เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๓
ดัดทางจิต
ศาสนาเป็นวงคำสอนของจอมปราชญ์มาดั้งเดิม ศาสนาเป็นวงเป็นรั้วล้อมสัตว์ให้อยู่ในวง อย่าออกนอกวงมันจะลงนรกอเวจี รักษาไว้ให้อยู่ในรั้ว อยู่วงของศีลของธรรมกั้นเอาไว้ ไม่เช่นนั้นมนุษย์เรานี้ดื้อ ดื้อจริงๆ ต้องได้เอาคำสอนสอนไว้เป็นชั้นๆ สอนมนุษย์ เช่นอย่างเวลามาบวชก็สอนในเบื้องต้น จากนั้นก็สอนความละเอียดของกิเลสของจิตที่มันพัวพันเป็นข้าศึกในหัวใจเป็นลำดับไปก็สอนไป ไม่สอนไม่ได้ จิตใจมนุษย์..และสัตว์ทั่วๆ ไปเขาไม่มีขอบเขต แต่มนุษย์นี้มีขอบเขตศีลธรรมกั้นเอาไว้พอดูกันได้ ถ้าไม่มีศีลธรรมกั้นเอาไว้มนุษย์นี่ดูกันไม่ได้ เป็นยักษ์เป็นผีไม่มีใครเกินมนุษย์ แต่ต้องอาศัยกฎหมายบ้านเมืองส่วนหยาบ ย่นเข้ามาหาศีลหาธรรมรักษามนุษย์คนเดียวเรานี้ มนุษย์นี้รักษายาก ใครรักษาตัวให้มีความบริสุทธิ์ผ่องใสชุ่มเย็นในใจเต็มสัดเต็มส่วนไม่มี ต้องมีด่างพร้อยเสมอ แม้แต่พระที่เข้าไปปฏิบัติท่านก็เอาเต็มความสามารถของท่าน แต่สิ่งที่ด่างพร้อยช่องทางของกิเลสจะไปทำลายให้คุณภาพของพระของคนลดลงมันมีอยู่ตลอด จึงต้องได้บังคับเอาไว้ บังคับเอาไว้
การรักษาศีลธรรมมีความเหลื่อมล้ำต่ำสูงต่างกัน ละเอียดหยาบต่างกัน แล้วแต่เจตนาของผู้มารักษาและความโง่ความฉลาดมันตามกันไป ถ้าฉลาดก็รักษาตัวได้เรียบร้อย มีแต่เจตนาดีเฉยๆ ความฉลาดไม่พอก็ให้กิเลสความชั่วช้าลามกมันกัดจิตกัดตับกัดปอดไปกินนั่นละ ท่านต้องให้รักษาทุกระยะเวลา พอพูดอย่างนี้เราระลึกถึง..เคยพูดแล้วมังว่าเณรผองอยู่ห้วยทราย แกดัดแกนะนั่น เณรผองแกดัดแก เราก็นั่งภาวนาอยู่ กุฏิมันไม่ห่างกันนะ หากมันเป็นป่ามองหากันไม่เห็น อยู่ดีๆ ฟังเสียงตุ๊บเลยตก แกฝึกแก อยู่ข้างในนั่งภาวนาง่วง ดัดมัน มานั่งอยู่หมิ่นๆ กุฏิ เฉลียงกุฏินั่งหมิ่นๆ กันง่วง ถ้าง่วงให้มันตกตรงนี้ว่าอย่างนั้น ออกจากข้างในกันง่วง ไล่ออกมาข้างนอกเพื่อไม่ให้ง่วง ก็มานั่งหมิ่นๆ ถ้ามันง่วงให้มันตกว่าอย่างนั้น
ทีนี้เราก็นั่งภาวนาอยู่ประมาณสองทุ่มกว่าฟังเสียงตุ๊บเสียงหนักๆ เอ๊ะมันเสียงอะไรนะ ไม่นานเราคอยฟังเสียง มาได้ยินเสียงพุมพัมๆ มาคุยกัน เป็นอย่างไร พระเสียท่าให้กิเลส กิเลสฟาดเอา มานั่งหมิ่นๆ ถ้ามันง่วงให้มันตก มันหากง่วงจริงๆ ตูมเลย นั่นเห็นไหมกิเลส เผลอช่องไหนมันเอาช่องนั้น มาว่าจะกันไม่ให้มันง่วงมันก็ง่วง กันไม่ให้มันตกมันก็ตก เป็นอย่างนั้นละ
นั่งภาวนาที่ไหนเป็นทางเสือมาไปนั่งอยู่ที่นั่น อยู่ในภูเขาเสือชุมแต่ก่อน ไม่เหมือนทุกวันนี้นะ พวกเสือพวกเนื้อชุม ไปอยู่ที่ไหนมันมีทั้งเนื้อทั้งเสือ ไปอยู่ทางไหนเสือมาไปนั่งอยู่นั้นละให้มันกินคนเซ่อ เสือมันหากรู้จักคนนะ คนไปนั่งขวางทางเสือมันมาเห็นมันหลบหนี มันไม่เข้าไปกิน มันเบื่ออาหารประเภทนี้ อาหารประเภทนี้ใช้ไม่ได้เลยแม้แต่เสือก็ไม่กิน มันเป็นอย่างนั้นละท่านดัดท่าน เสือนอนอยู่บนถ้ำ ข้างล่างเป็นเงื้อมพระอยู่ข้างหลัง เสือมันมาขึ้นไปนอน มันรู้คน..เสือ คนอยู่ข้างล่างมันมามันก็หลบทางขึ้นไปนอน..เสือ กลางวันนอน กลางคืนออก พอสามทุ่มมันออกล่ะออกเที่ยวหากิน พอตีสามตีสี่มันกลับมาเข้าไปนอน พระก็อยู่ข้างล่าง มันก็รู้จักพระ มันอยู่ข้างล่างมันก็มาเลียบๆ ขึ้นไปเลย มันรู้ว่าพระไม่ทำมันด้วย อยู่อย่างนั้นละพระกับเสืออยู่ด้วยกัน เสือมันมามันก็ขึ้น พอจวนสว่างมาล่ะเสือขึ้ไปนอน ตอนกลางคืนออกเที่ยวหากิน พระก็อยู่ถ้ำเงื้อมผา ไม่ใช่ถ้ำจริงๆ อยู่เงื้อมผาข้างนอก อยู่ด้วยกันได้น่ะละ เสือมาก็หลีกขึ้น เวลาหากินก็ลงไป พระก็อยู่ตรงนั้นละไม่มีอะไรกัน อยู่สบายๆ กัน
เวลานั้นท่านดัดท่านนั่นแหละ แต่เอาเสือเป็นครู กับคนครูบาอาจารย์มันไม่กลัว มันกลัวเสือเอาเสือเป็นครู ไปนั่งเสือขึ้นมา นั่งภาวนาทางเสือขึ้นมา เสือมันมาเห็นคนนั่งอยู่มันก็หลบเสีย มันไม่มานะมันรู้คน คนเศษมันไม่มีราคากินก็ไม่ลงกลืนไม่ลงมันก็เลยหลบ เสือขึ้นไปนอนข้างบน พระก็นั่งภาวนาอยู่ทางมันมา ท่านทำอย่างนั้นละคือท่านดัดท่าน เสือมามันกลัวเสือจิตจะลง มันไม่ได้กลัวอะไรทีนี้เวลามันจะหลับมันนั่งหลับก็ได้ เป็นอย่างนั้นละ การฝึกทรมานลำบากลำบน ไปฝึกทรมานอยู่ในป่าท่านฝึกวิธีต่างๆ ทางไหนทางเสือเดินเสือผ่านท่านไปนั่งอยู่ที่นั่นให้เสือช่วย เสือมันมาเห็นคนมันก็หลบหนีเสีย เป็นอย่างนั้น
เทวดาเขามีอยู่ในถ้ำมีพวกเทวดา รุกขเทวดา เขาเคารพพระนะ เวลาพระไปอยู่ที่นั่นเช่นไปอยู่ถ้ำเงื้อมผาที่ไหนภาวนาพวกเทวดาอยู่ตามแถวนั้นลงนะ ลงหมด อยู่ที่ราบๆ อยู่ที่ต่ำกว่าพระอยู่ เทวดาก็รู้มีความเคารพ เทวดาอยู่ตามแถวนั้นพระก็อยู่ที่นั่นเทวดาจะลงจากที่สูงมาอยู่ที่ต่ำมาเคารพพระผู้รักศีลรักธรรม เป็นอย่างนั้นนะ แต่ท่านไม่พูดเฉยๆ จิตของท่านรู้เห็นพวกเทพมา พ่อแม่ครูอาจารย์มั่นกับพวกเทพเข้ากันสนิท ท่านอยู่ในป่าลึกๆ ตอนค่ำพวกเทพมาล้อมท่าน มาฟังเทศน์มารับความเมตตาจากท่าน ท่านไปภาวนาพวกเทพเขาลงมามาคอยฟังธรรมจากท่าน ทีนี้บางองค์ท่านมีความรู้แพรวพราวภายในใจมองเห็นกระทั่งพวกเทพทั้งหลาย เห็น เขามาด้วยความเคารพ พวกเทพที่อยู่บนต้นไม้ พระก็อยู่นั้น ลง เขาเคารพพระ ท่านก็เลยเมตตาอยู่ที่นั่น เขาชุ่มเย็น มีความสุข
เวลาอยู่ในที่เงียบๆ จิตมันเปลี่ยวมันก็ถอยเข้ามาข้างใน มันไม่เพ่นพ่าน จิตกลัวเป็นจิตเพ่นพ่านนะ กลัวเสือคิดหาแต่เสือ กลัวผีกลัวอะไรคิดหาแต่สิ่งเหล่านั้น มันกล้า กล้าไม่เข้าท่า ถ้าว่ากลัวแล้วอย่าออก อยู่ข้างใน นั่นเรียกว่ากลัว อยู่กับธรรมชุ่มเย็น ตัวเองก็หายกลัว พวกสัตว์ทั้งหลายก็เคารพ ท่านภาวนาอยู่ในถ้ำในป่าในถ้ำเทวดาบางพวกมาบอก คือท่านต้องการความสงบสงัดไม่ต้องการให้ใครมารบกวน ท่านไม่ฉันจังหัน กี่วันไม่ฉัน ถ้าวันไหนคนตายที่บ้านพวกเทพมาบอกแล้ว วันนี้คนตายที่บ้านเขาจะมารบกวนท่านนะ คือคนตายที่บ้านพวกเทพอยู่นี้ก็มาบอกท่านว่าเขาจะมารบกวนท่านไปให้บุญเขา ไปกุสลา แล้วเป็นจริงๆ พอสายสักหน่อยเขาก็มา มาก็นิมนต์ไปให้บุญคนตาย เป็นอย่างนั้นแหละ พวกเทพเขามาบอก เขาอยู่ข้างๆ มาบอกพระ พระภาวนา ดังนั้นต้องเตรียมการไว้เลยไม่ผิด ถ้าเขามาบอกว่าวันนี้คนตายเขาจะมานิมนต์พระไปให้บุญเขา แล้วก็มาจริงๆ ท่านก็ต้องได้ลงไป บางทีไม่ฉันจังหันกี่วันก็ต้องได้ลงไป อย่างนั้นละ
ผู้ตั้งใจภาวนาจริงๆ ลำบากมากนะ ข้าวไม่ค่อยกินแต่ภาวนาเร่ง ข้าวกินบ้างไม่กินบ้างอย่างนั้นละ เพื่อดัดทางจิต กิเลสอยู่กับจิต ถ้าให้มันกินอิ่มพอปากพอท้องแล้วมันอืดอาด เหมือนส่งหมูขึ้นเขียง ถ้ามันอดบ้างอิ่มบ้างดีภาวนา ท่านฝึกของท่านอย่างนั้นละ อยู่ในภูเขาพวกถ้ำพวกอะไรพวกเงื้อมผาท่านชอบอยู่อย่างนั้น พระกรรมฐานไปอยู่อย่างนั้นการกินต้องป่าช้าอยู่กับตัวเอง มันหิวมันโหยเมื่อไรค่อยกิน ถ้ามันไม่หิวไม่กิน ท่านฝึกท่านเอง บางทีกี่วันก็ตามท่านถึงลงไปบิณฑบาตมาฉัน พอยังชีวิตให้เป็นไปวันหนึ่ง แต่การภาวนานี้แน่ว อดอาหารอดไปสองสามวันไม่มีง่วงเหงาหาวนอนไม่มี นั่งภาวนาสติดี ถ้ากินให้อิ่มฉันทั้งวันมักจะหลับจะนอนเก่ง แน่ะต่างกันนะ ถ้าให้อดบ้างอะไรบ้างความง่วงเหงาหาวนอนไม่ค่อยมี ภาวนาดี
วันนี้มีเท่านั้นไม่พูดอะไรมาก เหนื่อย ไปล่ะ
รับชมรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM103.25 MHz
พร้อมเครือข่ายทั่วประเทศ
|