ถ้าไม่ยึดศาสนาแล้วจมนะ
วันที่ 18 กันยายน 2543 เวลา 8:00 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๓

ถ้าไม่ยึดศาสนาแล้วจมนะ

(ผู้ฟังเทศน์ประมาณ ๕๐๐ คน)

เมื่อวานนี้ท่านสมบูรณ์นวดเส้น เราก็ว่าวันไหนก็เจ็บ ๆ เส้นทุกวัน เลยแข่งกันไม่ลง เมื่อวานนี้เอากันใหญ่เลย เพราะมันอยู่ต้นแขนนี่ อยู่ที่ต้นแขน รังใหญ่มันอยู่นี่ อุโมงค์ใหญ่อยู่นี่ เมื่อคืนนี้เปิดอุโมงค์ โถ นวดแล้วก็อย่างทุกวัน มันก็เป็นทุกวันอย่างนั้นแหละ พอนวดเสร็จแล้วกระดุกกระดิกไม่ได้ ตายไปหมดเลย ต้องอุ้มขึ้น ขนาดนั้นนะ ปล่อยเลยเทียว เมื่อคืนนี้เอาหนักตรงนี้ เส้นมันเรียกว่าอุโมงค์ใหญ่อยู่นี้ ไปนี้ ๆ ฟาดเอาเสียจน

โถ ตอนเย็นเมื่อวานรู้สึกว่าหนัก เหน็บกว่าทุกวัน พิลึกว่ะ ไม่งั้นมันก็จะเป็นอัมพาตไม่สงสัย จะเป็นอัมพาตแน่ ๆ ที่ไปเกิดอุบัติเหตุน่ะ ต้องเอากันอย่างหนักเทียว เรียกว่าเจ็บไม่พูดถึงเลย เอาให้เส้นมันอ่อนลงให้ใช้ได้เท่านั้น นี่ละที่ว่าพอนวดเสร็จแล้วกระดุกกระดิกไม่ได้เลย ตายหมด ต้องได้อุ้มขึ้น นอนอยู่นี้อุ้มขึ้น ขนาดนั้นนะ คือมันตายหมดเลย นั่นละปล่อยจนขนาดที่ว่าตายหมดเลย นวดนี้เอาเต็มเหนี่ยว ๆ ไม่งั้นไม่ถึงเส้นมันซิ ต้องเอาให้ถึงกัน

พูดก็อดหัวเราะไม่ได้ ถึงเรื่องอีตาเพ็ง วัดถ้ำกลองเพล เรียกว่าอีตาเพ็ง วัดถ้ำกลองเพล อีตาเพ็งเคยถามถึงเรา เราได้ถามถึงอีตาเพ็งเป็นยังไง การร้องเวลานี้เป็นยังไง เบาลงหน่อย อย่างมากก็อึ๊ ๆ ๆ ว่างั้นนะ แต่ก่อนร้องจ้าก ๆ เดี๋ยวนี้อึ๊ ๆ เพราะอะไรจึงอึ๊ ๆ ว่าคงจะอายหลวงปู่ เอ้าก็ว่าอย่างนั้นจริง ๆ เพราะเคยถามมาเรื่อย ร้องผู้นวดก็รำคาญ อู๊ย ทำอะไรวันไหนก็ร้องจ้าก ๆ ไม่อายหลวงปู่บ้านตาดบ้างเหรอ ท่านไม่ร้องเหรอ อู๋ย ท่านเฉยเลย ทีแรกก็บอกเสียก่อน บอกท่านไม่ร้อง ก็เลยสงสัยว่า เอ๊ ท่านถอดดวงวิญญาณไว้ที่ไหนนา ทีนี้ไม่ถามเรื่องดวงวิญญาณ พอนานเข้า ๆ แล้วท่านร้องไหม อู๋ย ท่านไม่ได้ร้อง ท่านเฉยเลย ไม่ว่าจะแบบไหน เฉยเลย เอ๊ แปลกนะ ๆ อยู่งั้นนะ ทีแรกถามว่า ท่านถอดดวงวิญญาณไปไว้ที่ไหน ทีนี้จากนั้นแล้วก็ไม่ทราบถอดไว้ที่ไหน แต่ท่านไม่ร้อง คราวนี้ได้แต่คำว่า โฮ้ แปลกนะ ๆ มีแต่แปลกนะ

รู้สึกว่าเบาลง ท่านเพ็งก็ค่อยเบาลง ท่านสมบูรณ์นี่นวดเส้นเก่ง รู้ทุกเส้นทุกสายนะ เพราะฉะนั้นเราถึงปล่อยเลย ถ้าว่าผู้นวดยังไม่ชำนาญหรือยังไม่รู้เรื่องของเส้นได้ดี เราก็ไม่ได้ปล่อยหมดนะ คือที่เจ็บตรงไหนผิดสังเกตเราก็บอก ตรงนี้ผิดสังเกต เตือนผู้นวดคนอื่น ๆ นะ แล้วก็ไม่ค่อยปล่อย เพราะระวังที่มันเจ็บและเจ็บผิดพลาดด้วย ไม่ใช่เจ็บเพื่อหาย อย่างท่านสมบูรณ์นี้เราบอกได้เลยว่าเจ็บเพื่อหายร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นถึงปล่อยเลยเทียว บางทียังบอกด้วยซ้ำถ้าถึงจุดใหญ่ ๆ มัน เอ้อ ตรงนั้น ๆ คือคำว่าตรงนั้น เน้นหนักเลยธรรมดาใช่ไหม ท่านบอกว่าถ้าเลยนี้ไปมันจะอักเสบ อย่างนั้นก็แล้วแต่ท่านเถอะ คือแล้วแต่ท่านที่เป็นหมอจะรู้เองความหนักเบา สำหรับเราเจ็บตรงไหนบอกเลย เอาตรงนั้น ขนาบลงเลย เป็นอย่างนั้น

ธรรมดาหมอเส้นทั้งหลาย ถ้าบอกจุดไหน ๆ ละขนาบลงเลย ท่านสมบูรณ์ไม่ว่านะ คือท่านก็นวดแรงอยู่แล้ว ทีนี้พอไปถึงจุดนั้นเราบอกอีก เออ ตรงนี้ละ ๆ คือจะให้ท่านซ้ำเข้าอีกตรงนั้น ท่านบอกว่าถ้าแรงเกินไปมันจะอักเสบ ท่านว่า ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่ท่าน ท่านเข้าใจจริง ๆ ท่านสมบูรณ์นี่เข้าใจจริง ๆ เพราะฉะนั้นเราถึงปล่อยร้อยเปอร์เซ็นต์เลย คิดดูซิว่าพอนวดเสร็จนี้กระดุกกระดิกไม่ได้เลย ตายหมด ต้องยกอุ้มขึ้น พออุ้มขึ้นนั่งแล้วได้ยกขึ้นให้ยืน นั่นละพอยืนแล้วเลือดลมก็คงเดินละ มันก็ค่อยแข็งตัว ๆ จากนั้นก็เริ่มเคลื่อนไหวเริ่มเดินไปเดินมาได้ นี่นวดทุกวันเป็นอย่างนั้นทุกวัน เอาอย่างหนัก ๆ ทีเดียว ไม่งั้นไม่ถึงกันไม่ทัน แล้วก็จะเป็นอัมพาตแน่ ๆ จุดนี้สำคัญ เอาอย่างหนักจริง ๆ ไม่ใช่ธรรมดา

