จิตเหนือโลก (คณะศิษย์หลวงปู่ศรี มหาวีโร และวัดสาขาจากทั่วประเทศกราบคารวะ)
วันที่ 22 สิงหาคม 2553 เวลา 13:45 น.
สถานที่ : ศาลาใหญ่วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)

ค้นหา :

 

เทศน์อบรมพระสงฆ์และฆราวาส

เนื่องในโอกาสที่คณะหลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดป่ากุง จ.ร้อยเอ็ด 

เข้ากราบคารวะองค์หลวงตา

ณ ศาลาใหญ่วัดป่าบ้านตาด

เมื่อบ่ายวันที่ ๒๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๓

เวลาประมาณ ๑๓.๔๕ น.

จิตเหนือโลก

         

         พูดถึงเรื่องเทศน์นี้เราคิดเห็นตั้งแต่สมัยเป็นกรรมฐาน เทศน์กรรมฐานสอนพระหมุนติ้วเลยเชียว จนรัวเหมือนปืนกล ทั้งลมทั้งธาตุขันธ์ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งอรรถทั้งธรรมมันพร้อมกันแล้วออกพุ่งๆๆ จนหายใจไม่ทัน นี่หมายถึงว่ากำลังวังชาดี ธาตุขันธ์อรรถธรรมก็ดีอยู่แล้ว ทุกอย่างดีพร้อมกันแล้วเวลาเทศน์นี้ไหลเลยเชียว เดี๋ยวนี้ไม่ได้นะ เทศน์นี่ชักอยู่นี้เลย ชักเลย เทศน์ไม่ได้เดี๋ยวนี้

          พอออกปฏิบัติแล้วก็สอนตน นี่เริ่มปฏิปทาของเราที่ดำเนินมา พอเรียนเรียนจริงๆ เรียนอยู่ ๗ ปี เรียนหนังสืออยู่ ๗ ปี พอออกจากเรียนแล้วออกเข้าป่า เข้าป่านี้จนกระทั่งทุกวันนี้เข้ามาเรื่อยเข้าป่า ตอนเข้าป่านี้สอนตนทั้งนั้น เรียนหนังสือนี้เรียนวิธีการสอนคนอื่น สอนตนสอนคนอื่นไปด้วยกันนะ แต่พอออกปฏิบัติแล้วธรรมะทั้งหลายที่เรียนมานั้นเข้ามาสอนตนทั้งหมดเลย รวมเข้ามาสอนตนจากนั้นแล้วก็สอนโลกละทีนี้ ต่อไปนี้สอนโลกเรื่อยจนกระทั่งทุกวันนี้ มันมีอยู่สามพักนั่นละ พักหนึ่งเพื่อเรียนสอนตนเสียก่อน แล้วอะไรอีก ปฏิบัติเพื่อตนเองก่อนนะ จากนั้นก็สอนโลกต่อไปเรื่อยๆ สอนโลกเรื่อย ทุกวันนี้เลยสอนโลกก็ไม่ได้สอนตนก็ไม่ได้ หมดกำลัง ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร

          พูดถึงเรื่องตัวเอง ความเป็นอยู่ของตัวเองทุกอย่างพร้อมหมด ไม่มีอะไรที่ต้องติ หลักธรรมหลักวินัยเราไม่คลาดเคลื่อนนะ แต่ไหนแต่ไร แต่เรียนหนังสือก็ไม่เคยคลาดเคลื่อน หลักธรรมหลักวินัยตรงเป๋งๆตลอด ยิ่งออกปฏิบัติแล้วยิ่งแน่นหนามั่นคงเข้าไปอีก ทั้งๆ ที่เราก็ปฏิบัติได้ตั้งแต่ก่อน แต่พอออกปฏิบัติยิ่งเข้มงวดกวดขันแน่นหนามั่นคงเข้าเรื่อยๆ จนกระทั่งได้มาสอนโลกนี่ สอนอย่างเอาจริงเอาจัง สอนตัวเองก็ไม่สอนธรรมดานะเราสอนเราเองนะ คือมันจริงมาทุกอย่าง ไม่ได้เหลาะแหละนะ ถ้าว่าออกเรียนก็เรียนจริงๆ เรียนเพื่อปฏิบัติ พอออกปฏิบัติก็เอาจริงเอาจังเพื่อมรรคผลนิพพาน ถึงขั้นอรหันต์นะ มรรคผลนิพพานจะเอาให้ถึงพระนิพพานให้ได้เป็นพระอรหันต์องค์หนึ่งในพุทธศาสนาของเรา มันเป็นอยู่ในจิตนะ มันมั่นคงอยู่นั่นหมุนติ้วๆ

          ทีนี้ความเพียรมันก็กล้าละซี ความเพียรเร่งเลย ปฏิบัติจนกระทั่งมาทุกวันนี้เลยไม่ทราบว่าเรียนถึงไหนปฏิบัติถึงไหนนะทุกวันนี้นะ อยู่เซ่อซ่าๆ ไปอย่างนั้นละ เข็มทิศทางเดินที่ตั้งออกไปจะว่าล้มเหลวก็ถูก ไม่ล้มเหลวก็ได้ เพราะมันหากอ่อนไปตามธาตุขันธ์นะ ความเข้มข้นแต่ก่อนเข้มข้นมากธาตุขันธ์ดี ทีนี้ธาตุขันธ์อ่อนลงๆ ความเข้มข้นก็เลยอ่อนลงเหมือนกันนะ จึงปฏิบัติไม่สะดวก อย่างทุกวันนี้ไปเซ่อๆ ซ่าๆ ไปอย่างนั้นละ แต่หลักธรรมหลักวินัยไม่เคลื่อนคลาดนะ หลักธรรมหลักวินัยไม่มีเคลื่อนคลาดแต่ไหนแต่ไรมา ตรงเป๋งๆ ตลอด ความขยันหมั่นเพียรเข้มข้น

          นี่ก็ได้พูดกับบรรดาพี่น้องทั้งหลาย นี่จวนจะตายแล้วค่อยเปิดออก เปิดออกนะ เปิดธรรมะนี้ออกจากใจ แต่ก่อนมีแต่หมุนเข้า หมุนเข้ามา เข้ามาหาใจ หาใจ เวลานี้ค่อยระบายออก ระบายออก จากความเอาจริงเอาจังของตัวเอง มันเอาจริงเอาจังมากแต่ก่อน เวลาปฏิบัติจะให้ถึงแดนแห่งมรรคผลนิพพาน เอาจริงเอาจังด้วย จะเอาให้ถึงจริงๆ ในใจนี้มันหมายมั่นปั้นมือตลอดเลย จะเอาให้ถึงมรรคผลนิพพาน ให้ได้เป็นพระอรหันต์องค์หนึ่งในพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้าเรา มันเข้มข้นมาก ตอนนี้ละความเพียรเร่งเอาเสียเรื่อยๆ มาจนกระทั่งทุกวันนี้ จากนั้นก็อ่อนแอ กำลังวังชาอ่อนเอง แต่เรื่องเราหวังอย่างนั้นอย่างนี้สมหวังหรือไม่ ไม่อยากพูดนะ มันสมใจว่าอย่างนั้นเถอะ  สมใจเลย ไม่ขัดข้อง เรียกว่าสมใจตัวเอง

การปฏิบัติจิตนี่เหมือน จิตนี่มันถูกหุ้มห่อปิดปังอยู่ด้วยกิเลสตัณหามันเหมือนแก้วดำไปครอบจิตใจที่สว่างให้ดำไปหมดนั้นเปิดออกหมด เวลามันเปิดออกมันก็จ้าไปหมดเลย มันเป็นอย่างนั้นละ ทุกวันนี้อยู่สภาพคนแก่ จะว่าเปิดเปิดในหัวใจนี้เปิดหมด ไม่มีข้องแวะอะไร สงสัยอะไรไม่มี หมด ที่จะตายแล้วจะไปเกิดที่ไหนๆ หายสงสัยหมดเลย สมใจที่เราประกอบความเพียรมาแทบล้มแทบตาย หมายพระอรหันต์เป็นเข็มทิศ เป็นที่อยู่ ครองมรดกอันล้ำเลิศของพระพุทธเจ้าคืออรหันต์ นี่ก็ใส่กันเต็มเหนี่ยวละ แล้วหยุดเองนะ มันหมดกำลังแล้วหยุดเอง ว่าไปไม่ไหวแล้วไม่พูด ว่าไปไม่ไหวแล้วก็ไม่พูด  มันอ่อนกำลังที่จะประกอบความพากเพียร ผลที่มุ่งหวังมุ่งมุ่งอย่างไรๆ มันก็เป็นไปในใจ เป็นไปในใจไปทุกอย่างๆ แล้วพอใจ ลงสุดท้ายพอใจ เราพอใจ

พี่น้องทั้งหลายอยากทราบก็ทราบเสีย อีตาบัวนี่เกิดบ้านตาดนี่ละ เกิดบ้านตาดแล้วออกไปบวช ออกไปบวชก็เรียนหนังสืออยู่กี่ปีจากนั้นก็ออกกรรมฐาน พอออกกรรมฐานก็มุ่งหาหลวงปู่มั่นเลย เข้าหาหลวงปู่มั่นปุ๊บเลย เกาะติด ไปหาหลวงปู่มั่นแล้วเกาะติดเลยไม่ปล่อย เอาจนกระทั่งท่านมรณภาพจากไป อยู่กับท่านได้ ๘ ปี คือตั้งแต่วันไปพบท่านจนกระทั่งวันท่านมรณภาพจากไปดูเป็นเวลา ๘ ปี นั่นละเอาเลย จากนั้นเราก็ฟิตเราต่อไปเลย ไม่มีท้อมีถอยทุกอย่าง ท่านทั้งหลายจะฟังก็ฟังเสียนะ หลวงตานี่จวนจะตายแล้ว

(มีคนถ่ายรูปขึ้น) อย่ามาถ่ายรูปแว็บๆ วับๆ ฟาดเข้าป่าหน่อยนะ มันไม่ดูหน้าดูหลังบ้างเหรอ เวลากำลังเทศน์มาถ่ายทำไมถ่ายรูป ดูมนุษย์เขาเป็นอย่างไรเราเป็นอย่างไร เอามนุษย์เทียบกับคนทั้งหลายบ้างซี เราเป็นอย่างไรมนุษย์ประเภทไหน ต้องการความสำคัญในอรรถในธรรมหากมีล่ะเรื่องแว็บๆ วับๆ มีมา นี่ก็ล้มไปแล้ว

นี่เอาจริงเอาจังการปฏิบัติจึงสง่าผ่าเผยในใจ อาจหาญทุกอย่างในใจ ไม่ว่าการเข้าคบค้าสมาคมกับคนชั้นใดไม่เคยมีความสะทกสะท้าน จะสูงขนาดไหนก็สูง ธรรมเราสูงกว่า ธรรมเราสูงกว่าตลอดเวลา จะคบค้าสมาคมกับมนุษย์ชั้นใดภูมิใดจิตใจสูงกว่าทุกขั้นทุกภูมิ เรียกว่าผ่านแล้ว เหนือกว่า เหนือกว่า จึงไม่เคยสะทกสะท้านกับสมาคมใด จะเข้าสมาคมใดก็ตามเราไม่เคยมีคำว่าสะทกสะท้าน เพราะธรรมชาตินี้เหนือกว่าแล้ว เหนือกว่า ธรรมเหนือกว่า จนกระทั่งทุกวันนี้ อะไรก็เลยเสมอหมดทุกวันนี้ มันเสมอไปหมดแล้วละ เจ้าของก็มีแต่ลมหายใจ

ไม่วิตกวิจารณ์ว่าผลได้ผลเสียเป็นอย่างไร การปฏิบัติของเรายังขาดตกบกพร่องอะไร ผลได้ผลเสียที่จะหามาเพิ่มเติมมีอะไรบ้าง บัดนี้หายสงสัย ไม่เป็นกังวล นี่เรียกว่าหาเต็มเม็ดเต็มหน่วยให้เต็มอกเต็มใจ หายสงสัยหมด จวนจะตายแล้วพูดให้มันชัดเจนเสีย เราจะไม่กลับมาเกิดอีก มันแน่อยู่ในหัวใจ ขาดแล้วในระหว่างสมมุติกับวิมุตติขาดกันหมดโดยสิ้นเชิงมาหลายปีแล้ว ตั้งแต่ ๖๐ กว่าปีแล้วมัง ตั้งแต่นี้ขาดจากกันมา ตั้งแต่นั้นละสง่างามมาเรื่อย ไม่มีท้อแท้อ่อนแอ ไม่มีสมาคมใดในสามโลกธาตุที่จิตดวงนี้จะยอบแยบจะพรั่นพรึงหวั่นไหวไม่มี สง่าอยู่อย่างนั้น

นี่ละจิตเหนือโลกแล้ว โลกคืออะไรคือกิเลส กิเลสเท่านั้นที่มันเหนือโลกอยู่ทุกวันนี้ นอกจากกิเลสไม่มีอะไรเหนือโลก โลกถึงวิ่งไปตามกิเลสจึงร้อนกันทุกหย่อมหญ้าซิ ทีนี้เมื่อธรรมเหนือกิเลสแล้วกิเลสหมอบ เมื่อกิเลสหมอบแล้วธรรมก็ออกอย่างสง่าผ่าเผย ไม่สะทกสะท้านกับสิ่งใด พากันจำเอาไว้นะ นี่เราจวนจะตายพูดให้ท่านทั้งหลายฟังเสีย สิ่งที่เราหาตั้งแต่วันบวชมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้เราสมมักสมหมายแล้ว สมมักสมหมายไม่ได้มีที่ต้องติว่าบกพร่องตรงไหนบ้างไม่มี สมบูรณ์แบบทุกอย่างจึงสอนโลกได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่สะท้านหวั่นไหวว่าเรายังขาดอะไร ไม่มีขาด หัวใจเต็มไปด้วยธรรม ธรรมกับใจเป็นอันเดียวกัน พูดได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยแหละ

นี่ก็บวชมาตั้งแต่พ.ศ.บวชมาเท่าไร (๗๖ ปีครับ) บวชมานี้ ๗๖ ปี นั่นละ ๗๖ ปีมีแต่ฝึกจิตนะ ๗๖ ปีฝึกจิตทั้งนั้นละ ฝึกกายวาจาฝึกมาตั้งแต่วันบวช ฝึกจิตนี้ฝึกด้วยจิตตภาวนาจึงเน้นหนักเข้าไปนี้ละ ฝึกจิตตภาวนานี่ฝึกยากนะ เอากันตอนนี้ตอนภาวนา ฝึกจิตเอาให้จิตหายพยศ ความพยศอยู่กับกิเลส กิเลสอยู่กับจิตเอาให้กิเลสหมอบราบหมดแล้วความพยศในจิตไม่มี ตัวพยศคือจิตคือกิเลสนั่นแหละสำคัญเข้าไปเหยียบย่ำทำลายจิตให้เดือดร้อนวุ่นวาย พอตัวนี้ขาดสะบั้นไปแล้วไม่มีจิตพยศ ไม่ปรากฏ กิเลสตายแล้วตัวพยศ หมด อยู่สะดวกสบาย ตายแล้วหายห่วง

เราบอกชัดๆ เลยว่าจะไม่กลับมาเกิดอีก พูดให้มันชัดๆ อย่างนี้เสีย เราปฏิบัติมาแทบเป็นแทบตายเรายังทำได้ของเรา ทำถึงแทบเป็นแทบตายนะการภาวนา แล้วการที่จะแย็บออกให้เป็นคติตัวอย่างแก่บุคคลผู้ดีทั้งหลายทำไมจะพูดไม่ได้ ของดีใครก็อยากพูดใช่ไหมละ นี่เราหาอรรถหาธรรมได้เล็กได้น้อยเราพูดบ้างมันเสียหายที่ตรงไหน นี่เราหาอรรถหาธรรมหาจนหายสงสัยแล้ว หมดสงสัยในใจของเรา บอกว่าไม่มี กิเลสตัวใดที่จะมากีดขวางให้เกิดความสงสัยในการไปการมาเคลื่อนไหวความเกิดความตายของเราไม่มี หมดโดยสิ้นเชิง นี่เราก็พูดได้สบายๆ เราไม่มีอะไรกีดขวางหัวใจนะ เอาให้เรียบหมดเลย จึงพูดได้กับพี่น้องทั้งหลาย

ท่านทั้งหลายให้ฟังให้ดี อย่าฟังด้วยทิฐิมานะอวดรู้อวดฉลาดอวดเบ่งกล้ามมันมีนะ กิเลสชอบไปเบ่งกล้ามใส่ธรรมเสมอ ถ้าพูดอะไรแล้วหาว่าท่านโม้ท่านคุย เจ้าของอวดเบ่งอยู่ภายใน อึ่งอ่างกับวัว วัวตัวเท่าไร อึ่งอ่างตัวเท่าไร มันไม่ดูอึ่งอ่างตัวมันเบ่งอยู่นั่นน่ะ เพราะฉะนั้นคนเราจึงหาดีไม่ได้ มันไม่ยอมฟังเสียงใคร มันเอาแต่เสียงอึ่งอ่างมันนั่นละเบ่งอยู่อย่างนั้น ดีไม่ดีใหญ่ไม่ใหญ่ก็ตามได้เบ่งก็เอา เข้าใจไหม วัวเขาไม่เป็นอะไรวัวเขาหากินธรรมดาเขา แต่อึ่งอ่างนี้เบ่ง มันมีแต่พวกเบ่งมันจึงหาความดีไม่ได้ ครูบาอาจารย์สอนก็ถือเป็นข้าศึกศัตรูแล้วเบ่งใส่ครูบาอาจารย์ สุดท้ายวัดกับบ้านจะเข้ากันไม่ได้เพราะมันเบ่งใส่วัด วัดท่านไม่อยากเล่นด้วยท่านก็ปล่อยเสีย ให้มันเบ่งอยู่ของมันคนเดียว ตัวเก่งๆ ให้มันเบ่งของมัน ฟังเอานะ พวกเรานี่พวกอึ่งอ่างมันเบ่งนั่นละ มันไม่ได้หาของดิบของดี หาแต่ของเลวของเบ่งๆ ตัวเท่าอึ่งหากเบ่ง ได้เบ่งก็เอา มันเป็นอย่างนั้นนะ

นี่พี่น้องทั้งหลายได้มาเยี่ยม นานๆ ได้เข้ามาสู่อรรถสู่ธรรมหนหนึ่งก็ให้นำไปประพฤติปฏิบัติ การปฏิบัติอย่างพระพุทธเจ้าที่เราได้มากล่าวถึงท่าน พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ เอาเป็นเอาตายเข้าว่า ธมฺมํ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ  เรียกว่าเรากราบเราไหว้ผู้รอดตายมานะ พระพุทธเจ้ากว่าจะได้ตรัสรู้ธรรมทั้งหลายตลอดพระสงฆ์ท่านรอดตายนะ เราก็ขอให้นำท่านมาปฏิบัติเป็นคติตัวอย่างแก่ตัวเอง อย่าเป็นอึ่งอ่าง เข้าใจไหมอึ่งอ่าง อึ่งอ่างกับวัว อึ่งอ่างตัวเท่ากำปั้น วัวตัวเท่าวัว แล้วอึ่งอ่างมันเบ่งของมัน มันไม่เท่าละเท่าวัว มันก็เท่าอึ่งอ่างละแล้วตายทิ้งเปล่าๆ ด้วยความถือทิฐมานะอวดรู้อวดฉลาดว่าตัวเก่ง มันไม่เก่งเท่าตัวอึ่งอ่างนะ ตัวอึ่งอ่างจะพาจมนะ

นั่นละใครดีก็ตามสู้เราดีไม่ได้ ตัวนี้ตัวมันจะพาลงนรก ให้ฟังเสียงครูบาอาจารย์บ้างซิ เราอย่าอวดดีอวดเบ่งว่าเราเป็นเจ้าถิ่นเจ้าฐานเจ้าบ้านเจ้าเรือน ครูบาอาจารย์ก็เลยมากลายเป็นลูกศิษย์ของเราไป ฟังเสียงเรา นี่ละตัวอึ่งอ่างตัวมันเบ่งเก่งๆ แล้วจมก่อนเพื่อนด้วยนะตัวนี้นะ ให้ฟังเสียงอรรถเสียงธรรม ไม่ใช่ของใคร ธรรมเป็นธรรมชาติสูงไม่มีอะไรเสมอล่ะ ให้ฟังเสียงธรรมแล้วนำมาประดับจิตใจของตน อันใดไม่ดีให้แก้ไขดัดแปลงตนเอง มันจึงเป็นคนดีสมเรามีพระเจ้าพระสงฆ์ในวัดในวาของเรา เราอย่าไปอวดเบ่งใส่ท่าน ส่วนมากมันมีแต่ชาวบ้านอวดเบ่งใส่วัดนั่นละ ไปที่ไหนมองแป๊บรู้ทันทีชาวบ้านมันอวดเบ่งใส่พระ หาว่าที่นี่เป็นที่ของเราบ้านของเรา อะไรก็เป็นของเรา ของเรา ธรรมเลยเป็นแขกเข้าไปติด ต้องออกไปนู่นนอกบ้าง จะเข้าบ้านก็เข้าไม่ได้ มันไปเจอเอาตัวอึ่งอ่างต้องได้หลีกไป ธรรมเข้าบ้านไม่ได้ ธรรมกลัวบ้านกลัวตัวอึ่งอ่างตัวเก่งกว่าครูเข้าใจไหม ตัวอึ่งอ่างตัวมันเก่งกว่าครูมีเยอะนะ ทุกวันนี้ยิ่งหนาแน่นขึ้นมา ยิ่งไปเรียนที่นั่นที่นี่มาแล้ว โถ เบ่งจนท้องแตก เจ้าของตายยังไม่รู้ว่าท้องแตกจนตาย พากันจำเอา

วันนี้ก็ได้มาอบรมศีลธรรม ให้ได้ศีลธรรมไปแก้ไขดัดแปลงตนบ้าง ครูบาอาจารย์ ท่านเอาเป็นเอาตายนะ ดัดแปลงสั่งสอนตัวเองเอาจนถึงขั้นเป็นขั้นตายก็ตาย ท่านไม่ถอย จึงได้อรรถได้ธรรมมาสั่งสอนพี่น้องทั้งหลายแล้วให้พากันนำไปประพฤติปฏิบัติกำจัดสิ่งที่อึ่งอ่างมันอยู่ในตัวของเรานั้นออก ให้มันเหลือแต่ธรรมชาติตัวเท่าวัว  เราตัวธรรมชาติตัวเท่าอึ่งนี้เบ่งเท่าวัวมันไม่ได้ล่ะ วัวเป็นวัว อึ่งเป็นอึ่ง อย่าอวดดีอวดเก่งยิ่งกว่าท่านผู้ดีทั้งหลาย ให้พากันจำเอา

พูดไปพูดมาเหนื่อยแล้วนะ วันนี้มีเท่านั้น แล้วพระเจ้าพระสงฆ์มาพระเจ้าพระสงฆ์ก็ให้ตั้งใจประพฤติปฏิบัติให้สวยงาม พระเจ้าพระสงฆ์ไม่ได้สวยงามที่ผ้าเหลือง  โกนผมโกนคิ้วนะ สวยงามที่ข้อวัตรปฏิบัติ เพศของพระกลมกลืนไปกับธรรมกับวินัย พระองค์ไหนสวยงามสวยงามที่กิริยามารยาท การแสดงออกไม่ผิดเพี้ยนจากเพศของพระเลย นั่นละพระที่สวยงาม ไม่ใช่สวยงามแบบแต่งเนื้อแต่งตัวอย่างเขาแต่งตัวเสริมสงเสริมสวยมีอยู่ทุกหย่อมหญ้าก็ไม่เห็นมันสวย ก็เท่านั้นแหละ เราแต่งเราให้แต่งอยู่ภายใน ใครไม่ว่าสวยก็ตามเรามีความสุขุมคัมภีรภาพอยู่ในใจของเราและความเย็นอกเย็นใจ เพราะการปฏิบัติดีของเรา ให้จำเอาตรงนี้นะ

พระเณรเราอย่าลืมเนื้อลืมตัว ครั้นนานไปนานไปพระเราก็เลอะเทอะ ทีแรกพระเป็นหัวหน้าของบ้านของเรือนเขาเห็นพระเขาได้กราบพระเย็นใจ ทีนี้พระกับโยมก็พอๆ กัน ดีไม่ดีพระสู้โยมไม่ได้แล้วเลวกว่าโยมใครจะกราบลงคอ ให้ตั้งใจปฏิบัติตัวให้ดี อยู่ที่ไหนอย่าลืมคำว่าเป็นพระ พระนั้นมีธรรมมีวินัยเป็นเครื่องกำกับรักษา กิริยาเคลื่อนออกไปไหนมาไหนให้มีเพศของพระติดตัวไปด้วย สวยงามด้วยกิริยามารยาทของพระ จะสวยงามยิ่งกว่ากิริยามารยาทใดๆ ในโลก ให้พากันจำนะลูกหลานทุกคนๆ จำแล้วก็ให้ประพฤติปฏิบัติ

ตกแต่งอะไรก็สู้ตกแต่งตัวเองไม่ได้ พระพุทธเจ้าเลิศเลอด้วยการตกแต่งพระองค์เอง และสาวกทั้งหลายท่านเลิศเลอเพราะการตกแต่งตัวท่านเอง เราต้องการเลิศเลอก็ให้เลิศเลอด้วยการประพฤติปฏิบัติกำจัดความชั่วของตัวเอง สิ่งใดมันเป็นข้าศึกต่อธรรมกำจัดออกให้เหลือแต่พระล้วนๆ มีศีลมีธรรมประจำตนนั่นละจะเป็นพระที่สวยงาม อยู่คนเดียวก็เป็นสรณํ คจฺฉามิ อย่างชุ่มใจ ไปกับใครอยู่กับใครก็เป็น สรณํ คจฺฉามิ อย่างชุ่มใจๆ ทุกคนๆ เพราะฉะนั้นขอให้พระลูกพระหลานทุกคนนำไปประพฤติปฏิบัติกำจัดสิ่งลามกทั้งหลายที่เวลานี้กำลังหนาแน่น ตัวลามกจกเปรตนั้นน่ะออกให้เบาบางพระก็จะน่าดู ดูเราก็น่าดู ดูพระอื่นก็น่าดู ดูใครต่อใครต่างคนต่างปฏิบัติให้เป็นคนดีแล้วน่าดูด้วยกันนั้นแหละ

ขอความสวัสดีจงมีแก่บรรดาท่านทั้งหลายโดยทั่วกันเทอญ เอาล่ะไม่เทศน์มาก ไม่เทศน์มากแต่เหนื่อย

(ลูกหลานกราบลาพ่อแม่) เออไปๆ  พากันไปตั้งใจปฏิบัติ ศีลธรรมอยู่กับพระนะ ไม่ได้อยู่กับต้นไม้ภูเขาผู้คนทั่วโลกนะ ศีลธรรมอยู่กับพระผู้ปฏิบัติตาม จำเอาไว้นะ ไป

ไม่มีงาน เรียกว่างานประจำโลกเขาทำกันไม่มีงานคือพระอรหันต์ สิ้นกิเลสแล้วไม่มีอะไรทำ อยู่ด้วยใจว่าง ใจว่างใจพระอรหันต์ไม่มีงาน ใจว่างตลอดเวลา มีเท่านั้น เห็นคนใจว่างอยากดูก็ดูซิ ผู้สิ้นกิเลสนั่นละว่าง นอกนั้นยุ่ง ถามใครก็ยุ่งหมด คนที่สิ้นกิเลสแล้วไม่ยุ่ง ถ้ายุ่งก็ยุ่งกับน้ำส้มน้ำหวานไปอย่างนั้น มันก็เป็นธรรมดาเหมือนโลกเสีย มันไม่เหมือนเอาจริงเอาจังภายในใจเหมือนสู้กับกิเลส

มืดวันนี้วันหลังก็สว่างขึ้นมาก็เท่าเดิม มืดวันนี้วันหลังแจ้งขึ้นมา มืดกับแจ้งมืดกับแจ้งมีตลอด ถ้ากิเลสสิ้นไปจากใจแล้วคำว่ามืดกับแจ้งหมดความหมายนะ มันมีความหมายอยู่กับคนมีกิเลส พอกิเลสสิ้นไปแล้วมืดกับแจ้งไม่มีความหมาย เพราะกิเลสมันไม่ใช่มืดกับแจ้ง ธรรมะไม่ใช่มืดกับแจ้ง ธรรมเป็นธรรมแท้ กิเลสแท้เป็นกิเลสแท้ พอสองอย่างนี้พรากจากกันแล้วว่างไปหมด พระอรหันต์จึงไม่มีงาน พระอรหันต์ไม่มีงานทำนะ ไม่มี มีอย่างโลกเขาไม่มี ท่านจึงอยู่สบาย พวกเรามีแต่หันทางนั้นหันทางนี้ มันหันอะไรก็ไม่รู้นะ

(ผู้กำกับ : ความเมตตาไม่ใช่งานเหรอครับ) มันนิ่มไปหมด เป็นธรรมชาติ (ผู้กำกับ: ไม่ถือว่าเป็นงานเหรอครับ) ไม่ถือ พอกิเลสตัวปิดตัวกั้นที่จะทำประโยชน์ให้โลกด้วยความเมตตา พอกิเลสขาดลงไปแล้วเมตตานี้ออกเต็มสัดเต็มส่วน

วันนี้ก็เยอะนะ ได้เท่าไรนี่ (หนึ่งล้านหนึ่งแสนกว่าแล้วเจ้าค่ะ) เราไม่เคยสนใจดูมัน แต่มันมาก็มาของมันเอง แล้วมันไปก็ไปของมันเอง เราก็ไม่เคยสนใจกับมันเหมือนกัน มันไปของมันเอง ไม่เคยสนใจกับเหล่านี้ ไม่มี มาก็มองเห็นเท่านั้น แล้วมาของมันเองไปของมันเอง ผู้จัดการที่เขาจัดเขาทำเขาสั่งเขาเองไปเรื่อยเลย

เราจวนจะตายแล้วค่อยเปิดออกเรื่อยนะ ธรรมะเปิดออกเรื่อย เปิดออกเรื่อย วันนี้ก็ดูถึงขีดสุดละมัง เปิดออกๆ นะวันนี้ถึงขีดสุด ไปๆ ไม่ต้องกลับมาเกิดอีก นั่น ไปแล้วไปจะไม่กลับมาอีก มันก็สุด ขีดสุดแล้วนั่น ที่กลับมาเกิดคืออะไร มันมีเยื้อใยสายเกี่ยวโยงกันอยู่ การเกิดการตายมันยังเป็นคู่กันๆ พออันนี้ดับไปขาดปุ๊บอันนี้ก็ดีดเลย ไม่มีสายเกี่ยวโยงกัน พระอรหันต์ไม่มีสายเกี่ยวโยง อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา อวิชชาตัวสำคัญ พออันนี้ดับแล้วดับหมดเลยไปด้วยกัน

ได้เท่าไรแล้วนี่ (๑ ล้าน ๓ แสนบาทเจ้าค่ะ) มันไม่พอจ่ายละ เราไม่ได้เห็นมันไปเลย มาเห็นเฉพาะมา เวลามันไปไม่เห็นมันนะ มันไปหมดเลย ไม่เห็น เราก็ไม่สนใจดูมัน ไปหมดเลย จ่ายนั้นจ่ายนี้ จ่ายนั้นจ่ายนี้หมดเลย

ตึกขึ้นนั่นแล้ว (ตัวตึกเรียบร้อยแล้วค่ะ) ข้างนอกส่วนใหญ่เรียบร้อยหมดแล้ว เท่าไรล้านลืมแล้ว (ตัวตึกหลวงตาตั้งไว้ ๒๐๐ ล้านเฉพาะตัวตึก เครื่องมือแพทย์ ๓๐๐ ล้าน รวมสองอย่าง ๕๐๐ ล้าน ตอนนี้ได้แล้ว ๓๘๘ ล้าน) มันก็จะถึงอยู่นั่นละนะ ๓๘๘ ล้านนี่มันก็จะถึงกันอยู่ จะได้ละ ได้แน่ๆ (ตอนนี้ได้แล้ว ๓๘๘,๘๔๘,๗๒๗.๓๓) กับที่ยังเหลืออยู่มันจะเข้ากันได้ไหม (เงินในบัญชีหลวงตาตอนนี้เกินตัวตึกแล้ว ตอนนี้เหลือเป็นเครื่องมือแพทย์) เราช่วยทุกแบบ มีที่ไหนไปเข้าหมดล่ะเรา ช่วยทุกแบบ ถ้าไม่ช่วยมันไม่ได้นะ ลำพังให้ไปแต่เขาไม่ได้ เราต้องนำหน้าๆ เสมอ ตึกหลังนี้จะเสร็จแล้วนะ ถ้าธรรมดามันไม่ได้ล่ะ นี่ก็จะได้ จะเสร็จแล้ว โนนสะอาดก็หลังหนึ่ง โนนสะอาดตึกใหญ่หลังหนึ่ง ที่ไหนบ้างนะ (เพชรบูรณ์ หล่มสัก) เราผ่านไปทางไหนจำเป็นเราดูแล้วให้ๆ ถ้าให้แล้วเป็นร้อยเปอร์เซ็นต์เลย ถ้าลั่นคำว่าให้แล้วให้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ช่วยโลกก็ช่วยอย่างนั้นแล้วจะช่วยอย่างไร เราช่วยโลกจึงเรียกว่าช่วยโลก  

 

รับชมรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th

และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM103.25 MHz

            พร้อมเครือข่ายทั่วประเทศ

 

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก