เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อเช้าวันที่ ๒๓ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๓
ท่านเจ้าคุณเขียนลงเรา
ท่านสิงห์ทองเหรอที่อัฐิกลายเป็นพระธาตุ เป็นใครบ้างนะหลายองค์ แม่แก้ว (หลวงพ่อเพียร หลวงปู่คำดีที่หลวงตาแก้ปัญหาให้นะคะ หลวงปู่บัววัดป่าหนองแซง หลวงปู่เขียน บ้านโพน) ท่านมหาเขียน ๙ ประโยค อายุพรรษาเท่ากัน เราบวชก่อนท่าน ๓ เดือน อายุพรรษาเท่ากัน ท่านเคารพนับถืออย่างลับๆ นะ เงียบๆ นะ คือพระในวัดของท่านจะเปลี่ยนตัวเรื่อยๆๆนะ เดี๋ยวให้องค์นั้นมาอยู่ พอองค์นั้นกลับไปให้องค์นั้นมาอยู่ องค์นี้กลับไป เปลี่ยนตลอดนะ บทเวลาท่านล่วงไปแล้วถึงทราบทีหลังว่าเทปของเรานี้เต็มอยู่ในกุฏิท่าน พอตกเย็นๆท่านจะไม่ให้ใครเข้าไปยุ่งเลย ท่านเจ้าคุณเขียนท่านจะเอาแต่เทปเราฟังตลอด ฟังเทปเราตลอด พอตกค่ำมานี้เสียงอ็อดๆๆอยู่องค์เดียว อย่างนั้นเป็นประจำนะ เรียกว่าท่านลงอย่างลึกๆ ลับๆ เงียบๆ นี่ก็กลายเป็นพระธาตุนะ อัฐิของท่านกลายเป็นพระธาตุ จิตท่านลงแล้วก็เป็นอย่างนั้นละ มันลงที่จิตนะ จิตนี่สำคัญมาก ถ้าจิตไม่ลงอย่างไรก็ไม่ดี ถ้าจิตลงแล้วยอบเลย เป็นอย่างนั้น
ท่านก็ออกจากโคราชมาก็มาอยู่นี่ เขาให้เป็นเจ้าคณะจังหวัดที่โคราชท่านไม่เป็น ท่านหนีมาจากโคราช ท่านก็มาอยู่บ้านโพน เราพาญาติโยมไปเยี่ยมท่านหนหนึ่ง นานนะนาน ท่านไปอยู่ที่นั่นไม่นานนักละ ท่านออกจากโคราชไปตั้งสำนักอยู่ที่นั่นไม่นานนัก ก้ำกึ่งความสงสัย คือไปนี้ตั้งใจจะฟังเทศน์ ท่านออกมาอยู่เป็นกรรมฐานแล้วเป็นอย่างไรการเทศนาว่าการของท่าน คิดไว้อย่างลึกลับนะ พาญาติโยมไป พอไปทอดผ้าป่าเรียบร้อยแล้วเรียกว่าท่านเทศน์ เราจะคอยฟังสำนวนเทศน์ท่าน เทศน์ผลได้ใหม่ได้เก่ารู้ทันที ผลได้ใหม่คือภาคปฏิบัติจะออกสดๆ ร้อนๆ สดๆ ร้อนๆ ไปเลย ถ้าผลได้เก่าคือความจำ ให้ท่านเทศน์ให้ฟัง ท่านเทศน์มีแต่ของเก่า ท่านยังไม่ได้อะไรน้า ทางนั้นบอกแล้วนะนั่น ท่านยังไม่ได้จากภาคปฏิบัติที่เป็นผลใหม่ ท่านเทศน์มีแต่เรื่องของเก่าที่ท่านเรียนมา ต่อจากนั้นมาก็เลยไม่ได้ไปอีก แต่ทราบว่าอัฐิของท่านกลายเป็นพระธาตุแล้ว ถ้าลงเป็นอันนั้นแล้วแน่เลย ฟังไม่ฟังดูไม่ดูก็แน่ อันนี้แน่นอนมากนะ
(ผู้กำกับ : หลวงตาเมตตาไปเยี่ยมศพท่าน วันเผาหลวงตาก็ไปเมตตาครับ เป็นพระธาตุแล้วเขานิมนต์หลวงตาไปบรรจุใส่ในเจดีย์)
ท่านออกมาจากโคราชมาสร้างวัดเป็นวัดป่าเลยละ เป็นวัดป่าล้วนๆ เราเคยไป อย่างเงียบ เพราะฉะนั้นท่านถึงเอาพระมาฝากเรา เอาองค์นี้มาแล้วขอองค์นั้นกลับไป แล้วให้องค์นี้กลับมา ขอองค์นั้นกลับไป ติดต่อกันเรื่อยนะ เงียบๆ ท่านล่ะทำเอง ท่านขอฝากพระมาให้เรา แล้วขอองค์นี้กลับไป แล้วเอาองค์นี้มาฝากแล้วขอองค์นี้กลับไป พระวัดท่านนะที่เอามาฝาก แล้วขอกลับไปก็เป็นพระวัดท่านนั่นละ อันนี้ท่านก็ลงเราอย่างเงียบๆ ท่าน ๙ ประโยค เรียนมาปริยัติถึง ๙ ประโยค เรา ๓ ประโยค แต่ท่านลงอย่างลับๆ เงียบๆ แต่เวลาทราบจากพระที่ไหนได้เทปเรานี้เต็มอยู่ในกุฏิท่าน ตอนค่ำมานี้ท่านจะเอาเทปเรามาเปิดฟัง ค่ำๆ อ็อดๆๆ อยู่คนเดียว เสียงจะพอได้ยินท่านละเป็นประจำนะ ท่านเจ้าคุณเขียนเรียกว่าท่านลงเราอย่างลับๆ เช่นอย่างให้พระมาอยู่กับเรา แล้วขอองค์นั้นกลับไปแล้วส่งองค์นี้กลับมา เป็นการลงใจอย่างลับๆ
ตอนที่เราไปทอดผ้าป่าถวายท่าน ท่านออกมาอยู่ที่บ้านโพน เราไปทอดผ้าป่า พาญาติพาโยมไปทอดผ้าป่า จะคอยฟังสำนวนเทศน์ท่าน ท่านออกมาจากปริยัติเจ้าคณะจังหวัดเป็นฝ่ายเรียนปริยัติ ทีนี้ท่านมาอยู่ในป่าท่านจะหาได้ใหม่ได้เก่าขนาดไหนบ้าง จะคอยมาดูผล ได้ใหม่จะเป็นธรรมะสดๆ ร้อนๆ ออกมาๆ ใหม่ออกจากใจ ถ้าได้เก่าก็ออกมาจากความจำ จำมาได้เท่าไร ทีนี้ความจำเราก็เรียนมาเหมือนกันเราก็รู้ ทีนี้ความจริงเป็นอย่างไร ความจริงท่านยังไม่ได้ ท่านไปแต่ปริยัติเรื่อยๆ อ๋อนี่แสดงว่าท่านยังไม่ได้ เท่านั้นเราก็รู้ เราทั้งสองทั้งปริยัติทั้งปฏิบัติ ฟังได้ทั้งสองละ
(ผู้กำกับ : ท่านเป็นพระวัดบวรนิเวศ ตอนนั้นหลวงตาได้พบท่านที่วัดบวรบ้างไหมครับ) อ๋อได้พบ จะไม่พบอย่างไรเราเข้าออกวัดบวรอยู่ตลอด แต่เวลาท่านมาที่นี่ไม่ได้ไปนะ ไปหนเดียวไปทอดผ้าป่า มีเท่านั้น แต่วัดบวรนิเวศน์ไปวัดเมื่อไรก็เจอกัน ท่านอยู่วัดบวร ๙ ประโยค เรียนจบเปรียญ ๙ ประโยค แต่ท่านลงเราเงียบๆ นะ ท่านมหาเขียนลงอย่างเงียบๆ คิดดูอย่างเอาเทปเราไปไว้ในกุฏิท่านเต็ม พอตกค่ำมาท่านเปิดเทปฟัง เทปของเราเต็มอยู่กุฏิท่าน เรียกว่าท่านลงอย่างเงียบๆ แล้วส่งพระเณรมาอยู่ที่นี่แล้วขอพระเณรของเก่ากลับคืนไป พระวัดท่านให้องค์นี้มาอยู่แล้วขอองค์นี้กลับไป ถ่ายเทกันเรื่อยนะเป็นประจำ นี่ก็แสดงว่าท่านลงเงียบๆ
ตอนที่เราไปทอดผ้าป่าให้ท่านอยู่ที่บ้านโพนเราจะฟังสำนวนท่านเทศน์ ท่านออกมาจากปริยัติแล้วท่านมาเป็นสำนักปฏิบัติผลเก่าผลใหม่เป็นอย่างไรบ้างเราคอยฟัง เวลาท่านเทศน์เลยมีแต่ผลเก่าปริยัติ ผลใหม่ยังไม่ปรากฏ พอฟังปั๊บมันรู้เลยนะรู้ทันทีๆ ถ้าผลใหม่มันสดๆ ร้อนๆ มันสะเทือนใจ สะเทือนใจผู้ฟัง สะดุดๆ กึ๊กๆ เลย ถ้าเป็นความจำมันลอยๆ นะ ถ้าเป็นความจริงออกจากใจนี้มันเด็ดขาดๆๆ นะ คือเรียกว่ากลอนสด ไม่ใช่กลอนแห้ง กลอนสด เรานี่พอออกมาจากปริยัติเราก็ออกปฏิบัติเลยก็เลยกลายเป็นกลอนสดไปเรื่อยๆ เลย ปริยัติมันไม่ค่อยได้เรื่อง มีแต่กลอนสดเทศน์ที่ไหนก็ออกจากนี้ล้วนๆๆ
รับชมรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM103.25 MHz
พร้อมเครือข่ายทั่วประเทศ
|