ศาสนานำไม่ขึ้นก็กรรมของสัตว์
วันที่ 13 ตุลาคม 2543 เวลา 8:00 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๓

ศาสนานำไม่ขึ้นก็กรรมของสัตว์

(ลูกสาวบริษัทศิลป์สยามจะมาขอพักภาวนา) ไปดูซิที่ไหนมีที่พักข้างใน หาเอาเถอะ พวกนี้เขาหาได้กันทั้งนั้น เราถึงขนาดลูกสาวบริษัทศิลป์สยามหาที่พักไม่ได้แล้วแสดงว่าสู้เขาไม่ได้เลย ต้องรีบกลับแล้วมาสู้ใหม่ พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาองค์เอกพักได้หมด การอยู่การกินการหลับการนอนทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีอะไรง่ายเกินธรรม ผู้ปฏิบัติจะง่ายจะสะดวก ไม่มีเรื่องยุ่งเหยิงวุ่นวายนะ เรื่องนอกนั้นมีแต่เรื่องของกิเลสตีตลาดทั้งนั้น พักเลยที่ไหนสบาย พุทโธติดเลยนะ คำภาวนาคำไหนที่ชอบในจริตจิตใจ เอานั้นติดแนบเลย นั้นละที่พึ่งอันใหญ่หลวง เลิศเลออยู่ตรงนั้นนะ รุกขมูล ก็ตรัสรู้ที่รุกขมูล เลิศเลออยู่ที่รุกขมูล

สรุปทองคำ ดอลลาร์ วันที่ ๑๒ เมื่อวานนี้ ทองคำได้ ๑๔ บาท ดอลลาร์ได้ ๒๑๐ ดอลล์ รวมทองคำทั้งหมดที่ได้เวลานี้ ๒,๑๒๔ กิโล ยังขาดอยู่อีก ๑,๘๗๖ กิโล จะครบจำนวนสี่พันกิโล

ขอให้พี่น้องทั้งหลายทราบโดยทั่วกัน เรียกว่าทั่วประเทศไทยเรานะ การที่หลวงตานำพี่น้องทั้งหลายเหล่านี้ เรียกว่าสละชีพมานำ ไม่ได้นำเล่น ๆ ขอให้พากันตั้งอกตั้งใจทุกคนต่อชาติไทยของเรา ไม่มีใครจะมารับผิดชอบและรักสงวนยิ่งกว่าชาติไทยเรารักชาติตัวเองนะ เวลานี้กำลังช่วยกันพยุง ๆ โดยเอาศาสนาเป็นผู้นำ ที่มีหลวงตาบัวเป็นผู้นำพี่น้องทั้งหลายมาเป็นเวลาร่วมจะ ๓ ปีนี้แล้ว เราได้สละเต็มเหนี่ยวทีเดียวเพื่อช่วยชาติไทยของเรา ด้วยความเมตตาเต็มสัดเต็มส่วนไม่มีอะไรบกพร่อง

แล้วสมบัติเงินทองข้าวของที่พี่น้องทั้งหลายบริจาคมานี้ หลวงตาบัวตายใจตลอดเวลา ไม่มีมลทินแม้เม็ดหินเม็ดทรายที่ปรากฏในเจตนาของเราว่าไม่บริสุทธิ์ ส่วนที่จะหลุดไม้หลุดมือนั้น ตั้งแต่ของอยู่ในกำมือ อาหารตักขึ้นมาจากสำรับของเรา ก็ยังหลุดไม้หลุดมือเราไปได้ อันนั้นสุดวิสัย นี้เราก็ทำอย่างนั้นเหมือนกัน ทำต่อชาติไทยของเรา ไม่ใช่ทำเล่น ๆ นะ ทำอย่างเอาจริงเอาจัง

วัตถุสมบัติตั้งแต่ทองคำ ดอลลาร์ เงินสด ลงมา เราเป็นผู้ควบคุมแต่ผู้เดียว เพื่อความบริสุทธิ์ทุกชิ้นทุกอัน เราเป็นผู้ควบคุมและเป็นผู้ถือบัญชีแต่ผู้เดียวด้วย จึงว่าเป็นความสะอาดตลอดมา แล้วที่ว่าทองคำได้เท่าไร ๆ พี่น้องทั้งหลายก็ทราบเรื่อยมาดังที่ประกาศอยู่นี้ ไม่มีลี้ลับที่ไหน ทองคำ ดอลลาร์ เงินสด อยู่ในความดูแลของเราทั้งนั้น การดูแลของเราเราดูแลเพื่อชาติ เราไม่ได้ดูแลเพื่ออะไร สำหรับดูแลเพื่อเรา เราไม่มีเราบอกตรง ๆ เราก็เคยประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบแล้ว เราอิ่มพอทุกอย่างแล้ว ถ้าว่าธรรมก็เต็มหัวใจครอบโลกธาตุจะว่าไง เพราะฉะนั้นการเทศนาว่าการเราจึงพูดได้เต็มหัวใจของเราที่เต็มไปด้วยธรรม ว่าเราไม่อัดไม่อั้น ว่าอย่างนี้เลย เอ้า ๆ มาผู้ที่จะมาต้องการมรรคผลนิพพานตั้งแต่พื้นลงไปถึงนิพพาน เราจะสอนให้เต็มเหนี่ยวเลย เพราะเราบรรจุไว้นี้เต็มหมดแล้ว

สาธุ เราไม่ได้สวมรอยพระพุทธเจ้า เราไม่ได้ประมาท แม้พระพุทธเจ้าประทับอยู่ข้างหน้าเราก็ไม่ทูลถามท่าน ในบรรดาธรรมที่เต็มอยู่ในหัวใจของเรา เต็มหัวใจพระพุทธเจ้าฉันใด เต็มหัวใจของหนูตัวนี้ก็เต็มเหนี่ยวเหมือนกัน นตฺถิ เสยฺโยว ปาปิโย บรรดาท่านผู้บริสุทธิ์วิมุตติหลุดพ้นแล้วนั้น ไม่มีใครยิ่งหย่อนกว่าใคร เสมอกันหมด นี่คือธรรมธาตุล้วน ๆ จิตอันนี้เป็นจิตธรรมธาตุมาแล้วได้ ๕๐ กว่าปี ให้พี่น้องทั้งหลายทราบไว้ เราจวนจะตายแล้วเรายิ่งเปิดออกให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบ ผู้มีอุปนิสัยปัจจัยที่จะควรยึดเป็นคติตัวอย่างขอให้ได้ยึด

นี้ถอดออกมาจากหัวใจด้วยความเมตตา ไม่มีคำว่าโอ้ว่าอวด อย่าเอามายุ่งเรา อันนี้ถังขยะ ไอ้เรื่องโอ้เรื่องอวดคือความหิวโหย อยากให้เขายกยอให้สรรเสริญตัวเราว่าดีอย่างนั้น มันหิวมันถึงต้องการเศษเดนพวกถังขยะ พวกยกพวกยอก็ดี พวกตำหนิติเตียนก็ดี มีแต่ถังขยะในโลกสมมุติวัฏจักรทั้งนั้น ธรรมธาตุไม่มีอะไรเข้าไปเจือปน พอแล้วทุกอย่าง เพราะฉะนั้นเราจึงไม่ต้องการอะไรที่ใครจะมาชมเชยเราหรือสรรเสริญเรา ความต้องการเราไม่มี แต่เราไม่ได้ปิด ใครจะชมเชยก็ได้ สรรเสริญก็ได้ เปิดไว้เสมอกัน เราฟังทั้งนั้นฟังเพื่อเหตุเพื่อผล แต่สำหรับที่จะฟังเพื่อความหิวโหยนี้ เรียกว่าเราไม่มีความหิวโหยแล้ว ช่วยพี่น้องทั้งหลายจึงช่วยเต็มสัดเต็มส่วน กล้าหาญชาญชัยบอกอย่างนี้เลย

คำว่ากล้าหาญอันนี้ก็นอกสมมุติไปแล้ว ไม่ได้กล้าหาญแบบสมมุติ กล้าหาญแบบสมมุติกล้าแล้วต้องกลัว เป็นคู่กัน นี้เราไม่กล้าเราไม่กลัว เราไม่มีคำว่าได้ว่าเสีย ไม่มีคำว่าแพ้ว่าชนะต่อสิ่งใดในสามแดนโลกธาตุนี้ เราผ่านมันไปหมดแล้วพูดง่าย ๆ ว่าอย่างนี้เลย ตั้งแต่ขณะที่กิเลสตัวมันหิวมันโหยมันดีดมันดิ้นอยู่ภายในใจนี้ขาดสะบั้นลงไป ความหิวโหยของเราจึงไม่มี เราอิ่มพอมาตั้งแต่บัดนั้นจนกระทั่งบัดนี้ แล้วก็มาสอนพี่น้องชาวไทยเรา

เราก็ไม่เคยได้คาดได้คิดว่า เราจะได้ออกสนามเพื่อช่วยพี่น้องทั้งหลายเต็มเม็ดเต็มหน่วย ดังที่ปฏิบัติมาทุกวันนี้ เราก็อยู่ตามธรรมดา ๆ ความเมตตาสงสารมีเต็มหัวใจตลอดมาตั้งแต่ขณะนั้น เรียกว่าเต็มสัดเต็มส่วน การแสดงออกก็แสดงออกตามกำลังของผู้มารับมากน้อย เพราะแต่ก่อนส่วนมากอยู่ในป่าในเขา จากนั้นก็มาอยู่ที่นี่ ก็เรียกว่าอยู่ในป่า ไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับใคร ๆ ก็สอนไปตามธรรมดา ๆ การสงเคราะห์โลกสงสารก็สงเคราะห์ตามสิ่งที่เกิดที่มีภายในวัดนี้ ไม่มีการเก็บเลยตั้งแต่ต้นมา เราช่วยมาโดยลำดับลำดา

จากนั้นก็เปิดออกมาเรื่อย ๆ การช่วยโลกนี้เราอยากชี้นิ้วเลยว่า เราหมดเนื้อหมดตัวด้วยการช่วยโลก เราไม่มีอะไรเก็บไว้ในเงื้อมมือของเราว่านี้เป็นของเรา ไม่มีเลย เราเปิดขนาดนั้นละเปิดสำหรับโลก ด้วยความเมตตาของเรา เพราะฉะนั้นเวลาเราช่วยพี่น้องชาวไทยเราจึงช่วยด้วยความเมตตาสุดส่วน กล้าหาญชาญชัย นอกสมมุติ ไม่ได้อยู่ในสมมุติ เราเปิดเต็มที่ทีเดียว ธรรมพระพุทธเจ้าเป็นของจริง เป็นของมีอยู่มาตั้งกัปตั้งกัลป์ ทำไมผู้ปฏิบัติตามศาสนธรรมที่ทรงสอนไว้ ซึ่งเป็นแบบแปลนแผนผัง ชี้แนวทางเพื่อปฏิบัติให้ถึงอรรถถึงธรรมขั้นนั้น ๆ ผู้ปฏิบัติมีอยู่ทำไมจะรู้ไม่ได้เห็นไม่ได้ พระพุทธเจ้าสอนเพื่อให้รู้ให้เห็นในอรรถในธรรมทั้งหลายเหล่านี้ เมื่อรู้ได้เห็นได้จากการปฏิบัติได้ของตัวเองแล้วทำไมจะพูดไม่ได้

พระพุทธเจ้าศาสดาองค์เอกสอนโลกนี้เพียงพระองค์เดียว สามแดนโลกธาตุสอนได้หมด พระสงฆ์สาวกท่านสอนได้หมด เหตุใดหลวงตาบัวจะสอนคนไม่ได้ ธรรมประเภทเดียวกันทำไมจะสอนคนไม่ได้ เวลาโง่ก็บอกพี่น้องทั้งหลายโง่ ขึ้นไปฟัดกับกิเลสหงายลงมา หงายหมาเลย สู้มันไม่ได้ น้ำตาร่วง ๆ นี้คือความมืด อำนาจของกิเลสมันฟัดมันเหวี่ยงเอาเสียจนหงายหมาลงมา เข้ามาหาโรงงานใหญ่คือพ่อแม่ครูจารย์มั่น เอา ฟิตอีก ๆ พูดอย่างถึงใจ เพราะมันเป็นอย่างนั้นอย่างถึงใจ ที่โกรธแค้นให้กิเลสนี้โกรธจริง ๆ นะ ถ้าหากว่าโกรธให้ผู้ใดผู้หนึ่งก็ตาม พินาศ ยังไงฆ่าคนนี้ ๕ ศพยังไม่รู้ตัวนะ ความโกรธแค้นถึงขนาดนั้นที่เราโกรธแค้นให้กิเลส

มันฟาดเราน้ำตาพังอยู่บนภูเขา เราไม่ได้ลืม สด ๆ ร้อน ๆ มาตลอด ถึงขนาดออกกูมึงเทียวนะ คำว่ากูมึงนี้ไม่ได้เป็นกูมึงออกเป็นคำพูดนะ กูมึงภายในใจ ซัดกับมัน ตั้งสติพับล้มผล็อย ๆ ตั้งเพื่อล้ม ๆ ไม่ได้ตั้งเพื่ออยู่ จนกระทั่งงงตัวเอง เหอ มาทำความเพียรยังไงอย่างนี้ มันอะไรเป็นความเพียร สติก็ไม่มี ปัญญาไม่ต้องพูด คำว่าปัญญาพอออกปั๊บ สัญญาเอาไปถลุงหมดไม่มีเหลือ ถ้าลงสติตั้งไม่ได้แล้วไม่อยู่ ตั้งไม่ได้ จึงว่ามันฟัดเอาหงายหมาลงมา ถึงขนาด หือ มึงเอากูขนาดนี้เทียวเหรอ นั่นฟังซิน่ะ นี่ละความเคียดแค้นถึงหัวใจจริง ๆ ไม่ใช่ธรรมดา เอ้า คราวนี้มึงเอากูว่างั้นนะ แต่กูไม่ถอย มึงจะต้องพังวันหนึ่ง ให้กูถอยกูไม่ถอยแหละว่างี้เลย กลับไปหาโรงงานใหญ่ หาพ่อแม่ครูอาจารย์ ฟิตพอสมควรกลับมาอีก หงายหมาอีก กลับไปอีก สองหงายสามหงาย นี่ที่สู้มันไม่ได้นะ

เราเปิดให้พี่น้องทั้งหลายฟัง เรื่องกระแสของกิเลสที่เป็นข้าศึกของธรรม อยู่ในหัวใจของเราดวงเดียวกันนี้แหละ ธรรมก็อยู่ที่นี่ กิเลสก็อยู่ที่นี่ จึงไม่มีอะไรเสื่อมสูญไปไหน ใครต้องการธรรม เอ้า ผลิตขึ้นมา จะรู้ขึ้นภายในใจ เอา ใครต้องการกิเลสผลิตขึ้นมา จะเป็นบาปเป็นกรรมขึ้นที่ใจทุกคน เพราะมีอยู่แล้วในหัวใจที่จะรับเหล่านี้ ทีนี้กลับไปอีกฟัดอีก ๆ อยู่ไม่ถอย จากหงายหมาทีนี้ก็เริ่มเป็นหงายแมว พอมีกำลังบ้างแล้วหงายแมว แมวมันมีเล็บ มันหงายก็จริงมันตบได้ ครั้งนี้ถึงหงายให้กิเลสก็ตาม แต่เล็บยังมีต่อสู้กิเลส ฟาดกิเลสบ้างไม่มาก ต่อจากนั้นก็หนักเข้า ๆ หงายเสือโคร่งละที่นี่

เอ้า สรุปเลยนะ เมื่อฟิตกำลัง เพราะความเคียดแค้นนะ พี่น้องทั้งหลายจำเอา นี่ละความเคียดแค้นให้กิเลสนี้เป็นมรรค เป็นทางเดินเพื่อมรรคผลนิพพาน แต่ความเคียดแค้นให้สัตว์ให้บุคคลผู้ใดก็ตามนั้นเป็นกิเลส หาสร้างฟืนสร้างไฟให้ตัวเอง เรียกว่าเป็นกิเลส การโกรธให้กิเลสภายในหัวใจเจ้าของนี้เป็นมรรคเป็นทางเดิน เราเป็นในหัวใจเราเอง เราจึงได้นำมาพูดอย่างอาจหาญชาญชัย ความเคียดแค้นอันนี้เป็นพื้นฐานให้เราไม่มีการถอยกับกิเลส เอ๋า ไม่ต้องมีกรรมการ ระหว่างกิเลสกับธรรมฟัดกันบนหัวใจเรานี้ เอา ใครดีให้อยู่บนหัวใจบนเวที ใครไม่ดีให้ตกไป กิเลสไม่ดีให้ตก ธรรมเราไม่ดีให้ตก ฟัดกันเลย

ถ้าพูดถึงนักมวยแล้ว คลุกวงในตลอดนะ ไม่มีคำว่าวงนอก หาลวดหาลายใส่กันไม่มี ฟัดเลย ๆ จากหงายหมาแล้วก็หงายแมว จากหงายแมวแล้วเริ่มจะเป็นเสือโคร่งแล้วนะ หงายหรือไม่หงายมันก็มีลวดลายแล้วเสือโคร่ง นี่สติปัญญา นี่อำนาจแห่งการปฏิบัติธรรม เห็นไหม พี่น้องทั้งหลายเห็นไหม ธรรมมีไหม นี่เรามาพูดให้ฟัง เวลาผลิตขึ้นไม่ถอยด้วยความโกรธแค้นซึ่งเป็นอรรถเป็นธรรมล้วน ๆ ความโกรธความแค้นนี้ไม่ถอย ๆ ฟัดกันเข้า สติตั้งได้ สมาธิตั้งขึ้นได้ ๆ ไม่ถอย ๆ จน..เอา ขยายออกไปเลยถึงขั้นปัญญา

ทีนี้พอขั้นปัญญาเริ่มเป็นลูกเสือโคร่งขึ้นมาแล้วนะ แล้วก็เสือโคร่งรุ่น เสือโคร่งใหญ่ ฟัดไปจนเป็นพญาราชสีห์ ทำไมเป็นราชสีห์ ขึ้นมหาสติมหาปัญญา มหาสติมหาปัญญาเท่ากับพญาราชสีห์ เรื่องกิเลสตัวใดผ่านไม่ได้เลย ขาดสะบั้น ๆ มันเริ่มมาแล้วตั้งแต่สติปัญญาอัตโนมัติ ที่จะหนุนไปให้เป็นมหาสติมหาปัญญาในหัวใจดวงนี้ มีไหมธรรม พี่น้องทั้งหลายฟังเอาซิ นี่ละเปิดให้พี่น้องทั้งหลายฟัง เราปฏิบัติมาอย่างนี้ โง่ก็โง่อย่างนี้ เห็นในหัวใจของเรา

เวลามันฉลาดฟัดกับกิเลสเป็นเสือโคร่ง เป็นพญาราชสีห์ ด้วยมหาสติมหาปัญญาก็มีที่นี้ กิเลสขาดสะบั้นลงไป ๆ สุดท้ายลงไปก็ฟาดอวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา กลายเป็น อวิชฺชายเตฺวว อเสสวิราคนิโรธา สงฺขารนิโรโธ ตลอด เก็บเรียบเลย นิโรโธ โหติ ขึ้นในหัวใจ ฟ้าดินถล่ม ถ้าเราจะเทียบถึงเรื่องดินฟ้าอากาศ เหมือนฟ้าดินถล่ม มันถล่มภายในหัวใจ ระหว่างกิเลสกับธรรมฟัดกัน ขาดสะบั้นลงไปจากหัวใจ กายไหวผึงเลย ดีดขึ้นเลย ฟังซิน่ะ รุนแรงไหม

กิเลสมันเคยเกาะหัวใจเรามานานเท่าไร เวลามันขาดสะบั้นจากกันนี้ จิตหลุดพ้นจากกิเลสนี้ดีดผึงเลย ร่างกายจนไหวเลยเทียวนะ โน่นน่ะฟังซิน่ะ สะดุ้งอย่างเต็มแรง ขึ้นอุทานเลย โถ ๆ ๆ ขึ้นเลยเทียวนะ ไม่ต้องพูดน้ำตานี่มาเองนะ พราก ๆ ๆ ฟังให้ดีทุกคนนะ นี่ละธรรมพระพุทธเจ้ามีหรือไม่มี ศาสนาพระพุทธเจ้าเป็นศาสนาตำราเหรอ ไม่มีหรือตัวยืนยัน ความจริงไม่มีหรือ มีแต่ตำรับตำรานั้นหรือเต็มหีบเต็มตู้เต็มคัมภีร์ใบลาน มีแต่นักวิชาการ เรียนเฉย ๆ ไม่นำออกมาปฏิบัติจะเป็นผลประโยชน์อะไร

ใครจะเรียนเป็นนักวิชาการที่ไหนก็ตาม เรียนมาหัวหดตดแตกอยู่ในกระดองเหมือนเต่ามันใช้ไม่ได้ ทั้งด้านธรรมะ ทั้งด้านวิชาการทางโลกทางสงสาร เรียนมาแล้วต้องออกภาคปฏิบัติ เพื่อเป็นประโยชน์แก่โลกแก่สงสารจากตัวของเราเอง เป็นประโยชน์แก่เราและเป็นประโยชน์แก่โลกสงสาร นักวิชาการทางด้านธรรมะ เรียนมาแล้วออกปฏิบัติฟัดกับกิเลส นี่เรียกว่าออกทำประโยชน์แล้ว จากนั้นก็จ้าขึ้นมาดังที่ว่านี่ นี่ละวิชาการที่ออกมาจากพระไตรปิฎก ส่อเข้ามา สอดเข้ามาหาหัวใจ ให้หัวใจเป็นผู้ปฏิบัติ ใจเป็นผู้ปฏิบัติเพื่อรู้เพื่อเห็น ทำไมจะไม่รู้ไม่เห็น ธรรมมีอยู่ ทุกประเภทมีอยู่ไม่บกพร่องเลย มันบกพร่องแต่หัวใจของเราที่เต็มไปด้วยความขี้เกียจขี้คร้าน ท้อแท้อ่อนแอ โง่เง่าเต่าตุ่นเท่านั้นเอง

เวลาฟิตขึ้นมาให้ฉลาดทำไมฉลาดไม่ได้ ฉลาดไม่ได้พระพุทธเจ้าสอนให้คนฉลาดทำไม มรรคผลนิพพานไม่มีพระพุทธเจ้าสอนทำไม ก็พระพุทธเจ้าทรงอยู่แล้วเรื่องมรรคผลนิพพาน เต็มสัดเต็มส่วนครอบแดนโลกธาตุ นำธรรมที่ครอบโลกธาตุมาสอน เวลามาปฏิบัติมันก็รู้อย่างนั้นจะว่าไง ธรรมะเป็นอกาลิโก ไม่มีกาลสถานที่เวล่ำเวลา ขอให้ผู้ปฏิบัติมีอยู่เถิด ดังที่ท่านแสดงไว้กับพระอานนท์ว่า ดูก่อนอานนท์ ศาสนธรรมที่เราแสดงไว้นี้แล จะเป็นศาสดาของเธอทั้งหลายแทนเราตถาคตเมื่อเราตายไปแล้ว แล้วก็ ดูก่อนอานนท์ ถ้าผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมที่เราแสดงไว้แล้วนี้ไม่อยู่ พระอรหันต์ไม่สูญจากโลกนะอานนท์

ฟังให้ดี ฟังแต่ว่าผู้ปฏิบัติมีอยู่ นั่น ถ้าไม่มีผู้ปฏิบัติ เรียนเท่าไรก็ไม่เกิดประโยชน์ เป็นหนอนแทะกระดาษไปทั้งเขาทั้งเรานั้นแหละ ถ้าไม่มีภาคปฏิบัติ ปฏิบัติก็เพื่อจะก้าวเข้าหาตัวจริง เมื่อก้าวเข้าไปทำไมจะไม่เจอตัวจริง เพราะตัวจริงมีอยู่แล้ว ตั้งแต่ สมาธิ ปัญญา วิชชาวิมุตติหลุดพ้น ทั่วแดนโลกธาตุกระจ่างแจ้งไปหมด จะไม่รู้ได้ยังไงสิ่งเหล่านั้นมีอยู่แล้ว จิตเป็นนักรู้ก็ต้องรู้ไปทั่วถึง

นี่ละที่ได้ปฏิบัติมาเต็มสัดเต็มส่วน สละชีวิตเป็นเวลา ๙ ปีเต็ม ใครมาตามดูป่าช้าเราไม่ได้ว่างั้นเลย ไปเที่ยวกรรมฐานไปองค์เดียว ๆ เพราะเด็ดขนาดนั้นละ ความมุ่งต่อมรรคผลนิพพานนี้สุดยอด ๆ นี้ละที่เป็นเครื่องดึงดูดความพากความเพียร ความสละเป็นสละตายได้ทุกอย่าง ขึ้นสู่มรรคผลนิพพานอย่างเดียวเท่านั้น นี่ละถึงว่าตกนรกทั้งเป็นเลย ว่าติดคุกติดตะรางเราไม่อยากพูด เขาติดคุกติดตะราง วันหนึ่งกินข้าวสองมื้อสามมื้อ จักตอกเหลาตอกได้วันละสี่ห้าเส้นเพื่อฆ่าเวล่ำเวลาไป ให้ได้พ้นโทษไป อันนี้ไม่ได้เป็นอย่างนั้น เอาให้กิเลสขาดสะบั้นจากหัวใจ ไม่ได้มีเวล่ำเวลา ตายก็ตายเลย ฟัดกันเป็นเวลา ๙ ปี นี่ที่ว่าตกนรกทั้งเป็นเลย

นี่ผลเกิดขึ้นจากการเด็ดการเดี่ยว การผูกโกรธผูกแค้นกับกิเลส เป็นยังไงบ้าง นี่ละการผูกโกรธผูกแค้นเป็นอรรถเป็นธรรมนี้ฆ่ากิเลสได้อย่างไม่สงสัย คิดดูซิอย่างนั่งภาวนานี้ ฟาดก้นแตก ใครมี เราอยากจะพูดให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยนี้นะ เอามาอวดเราบ้างซิ มันเห็นตั้งแต่หมอนแตกเสื่อขาดนั่นละ มันนอนไม่ถอย หนุนไม่ถอย..หมอนน่ะ ไปนี้ไปปะหมอนชุนหมอนเสียก่อนค่อยกินข้าวนะ มันแตกเลอะเทอะหมดแล้วพวกอยู่ในครัวนี่น่ะ มันเก่งพวกหมอนแตกเสื่อขาด กุฏิขาดสะบั้นไปเลยมันนอนกลิ้งไปกลิ้งมาตกกุฏิไปเลย เหมือนเณรผองนั่นละ ฟาดลงอุ๊บเลย เห็นไหมล่ะสู้กิเลสไม่ได้

นี่เราพูดถึงเรื่องก้นแตกเพราะอะไร เพราะความเคียดแค้นนะนั่น มันถึงขนาดนั้นนะ ถึงบอกว่า มึงเอากูถึงนี้เทียวนะ เอาละยังไงกูไม่ถอย มึงเอากับกูถึงขนาดนี้เทียวเหรอ ยังไงมึงต้องพังวันหนึ่ง ให้กูถอยกูไม่ถอย ไม่ถอยจริง ๆ นี่ พอได้ที่จึงฟัดใหญ่เลย พอได้ที่จริง ๆ แล้วประหนึ่งว่าเราขึ้นอยู่บนตะพองของช้าง ขอกระหน่ำมันลงไป เหมือนกับว่ามันร้องโก้ก ๆ ไม่มีถอย ฟัดมันลงไปเรื่อย สับมันลงไปเรื่อยตลอดเลย พอได้ที่แล้ว นั่นละได้หลักแล้วที่นี่ อาจหาญชาญชัย ความเพียรไม่มีวันมีคืนตลอดไป แต่ก็ไปติดอยู่ในความสงบ เราก็บอกติดอยู่ในความสงบ

ความสงบเป็นความเยือกความเย็น ไม่ยุ่งเหยิงวุ่นวาย วันหนึ่งเข้าได้ทั้งวันก็ได้จิตไม่ยิบไม่แย็บไปไหน อยู่แน่วด้วยความอัศจรรย์ในสมาธิเท่านั้นก็พอแล้วนะ คิดยิบ ๆ แย็บ ๆ กวนใจไม่อยากคิด แต่ก่อนมันเพลิดมันเพลินด้วยความคิดความปรุง ยุ่งเหยิงวุ่นวายคิดไม่อิ่มไม่พอ นี้อำนาจของกิเลสลากไป ๆ ให้คิดไม่อิ่มไม่พอ แต่พอธรรมตีเข้าไป ๆ ความสงบสุขแน่นหนามั่นคงขึ้นมาแล้ว ความคิดความอ่านนี้เป็นภัยทั้งหมด ไม่อยากคิดมันยุ่ง ถ้าอยู่อันนี้แน่วอันเดียวไม่มีใครกวน อยู่ทั้งวันไม่มีเวล่ำเวลาเข้ามากวนนะ แน่วอยู่อันนั้นแหละ นี่ติดได้สมาธิถ้าไม่มีผู้มาลากมาเข็นออก ติดได้เราติดแล้วติดสมาธิอยู่ถึง ๕ ปี พ่อแม่ครูจารย์มั่นมาลากออก เราไม่ได้ลืม

ทีนี้พอท่านลากออกจากสมาธิ ออกทางด้านปัญญานี้ก็พุ่งเลยเทียว เพราะมันพร้อมแล้วที่จะเป็นปัญญา แต่มันไม่มาปรุงเหมือนอาหารที่พร้อมแล้วที่จะทำครัวประเภทต่าง ๆ หมูหมาเป็ดไก่อะไรมีเรียบร้อย พวกผักพวกอะไรนี่ แต่ไม่ปรุงให้เป็นแกง ก็ไม่เป็น เน่าเฟะไปเลยแหละ อันนี้สมาธินี้จะปรุงให้เป็นสติปัญญา ถ้าเราไม่ปรุงไม่เป็น ถ้าเป็นเราเป็นมาแล้ว เราติดอยู่ ๕ ปีติดไปหาอะไร นี่จนท่านลากออกจากสมาธิ ขึ้นถึงขั้นปัญญา พอออกด้านปัญญาทีนี้ผึงเลยเทียวนะ ไม่มียับมียั้งเลย กลางคืนกลางวันนี้นอนไม่หลับ นั่นฟังซิ นี่แหละธรรมออกเดินทาง ธรรมมีกำลัง ธรรมออกทำหน้าที่ฆ่ากิเลส อยู่ที่ไหนอิริยาบถทั้งสี่ ฆ่ากิเลสตลอดเวลา โดยอัตโนมัติของตัวเอง นี่คือธรรมมีกำลังขึ้นในหัวใจแล้ว

กิเลสหมอบลง ๆ คุ้ยเขี่ยลงไปเรื่อย ๆ คุ้ยเขี่ยนั่นแหละคือธรรมจักรของจิต หมุนตลอดไม่ว่ายืนว่าเดินว่านั่งว่านอนเว้นแต่หลับเท่านั้น นอกนั้นเป็นเวลาการทำงานของสติปัญญาประเภทอัตโนมัติทั้งนั้นเลย นี่เวลาก้าวเดินเราก็พูดให้พี่น้องทั้งหลายฟัง สติปัญญาอัตโนมัตินี้ก้าวเข้าสู่มหาสติมหาปัญญาเชื่อมโยงกันแล้ว ทีนี้กิเลสมีแต่หมอบ ๆ จนกระทั่งขาดสะบั้นลงไป นั่นเห็นไหม

นี่แหละมรรคผลนิพพานสด ๆ ร้อน ๆ อกาลิโก ธรรมพระพุทธเจ้าไม่มีกาลสถานที่เวล่ำเวลา ประจำอยู่ที่หัวใจทุกคน เป็นแต่เพียงกิเลสมันเป็นจอกเป็นแหนปกคลุมหุ้มห่อเอาไว้ น้ำจึงไม่ปรากฏในสระใหญ่ สระใหญ่ก็คือหัวใจของเราที่ครองธรรมครอบโลกธาตุ เวลานี้ถูกจอกถูกแหนคือกิเลสมันปิดบัง เปิดออกซิ เมื่อเปิดออกแล้วมันก็จ้าขึ้นมาทันที

นี่เราได้ทำเต็มเม็ดเต็มหน่วย จากนั้นก็ช่วยโลกมาเรื่อย ๆ เราก็ไม่เคยคิดเคยอ่านว่าเราจะได้มาช่วยโลก แบบเราทำอยู่ในเวลานี้ สุดท้ายปลายแดนก็มาถึงชาติไทยของเรา เอนเอียงจะล่มจะจมด้วยเรื่องจิปาถะ มีแต่เรื่องฟืนเรื่องไฟจะเผาไหม้ชาติไทยให้จมทั้งนั้น เรื่องเห็นแก่ได้เห็นแก่ร่ำแก่รวย เห็นแก่อำนาจวาสนาป่า ๆ เถื่อน ๆ มันเอาเข้ามาเผาบ้านเผาเมือง สุดท้ายเมืองไทยเราจะอยู่ไม่ได้ การติดหนี้ติดสินติดพะรุงพะรัง มันก็ยิ่งหนาแน่นขึ้นกระเทือนถึงหัวใจ นี่แหละร้องโก้กเลย พอร้องโก้ก เอ้า เราจะเป็นผู้นำ นี่ละออกแล้วนะที่นี่นะ ไม่นำไม่ได้ ศาสนาไม่นำจะจมแน่ ๆ นี่เราถึงออกปากพูดเลย เอา ๆ เราจะเป็นผู้นำ มากน้อยจะเต็มความสามารถของเราดังที่เคยปฏิบัติมา ว่าอย่างนั้น จากนั้นมาจึงได้ออกมาเรื่อย ๆ อย่างนี้แหละ

เพราะฉะนั้นเวลาออกแล้ว การเทศนาว่าการพี่น้องทั้งหลายเห็นเป็นยังไง คุยหรือไม่คุยก็พิจารณาเอาซิ ไปเทศน์ทั่วประเทศไทยจนตรอกที่ตรงไหน ถามจริง ๆ อย่างนี้แหละ หรือหนากว่านี้สูงกว่านี้มา มา ว่างั้นเลยนะ เราจะเปิดทันทีธรรมะที่เต็มอยู่ในหัวใจนี้ครอบโลกธาตุนี้ แต่สำคัญอยู่ที่ผู้ที่มาศึกษาอบรมกับเราเพื่ออรรถเพื่อธรรม ที่จะมาไต่มาถามมาซักมาอะไรให้ติดให้ข้อง เราไม่ติดเราก็ไม่ตอบ เข้าใจไหม ไอ้เรื่องติดเราไม่ติดอะไรในโลกธาตุนี้ เป็นถังขยะทั้งนั้น ติดมันหาอะไร เราไม่ติดเราเสียอย่างเดียวเท่านั้น เราไม่ติดอะไรในโลกธาตุนี้ เราอยากตอบก็ได้ ไม่อยากตอบก็ได้

นี่แหละเราพูดถึงเรื่องธรรม เปิดจ้าขนาดนั้นแหละ เพราะฉะนั้นการเทศนาว่าการ จึงเทศน์ไปตามสถานที่บุคคล เช่น แกงหม้อใหญ่ แกงหม้อเล็ก แกงหม้อจิ๋ว แกงหม้อใหญ่สอนประชาชนทั่ว ๆ ไป แกงหม้อเล็กสอนผู้มุ่งปฏิบัติที่จะพุ่ง ๆ ขึ้นสู่มรรคผลนิพพาน แกงหม้อจิ๋วยิ่งพุ่งใหญ่เป็นจรวดดาวเทียม นี้บรรจุไว้แล้วในนี้ทุกอย่าง เราได้ปฏิบัติมาแล้วรู้มาแล้วเห็นมาแล้ว บรรจุไว้แล้วทุกอย่าง จนตรอกจนมุมที่ไหน

ก็มีตั้งแต่คอยดูตั้งแต่ผู้ใดที่จะพอข้องแห่งความรู้ความเห็นของเรา ที่จะไปบรรจุไว้ในหัวใจนี้ เราจะช่วยทันที ๆ ควรจะทุ่มหมด เราจะทุ่มให้หมดเลย ด้วยความเมตตาของเรา จะไม่มีอะไรติดค้างในหัวใจเราเลย เราจะเปิดจ้าขึ้นมาทันที เอ้า ถามมาเรื่องนิพพานเป็นยังไง นั่น เอาวิถีที่เข้าถึงนิพพานมันติดข้องตรงไหน ? ให้ถามมาว่างั้นเลย มันจะออกทันที ๆ ก็มันเปิดอยู่แล้วนี่ ถามหาอะไร

นี่แหละเราสอนโลกเราสอนด้วยความหายสงสัยทุกอย่าง สอนด้วยธรรมบรรจุที่ใจ ไม่ได้นำตำรับตำรามาสอน เป็นเพียงปากทางที่เข้ามาสู่ธรรมชาติอันนี้เท่านั้น เราไม่ได้ประมาทธรรมนั้น แต่เวลาธรรมจริง ๆ แล้วเกิดขึ้นที่หัวใจมีที่หัวใจ พระพุทธเจ้าพระสาวกขึ้นที่หัวใจ ที่เรียกว่าพระไตรปิฎกในทั้งนั้น ๆ พระไตรปิฎกตาดี สว่างกระจ่างแจ้งจ้าไปหมดเลย นี่เราจึงได้นำช่วยพี่น้องทั้งหลาย ทางวัตถุไทยทานก็ไม่มีสงสัยว่าเราจะไปลี้ลับที่ตรงไหน ให้เป็นความเสียหายแก่ตนเองและเสียหายแก่พี่น้องชาวไทย ไม่สมหวังไม่เคยมี นี้อันหนึ่ง

แล้วควรจะเอาออกช่องไหน ๆ เราจะเป็นผู้พิจารณาเองทุกอย่าง ไม่ว่าทองคำ ดอลลาร์ เงินสด จะควรหมุนไปทางไหน เพื่อชาติไทยของเราทั้งนั้น เวลานี้ทองคำก็กำลังมีน้ำหนักของเราตลอดนะ ทองคำนี้เรามีน้ำหนักตลอดทีเดียว เป็นอันดับหนึ่ง ๆ ตลอดตั้งแต่เราเริ่มแรกถูกเชิญไปดูทองคำในคลังหลวงของเรา ธนาคารแห่งชาติไทย เราไปดูมาแล้วก็ซักไซ้ไล่เลียงทุกอย่าง ๆ จนเป็นที่เข้าใจแล้วออกมาประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบ ตั้งแต่บัดนั้นมาจนกระทั่งบัดนี้ เราเห็นว่าทองคำในประเทศไทยของเรารู้สึกว่ามีน้อยมาก แต่จำนวนเท่าไรมาถามไม่ได้นะ ฟาดปากทันทีเลย หามาซิ ว่างั้นเลย ถ้าตอบก็จะตอบว่าอย่างนี้ ที่จะให้ว่าทองคำในเมืองไทยเรามีเท่าไร ๆ นี่ฟาดปากเลย ถ้าหากว่าเราจะตอบก็จะว่า มีเท่าสันมีดเราจะฟาดหน้าผากคน เราก็ว่างั้น ไปหามา

นี่ละเราหนักในทองคำ เราจึงหมุนแต่ทองคำ กฐินคราวนี้ก็เป็นกฐินทองคำ เราจะหมุนเข้าทองคำเป็นจำนวนมากทีเดียว เงินนี้เราจะซื้อทองคำ ๆ เข้าสู่คลังหลวง แม้ตั้งแต่ที่ฝากไว้ให้พี่น้องทั้งหลายทราบตลอดมานั้น เราก็เจียดไว้เรียบร้อยแล้ว ๘ ร้อยล้านใครแตะไม่ได้เลย เราตาย เงินจำนวนนี้จะต้องซื้อทองคำมาเข้าคลังหลวง นี่เราก็ได้ประกาศให้ทราบแล้ว นี่ทางด้านวัตถุ

การเทศนาว่าการ เราก็เทศน์เต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่ว่าขั้นใดภูมิใดไปทั่วประเทศเขตแดน เวลานี้เขาออกอินเตอร์เน็ตแล้วนะนี่ ออกไปทั่วโลกแล้ว หลวงตาบัวเทศน์ ทางทั่วโลกประเทศไทยของเรานี้แหละ อยู่ที่เมืองนอกเมืองนามันอยู่หลับหูหลับตาอยู่หรือมันอยู่ลืมตา เปิดหูฟังก็ไม่รู้ เราก็อยากว่างั้น เพราะเราเทศน์แทบเป็นแทบตาย มันเอาอะไรฟังบ้าง หรือเอาแต่เสื่อกับหมอนหลับครอก ๆ แครก ๆ มาฟัง กับธรรมนี้มันเข้ากันไม่ได้นะ เสียธรรมที่ปฏิบัติมาแทบเป็นแทบตายมาสอนประชาชน เหมือนกับทอดแหลงในกองมูตรกองคูถ มันสมคุณค่ากันไหม พิจารณาซิ นี้เราเทศน์อย่างนั้นนะเทศน์ให้พี่น้องทั้งหลาย

เราก็เห็นว่าหัวใจนี้มีคุณค่า เราจึงอุตส่าห์พยายามบึกบึนเทศนาว่าการ แต่ถ้าหัวใจเป็นมูตรเป็นคูถแล้ว ขี้หมาสอนหาทำไม นั่น อยู่ที่ไหนมันก็มีขี้หมานี่ ว่างั้นเลย นี่แหละที่เราสอนโลก เราสอนเราพูดอย่างเต็มหัวใจเรา เราไม่มีอัดมีอั้น ว่างี้เลย เอา ๆ ถามมาถ้าเป็นเรื่องอรรถเรื่องธรรม ถ้าถามมาเรื่องกิเลสตัณหา อยากตอบก็ตอบ ไม่อยากตอบก็เอาฝ่ามือฟาดปากมันแล้วก็เดินเฉย ไม่ตอบเสียเวลา ตอบกับมูตรกับคูถตอบหาอะไร ไปแตะปั๊บเหม็นจมูกแล้ว ติดมือแล้ว โลกมันสกปรกขนาดนั้นนะ เปิดให้มันชัดเจนซิ

ที่เราเข้ามาคลุกเคล้าอยู่กับโลกอะไรเหล่านี้ ก็เพราะสิ่งที่ดีมีอยู่กับมูตรกับคูถนั่นน่ะ คนที่ดียังมีอยู่เยอะ อยู่ในมูตรในคูถคือความสกปรกโสมมแห่งความเลวร้ายของคนที่ไม่มีคุณค่ามีราคา กำลังทำลายชาติไทยของเราอยู่เวลานี้ นี่ละก็ต้องได้คุ้ยเขี่ยขุดค้นคลี่คลาย หาออกอันไหนชิ้นดีไม่ดีต้องพิจารณา แล้วคลุกเคล้ากันไปอย่างนั้นแหละ นี่ละที่มันเหม็นมันติดไม้ติดมือติดจมูก ที่เราได้เข้าเกี่ยวข้องกับชาติบ้านเมืองเวลานี้ก็เพราะเหตุนี้เอง ปกติมายุ่งอะไรกับมัน

เราปฏิบัติหาอรรถหาธรรม อยู่ไปกินไปพอวันหนึ่ง ๆ ถึงเวลาแล้วก็ไปเท่านั้นแหละ แต่นี้เรื่องของเรามันก็ไปเข้าอยู่ในท่ามกลางน่ะซิ เรื่องช่วยชาติบ้านเมือง เงินทองข้าวของไหลเข้ามา เราเป็นผู้รับผิดชอบจะเอาสู่คลังหลวง เมื่อเข้าสู่คลังหลวง มันเป็นอะไรกับคลังหลวงนั้น นั่นเห็นไหม นี้ก็ได้ประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบแล้ว นี่ละที่มันได้เกิดเรื่องกันกับเราที่นำสมบัติของคนทั้งชาติเข้าสู่คลังหลวง ครั้นเข้าไปแล้วถูกกีดถูกกันถูกทำลายทุกแบบทุกฉบับ จากเปรตจากผีมหาโจรมหามาร ผู้ทำลายชาติบ้านเมืองนั้นเอง มันไม่มีคุณค่าอะไรเลย พอที่จะมาอวดมาอ้างบ้างว่า เป็นข้อถูกต้อง ในการกีดกันหวงห้ามนี้ เป็นความถูกต้องแล้วเพราะเหตุไร เอ้า ว่ามา มันก็ติดตายเลยติดแหงเลย

สมบัติของคนทั้งชาติมีคุณค่าขนาดไหน ตั้งแต่วงศ์กษัตริย์ลงมา สมบัติเหล่านี้เป็นของเล็กน้อยเมื่อไร เป็นสมบัติของชาติมีวงศ์กษัตริย์ครอบอยู่ในนั้นแล้ว เป็นของเล็กน้อยเหรอ ที่จะมากีดมากันมันเข้ากันได้ไหม ถ้าไม่ใช่เป็นมหาโจรมหามารทำลายชาติโดยถ่ายเดียวเท่านั้น แม้เด็กก็รู้ทำไมผู้ใหญ่จะไม่รู้ นี่ละที่มันเกิดเหตุ ก็เมื่อมันเข้าไปเจอกันอย่างนั้นแล้วก็ต้องฟัดกันน่ะซิจะว่าไง เราไม่อยากทำ แต่เรื่องราวมันเป็นอย่างนี้เราอยู่ในท่ามกลางแห่งข้าศึกก็ได้ ข้าศึกคือความจนเป็นสำคัญ ต่อจากนั้นผู้เกี่ยวกับโยงความจนนี้ก็มี ๆ แล้วก็เกี่ยวโยงกันหมด ข้าศึกเหล่านี้ละมาเกี่ยวข้องกับเรา เราถึงได้ฟัดได้เหวี่ยงตอบโต้ทุกอย่าง

อะไรผิดถูกประการใด ธรรมจะออกเป็นธรรมเลย ผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้สำหรับธรรม ตายก็ตายไปเลย ธรรมต้องเป็นธรรม เรื่องชีวิตจิตใจความกล้าความกลัวต่อความเป็นความตาย ที่ใครจะมาทำลายเราแบบไหน ๆ นั้นเป็นเรื่อง อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา เราเรียนจบมาได้ ๕๐ กว่าปีแล้ว เราไม่มีความกล้าความกลัวกับมัน ในตัวของเราไม่มีใครมาทำลายมัน ถึงเวลามันก็ตายของมันเหมือนกัน ตายวันตายเวลามาโดยลำดับจนกระทั่งถึง

นี่หลวงตาบัวเวลานี้อายุถึง ๘๗ ปีแล้วนะ นี่ตายมาโดยลำดับลำดา วันหนึ่งวันใดก็จะตายไป ห่วงมันอะไรความตาย ขอให้ทำประโยชน์ให้โลกเป็นที่พอใจ เต็มกำลังวาสนาของเราแล้วเราก็ไปของเราเท่านั้น ไปก็ไปอย่างจัง ๆ เสียด้วยนะ ไปแบบกล้าหาญชาญชัย ไปจะไม่กลับมา คราวนี้เป็นคราวสุดท้ายชาติสุดท้ายของเรา อยมนฺติมา ชาติ ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา นตฺถิทานิ ปุนพฺภโว ตั้งแต่บัดนี้ต่อไปความเกิดอีกตายอีก จมอยู่ในกองทุกข์มาตั้งกัปตั้งกัลป์ของเราจะไม่มีอีกแล้ว เราชัดขนาดนั้นนะ ไม่ต้องทูลถามพระพุทธเจ้า ธรรมะอันเดียวกัน

เวลานี้เราได้ช่วยพี่น้องทั้งหลายก็ช่วยเต็มเม็ดเต็มหน่วย ขอให้พากันตั้งอกตั้งใจทุกผู้ทุกคน ศาสนาเป็นผู้นำ ถ้าศาสนานำไปไม่ขึ้นแล้ว ก็แสดงว่าพวกเรานี้หมดวาสนา เป็นกรรมของสัตว์ร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็จมกันไป ๆ เท่านั้นละ ถ้าเราเป็นลูกชาวพุทธ ให้ต่างคนต่างดีด มี ๕ ก็ตามมี ๑๐ ก็ตาม มี ๕ บาท ๑๐ บาท ๕ สตางค์ ๑๐ สตางค์ ก็เอา แบ่งสันปันส่วนมาช่วยชาติของเรา เราจมไม่เป็นไรขอให้ชาติไทยของเรามีความแน่นหนามั่นคง เราเป็นที่ชุ่มเย็น

ซุกหัวนอนที่ไหนได้ทั้งนั้น เพราะคลังหลวงคือสมบัติของชาติครอบหัวเราไว้แล้วเราสบาย ๆ เพียงเงินอยู่ในกระเป๋าเราเต็มกระเป๋าก็ตาม ถ้าคลังหลวงแห้งผากแล้วไม่มีความหมาย ใครอย่าว่าใครมีความหมายว่ามีเงินในกระเป๋านะ ไม่ได้มีความหมายยิ่งกว่าเงินอยู่ในคลังหลวง สมบัติอยู่ในคลังหลวง คลังหลวงนี้เป็นหัวใจของชาติโดยตรง ใครอยู่ที่ไหนหายใจได้สะดวกสบาย เงินอยู่ในกระเป๋าของเราหายใจฝอด ๆ คอยแต่จะหลุดไม้หลุดมือไป เดี๋ยวก็จมไปด้วยกันหมด ไม่มีความหมายอะไรเลย ให้พากันจำเอาไว้นะ

คลังหลวงเราเต็มตื้นลงไปเราจะขาดบ้างไม่เป็นไรในกระเป๋าของเรานะ เรามีคลังหลวงเป็นที่รับรอง ความอบอุ่นตายใจของเราทุกคน ๆ แล้วให้เราหมุนเข้าไป มีเท่าไรให้ช่วยกัน ๆ ทุกคน อย่าเห็นแต่ว่ากลัวจะหมดกลัวจะยังอย่างนั้นอย่างนี้ ชาติจะจมเห็นไหมให้ว่าอย่างนั้นซิ ชาติจะจมกับเงินจะหมด อันใดมีน้ำหนักมากกว่ากัน ถามตัวเองซิ ชาติจมมีอะไรเหลือล่ะ เงินหมดยังหาได้อีกวันนี้หาได้ ชาติจมหาไม่ได้นะ ให้พากันพินิจพิจารณาตรงนี้

แล้วเวลานี้ก็กำลังจะเป็นกฐินช่วยชาติเห็นไหม มันก็เป็นประวัติศาสตร์แล้วนะเวลานี้ ตั้งแต่ตั้งเมืองไทยมาเคยมีกฐินของคนทั้งชาติ มาตั้งเป็นกองกฐินขึ้นช่วยชาติของตนเคยมีที่ไหน เวลานี้ก็จะเริ่มมีวันที่ ๒๑ นี้แล้ว ได้ประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบทั่วถึงกันว่าวันที่ ๒๑ นี้เป็นวันกฐินเพื่อชาติไทยของเราทั้งชาติ พี่น้องชาวไทยเป็นศรัทธาทุกคน เป็นเจ้าของทุกคนหนุนกันมา เพื่อสมบัติเหล่านี้จะได้เข้าสู่คลังหลวงและช่วยชาติบ้านเมืองของเราให้ชุ่มเย็น เป็นปึกแผ่นมั่นคงต่อไป จึงขอให้พากันตั้งอกตั้งใจ

แล้ววันนั้นก็สมเด็จฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ ท่านก็จะเสด็จมา มาเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรแก่พี่น้องชาวไทยเราฟังซิ นี่กฐินเพื่อชาติท่านเสด็จมาในพระนามของท่าน แล้วก็เป็นพระนามของชาติ จะว่ายังไง กลายเป็นพระนามของชาติไปได้ โดยอาศัยพระบารมีของท่าน นี้เวลาท่านมาแล้ว ทุกคน ๆ ให้เตรียมพร้อมนะเครื่องสักการะบูชา ชมพระบารมีท่าน เงินมี ๕ ให้เอามา ๑๐ บาทนะ ติดหนี้เขาก่อน ๕ บาทนั้น

มี ๑๐ มี ๒๐ เอามา ๔๐-๖๐ ติดหนี้ไว้ก่อนไม่เป็นไร ติดหนี้เพื่อคลังหลวงของเรา เพื่อเทิดทูนเกียรติยศของท่านชื่อเสียงของท่าน จะเป็นความชุ่มเย็นเป็นสุข อันเงินที่ติดหนี้ไม่อะไร มันดีกว่าเงินที่ไปติดหนี้ตามบ้านตามเรือน ตามตึกรามบ้านช่องซื้อนั้นซื้อนี้ ปลูกขายกันยุ่ง ปลูกแล้วไม่ได้ขายเห็นไหม ยาวกันเป็นกิโล ๆ ปลูกเสร็จแล้วปิดตาย ๆ ไม่มีใครซื้อไม่มีใครเช่า มันดีกว่านี้เป็นไหน ๆ เราติดหนี้เพื่อบุญเพื่อกุศลจะพาเราให้ล่มจมขอให้เห็นสักที หลวงตาบัวเป็นผู้นำพี่น้องทั้งหลาย หลวงตาบัวจะคอยดูพี่น้องชาวไทยเราติดหนี้ติดสินอย่างอื่น ฟื้นฟูขึ้นโน่นฟากเมฆฟากหมอก เวลาติดหนี้ติดสินเพื่อมาทำบุญนี้จมลงในนรก ให้เราได้เห็นสักทีน่ะ เข้าใจไหม พูดเท่านี้เสียก่อน ให้ต่างคนต่างมุ่งทุกคน ๆ นะ เอาให้เต็มเม็ดเต็มหน่วย

เออ พุ่มดอกไม้เราคือ ดอลลาร์ เงินสด ทองคำ ที่จะมาเป็นพุ่มบูชาพระคุณของสมเด็จท่าน ท่านจะเสด็จมา ให้ท่านชื่นพระเนตร ชื่นพระกรรณ ชื่นพระจิตของท่าน เวลาก้าวเข้ามาสู่วัดป่าบ้านตาดซึ่งเป็นศูนย์กลางแห่งคนทั้งชาติ ได้มาเห็นพุ่มดอกไม้ ด้วยเงินด้วยทอง ด้วยทองคำ ดอลลาร์ทุกอย่าง สง่างามเต็มหน้าวัดป่าบ้านตาดแล้ว พวกเราก็จะชื่นชมท่าน ท่านก็จะทรงชื่นชม มีแต่ความยิ้มแย้มแจ่มใสทั่วหน้ากัน กลับบ้านด้วยความเบิกบานหรรษา ด้วยบุญเต็มหัวใจ เงินจะขาดกระเป๋าไปบ้างไม่เป็นไร เอาตรงนั้น

จำให้ดีวันนั้นประดับทุกคนนะ เอ้า ถ้าหากว่าเราจะไปรวมที่ผู้ว่าฯก็ได้นะ เงินที่จะมาประดับพุ่ม ใครที่จะไปรวมท่านผู้ว่าราชการจังหวัดนั้น เรามอบหมายมอบความไว้วางใจให้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัด และท่านรองไว้เรียบร้อยแล้ว สมบัติพุ่ม เงินพุ่มจะเป็นดอลลาร์ เงินสด ทองคำอะไรก็แล้วแต่ ให้ท่านรับเป็นพุ่มออกมาเลย พุ่มนั้นก็เพียงตกลงกัน ท่านยังไม่มีเงินนะให้พี่น้องทั้งหลายเอาไปประดับพุ่มให้ท่าน ช่วยท่านนะ ช่วยทางผู้ว่าราชการจังหวัดเอามาตั้งสง่างามนี่ เอาให้มันได้เห็นโน่นถึงชั้นดาวดึงส์ ดุสิตเป็นไร นี้อันนี้จะขึ้นโน้นนะไม่ลง เอาละวันนี้เทศน์เพียงเท่านั้นเสียก่อน

เด็กชายเค๊ก ถวายดอลลาร์ ๕ ดอล เงินสด ๕๐๐ บาท

หลวงตา เค๊ก เหรอ เค๊กเก่งมาก มึงบอกอย่างนี้นะ กูจะสั่งไปหาพ่อมึง พ่อ ๆ หลวงตาท่านว่า เค๊กนี้เก่งกว่าพ่อ พ่อไม่ได้สักดอลล์เลย นี้เค๊กเอามาตั้งหลายดอลล์ แล้วเวลาไปพูด พูดห่าง ๆ นะ เดี๋ยวมันตีปากเอานะให้ระวัง ไปพูดห่าง ๆ (หัวเราะ) อย่างนั้นแล้วพูดกับเด็กก็ต้องพูดอย่างนั้นซิ เข้าใจไหม เป็นเด็กแบบหนึ่ง ผู้ใหญ่แบบหนึ่ง ต้องหลายแบบซิ ให้พร

เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร www.luangta.com


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก