วันพรุ่งนี้ก็จะไปเทศน์ที่วัดบ้านภู่ บ้านภู่นี่เป็นสถานที่ที่เอาหลวงปู่มั่นเรามาพักที่นั่นเพื่อจะไปสกลฯ พักที่วัดบ้านภู่ เขาเลยมีงานเป็นที่ระลึกต่อท่านในวันพรุ่งนี้ วันพรุ่งนี้ฉันเสร็จแล้วก็ไป ไปเทศน์ตอนบ่ายโมง เสร็จแล้วก็กลับมา ไม่ค้าง ส่วนหนองผือนั้นเป็นเดือนพฤศจิกาฯ เขามานิมนต์วันที่ ๙ ไปค้างคืนที่หนองผือคืนหนึ่ง วันที่ ๑๐ ก็เป็นวันงานครบรอบมรณภาพท่าน ไปค้างคืนหนึ่งแล้วกลับมา นี่หมายถึงวันที่ ๙ ที่ ๑๐ พฤศจิกา ส่วนเดือนนี้จะมีขึ้นวันพรุ่งนี้ ฉันเสร็จแล้วเราก็ไป นาน ๆ รับให้ทีหนึ่ง เดี๋ยวนี้เรางดหมดแล้วนะที่เทศน์ทั่ว ๆ ไป งดหมด เราก็ประกาศออกแล้ว เราจะรับให้เฉพาะที่จำเป็น ๆ เพราะธาตุขันธ์อ่อนมากเวลานี้ ไปไหนไม่รอดแล้ว จำเป็นก็ถูไถไปอย่างนั้นละ เพราะเห็นแก่บ้านเมืองของเรา
เราเห็นจริง ๆ เราไม่ได้เหมือนใคร ทุกอย่าง เด็ดทุกอย่าง เด็ดดีนะไม่ใช่เด็ดชั่ว เด็ดทุกอย่าง ช่วยพี่น้องชาวไทยก็เรียกว่าเด็ดขาดทุกอย่าง ขึ้นเวทีแล้วไม่ถอยเลย ธรรมมียังไงจะออกเต็มเหนี่ยวของธรรม ไม่สนใจกับอะไร ๆ ที่มาขัดมาแย้งกวาดราบไปเลยเทียว นั้นคือธรรม ถ้าลูบหน้าปะจมูกอย่างนี้ใช้ไม่ได้ ไม่ใช่ธรรม ธรรมต้องเป็นธรรม จึงเป็นที่ตายใจของโลกได้ เพราะฉะนั้นเวลาออกสนามด้วยธรรม ธรรมต้องออกล้วน ๆ เลยเทียว เป็นอย่างนั้น นี่ก็ช่วยพี่น้องทั้งหลายมาก็จะร่วม ๓ ปีแล้วนะ เราก็บอกไว้ว่าไม่น่าจะเลย ๒ ปี นี่ก็ร่วมเข้า ๓ ปีแล้ว
เมื่อวานนี้ทองคำได้ ๖ บาท ๓๘ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๕๘ ดอลล์ ทองคำทั้งหมดเวลานี้รวมทั้งฝากและมอบแล้ว ทั้งทองคำที่ได้ใหม่นี้เป็นจำนวน ๒,๒๕๒ กิโล ยังขาดอยู่อีก ๑,๗๔๘ กิโล จะครบจำนวน ๔ พันกิโล กรุณาทราบตามนี้
เราพยายามจะให้ได้ทองคำมากที่สุดคราวนี้นะ อันนี้เราก็ได้เคยพูดให้พี่น้องแต่เพียงเกริ่น ๆ ไว้เฉย ๆ ไม่ได้เป็นความปักใจนะ อยู่ในการพินิจพิจารณาในหัวใจเราเต็มหัวใจทุกอย่างนั่นแหละ ก่อนที่จะออกมาใช้มาประกาศ พิจารณาเรียบร้อยแล้วค่อยออก ๆ ส่วนมากออกตรงไหนมักจะแม่นยำตรงนั้นนะ ถ้าไม่แน่ยังไม่ออก นี้เราก็กะไว้ทองคำอย่างน้อยต้องให้ได้ ๔ พันกิโลขึ้นไป ขาดแม้สตางค์หนึ่งไม่ได้เลย อันนี้เด็ดแล้ว ให้ได้ ๔ พันกิโลขึ้นไป ต่อขึ้นไปเรื่อย ๆ ถ้าให้เต็มใจของเราให้สมกับว่าได้เสียสละเพื่อพี่น้องชาติไทยของเราคราวนี้ อย่างเต็มเหนี่ยวของเราแล้ว
ถ้าหากว่าทองคำนี้ทั้งหมดในจุดสุดท้ายแห่งการช่วยชาติคราวนี้ได้ ๑๐ ตันแล้ว เรานอนหลับก็หลับไปเถอะน่ะ ไม่ต้องมีใครมากุสลา ธมฺมา หลวงตาบัวตายแล้วไปไหนนาก็ได้ ทองคำพาเราไปแล้ว เข้าใจไหม เราก็จะไปกับทองคำเท่านั้นแหละ ๑๐ ตันนี้ อันนี้เราเพียงเกริ่น ๆ นะ เราไม่ได้แน่นอนนัก แต่ที่แน่แล้ว ๔ พันกิโลนี้ขาดไม่ได้เลย อันนี้ก็จะต่อยอดไปเรื่อย ๆ ได้มาเรื่อยเพิ่มไปเรื่อยอย่างนี้
เพราะครั้งนี้เป็นครั้งสำคัญแห่งชาติไทยของเรา ควรจะได้เป็นประวัติศาสตร์อันใหญ่หลวง คือทองคำเป็นสำคัญ ดอลลาร์เวลานี้ที่ได้มาแล้ว ๕ ล้านกว่านะ ที่ฝากคลังหลวงแล้ว ๔,๒๓๘,๐๐๐ ดอลล์ อันนี้เข้าคลังหลวงแล้วตั้งแต่คราวไปมอบทีแรก คราวหลังที่ต่อมานี้ยังไม่ได้เข้าฝากเข้ามอบนะ ได้ล้านกว่าแล้ว นี่ล่าช้าอยู่อย่างนี้ เราจะไปฝากหรือไปมอบคราวนี้ก็มอบไม่ได้นะ ไปกรุงเทพคราวนี้ ก็ต้องอยู่ในธนาคารตามเดิมยังออกไม่ได้ รวมแล้วทั้งที่มอบแล้ว ทั้งที่ยังไม่มอบก็ ๕ ล้านกว่าแล้ว พวกดอลลาร์ พวกทองคำ นี่เข้าคลังหลวงทั้งนั้น
ส่วนเงินหมุนเวียนจำนวนที่จะเข้าคลังหลวงแล้วก็ ๘๐๐ ล้านนี้จะเข้า กับบัญชีธนาคารเพื่อกฐินทองคำแห่งชาตินี้มี ๒ ธนาคาร ธนาคารไทยพาณิชย์ อุดรฯ แห่งหนึ่ง ธนาคารกรุงเทพฯ แห่งหนึ่ง เวลานี้เงินที่เข้าธนาคารทั้งสองแห่งนี้ไม่ต่ำกว่า ๕ ล้าน และเงินจำนวนนี้ทั้งสองบัญชีนี้ เราก็จะหักเข้าเพื่อทองคำทั้งหมดเลย ไม่แยกออกมาเป็นเงินหมุนเวียน คือเงินกฐินทองคำแห่งชาตินี่นะ รวมแล้วทั้งสองธนาคารไม่ต่ำกว่า ๕ ล้านแหละ อันนี้เราจะหักเข้ากฐินทองคำทั้งหมดเพื่อทองคำว่างั้นเถอะ ไม่แยกไปไหน นี่ก็จะเพิ่มเข้าไปเรื่อย ได้ที่ไหนมาเราก็จะดึงขึ้นเรื่อย ๆ
ส่วนเงินหมุนเวียนสำหรับพี่น้องชาวไทยเราพอตะเกียกตะกายก็ให้พากันตะเกียกตะกายไปเสียก่อน เราคิดหมดนะ ขอให้ได้หลักใหญ่คือชาติไทยของเราแน่นหนามั่นคงด้วยสมบัติอันล้นค่า คือหัวใจชาติไทยเราได้แก่ทองคำ อันนี้เป็นหลักใหญ่มากที่เราหมุนตลอดเวลา พยายามให้ได้อันนี้ เพราะฉะนั้นจึงว่าครั้งนี้หากว่าได้ถึง ๑๐ ตัน โอ๋ย หลวงตาบัวนี้หลับใหลไปเลยก็ได้ไม่เป็นไร ไม่ต้องนิมนต์พระมากุสลา มาติกา ทองคำหนุนเราพอแล้ว เราไปแล้ว ไปกับทองคำแหละ เราไม่ไปอย่างอื่นเราไปกับทองคำ ใครมากุสลาให้เราเราก็ไม่เอาเราบอกอย่างนี้เลย เราจะไปกับทองคำ เพราะเวลานี้เราหาทองคำ ก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ นะ นี่ละความมุ่งอย่างยิ่งต่อชาติไทยของเราเรามุ่งขนาดนั้นละ
คราวนี้เป็นคราวสำคัญ เป็นประวัติศาสตร์แห่งชาติไทยที่ได้ช่วยเหลือชาติไทยเรา โดยนำศาสนามาช่วยพยุง ไม่อย่างนั้นไม่ได้นะ เรื่องโลกมันสกปรกมากที่สุดจนกระทั่งจะดูไม่ได้นะ ทำไมจะดูไม่ได้ เอาธรรมจับเข้าไปซิ ถ้ามีแต่เรื่องชุลมุนวุ่นวาย อันนี้มีแต่พวกตัวบุ้งตัวหนอนเต็มอยู่ในส้วมมันก็ไม่เห็นแปลกอะไร ให้เราไปดูที่สูงกว่านั้น สูงกว่าบุ้งกว่าหนอนนั้น ไปดูหนอนในส้วมในถานเป็นยังไง ต่างกันยังไง นี่เอาธรรมไปจับปุ๊บมันก็อย่างนั้นแหละ ธรรมนี่เหนือแล้วทุกอย่าง มาดูโลกของเรานี้มันสกปรกเกินกว่าที่จะมาแตะมาต้อง มันเหม็นจมูกนะ
แม้เช่นนั้นหลวงตาก็ยังได้อุตส่าห์พยายามตะเกียกตะกาย ทั้งหยิบทั้งกำทั้งขยำ เหม็นคลุ้งไปหมดเต็มจมูกของเราเราก็ทนเอา เพราะสิ่งที่มีสาระมันยังเจือปนอยู่ในมูตรในคูถนั้นเยอะนั่นซิ ถ้าหากว่ามีแต่มูตรแต่คูถเท่านั้นปัดทีเดียวไม่สนใจเลย แต่นี้สิ่งที่เป็นสาระมันยังแทรกอยู่ในมูตรในคูถ คนที่ดียังมีอยู่มากที่จะครองประเทศไทยเราต่อไป ตามบรรพบุรุษที่ท่านพาครองมานั้นยังมีอยู่มาก เราก็เห็นแก่ท่านเหล่านี้เอง เราจึงอุตส่าห์พยายามตะเกียกตะกาย ทุกข์ยากลำบากทนเอาทุกแบบเลย เราถึงได้ทำได้นะ
ถ้าหากเราทำตามความสกปรกนี้เราทำไม่ได้ว่างั้นเลย มันเข้ากันไม่ได้เลยกับธรรม ธรรมสะอาดสุดยอด นี้สกปรกสุดขีด มันจะเข้ากันได้ยังไง นี้เราก็อุตส่าห์พยายามตะเกียกตะกายอยู่อย่างนั้นแหละ จึงขอให้พี่น้องทั้งหลายได้เห็นใจชาติไทยเราเป็นอันดับหนึ่ง เราเป็นลูกชาติไทยเห็นใจเป็นอันดับที่สอง เรียกว่าลูกชาติไทย ให้ต่างคนต่างขวนขวายพยายาม กีดกันอันใดที่ไม่ดีจะเป็นภัยต่อชาติไทยของเรา ซึ่งเคยย้ำแล้วย้ำเล่า การอยู่การกินการใช้การสอยนี้เป็นภัยต่อชาติอย่างร้ายแรงนะ ถ้าต่างคนต่างนอนใจ ๆ แล้วอันนี้แลคือมหายักษ์จะกินชาติของเราให้จมได้
กินไม่รู้จักประมาณ กินฟุ้งกินเฟ้อกินตลอดเวลา เงินหมดไป ๆ ทั่วประเทศไทย ๖๒ ล้านคน มีแต่คนกิน มีแต่คนผลาญทรัพย์สมบัติด้วยการกิน แล้วเป็นยังไงฟังซิ ๖๒ ล้านคน เพียงแต่จ่ายคนละบาท ๆ ๖๒ ล้านบาทต่อวันแล้วนะ นี่กินไปขนาดนั้นละนะ แล้วการอยู่ อยู่แบบฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม ตึกรามบ้านช่อง นู่น หอปราสาททิพย์ชั้นดาวดึงส์สู้ไม่ได้ สู้บ้านของมนุษย์ขี้เหม็นนี้ไม่ได้ ขี้ใครหอมเอามาถ้าว่าธรรมเราพูดผิดไป มันเหม็นทุกคนนั่นละ สู้มนุษย์ขี้เหม็นนี้ไม่ได้ อยู่ก็อยู่แบบแข่งเทวดา แต่ตัวจมอยู่ในหัวใจนั่นคืออะไร คือความสกปรกโสมม บาปกรรมชั่วช้า เต็มอยู่ในหัวใจนั้นหมด แม้ขึ้นไปอยู่บนหอปราสาทชั้นไหน ก็คือเอามูตรเอาคูถนี้ขึ้นไป เลอะเทอะในหอปราสาททั้งหมดนั่นแหละ ไม่มีอะไรสวยงามเลย นี่ละการอยู่ให้รู้จักประมาณ
นกหนูที่ไหนเขามีรวงมีรังเป็นที่อยู่ มนุษย์เราก็มีบ้านมีเรือนเป็นที่อยู่ อย่าสร้างแบบหรูหราฟู่ฟ่าเกินบ้านเกินเมือง แซงหน้าแซงหลัง แซงดีแซงเด่นกัน นี้มีแต่แซงเพื่อจมนะ ให้ฟังเสียงธรรม ธรรมท่านไม่ตื่นท่านพอดิบพอดี ให้อยู่ก็ให้อยู่พอดี อย่าเกินเหตุเกินผล ตึกรามบ้านช่องสร้างกันเป็นแถวยาวเหยียด เป็นกิโล ๆ นี่เพื่อความดีความเด่นความปรากฏชื่อลือนาม อยากให้เขาว่าตัวมั่งมีศรีสุข แล้วอะไรกว้านเข้ามา ๆ สร้าง สร้างแล้วสร้างเพื่ออะไร ความมุ่งหมายก็อยากร่ำอยากรวย ครั้นสร้างแล้วมันไม่ได้ร่ำได้รวยซิ เขาไม่ซื้อเขาไม่เช่ามันก็ทิ้งเกลื่อนอยู่ บางแห่งต้นไม้เกิดเต็มไปหมดไม่มีใครไปดูเลย นี้เงินหมดไปเท่าไรแล้ว เงินจากกระเป๋าเจ้าของหมดไป ไปกว้านเอาเงินธนาคารมาอีก จมด้วยกันไปหมด แล้วไม่มีใครไปเช่าเป็นยังไง ความโลภมันทำลายโลกขนาดไหนดูเอาซิ นี่ละการอยู่ไม่รู้จักประมาณเสียอย่างนี้
การใช้สอยก็เหมือนกัน ทุกสิ่งทุกอย่างให้ใช้สอยพอเหมาะพอดีอย่าเกินเหตุเกินผล เกินอรรถเกินธรรม เราเป็นลูกชาวพุทธขอให้อยู่พอดิบพอดี ใช้พอดี อันนี้สามอย่าง การอยู่ กิน ใช้สอย
การคบค้าสมาคมกับเพื่อนกับฝูงกับชาวเมืองในเมืองนอกก็เหมือนกัน นี่การคบค้าสมาคม คบค้ากับเขา เขาจะมากินตับกินปอดเรา หรือเขาจะมาเป็นมิตรเป็นสหายกับเราเราต้องดู จิตวิทยามีทุกคนสังเกตรู้ การซื้อการขายอะไรเขาจะเอารัดเอาเปรียบเรา เราให้รู้ การซื้อการขายเป็นไปธรรมดาของโลกที่ประสับประสานกัน ด้วยความอยู่เป็นหมู่เป็นคณะของมนุษย์เรา ก็มีซื้อมีขายเป็นธรรมดา แต่อย่าให้เลยเถิด การซื้อการขาย อะไร ๆ มาซื้อหมด ๆ ใช้ไม่ได้นะ
ให้ซื้อในสิ่งที่จำเป็นควรจะซื้อซึ่งเราไม่มี จำเป็นจะต้องซื้อ ถ้าเรามีอยู่ไม่จำเป็น ซื้อมาทำไม ของเรามีมาเพื่อจะใช้จะสอยจะอยู่จะกิน ทำไมจะอยู่กินไม่ได้ใช้สอยไม่ได้ มันดีตั้งแต่ของเมืองนอกนั่นเหรอ ของเมืองไทยเรามันเลวไปหมด ถ้าอย่างนั้นเมืองไทยเราทั้งประเทศเลวไปหมด ใช้ไม่ได้ เราจะเอาตัวของเราไปประกันว่าเลวไปหมด เพราะความฟุ้งเฟ้อของชาติไทยของเรา แล้วเอาไปฝากให้โลกเขาฟังอย่างนั้นเหรอ ฟังไม่ได้นะ ให้พี่น้องทั้งหลายทราบไว้
อันใดที่มีอยู่ซึ่งเป็นเนื้อหนังของชาติไทยเรา เอ้า ซื้อกันกิน ขายกันกิน ในเมืองไทยของเรา เงินหมุนอยู่ในเมืองไทยไม่ได้ออกไปข้างนอกพอจะฉิบหายวายปวงนะ ส่วนการจำเป็นที่ควรจะซื้อจะขาย นี่ก็ประกาศแล้ว โลกมีมาอย่างนั้น แต่อย่าให้เลยเถิดเลยแดนถึงกับฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมลืมเนื้อลืมตัว เห็นของนอกดีกว่าของใน เห็นของเขาดีกว่าของเรา แหลกนะเมืองไทยเรา อันนี้ละเป็นสำคัญ อันนี้สำคัญมาก ให้ต่างคนต่างพินิจพิจารณา นำไปปฏิบัติตัวทุกคน ๆ แล้วบ้านเมืองของเราก็จะค่อยเจริญขึ้นไป
ให้ต่างคนต่างมุ่งหน้ามุ่งตาเพื่อบำรุงรักษาชาติไทยของเรา อย่าให้สุรุ่ยสุร่ายเป็นการทำลายตัวเอง ทำลายชาติของเราไปในตัวนะ ให้ต่างคนต่างขะมักเขม้น พยายามปรับปรุงแก้ไขตัวเองตามอรรถธรรมที่ท่านสอนไว้ เพื่อรื้อฟื้นชาติไทยของเราขึ้น ถ้าไม่อย่างนั้นจมได้นะไม่สงสัย ใครจะตำหนิติเตียนว่าชาติไทยของเราทุกข์จนหนโลกขนาดไหนก็ตาม เราขวนขวายหาให้ชาติไทยของเราไม่หยุดไม่ยั้ง นี่ละคือความหนุนชาติไทยของเราให้เจริญรุ่งเรือง ใครให้ชื่อก็ตามไม่ให้ชื่อก็ตาม ขอให้ชาติไทยของเรามีความสมบูรณ์พูนผล ด้วยการขวนขวายของพี่น้องชาวไทยเราทั้งชาติ เราก็เป็นที่พอใจ เข้าใจไหมล่ะ จำให้ดีอันนี้ เอะอะมีแต่อยากได้ชื่อได้เสียง ตัวขวนขวายหามาเพื่อชื่อเพื่อเสียงไม่มี มีแต่เพื่อทำลายใช้ไม่ได้นะ ให้ระมัดระวังอันนี้ให้ดี วันนี้พูดเพียงเท่านี้ก่อนละ ต่อไปนี้จะให้ศีลให้พร
วันพรุ่งนี้ฉันเสร็จแล้วสาย ๆ หน่อยก็ออกเดินทางไปพรรณา ไปเทศน์ที่นั่นแล้วกลับมา ไม่ค้าง อันนี้ก็ยังไม่ได้ตกลงกัน ที่จังหวัดชลฯ ต้องพิจารณาเสียก่อนให้เหมาะจังหวะ ควรไปได้เราก็ไป ที่จังหวัดชลฯ เขามานิมนต์เมื่อวานนี้ สุรินทร์นี้เขาบอกวันที่ (๓๑ ม.ค.-๑ ก.พ.) ส่วนจังหวัดชลฯ นั้นน่าจะเป็นจังหวะที่เราลงกรุงเทพฯ ก็แล้วกันนะ ถ้าจากนี้ไปนู้น โห ไม่ไปนะ เราไปกรุงเทพฯก็แยกไปนั้นแล้วกลับมาได้ไม่เป็นไร เรากะว่าระยะนั้น ให้เรากำหนดเสียก่อนว่าจะไปกรุงเทพฯตอนไหน ๆ ส่วนมากจะเป็นธันวา
(ลูกศิษย์ขับรถมาจากกรุงเทพฯ) รถวิ่งขนาดไหน ขนาด ๑๑๐หรือ ๑๒๐ คือทางดีๆ ขนาด ๑๑๐ พอดี (๑๔๐-๑๕๐ ครับ) ไหนว่าไง ๑๔๐ เหรอ ฟังๆ เดี๋ยวจะเป็นแบบหลวงตาคูณนะ หลวงตาคูณ อำเภอด่านขุนทด เขามาขออะไรก็ไม่รู้นะ ท่านให้เหรียญเขาไป ครั้นให้ไปแล้วเขาได้เหรียญก็ขับใหญ่เลยเชียวนะ ขับแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลย ฟาดตั้ง ๑๓๐ -๑๔๐ ขับไป รถแหกลงคลองไปเลย มาก็มาต่อว่าหลวงพ่อคูณ ทำไมเหรียญหลวงพ่อเอาไปแล้วไม่เห็นดี รถพาไปลงคลอง สูขับเท่าไรว่ะ พูดเข้าท่านะ สูขับขนาดไหนขับรถว่างี้ ก็ฟาด ๑๓๐-๑๔๐ อู๊ย กูตั้งแต่ถึงแค่ ๙๐ กูโดดลงรถแล้ว(หัวเราะ) กูโดดลงรถแล้วกูจะไปตามรักษามึงได้ยังไง ตั้งแต่กูเอาชีวิตกูเอาตัวรอดกูก็จะตายแล้ว เลยผ่านไปได้เข้าใจไหม ผู้เฒ่าพูดว่าลงแต่ ๙๐ ๙๐กูโดดลงรถแล้ว กูจะไป ๑๒๐ -๑๓๐ได้ยังไง กูโดดลงรถเอาตัวรอดกูก็พอตาย เลยตกลงรอดไปได้นะ นี่ระวังนะ ไม่มีหลวงตาคูณมารับรองเรานะ
พูดอย่างนี้ก็ระลึกถึงท่านอาจารย์ฝั้นนะ ท่านจะเป็นอะไรของท่านละ แต่เรื่องธรรมคาดไม่ได้นะ ท่านพูดออกมา ท่านเอาเหรียญให้เขา ให้หมอด้วยนะ ให้เหรียญกับเขา พอยื่นเหรียญให้ปั๊บ รถคว่ำก็ไม่เป็นอันตรายท่านว่าอย่างนั้นนะ รถคว่ำก็ไม่เป็นอันตราย เขาได้เหรียญจากท่านไปเขาก็ขับรถอย่างว่า อย่างหลวงพ่อคูณแหละ ฟาดไปรถมันก็ลงไปนู้น ไม่เป็นอันตราย ไม่มีอะไรเสียเลย ก็แปลกอยู่นะ คือรถคว่ำก็ไม่เป็นอันตรายท่านว่า พอยื่นให้ท่านว่ารถคว่ำก็ไม่เป็นอันตราย และเขาไปก็เป็นเที่ยวนั้นเอง เขาไปก็ฟาดซีก็ยิ่งบ้าเห่อใหญ่ละได้เหรียญแล้ว เลยพาลงคลอง แต่ไม่เป็นอันตรายนะ ไม่มีอะไรเสียหายเลย รถก็ดี อะไรก็ดี อันนี้ก็น่าคิดอยู่นะ ท่านพูดออกมาเอง ส่วนหลวงพ่อคูณท่านพูดอีกแบบหนึ่ง (หัวเราะ) เพียงถึง ๙๐ กูโดดลงรถแล้ว (หัวเราะ) กูจะไปตามรักษามึงอะไร ตั้งแต่รักษาชีวิตกูก็เกือบจะไม่รอด(หัวเราะ) แก้ดี เข้าใจไหม เออ น่าฟังนะ หลวงพ่อคูณนี่น่าฟัง
อะไรอีกว่ามา (มาจากกรุงเทพฯค่ะ คณะกรมทางหลวงมากราบ) กรมทางหลวงกรุงเทพฯเหรอ เออ (๔๐ คนค่ะ) จะไปที่ไหนบ้างล่ะวันนี้มีทอดกฐินอะไร เพราะงานนี้มันเกี่ยวกับกฐิน (ตั้งใจมานี่ มานี่ก่อนเลยมากราบท่าน) มาที่นี่ก็ดีแล้วแต่ไม่มีเหรียญแจกนะ ถ้ามีเหรียญแจกมันต้องหาทางออกไว้ก่อนแล้ว(ขอให้ได้มากราบท่านก็ดีแล้วเจ้าค่ะ) พอเท่านั้นแหละพอ นี่บอกเขาไปพวกที่มีวาสนาไป ไปให้ระมัดระวัง แน่ะเราสอน วิชาเราสอนอย่างนั้นนะ ไปด้วยความระมัดระวัง ความปลอดภัยเป็นอันดับหนึ่ง เวล่ำเวลาถึงเมื่อไรไม่เป็นไร ขอให้ปลอดภัย ให้พากันระมัดระวังอย่าลืมตัว สั่ง คาถาของเราเป็นแบบนี้ (หัวเราะ)
คาถาของหลวงพ่อคูณ ให้เอาไปเถอะ ฟาดเต็มเหนี่ยว ๑๓๐-๑๔๐ รถฟาดลงคลองไปนู้น กลับมาต่อว่าท่านว่า เหรียญของท่านไม่ดี ไม่ดียังไง อ้าว ก็ให้เหรียญพวกผมไปแล้วผมขับรถไปก็ไปลงคลองล่ะซี สูเหยียบเท่าไร ผมเหยียบ ๑๓๐-๑๔๐ โอ๊ย กูโดดลงรถตั้งแต่ ๙๐ นู้นแล้ว กูไม่ได้คุ้มครองสู กูโดดลงรถ กูคุ้มครองกูเอาตัวรอดเป็นยอด กูจะไม่คุ้มครองกูได้ยังไง รอดตัวไปได้เลยเข้าใจไหม
เวลาหลวงตาไปมีอีกคาถาหนึ่ง ขับรถสูขับให้ดีนะว่าเท่านั้นนะ กูจะนอน (หัวเราะ) เป็นอย่างนั้นนะเราสั่งลูกศิษย์เรา สูขับรถให้ดีนะ กูจะนอน แล้วก็นอนเลย รถจะไปที่ไหนไม่สนใจเลย คาถาเราเป็นแบบนี้ เราไม่ได้บอกว่าคาถาเราใช้แบบไหน เราใช้แบบสูขับรถให้ดีนะ กูจะนอน (หัวเราะ) แล้วก็นอนเลยจริง ๆ เอกเขนกไม่สนใจ นอนภาวนาเรื่อยไปเลย รถก็พาไปเรื่อย(หัวเราะ) นี่คาถาของเราบอก มอบให้รถมอบอย่างนั้น สูขับให้ดีนะ เท่านั้นแหละ จำได้ไหมล่ะคาถาหลวงพ่อ ได้คนละคาถาๆ ไปก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ พอล้มปั๊บลงไปแล้วเท่านั้นไม่ได้สนใจกับอะไร รถวิ่งหรือไม่วิ่งก็ตาม จิตภายในนี้ไม่ไปไหนเลยละ เขาก็ขับของเขาด้วยความระมัดระวัง
พอพูดอย่างนี้แล้ว ก็ยังระลึกถึงเชาวลิตแต่ก่อนเป็นลูกศิษย์ ขับรถไปกรุงเทพฯ ส่งเสียเราไปกรุงเทพฯ ถึงเวลาเราจะกลับก็ไปรับมา ถึงเวลาไปก็ส่งไปนู้น เวลาจะไปนี้สูต้องเอารถนี้ไปเข้าอู่เสียก่อน ไปดูซ่อมให้ละเอียดลออนะ ถ้าหลวงตานี้ตายแล้ว ทั่วประเทศไทยนี้จมไปหมดนะว่า คนนี้พูดแบบนี้ ถ้าหลวงตาตายเสียองค์เดียว ประเทศไทยนี้เหมือนจมไปหมด ๆ นะ สูต้องดูรถให้ดี เวลาเราจะไปกรุงเทพฯ รถจะดีขนาดไหนก็ต้องเอาไปเข้าอู่เสียก่อน ไปตรวจเครื่องเคราเรียบร้อย ตลอดทุกครั้งละ แกเป็นอย่างนั้น
เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร www.luangta.com