ท่านก็มานวด ๒ ราย วัดถ้ำท่านเพ็ง เดี๋ยวนี้ก็ค่อยดีขึ้นเยอะนะ ท่านเพ็ง แต่ก่อนก็เหมือนกับว่า หมดค่าหมดราคาทุกอย่างแล้วร่างกาย เดี๋ยวนี้ค่อยฟื้นขึ้นมา นวดถ้าหากว่าท่านทนได้อย่างเรานี้ก็จะหายขึ้นมาก ท่านสมบูรณ์ว่า แต่นี้ หนึ่ง ท่านก็เป็นมานาน สอง ท่านไม่เหมือนหลวงปู่ บอกว่าท่านไม่เหมือนหลวงปู่ ถ้าหากว่าท่านทนได้จะหายได้เร็วกว่านี้ ว่าอย่างนั้นท่านสมบูรณ์ เดี๋ยวนี้ดีขึ้นเยอะ ว่าดีขึ้นเยอะ

อย่างเรานี้พูดจริง ๆ นะมันจะยากอยู่ ผู้ที่จะทนทุกขเวทนาเหมือนทั่ว ๆ ไป นั่นละจะไม่มีอย่างนี้ว่างั้นเลย เราก็ยังบอกแล้ว อะไร ๆ ก็นอกบัญชีทุกอย่าง เทศน์ดุด่าว่ากล่าวใครก็นอกบัญชี ๆ ทีนี้เวลานวดเส้นก็นอกบัญชีล่ะซิ โอ๋ย ไม่มีใครจะเชื่อว่าเป็นไปได้ไม่เห็นต่อหน้าต่อตาว่าไง อย่างท่านเพ็งถามเรื่อยแหละ เป็นยังไงหลวงปู่บ้านตาด ท่านร้องไหม อู๋ย ท่านไม่มีเลยละ ก็เป็นการเตือนท่านเอง ทางนี้บอกเตือนท่าน เอ๊ ทำไมนะ แปลกนะ ไม่ได้หน้าได้หลังอะไรมีแต่ เอ๊ แปลกนะ ๆ อยู่งั้น ทีแรกท่านถอดวิญญาณไปไว้ที่ไหน ทางนั้นก็บอกว่าไม่รู้แล้ว แต่ท่านไม่ร้อง เดี๋ยวนี้มา เอ้อ แปลกนะ ๆ อยู่งั้น

สำหรับเราจะว่านอกบัญชีก็บอกได้เต็มเลยว่า ไม่ผิดไปละ ไม่น่าจะผิด ยังเบาอยู่ ไม่ผิดไปเลย นอกบัญชีว่าไม่ผิด คือปล่อยเลย ปล่อยตามเหตุตามผลของมัน เจ็บนี้เจ็บเพื่อจะหาย ไม่ใช่เจ็บเพื่อจะกำเริบ เจ็บเพื่อจะตาย เจ็บเพื่อจะหาย เหตุผลมันก็รับกันด้วย ธรรมในหลักธรรมชาติก็เป็นพื้นฐานอยู่แล้วด้วย มันก็ก้าวเดินตามนั้น มีอยู่ ๒ หมอนี่ที่เราปล่อยนะ ปล่อยให้เลย หมอชื่อณรงค์ศักดิ์ ที่มูลนิธิหลวงปู่มั่น ฝั่งธนฯ อันนั้นก็ปล่อยเลย อันนั้นมันไม่มีอะไรนะ มันเจ็บขึ้นเฉย ๆ แขนข้างนี้ละข้างขวานี่ มักเป็นบ่อย อันนั้นก็เจ็บมากจนกระทั่งจะยกจะยออะไรไม่ได้ อยู่ ๆ ก็ค่อยเป็นเข้า ๆ เราเลยต้องไปตามหมออวยกับคุณหญิงส่งศรีไปติดต่อหมอมา ติดต่อหมอมาแล้วนิมนต์เราไป ว่าหมอนี้เก่งมาก เราถึงได้ไป

นี่ละหมอนี่เป็นคนหนึ่งอีก คล้ายกันกับท่านสมบูรณ์ที่เราปล่อยให้เลยนะ เพราะปรากฏชื่อลือนามมานานหมอคนนี้ ว่าเป็นหมอนวดเส้นเก่ง เป็นอาจารย์สอนพวกหมอแผนปัจจุบัน คือสอนนวดเส้นนะ หมอแผนปัจจุบันไปศึกษากันเยอะกับหมอณรงค์ศักดิ์นี่ แกจึงมีชื่อเสียงโด่งดัง ทีนี้พอเราไป อาจารย์หมออวยกับคุณหญิงส่งศรีก็นำมาเลยที่มูลนิธิหลวงปู่มั่น แกเป็นคนแข็งแรง นวดเส้นเก่ง เราก็ให้แกมาจับดูให้ละเอียดถี่ถ้วน ว่าการเจ็บการเป็นเหล่านี้มันเป็นเพราะเส้นล้วน ๆ หรือว่ามันมีโรคแทรกเราก็บอก ให้จับดูให้ดี แกก็จับดูทุกแง่ทุกมุม ว่าไม่มีโรคแทรก เป็นเส้นล้วน ๆ ว่างั้น ถ้างั้นก็เหมือนกับว่าทำปัจจุบันสัญญากันเลย เอ้า ทีนี้เชื่อหมอแล้วนะ เอาให้เต็มเหนี่ยวเราว่างี้ แขนขาด-ขาดไปเลย เมื่อหมอนวดเสร็จแล้วหมอจะเอามาต่อเองเราบอก ปล่อยเลย ฟาดจนเต็มเหนี่ยวเหมือนกัน อาจารย์หมออวยก็นั่งดูอยู่นั้น ครั้งแรกดูเหมือน ๒ ชั่วโมงกว่า ครั้งที่สองร่วม ๒ ชั่วโมง ครั้งที่สามชั่วโมงครึ่ง ๓ หนหายเลย

พูดถึงเรื่องครั้งแรกพอนวดเสร็จลงมัน ๒ ชั่วโมงกว่า เราก็ปล่อยให้เต็มที่ ทางนั้นก็ฟัดเต็มเหนี่ยวเลย พอนวดเสร็จแล้ว ผมขอกราบท่านอาจารย์อีกทีนึง เพราะเหตุไรว่าซิ ถึงมากราบอีกทีนึง ผมนวดเส้นมานี้เป็นหมื่น ๆ แสน ๆ คน พูดอย่างยืนยันนะ ไม่เคยเห็นมีรายไหนเป็นอย่างท่านอาจารย์เลย พอจ่อลงไปเท่านั้นเสียงร้องจ้ากจี้ก ๆ แต่ท่านอาจารย์เหมือนซุงทั้งท่อนเลยผมไม่เคยเห็น พึ่งมาเห็นนี้เป็นรายแรก ผมจึงขอกราบ เอ้อ เอาละมีเหตุผลเราก็ว่างี้ ขอกราบอีกทีนึง เพราะเหตุไรก็ถามซิ ทางนั้นก็ให้เหตุผล เอ้อ เอาละเข้ากันได้แล้ว ก็อย่างนั้นแล้ว นั่นละหมอหนึ่งที่เราปล่อยเลย กับหมอสมบูรณ์เราก็ปล่อยเลย นอกนั้นเราไม่กล้าปล่อย เพราะนวดไม่รู้เส้นจริง ๆ มันผิดพลาดได้ เจ็บเพื่ออักเสบ เจ็บเพื่อเสียหาย ไม่ควรเจ็บไม่ควรเสี่ยง ถ้าเจ็บเพื่อหาย เอาเลย ฟาดลงเต็มเหนี่ยว

มันหายยากอยู่นะนี่ เอาขนาดนั้นยังหายยาก ถ้าธรรมดาแล้วมันจะเป็นอัมพาตได้จริง ๆ สำหรับแขนเรานะ เพราะจะทนเจ็บไม่ได้ล่ะซี ทีนี้มันก็ไม่อ่อน มันก็สั่งสมตัวมันให้แข็งขึ้นไปเรื่อยก็เป็นอัมพาตได้ แต่นี้เราไม่เป็นอย่างนั้น ความเจ็บนี้ปล่อยเลย เอาเหตุผลเข้าจับกันเลย

เมื่อวานนี้ไปไหนลืมแล้ว(ไปน้ำหนาว) อย่างนั้นแล้ว ไปไหนจำไม่ได้นะเดี๋ยวนี้ นี่ก็สงสารจะทำยังไง ตั้งแต่เริ่มแรกที่ไปสร้างตึกให้โรงพยาบาลหล่มสัก เราผ่านไปผ่านมาดูเขาขายของอยู่ตามด่าน มีสองด่าน ผ่านไปผ่านมาก็ดู ทีแรกก็เริ่มให้คนรถเราซื้อของแม่ค้านั้น เอาแต่เล็กแต่น้อย ครั้นต่อมานี้ซื้อไม่เอา เริ่มหนักเข้าเลยซื้อไม่เอา สังเกตดูผ่านไปผ่านมา ไปดูตึก

เพราะตึกนั้นมันยุ่งมาก เปลี่ยนผู้ก่อสร้างไม่ทราบกี่ครั้งกี่หน มอบให้เขาทำงานเองเราไม่ไปเกี่ยว คนงานเขาหาเองเราไม่ยุ่ง โอ๋ย ยุ่งใหญ่เลย นั่นละเราถึงได้ไปบ่อย เปลี่ยนช่างเปลี่ยนทีไรเพิ่มเงินขึ้นเรื่อย เปลี่ยนสองช่างสามช่าง ทีแรกกะว่าตึกหลังนี้จะเพียง ๑๒ ล้านเป็นอย่างมาก เพราะตึก ๒ ชั้นใหญ่ยาว ถมสระ สระนั้นเป็นสระใหญ่ เราถมให้หมดเลย เอาที่นี่เป็นที่สร้างตึกเลยเราก็บอกอย่างนั้น ให้เขาเทลงอัดดินให้แน่นไปพร้อมกันเลยเทียว เราเสียให้หมดเลยตั้งแต่ถมสระ ก็ไม่ใช่เล่น ๆ เหมือนหนึ่งว่าภูเขาแถวนั้นมาถมสระหมด พอถมสระอัดแน่นแล้วก็ควรแก่การปลูกสร้างแล้วก็ เอาทีนี้ฟาดเลย อู๊ย ยาวเหยียดใหญ่ ยาว ๒ ชั้น ชั้นที่สามเป็นชั้นกลาย ๆ เขาวางดอกม้งดอกไม้ชั้นที่สาม ชั้นที่หนึ่งที่สองใช้ได้เต็มที่เลย

การก่อการสร้างเปลี่ยนเรื่อยเปลี่ยนช่าง เปลี่ยนทีไรเราต้องได้ไปยุ่งด้วย แล้วเงินจะเพิ่มขึ้นเท่าไร เปลี่ยนทีไรเพิ่มทุกที ยุ่งใหญ่ เพราะฉะนั้นเราถึงไปมา-ไปมาบ่อย ๆ สุดท้ายตึกหลังนี้ ๑๕ ล้านนะ นั่นละเพิ่มเข้าขนาดไหน เรากะไว้อย่างมากไม่เลย ๑๒ ล้าน มันฟาดขึ้นไปถึง ๑๕ ล้านกว่า ถ้าว่าให้แล้ว เขาขออะไรเราให้หมดนะ เพียงตึกนั้นก็ไม่เท่าไร เขาขอส่วนเพิ่มเติมอะไร ๆ มาก เราให้หมดเลย รวมทั้งหมดทั้งเพิ่มเรื่องพวกช่างก่อสร้างเปลี่ยนใหม่ เพิ่มทางนี้อีก คือทำแล้วต้องให้สำเร็จ ไม่สำเร็จไม่ได้ว่างั้นเลย ต้องเอาให้เสร็จ เพิ่มเท่าไรเพิ่มเลย นี่ละที่ไปผ่านไปผ่านมาอยู่นี้

สงสาร ดูสภาพของเขา เขารักษาชาติบ้านเมือง ถ้าไม่มีคนรักษา ป่าไม้ ภูเขาลูกนี้จะไม่มีเหลือ เหล่านี้เองเป็นผู้รักษาไว้ในนามของชาติ เราคิดไปหมดนะ เพราะฉะนั้นจึงได้สงเคราะห์เรื่อย จากสงเคราะห์อย่างนั้นแล้ว ทีนี้ไปส่งเรื่อย ๆ นะ ถ้าเราอยู่ที่นี่ก็ไปเดือนละครั้ง ๆ ไปก็ไม่อะไรมากเพราะมันหลายเจ้า ดูเหมือน ๒๙ ครอบครัวหรือไง ให้ครอบครัวละถุง ข้าวสารถุงละ ๑๒ กิโล ให้ครอบครัวละถุง ๆ เงินครอบครัวละ ๕๐๐ บาทเป็นประจำ ส่วนสินค้าเขาที่เอามาขายเราซื้อหมด มีเท่าไรเราซื้อหมด ดอกไม้มีเท่าไรซื้อหมด ข้าวหลาม พวกอะไรอย่างอื่นที่เขามาขายนั้นเราซื้อหมด แต่ไม่เอานะ ซื้อเฉย ๆ จ่ายเงินให้เต็มอัตรา ๆ เช่น ข้าวหลามมีกี่บั้ง ๆ หนึ่งเขาขายเท่าไร รวมแล้วจะเป็นเงินเท่าไร จ่ายหมด ดอกไม้ก็เหมือนกัน จ่ายให้หมด ๆ อะไร ๆ อยู่นั้นซื้อหมดเลยแต่ไม่เอาของ แบบนั้นมาตลอดนะ

เขาคงจะกะคำนวณถูก พอเริ่มเดือนแล้วเขาจะเตรียมละ พวกดอกไม้อะไรเขาก็เตรียมที่ไม่เสียง่าย เขาเตรียมมาเต็มเลย ดอกไม้นี้ฟาดเป็นพัน ๆ นะ เพียงดอกไม้เท่านั้นเป็นพัน ๆ นะ ข้าวหลามก็เหมือนกัน ซื้อหมดไม่มีอะไรเหลือที่ไม่ได้ซื้อนะ ซื้อแล้วไม่เอา ซื้อเฉย ๆ ก็เป็นอย่างนั้นละ

นี่ละอำนาจความเมตตา พี่น้องทั้งหลายดูเอานะ เพราะฉะนั้นเราถึงได้กล้าพูดเต็มเหนี่ยวของเราไม่มีใครมาเป็นสักขีพยาน เขาจะหาว่าเราเป็นบ้าทั้งโลกก็ตามเถอะ เราก็ทราบแล้วว่า เราไม่หาเขา เราทราบตามหลักความจริง เขาอาจจะหาว่าเราเป็นบ้า เพราะเราไม่เป็นบ้า เขาอาจจะหาใช่ไหมล่ะ แต่เราไม่หา เราดูตามความจริงเลย เขาเป็นบ้าก่อนเราว่าแล้ว พวกบ้าว่างั้นเลย เราก็เห็นจะว่าไง คนหนึ่งจ้อดูอยู่นี่ คนหนึ่งพ่ามพิ่ม ๆ ดูนั้นดูนี้ชนไม้ชนตอ คนหนึ่งดูจริง ๆ ดูหมดเลย แต่ไม่พูด เฉย เหมือนไม่รู้ไม่ชี้ จนกระทั่งทุกวันนี้ ไปทุกครั้ง ๆ จ่ายแบบเดียวกันหมด เป็นหมื่น ๆ ละเงินนี้ เงินสดนะจ่ายเป็นหมื่น ๆ ไปเลย เพราะสิ่งของมีเท่าไรเราซื้อหมด ๆ แต่ไม่เอาของ จ่ายแต่เงินให้เต็มอัตราแล้วกลับ ๆ ส่วนเงินให้ครอบครัวละห้าร้อย ๆ ประจำมาตลอด ส่วนสิ่งของมากน้อยเราให้ตามนั้นเลย เพราะฉะนั้นรวมแล้วถึงเป็นหมื่น ๆ ไปทุกที ๆ นี่ละอำนาจแห่งความเมตตา

ไปที่ไหนสงสาร มันหากเป็นอยู่ในหัวใจพูดไม่ถูก พูดให้เต็มยศก็คือว่ามันครอบโลกธาตุเลย อย่าว่าแต่เมืองไทยเรานะ มันครอบโลกธาตุ ในจุดนี้ก็หนัก จากนั้นก็กระจายออกไปทั่วกันไปหมดเลย นี่ละอำนาจแห่งความเมตตาสงสารโลก สอนทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าแง่หนักแง่เบาที่ควรจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ฟังมากน้อย จะออกทันที ๆ เราไม่คำนึงถึงถังขยะว่าจะมาโจมตีว่านั้นว่านี้ เราไม่เคยสนใจ ก็รู้แล้วว่าถังขยะ เอาทองคำทั้งแท่งไปเทียบถังขยะได้ยังไง ทองคำทั้งแท่งคือธรรม ธรรมเหมือนทองคำทั้งแท่งเอาไปเทียบถังขยะได้ยังไง มันจะเห่าว้อก ๆ ช่างหัวมันซิ ไม่สนใจกับมัน

พระพุทธเจ้าก็เหมือนกัน สอนโลกถึง ๔ ประเภท พระพุทธเจ้าสนพระทัยกับใครเมื่อไร สอนโลกด้วยความเมตตาล้วน ๆ ไปเลย นี่เราไม่ได้วัดรอย หัวใจนี้มันเป็นอย่างเดียวกัน เมื่อเต็มที่ของมันแล้วไม่ต้องไปถามใคร ไม่ต้องไปหาใครมาเป็นพยาน จ้าขึ้นในนั้นแล้วพอตัว ไม่ต้องไปถามใคร พูดแล้วสาธุ แม้พระพุทธเจ้าประทับอยู่ข้างหน้าก็ไม่ทูลถาม จะถามอะไรของอันเดียวกัน รู้อย่างเดียวกัน เห็นอย่างเดียวกัน สนฺทิฏฺฐิโก รู้เองเห็นเอง ประกาศลั่นไว้แล้วธรรมพระพุทธเจ้าสอน สนฺทิฏฺฐิโก เป็นผู้ตัดสินเอง ไม่ต้องหาใครมาเป็นสักขีพยาน ก็แน่อยู่แล้ว ที่นี่เมื่อมันเป็นแล้วมันก็รู้

แต่ธรรมไม่เหมือนโลกนะ รู้เหมือนไม่รู้ เห็นเหมือนไม่เห็น ไม่มีกดมีดันมีอยากคุยอยากโม้อยากอวด ไม่มี ธรรมดา ๆ เหมือนไม่มีอะไร แต่ถ้ามีเหตุการณ์อะไรผ่านมาปั๊บจะรับกันทันที ๆ ควรรับมากรับน้อยจะออกรับทันที ๆ ถ้าไม่ควรออก ดึงก็ไม่ออก แน่ะเป็นยังงั้นนะ ถ้าควรออกผางเลยทันที ก็อย่างที่พูดถึงเรื่องหลวงปู่แหวนนั่นน่ะ ท่านเทถังเลย ท่านไม่เปิดถังนะ ถังน้ำใหญ่ท่านปิดไว้นาน ไม่สมควรที่จะชะล้างกับสิ่งใด น้ำนี้เป็นน้ำที่สะอาดสุดยอดแล้ว สิ่งที่จะมาชะล้างไม่เป็นของคู่ควรกัน ท่านก็ไม่ออก ใครไปหาท่านก็ไปตามภาษีภาษาของเขาแหละ วันหนึ่งรถบัสไปไม่รู้กี่คัน ๆ พระเณรเข้าไปเกี่ยวข้องก็เกี่ยว แต่ถังใหญ่ท่านไม่มีใครไปเปิดได้ล่ะซิ ไปไขก๊อกได้ ก็เก็บไว้ยังงั้น อยู่ยังงั้น

วันนั้นพระขี้ดื้อไปฟัดกันใหญ่เลย อู๋ย ออกเลย เทถังเลยวันนั้น วันนั้นเทถังนะ ไม่ได้เปิดถังละเทถังเลย ใส่กันเต็มเหนี่ยว พูดแล้ว อู๊ย หัวเราะลั่น ท่านพอใจท่าน ตัวแดง นี่ละอำนาจของธรรมดูซิพี่น้องทั้งหลาย ไม่ได้มีกิเลสแฝงแม้เม็ดหินเม็ดทรายนะ ธรรมออกล้วน ๆ เลย ออกเต็มเหนี่ยว นี่พลังของธรรม ต้องอาศัยร่างกายเรานี้ซึ่งเป็นสมมุติ เป็นเครื่องมือทั้งของกิเลสทั้งของธรรม แต่ถ้าหากว่าเป็นพลังของกิเลสออกนี้โลกพินาศ ออกแบบนั้นโลกพินาศ แต่พลังของธรรมเป็นน้ำดับไฟ ๆ ไปตลอด มันต่างกันอย่างนั้น เพราะเครื่องมืออันเดียวกัน

ถ้าหากว่าธรรมมีเครื่องมือเป็นของตนแล้ว เครื่องมือเหล่านี้เข้าไม่ถึงเลย เยี่ยมกว่ากันขนาดไหน แต่นี้ท่านไม่มีเครื่องมือเป็นของตัวที่จะนำมาใช้ทำประโยชน์แก่โลก ท่านก็เอาเครื่องมือร่างกายซึ่งเป็นสมบัติของกิเลสมาแต่ก่อนนี้ กิเลสพังไปแล้วท่านก็เอานี้มาทำหน้าที่แทน เวลากิริยาท่าทางแสดงออกจึงเป็นเหมือนกับโลกทั่ว ๆ ไป ทั้ง ๆ ที่เป็นธรรมทั้งแท่ง ๆ ผลักดันออกมา ๆ นั่นละเป็นอย่างนั้น

วันนั้นท่านเปิดเต็มเหนี่ยวเลยละ เปิดเต็มเหนี่ยวจริง ๆ วันนั้น พูดนี้รื่นเริงนะ ตัวแดงเลย พระขี้ดื้อไม่ใช่ไปไขก๊อกเปิดก๊อก ดีไม่ดีท่านคว่ำถังให้เลย เราเปิดก๊อกเปิดถัง ท่านคว่ำถังให้เลยวันนั้น เอากันเต็มเหนี่ยวเลย รู้สึกว่าท่านรื่นเริงวันนั้น เต็มเหนี่ยวเลยละ เพราะพูดกันอย่างถึงพริกถึงขิง ต่างคนต่างเหมือนกับว่าเตรียมใส่กันอยู่ ท่านก็เคยได้ทราบอยู่แล้ว ชื่อเสียงของเราเป็นยังไง ๆ ไอ้เราก็ทราบท่านแล้ว ต่างคนต่างเตรียมพร้อมจะเอากัน ถ้าพูดภาษาโลกจะฟัดกันให้เต็มเหนี่ยว

ไปสองสามครั้งมันไม่ได้ผล เปลี่ยนนโยบายใหม่ จึงบอกให้ญาติโยมเขารอเสียก่อน เราเข้าไปหาท่านเรียบร้อยแล้ว ออกมาเราจะให้สัญญาณ จะให้ได้กราบไหว้ท่านทั้งหมดว่างั้น เขาก็พอใจ เขาก็แตกฮือกลับทันทีเลย เราเข้าปั๊บเลย ซัดกันเสีย โอ๊ย กุฏิหลังนั้นเหมือนอะไรพูดไม่ถูก ถ้าว่าพระทะเลาะกันมันก็เลย พระอะไรจะมาทะเลาะกันอย่างนี้ เสียงลั่นเลยนะ เสียงท่านพุ่ง ๆ เลย ครั้งแรก ๑๐ นาที ครั้งที่สอง ๔๕ นาที เต็มเหนี่ยว ถามปัญหาใส่จุดปั๊บ ๆ เลย

พูดให้มันตรง ปัญหานี่ถ้าไม่รู้ตอบไม่ได้ พอถามไปปั๊บ ปัวะออกมาเลยทันที นั่นท่านพออยู่แล้ว ใส่จุดไหนผางออกมา ๆ เลย มันก็มีอยู่ ๒ อย่าง หนึ่ง ปัญหานี้ถ้าไม่รู้แล้วจะตอบไม่ได้ และผู้ถามถ้าไม่รู้ปัญหานี้ก็ถามไม่ได้ มันมีสองอย่าง เพราะฉะนั้นท่านจึงไม่ต้องถามเรา มีแต่เราใส่ปัญหาปั๊บ ท่านเปิดจ้าออกมาแล้วเราก็หายสงสัย ๆ

อันนี้ท่านไม่ถามเราเลย เพราะเหตุไร ปัญหามันบอกในตัวแล้วนี่ ปัญหาเป็นปัญหาเฉพาะ ออกจากหัวใจแท้ ๆ ไม่ได้ออกจากคัมภีร์นั้นคัมภีร์นี้ พูดแล้วสาธุ คัมภีร์ที่ท่านจดจารึกไว้มันผิวเผินมากนะ ออกจากหัวใจนี้ตัวจริง ๆ ร้อยเปอร์เซ็นต์ ๆ ผางออกมาร้อยเปอร์เซ็นต์เลย เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้า พระสาวกทั้งหลายที่รู้แล้ว ๆ จึงไม่ถามใครในการสอนโลก แม่นยำ ๆ ตลอดเพราะความแม่นยำเต็มหัวใจแล้วจะสงสัยที่ไหน

เดี๋ยวนี้ก็ค่อยร่อยหรอไป ๆ เราจึงบำรุงส่งเสริมพระที่ตั้งใจปฏิบัติ เช่น วัดภูวัวนี้ เราสั่งสมพระ บอกเปิดเลย เอา พระตั้งใจปฏิบัติดี เอา มาเท่าไรมา ผมจะรับเลี้ยง ฟังซิผมจะรับเลี้ยง คือจริงแล้วนั่น เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว มารับเลี้ยงอย่างนั้น เราจะสั่งสมพระเพื่ออรรถเพื่อธรรม ให้มาอยู่สถานที่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะเป็นประเภทที่หนึ่ง มหาวิทยาลัยป่าประเภทชั้นเอกเลย เราจึงต้องส่งเสริมทันที แต่ก่อนก็ได้ยิน ได้ยินข่าวว่าท่านอยู่ทีละสององค์สามองค์ สงัดมาก ๆ ไม่มีที่โคจรบิณฑบาต แต่สถานที่บำเพ็ญนั้นเหมาะสมมาก เราถึงได้ถือโอกาสไปดู ไปดูก็ไปเที่ยวดูจริง ๆ พอกลับมาแล้วประกาศป้างเลย บอกว่า ตั้งแต่นี้ต่อไปท่านอุทัยจะมีพระเท่าไรที่ท่านตั้งใจจะมาบำเพ็ญสมณธรรมที่นี่ เอ้าให้มา มามากเท่าไรก็ตามผมจะรับเลี้ยง และผมจะรับเลี้ยงตั้งแต่บัดนี้ต่อไป จากนั้นมาเราก็ส่งอาหารเดือนละครั้ง ๆ นี้เป็นประจำ

ส่วนเรามีเวลาว่างเมื่อไรเราก็ไปเป็นกรณีพิเศษ ไปทีไรก็เต็มรถไป อันนี้เป็นอาหารเสริม อาหารกรณีพิเศษต่างหาก ตั้งแต่บัดนั้นมาจนกระทั่งบัดนี้สิบกว่าปีแล้วนะที่เลี้ยงวัดท่านอุทัยนี่ พระมามากเท่าไรเราเพิ่มขึ้น ๆ ตลอด เราเปิดเลยถ้าเป็นพระปฏิบัติ แล้วก็เด็ดทั้งสอง ถ้าพระองค์ไหนมาโกโรโกโสให้ไล่ลงภูเขาให้หมด อย่าให้หนักภูเขาลูกนี้ ไม่สมควรจะรับมูตรรับคูถ เราว่าอย่างนี้เลย เราเปิดไว้สองทาง แล้วก็มีข้อหนึ่งที่ว่า สถานที่นั่นไม่ต้องการจะให้ใครไปยุ่งเหยิงวุ่นวายพระ แม่ครัวคนสองคนเขาทำอาหารถวายพระเท่านั้นพอแล้ว ไม่อยากให้ไปยุ่งเหยิงวุ่นวาย จะเกิดเรื่องเกิดราวได้ เราก็ได้ประกาศแล้ว ไปบอกท่านอุทัย

ไปครั้งที่แล้วนี้ย้ำใหญ่เลยนะ ขนาบใหญ่เลยนะคราวนี้ นี้เป็นคำเตือนให้จำไว้ เราพูดเราไม่ได้พูดเล่น ๆ อะไรจริงทุกอย่าง นี้เป็นคำเตือน อย่าฝืนนี้ไปนะ ถ้าฝืนนี้ไปผมจะเลิกทันที แล้วไม่มาเหยียบอีกวัดนี้ บอกตรง ๆ อย่างนั้นเลย เพราะผมตั้งใจจะส่งเสริมพระตั้งใจปฏิบัติต่างหาก แล้วยั้วเยี้ย ๆ นี้ดูไม่ได้นะบอก แล้วกุฏิกุฏังที่สร้างไว้ หอปราสาทเมืองสวรรค์ยังสู้ไม่ได้ ทำไปหาอะไร ก็ว่าอย่างนั้นซี นี่หรือพระพุทธเจ้าประกาศศาสนา เอาอิฐปูนหินทรายนี้หรือประกาศศาสนา ท่านเอาธรรมต่างหากประกาศศาสนา ทำไมถึงเห็นสิ่งเหล่านี้ยิ่งกว่าธรรมดีกว่าธรรม นั่นย้ำแล้วนะวันนั้น

ไปก็เปรี้ยง ๆ เลย เสร็จแล้วลุกมาเลย ท่านอุทัยก็ไม่ได้พูดสักคำเดียว พูดไม่ได้พูดปัวะเลย ถ้าลงได้กางเล็บขนาดนั้นแล้วมาซิ ลงขนาดนั้นพูดแบบกางเล็บแล้วนี่ อะไรมาผ่านไม่ได้เลือดสาดเลย นั่นละเราไม่ต้องการที่จะให้ใครไปอยู่ยุ่งเหยิงวุ่นวายในสถานที่นั่น ไม่เหมาะสมกับประชาชนญาติโยมที่จะไปรุมกันอยู่อย่างนั้น ไม่เหมาะ นี่อาหารก็เป็นอาหารเฉพาะสำหรับพระด้วย ไม่เฉพาะใครทั้งนั้นนี่อันหนึ่ง สองสถานที่นั่นเป็นสถานที่เหมาะสมสำหรับพระบำเพ็ญสมณธรรม ไม่ควรที่ใครจะไปยุ่งเหยิงวุ่นวาย ดีไม่ดีจะก่อเหตุขึ้นมาในที่นั่น

นี่ก็เห็นเป็นตัวอย่าง ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ไปอยู่ที่นั่น เราไม่ระบุชื่อแหละ พระท่านบอกให้ลงก็ไม่ยอมลง แล้วไปอยู่ที่เปลี่ยว ๆ พระก็ลำบาก ท่านก็บอกว่าพระท่านก็ลำบาก เพราะมีผู้หญิงอยู่นั้นจะไปทางแถวนั้นก็ลำบาก แล้วผู้หญิงคนนั้นก็เป็นภัยทั้งสองด้าน เกี่ยวกับพระด้วย แล้วเกี่ยวกับคนที่เขาขึ้นลงในแถวนั้นด้วย ผู้หญิงคนนี้เรียกว่าเป็นผู้ที่จะก่อภัยได้ พระท่านเตือนให้ลงไม่ยอมลง พอเราทราบเราก็บึ่งไปเลยเทียว นั่นเห็นไหมเราไม่เหมือนใคร ขึ้นไปก็ขนาบเลยทันที ให้ลง นั่น เราเป็นคนไปไล่ลง

เป็นอย่างนั้นนะ ผู้ดื้อมันดื้อ พระท่านเตือนเท่าไรบอกเท่าไรก็ไม่ยอมลง แล้วจะก่อความเสียหายขึ้นจากผู้หญิงคนนี้ได้ไม่สงสัย เพราะฉะนั้นเราถึงไป ขนาบเลยนะไม่ใช่ธรรมดา ให้ลง อยู่นี้ไม่ได้ สถานที่นี่สำหรับพระไม่ใช่สำหรับคนประเภทเหล่านี้เราว่าอย่างนั้น ก็ลงเลย ไม่ลงไม่ได้ถ้าลงได้กางเล็บแล้ว อันนี้ก็กางเล็บเหมือนกัน นี่ละมันเป็นเหตุอยู่อย่างนั้น ได้ระเวียงระวังมากนะ นั่นจะเป็นที่บำเพ็ญสมณธรรมโดยเฉพาะ พวกที่เขาไปทำอาหารถวายพระ บ้านสี่ห้าหลังคาเรือนเขาก็ทำได้ ทำอาหารถวายพระ

ยากอะไรพระกรรมฐาน กินง่าย นอนง่าย อยู่ง่าย ทุกอย่างไม่มีอะไรเกินกรรมฐาน ไม่มีอะไรเกินธรรม ถ้าธรรมนี่ง่ายไปหมด ถ้าเป็นเรื่องโลกนี้ยุ่งไปหมด เป็นอย่างนั้นนะ อันนั้นไม่ดี อันนี้ไม่พอ มีแต่สิ่งไม่พอ กิเลสมันตัวหิวโหยมันอิ่มพอที่ไหนกิเลส ไปที่ไหนมีแต่ความหิวโหย เผาไหม้ราบไปเลยนะกิเลส ถ้าธรรมไปไหนพอที่นั่น พอดี ๆ นี่อยู่นั้นเขามาทำอาหารถวายพระ ไม่กี่คนก็พอ เพราะพระฉันอาหารนี้ฉันเพื่ออรรถเพื่อธรรม ไม่ได้ฉันเพื่อรสเพื่อชาติอะไร เราเคยผ่านมาหมดแล้วนี่ เราเป็นผู้ดำเนินเป็นหัวหน้าเอง เป็นผู้ชักจูงทุกสิ่งทุกอย่าง

อาหารการกินก็เหมือนกัน เอาไปให้พอเหมาะพอสม แล้วก็เผื่อสำหรับวัดนั้นวัดนี้ด้วย ด้วยความสงสารนั่นแหละ ถามพระว่ามีพอ ๆ แล้วแยกวัดนั้นบ้างวัดนี้บ้างเวลามาติดต่อขอจากวัดนั้นก็ให้ไป ให้ไปเถอะเราบอก ผมไม่อาจที่จะไปส่งซอกแซกได้ มาส่งที่จุดกลาง ถ้าขาดเหลืออะไรให้บอกอย่างนั้นเลยนะ เรามันจริงทุกอย่าง ก็ให้ทำอย่างนั้นเรื่อยมา เพราะฉะนั้นไปคราวนี้ไปเห็นลักษณะแปลก ๆ จึงขนาบเอา มันจะลืมตัวนะพระนี่ เอาขนาดนั้นนะ มันลืมตัวนะนี่ จึงได้ขู่เอาอย่างหนัก ๆ เปรี้ยง ๆ จบแล้วมาเลย นั่นละที่นั่นที่เหมาะสม

พระผู้ครองอรรถครองธรรมจะไม่มีนะ ไอ้ครองส้วมครองถานไม่ต้องพูด ถานครอบหัวมัน ไม่ว่าครองละ ถานครอบหัวมัน ทั้งพระทั้งเณรทั้งเขาทั้งเราเลอะไปหมดทุกวันนี้ ศาสนามีเขตมีแดนที่ไหน ไม่ได้มีเขตมีแดนนะศาสนาเวลานี้ เลอะเทอะไปหมดเลย เอาผ้าเหลืองคลุมหัวโล้น ๆ ไว้เท่านั้นเกิดประโยชน์อะไร ทั้งเขาทั้งเราเหมือนกันนะเวลานี้ ตำหนิใครก็ตำหนิไม่ลง กำลังเวลานี้เลอะ ประชาชนก็เลอะอยู่แล้ว พระก็เลอะไปตาม ไม่ทราบใครจะเกาะใคร จะเป็นที่พึ่งที่อาศัยที่พึ่งเป็นพึ่งตายที่ไหนได้ หาที่เกาะไม่มี คว้ามาทางพระก็เหลวไหล คว้าไปทางประชาชนยิ่งเหลวแหลก ต่างคนต่างเหลวไหลเหลวแหลก

บ้านเมืองของเราเช่นอย่างเมืองไทยของเรานี้จะจมได้ ด้วยอำนาจของกิเลสพาให้สัตวโลกเหลวแหลกนะ ลืมเนื้อลืมตัวทุกสิ่งทุกอย่างฟู่ฟ่าหรูหรา ไม่ได้รู้เนื้อรู้ตัวเลยนะ ศาสนาจับดูมันดูไม่ได้นะ พูดตรง ๆ มันดูไม่ได้จริง ๆ ศาสนาท่านมีขอบมีเขตมีเหตุมีผล มีหลักมีเกณฑ์ทุกอย่าง ศาสนาพระพุทธเจ้าไม่มีอะไรเกิน ในศาสนาทั่วแดนโลกธาตุนี่ไม่มีอะไรเกินพุทธศาสนาว่างั้นเลย พระพุทธเจ้าตรัสรู้องค์ไหนแบบเดียวกันหมด เพราะรู้อย่างเดียวกัน เห็นอย่างเดียวกัน ด้วยพระญาณหยั่งทราบ ไม่ใช่ด้วยด้นเดาเกาหมัด ครั้นเวลามาสอนจึงแม่นยำ ๆ ท่านมีขอบมีเขตมาอย่างนั้น เวลามาสอนโลก ไม่มีขอบเขตอย่างท่านก็ขอให้มีประเภทที่ลูกศิษย์มีครูสอน ให้มีแบบมีฉบับบ้างพอเป็นผู้เป็นคน

อันนี้เมืองไทยเรามันมีพุทธศาสนาที่ไหนเวลานี้ มีแต่กิเลสตัณหาเหยียบย่ำทำลายทั่วประเทศเขตแดนของไทยเรา จะจมนี่เพราะกิเลสตัณหาไม่ใช่เหรอ ธรรมท่านพาใครให้จมไม่เคยมีนะ มีแต่กิเลสตัณหาพาให้ล่มให้จม ความโลภเอาให้แหลก มีเท่าไรไม่พอ ๆ เอาให้แหลกเป็นเถ้าเป็นถ่าน เมื่อไม่สมใจก็โกรธก็แค้นฆ่าฟันรันแทงกัน นี่ก็กิเลสไฟกองหนึ่ง แล้วราคะตัณหากว้านมา ๆ ไม่มีอะไรพอ ๆ ไฟใหญ่สามกองนี้ละมันเผาชาติไทยเรา ซึ่งเป็นชาติแห่งชาวพุทธอยู่เวลานี้ จะไม่มีอะไรเหลือในเมืองไทยเรานะ ถ้าไม่ยึดศาสนาแล้วจมนะ ฟังให้ดี ศาสนาเท่านั้นเป็นที่ยับยั้งเอาไว้ได้พอประมาณ ถ้ามีศาสนาก็มีการบังคับตน

คนอยากดีต้องมีการบังคับมีขอบมีเขต บ้านเขามีแล้วเขายังมีรั้วบ้านกำแพงบ้าน นั่นเห็นไหม เป็นชั้น ๆ การรักษา อันนี้เมืองไทยเราเลอะไปหมดเลย เลอะ ๆ เทอะ ๆ อะไรมาคว้ามับ ๆ ไม่มีขอบมีเขต เราดูแล้วเราพูดจริง ๆ เราสลดสังเวชนะ เพราะอยู่ในขอบเขตมาตั้งแต่วันบวช ขอบเขตของธรรมเป็นยังไง เป็นขอบเขตที่สงบร่มเย็นปลอดภัยไร้โทษทั้งหลายตลอดมา นี้จึงมาเห็นมีตั้งแต่ความสั่งสมโทษสั่งสมฟืนไฟเผาไหม้กันทั่วโลกดินแดนมันจะดูได้ยังไง ดูกันไม่ได้นะ

นี่ละที่พระท่านแตกเป็นนิกายต่าง ๆ ก็เพราะอันนี้ละ ผู้รักษา-รักษาอยู่ ผู้รุ่มร่าม ๆ ประเจิดประเจ้อไม่มีเหตุมีผลไม่มีหลักเกณฑ์ สร้างแต่ความสกปรก แล้วจะเข้ากันได้ยังไง นี้มันแตกกัน รังเกียจกันซี คนหนึ่งปฏิบัติดี คนหนึ่งเอาขี้มาโปะหัว ๆ มันจะยอมให้โปะยังไงหัวพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ท่านก็หัวคนเหมือนกัน ท่านไม่ให้โปะล่ะซี นี่ละแตกกัน แล้วแตกเป็นนิกายนั้นนิกายนี้ เพราะรังเกียจกันนั่นเอง มันดูกันไม่ได้ ทนไม่ไหวก็แตกกัน

ถ้าหากว่าต่างคนต่างปฏิบัติดีปฏิบัติชอบด้วยกันแล้ว เข้ากันได้สนิท ไม่มีคำว่าชาติชั้นวรรณะฐานะสูงต่ำ ไม่มีในวงศาสนา มีแต่อรรถแต่ธรรมเต็มหัวใจเท่านั้น ไม่มีคำว่าถือสีถือสา ชาติชั้นวรรณะไม่มี สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องกิเลสส่งเสริมตัวเองขึ้นเพื่อเหยียบหัวคนต่างหาก เหยียบหัวสัตว์ต่างหาก ถือตัวว่าดีแล้วก็เย่อหยิ่งจองหองพองตัว เหยียบย่ำทำลายคนอื่น นี่เป็นเรื่องของกิเลส ถ้าธรรมแล้วเสมอภาคไปหมด สพฺเพ สตฺตา อันว่าสัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันหมดทั้งสิ้น ก็ทราบแล้วว่าสัตว์ทั้งหลายนี้เกิดด้วยอำนาจแห่งกรรม ไม่ได้เกิดด้วยอำนาจแห่งยศถาบรรดาศักดิ์ ความเย่อหยิ่งจองหองนะ เกิดด้วยอำนาจแห่งกรรมต่างหาก ท่านสอนว่าอย่างนั้น เพราะฉะนั้นผู้ที่มีอรรถมีธรรมแล้ว จึงไม่มีคำว่าชาติชั้นวรรณะฐานะสูงต่ำ เข้ากันได้หมด หัวใจเสมอกัน

หลักใหญ่อยู่ที่หัวใจ มีรักดี เกลียดชั่วเหมือนกันหมด หวังพึ่งพิงอิงอาศัยซึ่งกันและกันทั่วหน้าไปหมด สัตวโลกเกิดมานี้หวังพึ่งกันตลอดเวลา แม้แต่สัตว์เดรัจฉานก็หวังพึ่งอย่าว่าแต่มนุษย์เราเลย เราดูซิสัตว์ในป่าในวัดนี่เป็นยังไง ยั้วเยี้ย ๆ ไปที่ไหนมีแต่คนให้กิน แม้ที่สุดไอ้ปุกกี้เราก็วิ่งเข้าในครัว วันหนึ่งมันเข้ากี่เที่ยวไม่รู้นะ ไปทีไรมันก็ได้กินทุกที ๆ ท้องป่องออกมา ๆ นี่มันก็ไปอาศัยในครัว ในครัวทั้งหมดเป็นเสี่ยวไอ้ปุ๊กกี้กับไอ้หยอง มาทางวัดนี้ก็เป็นเสี่ยวพระ ไอ้ปุ๊กกี้มันมีเสี่ยวเต็มวัด เห็นไหม นี่มันได้อาศัยเข้าใจไหม มันกลัวอะไร มันไม่ได้กลัวใครนะหมาเหล่านี้ เพราะมันพึ่งเสียพอแล้ว จนเป็นเนื้อเป็นหนังอันเดียวกันกับเจ้าของว่างั้นเถอะ แม้แต่เจ้าของยังกลับเป็นเสี่ยวกับมัน ตั้งแต่หลวงตาบัวลงไปเป็นเสี่ยวหมาทั้งนั้น

วันนี้พูดเพียงเท่านี้ เอาละ อย่าลืมเนื้อลืมตัวนะทุกคน ๆ อันนี้เป็นจุดสำคัญมากนะ ถ้าศาสนารั้งไม่ได้ไม่มีอะไรรั้งไว้ได้นะ ให้กิเลสรั้งฟาดลงทะเล ไม่มีคำว่ารั้ง ไสเลยลงทะเล เอาละพอ ให้พร

(หลวงตาคะหนูขอกราบลากลับบุรีรัมย์ ไปทำงานที่นั่นค่ะ) ทำงานที่บุรีรัมย์เหรอ เออ เอาไป ทำงานชาติงานแผ่นดินที่ไหนก็เป็นของแผ่นดินทั้งนั้นละ พากันตั้งหน้าตั้งตาทำให้เกิดประโยชน์แก่ชาติแก่แผ่นดิน

(มีหมอจากโรงพยาบาล อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี มารับรถพยาบาลที่หลวงตาบริจาค) เออ รับไปเลย แล้วพระจะเติมน้ำมันให้ เสร็จแล้วค่อยไป

(ลูกศิษย์มาลากลับกรุงเทพ) จะกลับวันนี้หรือ ไป ผาสุกเย็นใจ พุทโธติดใจไปเลยเทียว สงบอารมณ์บ้างซิ อะไรไม่มีก็ตามเถอะ ถ้าใจไม่สงบเสียอย่างเดียวเป็นไฟเผาตัวเองตลอด ใจจึงเป็นของสำคัญ ใจกับธรรมอยู่ด้วยกันสงบเย็น มีมากมีน้อยไม่สำคัญยิ่งกว่าสรณะของใจที่อบอุ่น นอกนั้นแล้วไม่ได้เป็นสรณะนะ เราไปเกาะเขาต่างหาก เกาะแล้วก็เอาไฟมาเผาตัวเอง นั่นไม่ใช่ที่พึ่งนะ ที่อาศัยต่างหาก ที่พึ่งเป็นพึ่งตายคือธรรมคือศีลคือบุญกุศล นั่น อันนั้นที่อาศัย อาศัยไปอย่างนั้นแหละ พอถึงวันเวลาแล้วก็ไปเท่านั้นเอง

นี่วันนี้พอพูดแล้วก็ทำให้ระลึกถึงน้องสาว นี่เขามาบอกตะกี้นี้ว่า น้องสาวได้สิ้นลมไปแล้ววันนี้ตอนตีสามกว่า น้องสาวหล้า น้องสาวสุดท้องคนนี้มันเกิดเดือนพฤศจิกายน เราบวชเดือนพฤษภาคม เราบวชก่อนดูเหมือนหกเดือนละมัง พฤษภา มิถุนา กรกฎา สิงหา กันยา ตุลา พฤศจิกา เดือนพฤศจิกายนมันเกิด มันตายก่อนเราแล้วนะ เราบวชมานี้ ๖๖ ปีกว่าแล้ว มันยังไม่ถึง ๖๖ ปี ดูเหมือนจะขาดอยู่ประมาณ ๒ เดือน มันตายไปแล้วอีนี้ นี่น้องสาว เขามาบอก เอ้อ ตายก็ตายซิจะว่ายังไง กูทราบตั้งแต่ยังไม่ป่วย ตั้งแต่ยังไม่เกิดโน่นแหละ กูเข้าใจแล้วแหละ สูจะเผาก็เผากันไปเถอะ ก็บอกเท่านั้นแหละ ก็ความจริงเป็นอย่างนั้นนี่ อย่างนั้นแหละภาษาธรรม สูจะเผาก็เผากันไปเถอะ มันตายก็ตายไปแล้ว

โลกอันนี้มันโลกเกิดกับตายเป็นของคู่กันมา ไม่มีใครยิ่งหย่อนกว่ากันเสมอกันหมดคืออันนี้ ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ เข้าใจหรือ ที่มันจะเสียเปรียบคือคนที่ลืมเนื้อลืมตัว ไปเกาะสิ่งที่อาศัยว่าเป็นตัวของตัว นั่นแหละพาจม พวกนี้พวกลืมตัว จ่านรกนี้จะจดบัญชีไม่ไหวแล้ว ใครที่ตั้งใจปฏิบัติดีนี้ พวกแดนสวรรค์เขาจะยิ้มแย้มแจ่มใสว่าพี่น้องคนบุญเรามาแล้วเวลานี้ เตรียมต้อนรับ แต่พวกนรก เขาไม่ยินดีนะไฟเผา มึงจะมาหาพ่อหาแม่มึงเหรอ ไฟเผากูก็จะตายอยู่แล้ว มึงมาหาพ่อหาแม่มึงเหรอ เขาว่าให้กัน เขาแช่งกันเข้าใจไหม ถ้าพวกแดนสวรรค์ มา ๆ เลย อ้าว มีในตำรานี่ แดนสวรรค์ มาพี่น้องเรากำลังหลั่งไหลขึ้นมา ถ้าพวกแดนนรกมันจะว่า โคตรพ่อโคตรแม่มึงมาจากไหนอีก ตั้งแต่กูอยู่นี้กูก็จมอยู่ยังขึ้นไม่ได้ มึงยังมาอะไรอีกนี่ มันเป็นอย่างนั้น มันต่างกัน เข้าใจไหม ไปๆๆ เอาละ เลิก…

เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร www.luangta.com


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก