เกี่ยวกับเรื่องยาหมอเติ้ง ดูว่าเขาจะไปเอายามาอีก เอามาเราก็ไม่ว่าอะไร ถึงเขาไม่เอามาก็น่าจะหายสงสัยไปแล้ว เป็นเพราะยานั้นจริง ๆ ไม่ใช่โรคมันคืนนะ มันถ่ายพิลึกพิลั่น ทำให้สงสัย มันถ่ายพิลึกพิลั่น เราดูอาจมที่ถ่ายมีสีมีลักษณะเหมือนกันเลย ตั้งแต่วันนั้นมาแล้ว พอรู้สึกตัวว่าเป็นเพราะยาอันนี้ หยุดยาอันนี้มาตั้งแต่บัดนั้นจนกระทั่งบัดนี้ ยังไม่เคยถ่ายเลยได้ ๓ วันแล้วนะ ๔ วันนี้แหละ ไม่ถ่ายมาได้ ๓ วันเต็ม ๆ นะ ก็จะเอาอะไรมาถ่าย มันถ่ายออกจนหมดไม่มีอะไรเหลือ จนกระทั่งเจ้าของเพลียเลยเชียว ก็ไม่เคยเห็นมันถ่ายขนาดนั้น วันหนึ่ง ๓ หน ๔ หน ถ่ายแต่ละทีนี้ไม่ใช่เล่น ๆ เพลีย ๆ
เพราะเรากินยานั้นกินก็ไม่รู้จักประมาณ ก็ไม่ได้นึกว่ามันมีพิษอยู่ มีการถ่ายท้องอยู่ด้วยยาอันนั้นนะ นึกว่าไม่มีอะไร ทีนี้พอรู้สึกตัวหยุดยานั้นมันก็หยุดเลย หยุดถ่ายจนกระทั่งป่านนี้ ๓ วันเต็มแล้วนะ ๓ วันเต็ม ๆ แล้วไม่ได้ถ่ายเลย นั่นละถึงขนาดที่ว่า ๓ เต็ม ๆ แล้วยังไม่ถ่ายเลย ก็เพราะว่ามันถ่ายเสียจนหมดเลย จนเพลีย ไม่ใช่ธรรมดา เพลียจริง ๆ แล้วจากนั้นมาก็ไม่มีอะไร เป็นปกติ เพราะหยุดยานั้นมาตั้งแต่บัดนั้นละ ไม่มีอะไร ทีนี้หมอเติ้งเมื่อได้ตกลงกับเขาแล้วก็เป็นอันว่าตกลงนะ คือเขาจะเอายามาก็มา ให้เขาซ้ำอีกก็ได้ไม่เป็นไร ไม่เห็นเสียหายอะไรนี่ เราได้ติดต่อเขาแล้ว จะสั่งงดไม่เหมาะ เพราะไม่มีอะไรเสียหาย เขาเอามาอีกก็เพิ่มอีกก็ได้ เพราะไม่มีอะไรเสีย ไปสั่งงดเสียอีกเสีย เขาเตรียมอะไรทุกสิ่งทุกอย่าง สั่งงดใช้ไม่ได้ว่าอย่างนั้นเลย
ให้เอามา เขาจะให้มาฉันเพิ่มอีกเราก็เพิ่มได้จะเป็นอะไร เมื่อไม่มีโรคก็ไม่มีอะไร มันไม่ได้เหมือนยาอันนี้นี่ ถ้าไม่มีโรคแล้วจะมีถ่ายอย่างนี้ไม่เอา อันนั้นมันถ่ายพิลึกนะวันนั้น นี่ก็ไม่เห็นมีอะไร ได้ยินว่าเขาจะไปเอายานี้ ตอนที่สั่งไปนึกว่าเขาอยู่เมืองไทยนะ เขาติดต่อไปทางเมืองไทยนี้ เขาว่าเขาจะไปเอายาขนานเก่านั่นแหละมา มาก็ไม่เป็นไร เมื่อหมอเขาถามเหตุถามผลกับเราตอบกันเรียบร้อยแล้ว เขาควรจะให้ยาอีกเราก็ไม่ว่า เขาไม่ให้เราก็ไม่ว่า เมื่อให้เขามาถึงตัวกันแล้วนะพูดตกลงกันแล้ว
วันนี้ก็ไม่ค่อยมีคนมากอะไรแหละ อย่าให้พูดมากนักนะ เพราะพูดทุกวัน ๆ เรียกว่าเทศน์ทุกวัน ออกทางวิทยุ ทางอินเตอร์เน็ตเป็นประจำนะเวลานี้ ที่หลวงตาเทศน์นี้ออก นอกจากทั่วประเทศไทยแล้วยังทั่วโลกอีก ออกอินเตอร์เน็ตนี่ทั่วโลก ตั้งแต่เทศน์มานี้ก็หลายปีแล้วนะ ทางอุดรฯ ออกทางวิทยุ ทีแรกก็สถานีเดียวที่วิทยุอุดร ออกมา อู๊ย หลายปี เวลาเราพูดตอนเช้าเขาเอาไปออกทางโน้น ครั้นต่อมาก็หนักขึ้น ๆ ยิ่งมาเริ่มช่วยชาตินี้แล้วทีนี้ออกกระจายไปหมด
อย่างอุดรนี้ ๘ สถานี ๘ สถานีนี้ออกทุกสถานีเลย แล้วก็เป็นความสมัครใจเขาเอง เราไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเราก็ว่าอย่างนี้ก็แล้วไปเลยแล้วไป เขาพอใจเองออก ๘ สถานีทุกสถานีเลย เป็นแต่เพียงไม่ซ้ำเวลากัน จากนี้ก็ออกทางกรุงเทพฯ สถานีใหญ่ในกรุงเทพออกหมดนะออกอย่างนี้ ที่สำคัญก็คือออกทางอินเตอร์เน็ต อินเตอร์เน็ตออกไปทั่วโลกเลย แล้วในกรุงเทพเรานี้ก็ดูว่าจะขยายออกอีก ให้กว้างออกไป เพราะคนเข้าไปดูไปชมมากขึ้นทุกวันว่างั้น ที่ไม่พอ นี่เขากำลังจะขยับขยายจะออกจากอินเตอร์เน็ตอันเดียวนี่ออก
เราก็พอใจที่เขาออกอย่างนั้น ก็นับว่าเขาเข้าใจในสารประโยชน์อันยิ่งใหญ่ของธรรม นี่เราก็ออกโดยธรรมทุกอย่าง การที่ออกไปแล้วหนักเบามากน้อยเพียงไร เราไม่มีที่ต้องติในธรรมที่ออกไป เพราะเป็นธรรมล้วน ๆ ที่ถูกต้องดีงามทุกอย่างแล้ว คัดเลือกแล้วออก ๆ ผู้ที่ฟังก็ควรจะพิจารณาให้ถึงใจทุกคน นี่แหละสารประโยชน์ประจำตัวของเรา ครอบครัวของเรา สังคมแต่ละสังคมทั่วประเทศไทยของเรา จะเป็นสารประโยชน์จากธรรมเหล่านี้เข้าสู่ใจ
การช่วยชาติเราก็เคยได้เรียนให้ทราบแล้ว เราไม่เจตนาอะไรที่จะเป็นดังที่ปรากฏอยู่เวลานี้ เราไม่เคยมีเจตนา แต่เมื่อเหตุการณ์มันเข้าไปเกี่ยวข้องกัน มันก็ต้องได้เกี่ยวข้องอยู่โดยดี เพราะอันนี้เรียกว่าเราเป็นจุดศูนย์กลางของคนทั้งประเทศ เพราะเป็นผู้นำพี่น้องทั้งหลาย แก้ไขความทุกข์จนหนโลกวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ซึ่งขัดแย้งกับธรรม ๆ แล้วทำความล่มจมให้แก่พี่น้องชาวไทยเรามาก
เราไม่มองเห็นอะไร ที่จะทำบ้านเมืองของเราให้มีความสงบร่มเย็น และแน่นหนามั่นคงขึ้นเป็นลำดับ นอกจากธรรมเท่านั้น เพราะฉะนั้นจึงได้เอาธรรมออกไปประกาศให้พี่น้องทั้งหลาย เพราะพวกเราทั้งหลาย เรียกว่า ๘๐ เปอร์เซ็นต์ เป็นชาวพุทธกันทั้งนั้นทั่วประเทศไทย จึงได้นำธรรมนี้ออกไปประกาศให้พี่น้องทั้งหลาย
วิธีการดำเนิน หลวงตาก็ได้ดำเนินด้วยการพิจารณาในธรรมทั้งหลาย เรียบร้อยแล้วค่อยก้าวเดินออกไป เช่น วัตถุสมบัติ เป็นทองคำ ดอลลาร์ เงินสด จะเข้าช่องไหน ๆ เราก็พิจารณาเรียบร้อยแล้ว ก็ดำเนินตามนั้นมา ตัวเองก็ไม่ปรากฏว่าได้ขัดข้องในหัวใจตนเองว่า ได้ขัดแย้งกับธรรมในข้อใด ที่จะทำให้เป็นข้าศึกต่อชาติบ้านเมืองของเรา เราก็ไม่เห็น เราก็ดำเนินไปตามที่พิจารณาเรียบร้อยแล้ว เรื่องก็ราบรื่นดีงามตลอดมาดังพี่น้องทั้งหลายได้เห็นนี้แหละ
นี่ทางด้านวัตถุ ก็ไม่มีใครมาคัดมาค้านว่าเราดำเนินนี้ผิดไปตรงนั้น ๆ พอที่จะได้พิจารณาแล้วควรแก้ไขก็แก้ไขกันไปอย่างนี้ก็ไม่เคยมี เพราะก่อนที่จะนำพี่น้องทั้งหลายนี้คิดจนกระทั่ง ได้พูดให้ฟังแล้ว จนหัวอกจะแตกว่างั้นนะ ถ้าเป็นแบบโลกแล้วเป็นอย่างนั้น เพราะความเป็นห่วงเป็นใยพี่น้องชาวไทยเรา ซึ่งอยู่ในแดนพุทธศาสนาสงบร่มเย็นมาตลอด แล้วจะเกิดความเดือดร้อนถึงขนาดที่เป็นขั้นล่มจมลงไปได้ อย่างนี้ไม่สมควร เมื่อศาสนาซึ่งเคยให้ความร่มเย็นมีอยู่ ควรจะยึดหลักพุทธศาสนานี้เข้ามาปฏิบัติ เฉพาะอย่างยิ่งทางด้านจิตใจ ถ้าจิตใจได้รับอรรถรับธรรมเป็นพลังขึ้นภายในตัวเองแล้ว กิริยาท่าทางการแสดงออกทุกอย่าง จะเป็นไปเพื่อความราบรื่นดีงาม ไม่ผาดโผนโจนทะยาน จึงได้นำธรรมนี้ออกแสดงแก่พี่น้องทั้งหลายฟัง
การแสดงธรรมเราแสดงเพื่อคนหมู่มาก หากจะขัดใจผู้ใดบ้าง ไม่ขัดใจผู้ใดบ้าง อันนี้ก็สุดวิสัย ก็เหมือนกับแกงหม้อใหญ่นั่นแหละ หลายลิ้นหลายปากหลายท้อง ก็อาจจะมีขัดข้องบ้างเป็นธรรมดา ถ้าลิ้นเดียวปากเดียวก็ไม่เป็นไร อยากหวานก็เอาหวานมากิน อยากเปรี้ยวเอาเปรี้ยวมากิน อยากพริกก็ฟาดพริกลงไปให้ขี้ทะลักออกก็ได้ (หัวเราะ) ก็คนเดียวเราเลือกกินได้ใช่ไหม เวลามันเป็นอย่างนั้นออกมาเราจะตำหนิพริกไม่ได้ เพราะเราไปกินพริกนี่ก็ต้องตำหนิเรา นี่ถ้าเป็นของคนคนเดียวเลือกเอาได้
อันนี้มันของเพื่อหลายคน การแสดงจะหนักเบามากน้อยเพียงไรก็ตาม เรื่องเจตนาที่เป็นอรรถเป็นธรรมต่อพี่น้องทั้งหลายนี้ เรียกว่าเต็มเปี่ยมทุกแง่ทุกมุมแห่งธรรม ทั้งแง่หนักแง่เบาแง่เด็ดเผ็ดร้อน มีแต่แง่ของอรรมของธรรมที่จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ฟังทั้งนั้น ไม่มีแง่ใดที่ทำความเสียหายแก่ชาติบ้านเมือง จากการแสดงออกของธรรมที่เรานำมาประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบตลอดมา
จึงขอให้พากันปรับปรุงจิตใจ ใจนี้คือตัวผาดโผนมาก คือใจนะ ให้ดูใจเจ้าของทุกคน ๆ เอาธรรมไปประกอบ สิ่งใดที่ขัดแย้งกับอรรถกับธรรม สิ่งนั้นคือข้าศึกต่อตัวของเราเอง ให้พยายามแก้ไขดัดแปลงตนเอง อย่าเอาแต่ความรู้ความเห็นความเป็น ความอยากความทะเยอทะยานมาเป็นหัวหน้าเป็นเจ้าอำนาจ แล้วก็ฉุดลากเจ้าของไปโดยไม่ฟังเสียงใครตักเตือนสั่งสอน อย่างนี้ไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะมนุษย์เรานี้เป็นเป็นสัตว์หมู่สัตว์พวก สัตว์ขี้ขลาดหวาดกลัว ต้องมีเพื่อนมีฝูง อยู่ด้วยกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน เมื่อเป็นเช่นนั้นต้องฟังเสียงกัน ไม่ฟังเสียงกันไม่ได้
แม้ที่สุดในครอบครัวผัวเมียต้องฟังเสียงกัน ใครผิดก็ให้ยอมรับว่าผิดและปฏิบัติแก้ไขตนเองเพื่อความถูกต้องต่อกัน แล้วก็สงบร่มเย็นลงไป ความระแคะระคายทะเลาะเบาะแว้งก็ไม่มี ถ้าดันทุรังเอาแต่ใจตัวเองอย่างนี้ ไปอยู่ที่ไหนแตกอย่าว่าแต่อยู่กับมนุษย์ ไปอยู่กับหมา-หมาก็แตก อ้าว เขาคบค้าสมาคมกับหมา เขาเล่นกับหมา เขาไม่ได้เฆี่ยนได้ตี มามีแต่หยอกเล่นกับมัน มันก็สนุกสนาน ทีนี้มีตัวจัญไรตัวหนึ่งเข้ามา หมากำลังหยอกเล่นกับคนอยู่ ไม้หวดลงไปอย่างนี้มันก็แตกเข้าใจไหม มันกลัวตายมันก็วิ่งเข้าป่า
คือกิริยาที่ทำอย่างนี้เป็นข้าศึกต่อสัตว์ แล้วทำต่อคนทำไมจะไม่เป็นข้าศึกต่อคน กิริยาที่ขัดที่แย้งด้วยทิฐิมานะตัวเองไม่ฟังเสียงใครเลย อย่างนี้ไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะเราเป็นสัตว์หมู่สัตว์พวกอยู่ด้วยกัน อยู่ในวงครัวเรือนก็ฟังเสียงกัน อยู่ในสังคมฟังเสียงสังคม อยู่ในคนหมู่มากมีกฎหมายบ้านเมืองศีลธรรมเป็นเครื่องดำเนิน ก็ให้ดำเนินตามนั้น ฟังเสียงกันตามนั้น โลกก็สงบร่มเย็นไปเรื่อย ๆ เป็นอย่างนั้นนะ
นี้ก็เอาธรรมเอาศาสนามาประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบ และเพื่อให้น้อมเข้าสู่ใจปฏิบัติแก้ไขดัดแปลง ตรงไหนที่เห็นว่าไม่ควรขัดแย้งต่อธรรม เราก็พยายามแก้ไขดัดแปลงสิ่งนั้นให้ดีขึ้นไป เมื่อมีการดัดแปลงแก้ไขไปเรื่อย ๆ มันก็กลายเป็นนิสัย สิ่งที่ดีก็ดีขึ้นในตัวของเราเอง แล้วก็เป็นนิสัยมีขอบเขตมีหลักมีเกณฑ์ มีเหตุมีผลขึ้นในตัวของเรา แล้วทีนี้ก็ดีทั้งตัวของเรา ดีทั้งการแสดงออกทุกอย่าง ไม่ขัดไม่แย้ง ไม่ทิ่มหูแทงตาใครต่อใครก็ดี ธรรมเป็นอย่างนั้นละ
นี่ชาติบ้านเมืองของเรากำลังระส่ำระสายยุ่งเหยิงวุ่นวาย อันนี้ก็เพราะข้าศึกศัตรูมันเข้ามาขัดมาขวางมาถีบมายัน สิ่งที่มีความสงบร่มเย็นแน่นหนามั่นคงให้เอนเอียงถึงกับขั้นจะล้มละลายไปได้ มันก็ต้องได้พินิจพิจารณาแก้ไขดัดแปลง ดีไม่ดีก็ฟัดก็เหวี่ยงโต้ตอบกันเป็นธรรมดา เพราะในร่างกายของเรา เราสงวนร่างกายของเรา แม้แต่สัตว์เขาก็สงวน ไปแตะต้องทำลายเขา ควรวิ่งหนีเขาวิ่งหนี ควรต่อสู้เขาสู้ เขาเห่าเขากัด เพราะการป้องกันตัวของเขา
อันนี้ชาติไทยของเรา หัวใจทุกคนเป็นสมบัติของชาติ คนไทยทุกคนเป็นสมบัติของชาติด้วยกัน สมบัติของชาติที่เต็มอยู่ในนี้ก็เป็นสมบัติของพี่น้องชาวไทยเราด้วยกัน ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ต่างคนต่างจะต้องรักษากัน ด้วยความเข้มงวดกวดขัน เหมือนเรารักษาร่างกายชีวิตของเรานั้นแล จึงต้องได้ขวนขวาย อันไหนบกพร่องให้รีบแก้ไขดัดแปลงทุกคน อะไรที่จะเข้ามาทำลายชาติบ้านเมืองของเรา ให้ต่างคนต่างปัดต่างป้องเป็นธรรมดา ไม่อย่างนั้นไม่ได้ จมโดยแท้
ตั้งแต่เรากินของแสลงเข้าไปในท้องของเรา พอเรารู้เราแก้ไขทันที ไม่งั้นกำเริบตายได้ ต้องรีบแก้ไขดัดแปลง อันนี้ชาติของเราเป็นชาติอันใหญ่โตมาก ประเทศไทยทั้งประเทศเป็นของเล็กน้อยเมื่อไร ที่เราจะทำย่อหย่อนอ่อนข้อเฉยเมยไปอย่างงั้นไม่ได้นะ ต้องต่างคนต่างเป็นเจ้าของด้วยกันเต็มเม็ดเต็มหน่วย ต่างคนต่างเข้มงวดกวดขัน ต่างคนต่างรักษา ต่างคนต่างปิดต่างป้อง ต่างปัดถ้าอันไหนไม่ดี อย่างนั้นถึงจะถูก นี่ธรรมท่านสอนอย่างนี้ให้เอาไปปฏิบัตินะ
ธรรมสอนเป็นกลาง ๆ ผู้ฟังให้ยึดไปปฏิบัติ แง่ไหนที่เหมาะสมกับเรา ที่ควรจะปฏิบัติได้มากน้อยเพียงไร ก็ให้เอาไปปฏิบัติ ต่างคนต่างปฏิบัติ คนทั่วประเทศไทยก็เป็นคนปฏิบัติเพื่อดี ก็ดีไปทั่วประเทศไทย ถ้าเลวก็เลวไปหมด ถ้าต่างคนต่างแหวกแนว นี่ล่มจมได้ชาติไทยของเรา ถ้าต่างคนต่างมีความกลมกลืนสามัคคีกัน ความสามัคคีกันมีธรรมเป็นหลักยึด นี้เป็นของสำคัญมาก เอาธรรมมาเป็นหลักยึด ต่างคนต่างปฏิบัติต่างทำก็เรียกว่า เป็นความสามัคคีกลมกลืนในทางที่ถูกต้องดีงาม ชาติไทยของเราก็จะมีความแน่นหนามั่นคงยิ่งขึ้นโดยลำดับลำดา ให้พากันเอาไปปฏิบัติ
หลวงตาก็แก่แล้วเวลานี้นะ การแนะนำสั่งสอนทั่วๆ ไปก็ได้ประกาศให้ทราบแล้วว่าเราได้งดแล้ว เราหมดกำลัง ถูไถด้วยความเมตตาสงสารต่อชาติบ้านเมือง ก็ถูไถมาดังที่เห็นนี้แหละ เวลานี้สังขารร่างกายซึ่งเป็นเครื่องมือไม่เอาไหนแล้ว ก็ประกาศสิ่งที่ควรพูดได้ ถ้าอันไหนไม่ควร หรือเป็นไปไม่ได้ก็ไม่เป็นไปแหละ เท่านั้นละ วันนี้ไม่พูดอะไรมากนัก พูดเพียงเท่านั้นละ ยุติแล้ว
สรุปทองคำและดอลลาร์วันที่ ๓๐ เมื่อวานนี้ทองคำได้ ๒ กิโล ๒๖ บาท ๔๖ สตางค์ นี่ได้ทุกวันๆ จากการขวนขวายของพี่น้องทั้งหลายนั้นแหละ จะเป็นของใคร และดอลลาร์ได้ ๗๑๘ ดอลล์ ไม่ใช่เล่นนะ และทองคำที่ต้องการมอบเข้าคลังหลวงนั้นเป็นจำนวน ๔ พันกิโลที่ตั้งไว้แล้วนะ รวมทองคำทั้งหมดที่ได้เวลานี้ทั้งหลอมแล้วและยังไม่หลอม เป็นจำนวน ๒,๒๕๘ กิโล ยังขาดอยู่อีก ๑,๗๔๒ กิโล จะครบจำนวน ๔ พันกิโล กรุณาทราบไว้ตามนี้ทุกระยะ ๆ ไป มีเท่านั้นละ เอาละ ทีนี้ให้พรนะ