอย่างนั้นนี่ แต่บ้านไหนที่เขาไม่ตีเกราะประชุมก็บอกเขาไม่ตี สำหรับบ้านนั้นเขาตีเกราะประชุมจริง ๆ ประชุมลูกบ้าน
ตีเกราะประชุมให้ลูกบ้านมาประชุมแล้ว เอ้า ใครจะว่ายังไง ฟังซิน่ะ พระองค์นี้มาอยู่กับเราไม่ทราบว่ากี่เดือนแล้วนะ นาน ๆ เห็นด้อม ๆ มาบิณฑบาตทีหนึ่งหายเงียบ ๆ นี่ก็หายไปนานแล้วไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไร จนป่านนี้ไม่เคยเห็นออกมาบิณฑบาตเลย ท่านไม่ตายแล้วเหรอ ผู้ใหญ่บ้านประชุมลูกบ้าน พวกเรากินวันละสามมื้อสี่มื้อยังทะเลาะกัน นี่ท่านตั้งแต่มาอยู่นี้ไม่ค่อยเห็นมาบิณฑบาตเลย หลายวันเห็นด้อมมาทีหนึ่ง ๆ ไปดูซิ แต่เขามีข้อแม้ข้อหนึ่งว่า เวลาไปนี้ให้ระวังหน่อยนะ พระองค์นี้ไม่ใช่พระธรรมดา เป็นมหานะ เดี๋ยวไปดีไม่ดีท่านจะเขกเอานะ เขาเตือนลูกบ้าน ก็หลั่งไหลเข้ามา นี่เรายกตัวอย่างย่อ ๆ
คือไม่ฉันจังหัน การฉันจังหันมันเพิ่มพูนกำลังทางกิเลสตัณหามากขึ้น ๆ ความเพียรก้าวไม่ออก ตัดทางอาหารลง อาหารนี่เป็นทางของกิเลสตัณหา เมื่อตัดทางนี้ลงธรรมะก็ดีดขึ้น ๆ ได้ เพราะฉะนั้นจึงต้องอดเรื่อย ธรรมะขึ้นเรื่อย กำลังวังชาร่างกายของเราอ่อนลง กามกิเลสเป็นต้นมันก็อ่อนลง ๆ ธรรมะก็ดีดขึ้น ๆ เมื่อเห็นผลในทางธรรมด้วยการอดอาหารอย่างนี้แล้วมันก็พุ่งของมันเรื่อย ๆ บางวันมันจะไปไม่รอด ได้พิจารณาเจ้าของเอง จะไปถึงไหมหมู่บ้านเขา คำนึงคำนวณ ถึงขนาดนั้นไปถึงกลางทางไปไม่ไหวแล้ว ต้องไปนั่งเสียก่อน พักแรมได้กำลังแล้วออกไปบิณฑบาต มันจะตายเสียจริง ๆ ก็ไปสักวันหนึ่งพูดง่าย ๆ ว่างั้นนะ พอฉันพอได้กำลังบ้างแล้วทีนี้มาแล้วหยุดเลยไม่เอา เร่งใส่แต่ความเพียรตลอด ๆ
นี่ละความบึกบึนจะเป็นจะตายไม่ว่า เป็นอย่างนี้มาตลอดตั้งแต่เริ่มออกปฏิบัติ ขึ้นเวทีเป็นเวลา ๙ ปีเต็ม มีแบบนี้ทั้งนั้น เราไปคนเดียวไม่ได้เอาใครไปด้วย มันไม่สนุกฟัดกับกิเลส ถ้าไปสององค์เป็นสององค์ สามองค์เป็นน้ำไหลบ่า ๆ มันไม่พุ่งช่องเดียว ถ้าเราไปคนเดียวอยากกินก็กิน ไม่อยากกินก็เท่านั้น เราเอาเราเป็นเกณฑ์เลย ถ้ามีเพื่อนมีฝูงไปด้วย อันนี้ยังไง อันนั้นมีความรู้สึกยังไง ความรับผิดชอบกันในสัญชาตญาณจะต้องมี ทีนี้ก็เลยอ่อนทางความพากเพียร ไม่เต็มกำลัง เพราะฉะนั้นจึงไปแต่องค์เดียว ๆ เรียกว่าเฉียดสลบไปเรื่อย ๆ แหละเรา มันจะเป็นจะตายจริง ๆ
นั่งก็ฟาดเสียจนกระทั่งก้นแตก ฟังซิพี่น้องทั้งหลายฟัง นี่พูดเล่นหรือนี่ นำชาติบ้านเมืองเราทำเล่นหรือ เวลานั่งภาวนาฟาดนั่งตั้งแต่ยังไม่มืดบางวัน โน่นวันใหม่ตะวันโผล่ขึ้นมาท่าไหนท่านั้น ไม่ว่าปวดหนักปวดเบา เอ้า ทะลักออกเลย นั่นฟังซิเด็ดไหม เด็ดเพื่อความดีไม่ได้เด็ดเพื่อความชั่ว เด็ดเท่าไรยิ่งดี เด็ดดีเด็ดเท่าไรยิ่งดี เด็ดชั่วเด็ดเท่าไรยิ่งเลว นี่เราเด็ดเพื่อดี นั่งฟาดเสียบางวันยังไม่มืดนั่งแล้ว ไม่ให้เคลื่อนไหวไปมาที่ไหนเลย เรานั่งขัดสมาธิท่าเดียว เอ้า ปวดหนักออกเลย ปวดเบาออกเลย ไม่มีข้อแม้ที่ว่าเว้นแต่ปวดหนัก เว้นแต่ปวดเบา ถ้าเวลาจะตายจริง ๆ มันจะหาอุบายออก โอ๊ย ปวดเบา เดี๋ยวปวดหนัก ไม่ให้ไป เอ้า ปวดให้ทะลักออกนี้เลย โน่นฟังซิน่ะเด็ดไหมพี่น้องทั้งหลายฟังซิ
ก่อนที่เรามาเป็นผู้นำพี่น้องทั้งหลายเราดำเนินมาอย่างนี้ ใครเชื่อไม่เชื่อก็ตามแต่เราทำอย่างนี้เราพูดได้เต็มปากของเรา ถึงขนาดนั้นนะ ทีนี้เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้ว ถ้าหากว่ามันปวดหนักก็ดี ปวดเบาก็ดี ให้ออกเลย เราจะไม่ลุกไปถ่าย ตั้งแต่เป็นเด็กมันขี้ใส่ตักแม่มาสักกี่หนแล้วใช่ไหมล่ะ ไม่ว่าเยี่ยวว่าขี้ มันขี้รดเอาตักแม่เป็นถานมานานเท่าไรแล้วเด็ก นี้โตขนาดนี้เวลาลุกจากที่แล้วไปถ่ายไปซักไปฟอกไม่ได้แล้วตายเสีย อย่าให้มันหนักศาสนา ไม่ลุก เอาเลย แต่ก็ไม่เคยปวดนะปวดหนัก ส่วนปวดเบาที่ว่าปัสสาวะไม่มีแหละ เพราะเหงื่อนี่มันไม่ใช่เหงื่อ มันยางตาย ออกหมด มันจะเอาปวดปัสสาวะมาจากไหน ส่วนปวดหนักอาจมีได้แต่ไม่เคยมี ถ้ามีก็ต้องทะลักออกจริง ๆ
ข้อแม้ไม่มี เป็นอย่างนั้นแล้วเด็ด ฟังซิพี่น้องทั้งหลาย เวลาปฏิบัติตัวเองปฏิบัติเด็ดขนาดนั้นนะ พูดให้ใครฟังเขาจะไม่เชื่อเพราะเขาไม่เคยทำ เขาไม่เชื่อเราก็เชื่อเราเพราะเราเป็นผู้ทำเอง มันก็เท่านั้นเอง ไม่ขัดไม่แย้งกัน เขาไม่เชื่อเรา เราเชื่อเรา เพราะเราทำเอง เขาไม่ได้ทำเขาก็ไม่เชื่อก็มีเท่านั้น เวลาปฏิบัตินั่งฟังซิก้นแตก เป็นยังไงถึงก้นแตก นั่งวันนี้ตลอดรุ่ง เอ้า เว้นไปสองสามคืนนั่งอีกตลอดรุ่ง ๆ เก้าคืนสิบคืนไม่หยุดไม่ถอย ทีแรกก้นมันก็ออกร้อน คืนแรก ๆ ออกร้อน ต่อมาพอง หลังจากพองแตก หลังจากแตกเลอะ นี่ละก้นแตกแล้วเลอะเลย ไม่ถอยนั่งภาวนา ฟาดจนหามรุ่งหามค่ำ ๆ มุ่งแต่อรรถแต่ธรรมมรรคผลนิพพานอย่างเดียว เรื่องเหล่านี้ไม่มีปัญหา ฟังเอาซิ
จิตไม่มาเป็นอารมณ์กับสิ่งเหล่านี้ยิ่งกว่ามุ่งต่อมรรคผลนิพพานอย่างเดียว จิตมันพุ่งอย่างนั้น เพราะฉะนั้นมันถึงได้เอากันได้ ถ้ามันถึงขั้นควรจะสลบมันอาจจะสลบได้ แต่นี้ยังไม่ถึงขั้นสลบเราก็บอกไม่สลบ เป็นแต่เพียงว่าเฉียด ๆ นี่ปฏิบัติมา นี่ละเหตุคือข้อปฏิบัติ ปฏิบัติหนักขนาดไหน เวลาผลได้มาเป็นที่พึงพอใจฟ้าดินถล่ม ได้พูดให้พี่น้องทั้งหลายฟังแล้วพูดเล่นเมื่อไร นั่นละผลที่เป็นที่พึงพอใจสุดยอดจากการปฏิบัติอย่างเด็ดขาดของเรา ได้มาแล้วก็มาแนะนำสั่งสอนสัตวโลกเต็มกำลังความสามารถ เราจึงไม่ได้หวังอะไรจากใครทั้งนั้น เราพอทุกอย่างแล้วด้วยการสอน แล้วเป็นยังไงอ่อนแอไหมสอนพี่น้องทั้งหลาย ท้อแท้อ่อนแอเหลวไหลไหม
นี้ดูชาวพุทธเรามีแต่เหลวแหลกแหวกแนว ไม่มีใครสนใจกับอรรถกับธรรมที่จะทำตัวให้เป็นคนดีบ้างเลย มันไม่มีขอบเขตอะไรเลย แล้วบ้านเมืองของเรามันก็จะจมด้วยความไม่มีขอบเขตนี่จะเป็นอะไรไป ต้องมีการปฏิบัติรักษาตัวซิถ้าอยากเป็นคนดี นี่วันไหนก็ปล่อยเลยตามเลยตั้งแต่ตื่นเช้าถึงยันค่ำ ปล่อยเลยตามเลยตลอดทุกวัน ๆ แล้วมันจมไปมากขนาดไหน จนกระทั่งถึงวันตายไม่มีอะไรจะจมไปอีกแล้ว มันจมไปหมดแล้วตั้งแต่ยังไม่ตายจะว่าไง อย่างนั้นซิความไม่มีขอบเขตเหตุผล ทำตามอำเภอใจ อยากอะไรก็ทำตามความอยาก ๆ ไม่ได้คิดว่าความอยากนี้ผิดหรือถูกดีชั่วประการใดเลย คนเรามันก็หาที่ยับยั้งชั่งตัวไม่ได้ เมื่อไม่มีเหตุผลเป็นความดิบความดีเข้าสกัดลัดกั้นไว้แล้ว มีแต่ความชั่วไหลทางเดียวจมไปเลย ไม่มีทางดีนะ
นี่ละศาสนาท่านสอนมีหลักมีเกณฑ์อย่างนั้นนะ ท่านไม่ได้มาสอนลอย ๆ พอที่จะทำอะไรก็ลอย ๆ ทำอย่างสะดวกสบาย สบายก็มีแต่เรื่องกิเลสทั้งนั้นสบาย ลากคนลงนรก สบายมากกิเลสลาก ไม่ได้ลากยากเหมือนธรรมลาก ธรรมลากนี่ โหย มันลำบากลำบนนะ ถ้าลากเข้าไปทางจงกรมผู้ที่เดินจงกรม ลากเข้าทางจงกรม อันหนึ่งมันก็หมุนไปหาหมอน มันห่วงหมอน ถ้าจะไปจริง ๆ ก็เอาหมอนมัดติดคอเสียก่อนซี นั่นเห็นไหมเวลาธรรมจะลากให้เข้าทางจงกรมเพื่อแก้กิเลสนะ มันยังบอกว่าห่วงเสื่อห่วงหมอน ถ้าไม่ให้ห่วงจะทำยังไง ก็เอาเสื่อมามัดติดหลังติดคอไปด้วย ไปเดินจงกรมหย็อก ๆ ทั้งโงกทั้งง่วงสัปหงกงกงัน ยืนอยู่ทางจงกรมก็เหมือนหัวตอ สติไม่มีปัญญาไม่มี เลยไม่เป็นท่าเป็นทาง นี่เวลาธรรมลากไปสู่ทางอรรถทางธรรม กิเลสมันลากลงเสื่อลงหมอน สู่ความขี้เกียจขี้คร้านความท้อแท้อ่อนแอเหลวไหลโลเลไปตลอดเวลา แล้วหาความดีมาจากไหนมนุษย์เรา
เราต้องฟัดกันอย่างเต็มเหนี่ยวซี มันขี้เกียจเราขยันดัดกันอย่างนั้นซิ อย่างที่ว่านั่งตลอดรุ่งใครจะอยากนั่ง ก้นแตกใครจะอยากแตก มันเจ็บแทบเป็นแทบตายกว่าก้นจะแตก เอ้า แตกก็แตกถ้ากิเลสไม่แตกเราไม่ถอย เราจะเอาให้กิเลสแตกอย่างเดียว เห็นไหมล่ะมันถึงฟัดกันได้ซิ กำลังวังชาต้องสู้กัน เพื่อความเป็นคนดีต้องมีสู้บ้างนะ เวลานี้บ้านเมืองของเรากำลังเหลวไหลมากทีเดียว มีแต่เสี้ยนแต่หนามมีแต่ฟืนแต่ไฟ มีแต่เปรตแต่ผีกินบ้านกินเมืองกัดตับกัดปอดประชาชน
พี่น้องชาวไทยเราตับปอดไม่มีในตัว แต่ท้องยังมีพุงยังมีก็หิวก็โหย ต้องวิ่งเต้นเผ่นกระโดดกระเสือกกระสนกระวนกระวายหาอยู่หากินเพื่อใส่ปากใส่ท้อง แม้ตับปอดถูกเขากลืนกินหมดแล้วก็ตาม แต่พุงยังมีอยู่ก็หิวก็โหยก็ต้องวิ่งซิ คนไม่ตาย ตับปอดหมดไปแล้วแต่พุงยังอยู่คนยังไม่ตายต้องวิ่งเต้นขวนขวาย กระเสือกกระสนกระวนกระวายด้วยความยากความจน เห็นไหมทั่วประเทศไทยเวลานี้ อะไรก็มีแต่ความยากความจนเห็นไหมล่ะ นี่ละเรื่องกิเลสมันกลืนเป็นอย่างนี้นะ
ผู้กินก็กินไม่หยุดไม่ถอย กินจะเอาให้ล้นฟ้าล้นแผ่นดิน ตะกละตะกลาม นั่นละคำว่าตัณหาจึงไม่มีคำว่าพอ ได้เท่าไรไม่พอ เอาจนตายก็ไม่พอ ตายแล้วเขาไม่ได้เอาสมบัติเหล่านั้นที่ได้มาด้วยความตะกละตะกลามไปเผานะ เขาเอาฟืนนั้นละเผา อย่างนั้นก็ตามมันไม่สนใจ ขอให้เขาได้ชมว่าคนนี้เขามั่งเขามี เขามียศถาบรรดาศักดิ์สูง เขามีเงินทองข้าวของมาก เขาชมเพียงลมปากเท่านั้นก็พอใจ กิเลสมันชอบยอ เพราะเหตุไรจึงชอบยอ กิเลสบกพร่องตลอดเวลา ต้องได้ส่งเสริมต้องดันกันขึ้นตลอด เพราะฉะนั้นโลกจึงชอบแต่การยกย่องสรรเสริญ ความนินทาเพื่อเหตุเพื่อผลเพื่อความดิบความดีนี้ไม่สนใจ เขาตำหนิว่าไม่ดี แก้ซิถ้าเราเป็นธรรม ต้องแก้ อันนี้มันไม่สนใจไปเคียดให้เขาไปโกรธให้เขาด้วยซ้ำไป นี่ละกิเลสดัดสันดานสัตวโลกเรา ชาวพุทธเรานี้สำคัญมากนะ
เราจึงอ่อนใจมากในการแนะนำสั่งสอนโลก เราทนเอา เอ้า เหม็นก็เอา ก็จับก็ต้องก็สัมผัสสัมพันธ์ ทั้งเหม็นทั้งติดไม้ติดมือ เหม็นจมูกก็เหม็น เรื่องสกปรกเหล่านี้มันเหมือนกองมูตรกองคูถที่เราไปแยกไปแยะ การแนะนำสั่งสอนวิธีการต่าง ๆ เหล่านี้เป็นการแยกการแยะ เหมือนกับว่าไปจับไปต้อง มันก็เหม็นคลุ้งมาถึงเราก็กระทบกระเทือน ดีไม่ดีเขาว่าหลวงตาบัวนี่ไปยุ่งกับการบ้านการเมือง ถ้าไม่ยุ่งเปรตมันจะกินหมดเข้าใจไหมล่ะ สมบัติเหล่านี้เป็นสมบัติเขามีเจ้าของ คนทั้งชาติมีเจ้าของ ศาสนาเป็นเจ้าของอันใหญ่โตที่ปกครองคนทั้งชาติ ทำไมเมื่อเข้าไปเกี่ยวข้องกับสัตวโลกแล้วจะไม่เกี่ยวข้องกับพวกสกปรกโสมมมีอย่างเหรอ เขาจะว่ามาเกี่ยวกับการบ้านการเมือง การบ้านการเมืองอะไร ถ้าการบ้านการเมืองจริง ๆ เราไม่ได้ยุ่งไม่ได้เกี่ยว
นี่การเปรตการผีการกินการกลืนต่างหากมันมาทำลายบ้านเมือง จึงได้ตีปากมันเอาไว้เข้าใจไหมล่ะ เขาว่าหลวงตานี้เกี่ยวข้องกับการบ้านการเมือง นี่ละกิเลสมันต้องเห่าอย่างนั้น มันเห่าอยู่ในถังขยะเราไม่เคยสนใจนะ อะไรที่จะเป็นประโยชน์แก่โลกเราจะทำเต็มความสามารถของเราแล้วดีดผึงไปเลย เราไม่สนใจกับอะไร ให้พากันจำเอานะทุกคน ถ้ามาก็ อาจริเย ปมาเทน มันเกิดประโยชน์อะไร ไม่เห็นเกิดประโยชน์อะไร สอนให้รู้บ้างซิ มีเหตุมีผลบ้าง การอยู่การกินการใช้การสอยอย่ามูมมาม อย่าตะกละตะกลาม อย่าเห็นแก่ได้แก่กินอย่างเดียว ความจนมันติดตัวมา ๆ กับความตะกละตะกลามนั่นละนะ ความจนมันมาด้วยกัน จำเอานะ เอาละพูดเท่านั้นเสียก่อนวันนี้
วันนี้เทศน์มีเข้มข้นบ้าง มันต้องอย่างนั้น เพราะประเภทที่จะให้ถากมันมีหลายประเภท ไม้ที่คดที่งอก็มี ที่ตรงไปอย่างถากง่าย ๆ ก็มี ที่คดที่งอถากจนขวานจะขาดสะบั้นไปก็มี จนขวานหลุดมือก็มี ก็ต้องมีหนักมีเบา ทีนี้ให้พรนะ
เมื่อเช้านี้หรือไงที่เทศน์ถึงเรื่องเอาพระสงฆ์มาพูด ได้ยินแว่ว ๆ มาว่าพระสงฆ์ลบพระพุทธเจ้าว่าไม่ให้มี พระพุทธเจ้านิพพานไปแล้ว ถ้าถือพระพุทธเจ้าแล้วเหมือนกับว่าติดองค์พระพุทธเจ้าว่างั้นนะ เราก็ได้ยินมาอย่างนั้น เมื่อเช้านี้ออกตอบกันแล้วนะ คนเดินทางไม่ถือทางจะถืออะไร คนเดินทางเพื่อจุดที่หมายต้องถือทางเป็นสำคัญใช่ไหมล่ะ คนจะขึ้นบนศาลาต้องถือบันไดเป็นสำคัญ บันไดเป็นทางเดินเพื่อขึ้นศาลา พระพุทธเจ้าเป็นสะพานอันใหญ่หลวงฉุดลากสัตว์ทั้งหลายให้ขึ้นตามเพื่อถึงนิพพาน นั่นเห็นไหมล่ะ เมื่อถึงนิพพานแล้วจะยึดถือพระพุทธเจ้าหรือไม่ยึดถือก็ไม่สำคัญ เช่นเดียวกับเราขึ้นไปถึงบ้านแล้วจะมากอดบันไดหรือไม่กอดก็ไม่สำคัญ ถ้าไม่อยากให้เขาว่าเป็นบ้าก็อย่ามากอดบันไดไว้ซี ขึ้นบ้านก็เป็นบ้าน บันไดก็เป็นบันได
พระพุทธเจ้าท่านก็เป็นองค์ศาสดาแล้ว เราเป็นตัวของเราแล้วเป็นที่พอใจ กราบพระพุทธเจ้าอย่างราบเลยเข้าใจไหม กราบบุญกราบคุณท่าน นี่ไม่ให้ถือพระพุทธเจ้าว่าจะเป็นการติดรูปติดนามอะไรท่านไป โห มันยังไงกันนี่ มันจะเทศน์สอนศาสนาหรือมันจะทำลายศาสนานะนี่นะ เราว่าอย่างนั้น ทางกับจุดหมาย บ้านกับบันไดมีความจำเป็นเกี่ยวโยงกันยังไงบ้างดูเอาซิ คนจะขึ้นบ้านไม่ขึ้นบันไดได้เหรอ คนจะมาจุดที่หมาย เช่น จะมาวัดป่าบ้านตาด ต้องมาตามสายทาง เมื่อเข้ามาตามสายทางแล้วทางก็เป็นทาง ที่ก็เป็นที่ บ้านก็เป็นบ้าน บันไดก็เป็นบันได เป็นคนละประเภท ๆ ไม่ขัดไม่แย้งกัน
นี่ถือพระพุทธเจ้าถือจนถึงใจจนกระทั่งถึงธรรมชาติที่พระองค์ทรงรู้ทรงเห็นทรงไว้แล้วนั้น พอถึงนั้นปั๊บก็ปล่อยที่ไปยึดเกาะพระพุทธเจ้า ไม่เกาะแหละ ธรรมอันนี้เป็นตัวของตัวเต็มเหนี่ยวแล้ว แต่กราบพระพุทธเจ้าอย่างราบสนิทด้วยความเห็นบุญเห็นคุณอย่างยิ่ง เป็นอย่างนั้นต่างหากนี่นะ พุทโธเพื่อมรรคผลนิพพาน ไม่ใช่พุทโธเพื่อพาคนจมลงนรก แต่ที่ว่าสัตว์ทั้งหลายโลกทั้งหลายเป็นบ้ากันกับสิ่งนั้นไม่เห็นไปพูดบ้าง พูดกระตุกกันบ้างซิ แล้วนอกจากนั้นก็ว่าพระพุทธเจ้าไม่ให้มี ให้มีแต่พระธรรมกับพระสงฆ์ในปัจจุบันนี้ว่างั้น
พระสงฆ์ปัจจุบันนี้กราบได้ลงคอเหรอ เราเอาไอ้กี้มาเมื่อเช้านี้ เหอ พระสงฆ์ในปัจจุบันนี้มันมีแต่พระสงฆ์หมาขี้เรื้อนนี่นะ ว่างั้นแหละเรา นับตั้งแต่วัดป่าบ้านตาดลงไปออกกระจายทั่วประเทศไทย มันมีแต่พระสงฆ์หมาขี้เรื้อนเท่านั้นจะให้กราบได้ลงคอเหรอ แม้แต่ไอ้ปุ๊กกี้มันก็ไม่กราบหมาขี้เรื้อนด้วยกัน เราว่าอย่างนั้นเข้าใจไหมล่ะ อันนี้เราจะกราบได้ลงคอเหรอพระสงฆ์ประเภทนี้ มีแต่หัวโล้นกับผ้าเหลือง ศีลไม่มีสักตัวเดียวกราบกันได้ลงคอเหรอ
พระอริยสงฆ์เหล่านั้นท่านเลิศเลอมาขนาดไหน ฉุดสัตวโลกทั้งหลายให้พ้นจากทุกข์ได้มากขนาดไหน สงฆ์หมาขี้เรื้อนนี้ใครไปฉุดใครได้ นอกจากฉุดกันลงนรกเท่านั้น ว่าอย่างนั้นนะเมื่อเช้านี้ จากนั้นก็รวมยอดลงไปว่า เราได้ยินเพียงแว่ว ๆ อย่างนั้นนะ ถ้าจะมาโต้เราให้โต้แว่ว ๆ มานะ อย่าโต้มาหนักหน่วง เพราะเราได้ยินมาเพียงแว่ว ๆ เราจะประกาศรับกันเพียงแว่ว ๆ ถ้าสงสัยให้ถามเรามาเพียงแบบแว่ว ๆ เราจะตอบแบบแว่ว ๆ ถ้าถามมาอย่างหนักมือเราจะออกอย่างหนักมือนะ อันนี้ได้ยินเพียงแว่ว ๆ เราจะตอบเพียงอย่างนี้ก่อนเราว่าอย่างนั้น ตอบแบบแว่ว ๆ ไว้ก่อน ส่วนหนักมือเอาไว้เสียก่อนรอฉากหลังมา ถ้าฉากหลังมาหนักมือทางนี้ก็หนัก
พูดไปสุ่มสี่สุ่มห้า มันจะทำลายศาสนานะพวกนี้น่ะ เมื่อเช้านี้พูดไปถึงอภิธรรมด้วย พูดไปถึงเทวดาไม่มีด้วย นี่พวกทำลายศาสนาทั้งนั้น ไม่ใช่พวกรื้อฟื้นศาสนาพยุงศาสนานะ พวกทำลายศาสนา ถ้าพระอยู่ในวัดก็พระทำลายศาสนาอยู่ในวัด ถ้าประชาชนออกไปพูดอย่างนี้ก็ทำลายอยู่ที่บ้าน เป็นพวกทำลายด้วยกัน เราก็พูดจริง ๆ อย่างนี้ พระพุทธเจ้าสอนไว้แล้วเทวดา อฑฺฒรตฺเต เทวปญฺหากํ ว่าไงบาลีมีอยู่นี้น่ะ พุทธกิจ ๕ คืออะไร นี้เป็นข้อที่สามในวงศาสนาพระพุทธเจ้า มาลบได้ยังไงว่าเทวดาไม่มี ตาบอดบอกว่าตาบอดเขาก็จะให้อภัย แต่ตาบอดอวดดีนี่ซีมันน่าหมั่นไส้ ถ่มน้ำลายใส่หน้ามันเลยคนประเภทนี้น่ะ โง่ไม่อยู่ส่วนโง่ อวดฉลาดมันฟังไม่ได้นะ
นอกจากนั้นว่าพระอภิธรรมไม่มี พระอภิธรรมไม่มีได้ยังไง ถ้าไม่มีศาสนาก็หมดแล้ว พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นจากอภิธรรม พระสงฆ์สาวกอรหันต์ของพวกเราอุบัติขึ้นจากอภิธรรม อภิธรรมเป็นยอดแห่งธรรมทั้งหลายแล้วทำไมจะไม่มีในพระไตรปิฎก เขาบอกไม่มีในพระไตรปิฎก ฟังซิ มันจะทำลายศาสนาตรง ๆ เลยละพวกนี้ เราก็เอาแล้วเมื่อเช้านี้ เอากันเพียงเบาะ ๆ เสียก่อน เรียกว่าเพียงแว่ว ๆ ไว้ก่อน เราตอบไปแบบแว่ว ๆ ส่วนหนักยังไม่ถามมาเรายังไม่ตอบ เราก็บอกตรง ๆ อย่างนี้ เราจะตอบแบบแว่ว ๆ เวลาใครถามมาให้ถามมาแว่ว ๆ เสียก่อน อย่าถามมาหนัก ให้ถามมาแว่ว ๆ เราจะตอบแว่ว ๆ เพราะเราได้ทราบเพียงแว่ว ๆ ไม่ใช่ทราบตัวจริง ถ้าทราบตัวจริงแล้วเอาหนักแล้ว เราว่างั้นนะ เราได้ยินมาแว่ว ๆ อย่างนั้นยังจับตัวมันไม่ได้ เราว่าอย่างนี้ เข้าใจไหมที่พูดนี้
ถ้าหากว่าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ศาสนาหมด พวกนี้เป็นพวกจะทำลายศาสนาในวงภายใน ถ้าเป็นพระก็ทำลายศาสนาในวงภายใน คือเทวดาไม่มี เทวดาอยู่ในวงศาสนาไม่มี ยิ่งว่าพระอภิธรรมไม่มีในพระไตรปิฎกด้วยแล้วหมดเลย คว่ำศาสนาไม่ให้มีเหลือเลยถ้าลงอภิธรรมไม่มี ปิฎกใดก็ตามไม่มีความหมายเลยว่างั้นถ้าลงอภิธรรมไม่มีเสียอย่างเดียว เหมือนกับไม้ต้นนี้ถอนรากแก้วมันขึ้นพรวดแล้ว กิ่งก้านสาขาดอกใบอะไรไม่มีความหมาย ตายไปด้วยกัน ฉิบหายไปด้วยกันหมด ถ้าลงพระไตรปิฎกได้ถอนพระอภิธรรมออกเสียอย่างเดียวเท่านั้นหมดเลยศาสนาเรา จึงว่าถ้าหากว่าเป็นคำพูดที่มาพูดอย่างนี้จริง ๆ แล้ว เรียกว่าผู้นี้เป็นผู้ทำลายศาสนาอย่างขาดสะบั้นไปเลย ไม่มีชิ้นดีเลย
นี่เราทราบเพียงแว่ว ๆ นะเรายังจับตัวจริงไม่ได้ เพราะฉะนั้นถ้าใครจะมาถามเรา เอ้า ให้ถามมาเพียงแว่ว ๆ นะ เราได้ทราบเพียงแว่ว ๆ ถ้าเราทราบตัวจริงไม่ต้องถามเราจะออกทันทีเลยเราว่าอย่างนี้นะ ก็มีเท่านั้น เข้าใจไหมแว่ว ๆ ได้ยินยังจับตัวจริงไม่ได้นะ จับต้นตอยังไม่ได้ มันกระเทือนใจเราแล้วเพียงแว่ว ๆ เท่านี้ ถ้าลงหากว่าตัวจริงออกมานี้ฟาดกันแหลกทันทีเลย ธรรมดาเมื่อไร จะตอบถึงโคตรถึงแซ่มันไม่ได้ตอบธรรมดานี่นะ เรื่องใหญ่โตที่สุดพุทธศาสนาอยู่กับอภิธรรมทั้งนั้นนี่นะ อภิธรรมเป็นรากแก้วของศาสนา ถ้าอภิธรรมไม่มีแล้วศาสนาหมด เรียกว่าไม่มีเหลือเลย ไม่มีอะไรเหลือ มันถึงกระเทือนใจเรา เพียงแว่ว ๆ มากระเทือนใจแล้ว ยิ่งได้ตัวสำคัญมาด้วยแล้วมันจะฟัดกันเลยทีเดียว ให้ถอยไม่ถอยแหละ
อภิธรรมเราก็เรียนมาเหมือนกัน จะมาอวดได้เหรอ เราเรียนมาเหมือนกัน พระไตรปิฎกทั้งสามเรียนทั้งนั้นแหละ พระวินัยปิฎกนี้ก็กฎหมายพระ เรียกว่าศีลของพระคือพระวินัย พระสุตตันตปิฎกก็เกี่ยวกับพวกสัตว์ทั้งหลายทั่วดินฟ้าอากาศทั่วโลกดินแดน ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นเรื่องนิทานชาดก เรื่องนั้นเรื่องนี้ ลงในพระสูตร ที่ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ไปตกนรก ไปสวรรค์ เป็นเรื่องพระสุตตันตปิฎก ส่วนเรื่องจิตใจทางด้านภาวนาเพื่อความพ้นทุกข์แล้วคืออภิธรรมล้วน ๆ จะเป็นอะไร อภิธรรมคือยอดของธรรมอยู่ที่นั่น ไม่อยู่ที่ไหนนะ
ถ้าว่าอภิธรรมไม่มี ๆ ในครั้งไหน ๆ ก็ตาม ฟังไม่ได้เลยว่างั้นเถอะ จะมีในครั้งไหนไม่ครั้งไหนก็ตาม ศาสนาพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์เกิดขึ้นมาจากอภิธรรมทั้งนั้นว่างี้เลย เว้นอภิธรรมแล้วพระพุทธเจ้าเกิดไม่ได้ อภิธรรมไม่มีเสียอย่างเดียว เรียกว่าศาสนาพระพุทธเจ้าเกิดไม่ได้ ศาสนาไม่มี ต้องอภิธรรมเป็นเครื่องยันเลย แล้วจะมารื้ออภิธรรมออกว่าไม่มีในพระไตรปิฎกได้ยังไงถ้าไม่เลวเสียยิ่งกว่ามนุษย์ทั้งหลายเขาเลวกันนะ มันเลวยิ่งกว่านั้นไปอีก
ไม่ใช่ว่าพระอภิธรรมไปรวมอยู่ในพระวินัยกับพระสูตรหรือเปล่าคะ
ปนก็คนนั่นแหละไปปนน่ะ ธรรมท่านไม่ปนใคร อย่าไปหาแยก ไปหาเกาในที่ไม่คัน สู้หมาไอ้ปุ๊กกี้เราไม่ได้ ไอ้ปุ๊กกี้เรามันจะเกาที่คัน ที่ไหนไม่คันไอ้ปุ๊กกี้เราไม่เกา ไอ้นี้มันเกาดะเลย ไอ้ปุ๊กกี้เรานี้สู้มันไม่ได้ ให้มันเป็นอาจารย์ของไอ้ปุ๊กกี้เสีย จะแยกมาไม่แยกมาก็ตาม อภิธรรมคือหัวใจของศาสนาว่างั้นเลย เท่านั้นเอง จะอยู่ที่ไหน จะแยกมาไม่แยกมาก็ตาม นี้คือธรรมอันล้ำเลิศ หรือว่านี้คือทองคำว่างั้น ตะกั่ว แร่ธาตุต่าง ๆ เต็มอยู่นี้ยังไม่มีทองคำก็ตาม ทองคำก็เป็นทองคำอยู่งั้น เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ จะมาคว้าหาพวกขี้หมูราขี้หมาแห้งก็เป็นเรื่องของเขาไป ทองคำก็เป็นทองคำ
อย่างไรก็ตามถ้าหากว่าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ซัดกันเลยเทียว เพราะเป็นรากใหญ่ของศาสนา มีอยู่ในพระอภิธรรมทั้งนั้นนี่นะ อย่างพระวินัยก็เหมือนกัน ก็ไม่เห็นมาแยกโน้นแยกนี้ เวลาพระท่านบวชทีแรกไม่เห็นมีพระวินัยไม่เห็นพูดบ้างล่ะ เวลามีพระทำผิดทำพลาดอะไรท่านจึงบัญญัติพระวินัย มีขึ้นทีหลังไม่เห็นพูดบ้างล่ะ เข้าใจเหรอ พระสูตรก็สัตวโลกทำความดีความชั่วมาตลอด ก็ประมวลมาเป็นพระสูตร พระอภิธรรมนี้เจริญเจตสิก รูป นิพพาน ใช่ไหมล่ะ เหล่านี้มีแต่เรื่องจิตตภาวนาที่จะตามต้อนกิเลสอวิชชาให้ดับขาดสะบั้นลงไปจากหัวใจ ทรงธรรมธาตุขึ้นมา ออกจากอภิธรรมทั้งนั้น ออกอื่นไปไม่ได้ว่างั้นเลย เอาหัวชนต้นไม้เลย เราไม่ชนฝามันไม่พอชนว่ะ ฝาอาจทะลุก่อน ถ้าชนต้นไม้นั้น ต้นไม้อาจจะยังไม่ล้มเราอาจหัวแตกก่อน ชนต้นไม้เลยเราไม่ถอย เพราะผิดอย่างจัง ๆ มาอวดทำไม ถ้าหากว่าออกมาจริง ๆ แล้ว นี้ละพวกทำลายศาสนา
พระพุทธเจ้าก็เทวทัตกับพระเจ้าสุปปพุทธะทำลายศาสนา มาปัจจุบันนี้พวกนี้เองทำลายต่อกันมาว่าอย่างนั้นไม่ผิด เราก็พูดไปอย่างเงียบ ๆ แบบได้ยินแว่ว ๆ นะ จะมีมูลความจริงแค่ไหนเรายังทราบไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราถึงตอบเพียงเราตอบนี้เพียงแว่ว ๆ เราบอกอย่างนั้น เพราะได้ทราบมาเพียงแว่ว ๆ เราไม่ตอบอย่างหนักหน่วง แล้วใครมีข้อข้องใจจะถามมา ก็ให้ถามมาแบบแว่ว ๆ นะ เพราะเรายังไม่ได้ต้นตออันหนักหน่วงมา เราจะตอบแต่แว่ว ๆ เท่านั้นเราก็ว่าอย่างนี้ ถ้าได้ต้นตอมาแล้วตูมเลยเทียว
เวลานี้กำลังเริ่มละพวกที่จะทำลายศาสนา มันเริ่มแทรกเข้ามา ๆ เราพูดอย่างจัง ๆ เลย ถ้าหลวงตาบัวยังไม่ตายให้มา ว่างั้นเลย ฟังซิน่ะ ให้มา ตั้งแต่เพียงแว่ว ๆ มาก็เริ่มใส่กันแล้วนี่นะ ถ้ายิ่งหนักมากกว่านี้ฟาดขาดสะบั้นเลย อะไรเป็นภัยต่อศาสนาทำไมจะไม่รู้ผู้ปฏิบัติศาสนา ไม่รู้ความได้ความเสียมากระเทือนศาสนาได้ยังไง ต้องรู้ อย่างแยกออกมานั้นมันก็รู้แล้วความเลวร้ายของคนประเภทนั้น อันนี้เราได้ทราบเพียงแค่นี้ถึงได้พูดเพียงแค่นี้ เป็นข้อยืนยันเรายังไม่ได้เพราะยังไม่ได้ต้นตอมาจริง ๆ ว่าพูดอย่างนี้จริง ๆ เหรอ พูดออกมาจากใคร ไล่เบี้ยเข้าไปถึงต้นตอมันนั่นซิ เราจึงตอบแบบแว่ว ๆ ไป เรียกว่าขู่ไว้ก่อนก็ได้ ขู่ฟ่อ ๆ ไว้ก่อน ถ้ามาเอาจริงก็ใส่เลย เรียกว่ากางเล็บไว้ก่อนยังไม่ตะปบ ถ้ามาจริงก็ปั๊วะเลยทันที
เราพูดจริง ๆ มันจ้าอยู่ในหัวใจนี้มาแง่ไหนมันรู้ทันที พระไตรปิฎกที่ไหนออกจากหัวใจทั้งนั้น อภิธรรมก็ออกจากนี้ ปฏิบัติตามหลักนี้แล้วขึ้นเป็นอภิธรรมเต็มหัวใจ พระพุทธเจ้าอภิธรรมเต็มหัวใจ เพราะฉะนั้นจึงมาลบไม่ได้ พระสงฆ์สาวกอภิธรรมทั้งนั้น ไม่มีแม้องค์เดียวที่จะผ่านอภิธรรมไปได้ ได้บรรลุธรรมขึ้นมาโดยไม่ต้องผ่านอภิธรรมไม่มี ฟังซิน่ะ แล้วจะมาลบว่าอภิธรรมไม่มีในพระไตรปิฎกได้ยังไง พระไตรปิฎกผู้ที่ไปจดจารึกเป็นคนโง่เมื่อไรใช่ไหมล่ะ ก็คนฉลาดนักปราชญ์ทั้งนั้น เราไม่ฉลาดก็อยู่ตามสภาพของเจ้าของเป็นไร ไปอวดดีอวดฉลาดยิ่งกว่าผู้ไปจดจารึกมาทำไม ก็มีเท่านั้น
ธรรมพระพุทธเจ้านี้สด ๆ ร้อน ๆ หนา ไม่มีกาลไม่มีสมัย เรื่องธรรมกับอธรรมคือกิเลส กิเลสก็เป็น อกาลิโก ไม่มีกาลสถานที่เวล่ำเวลา ธรรมก็เป็น อกาลิโก ไม่มีสถานที่เวล่ำเวลา ทำให้เป็นกิเลสเมื่อไรเป็นทันที ทำให้เป็นธรรมเมื่อไรเป็นทันที ผลเสมอกัน แล้วแต่ใครจะเอียงไปทางไหน เอียงไปทางกิเลสเป็นกิเลสขึ้นมาทันที เอียงไปทางธรรมเป็นธรรมขึ้นมาทันที ทั้งสองนี้เสมอกัน ท่านจึงเรียกว่า อกาลิโก เหมือนกัน เป็น อกาลิโก เสมอกัน จึงไม่มีอะไรที่ว่าเรียวแหลม ๆ หลักธรรมชาติเป็นอย่างนั้น
ที่ว่าเรียวแหลมก็คือกิเลสมันมาเหยียบย่ำทำลายธรรมเรา ว่าศาสนาเรียวแหลม ๆ ก็เพื่อจะเทิดตัวกิเลสขึ้นมาให้เหยียบย่ำทำลายหนักเข้าไปจนจะไม่มีธรรมเหลืออยู่ในโลกนี้ เป็นอำนาจของกิเลสเหยียบย่ำทำลายธรรมต่างหาก ที่จะให้ธรรมสลายไปเรียวแหลมไปอย่างนี้ไม่มี เป็นหลักธรรมชาติเสมอกันหมด ใครปฏิบัติเมื่อไรก็ปฏิบัติ ทำบาปเป็นบาปทันที ทำบุญเป็นบุญทันที ไม่เอียง ถ้าเอียงไม่เรียกว่าธรรม ลูบหน้าปะจมูกไม่เรียกว่าธรรม ธรรมต้องเป็นธรรมเสมอไป ผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก จึงเรียกว่าธรรม ผู้สอนธรรมจริง ๆ แล้วต้องสอนตามหลักความจริง ผิดบอกว่าผิดเลย ถูกบอกว่าถูก นั่นถึงถูกต้องนะ ถ้าจะไปลูบ ๆ คลำ ๆ ลูบหน้าปะจมูก เห็นแก่หน้าแก่ตาไม่ใช่ธรรม เอากิเลสมาหลอกกันอีกก็เป็นกิเลสไปตาม ๆ กัน เอาละเพียงแค่นี้ พอสมควรแล้ว เลิกกัน
เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร www.luangta.com