เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๓
เพียรด้วยจิตใจที่ดึงดูด
พระโสณะท่านประกอบความเพียรเดินจงกรมจนฝ่าเท้าแตก เดินนานเท่าไรจนฝ่าเท้าแตก เรียกว่าพระโสณะผู้เด่นทางความเพียร บรรดาสาวกทั้งหลายพระโสณะเป็นผู้เด่นทางความเพียรเดินจงกรมจนฝ่าเท้าแตก การเดินจงกรมทำความเพียรด้วยจิตใจที่ดึงดูดมันเอาจริงเอาจังนะ ว่าเดินก็ไม่รู้เวลาหยุด ถ้านั่งภาวนาเหมือนกัน ควรที่จะเด่นจึงได้ยกยอว่าเด่นในทางนั้นทางนี้ อย่างพระโสณะท่านเดินจงกรมจนฝ่าเท้าแตก เดินไม่หยุดไม่ถอย จิตใจเพลิน ไม่ใช่ท่านฝืนเดินนะ จิตใจเพลินทำความเพียรเลยไม่รู้จักหยุดจนฝ่าเท้าแตก คือเป็นไปด้วยจิตใจ จิตใจดึงดูดๆ ๆ
ทำอะไรถ้าทำด้วยจิตใจแล้วมันไม่มีเวล่ำเวลานะ มันดูดของมันเอง จิตดูดทำความเพียร อย่างพระโสณะท่านเดินจงกรมจนฝ่าเท้าแตกก็เพลินเดิน เพลินที่จิตกับธรรมหมุนกันอยู่ภายใน ไม่ใช่เดินเฉยๆ เดินมีเครื่งดึงดูดอยู่ภายใน ลืมเวล่ำเวลา ทำด้วยน้ำใจ ใจเพลินในความเพียร คือเป็นด้วยหัวใจนะ จิตใจดึงดูดทางความเพียร ทางขาก็ก้าวเดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งฝ่าเท้าแตก มันเพลินทางความเพียร อะไรก็ตามถ้าทำไปด้วยน้ำใจจะมีกำลังมาก ลืมเวล่ำเวลา ลืมเหน็ดลืมเหนื่อย เพลินเรื่อย ใจพาหมุนอยู่ภายใน ลงทางจงกรมแล้วไม่รู้จักหยุด คือมันเพลินอยู่ภายใน ไม่ใช่ถูไถไป มันเป็นความเพลินภายในใจดึงดูด เวล่ำเวลาไม่คำนึงจนกระทั่งจะก้าวขาไม่ออกรู้ว่าเหนื่อย คือจิตใจมันเป็นอยู่ภายใน
พระโสณะที่เด่นทางความเพียร บรรดาสาวกทั้งหลายมีพระโสณะเด่นทางความเพียร เดินจงกรมจนฝ่าเท้าแตก ถ้าทำด้วยใจใจพาให้เพลินมันก็เดินเรื่อยๆ ถ้าใจพาเป็นพาไปแล้วมันมีกำลังทั้งนั้นละ ถ้าทำด้วยความขี้เกียจถูไถไปมาผลก็ไม่ค่อยได้มาก ส่วนความเพียรเป็นไปเองนี้หมุนตลอด เป็นผลไปตลอดเลย ความเพียรมันถึงเวลา..เวลาจิตกับธรรมหมุนกันนี้เพลินนะ เพลินลืมเวล่ำเวลา เดินจงกรมนานเท่าไรลืมไป ถ้าว่านั่งก็เพลิน มันเป็นอยู่ที่ใจ
อย่างพระโสณะจนกระทั่งฝ่าเท้าแตก คือจิตพาเพลิน เพลินเดินเรื่อยๆ วันนี้ก็เดิน กลางคืนก็เดิน กลางวันก็เดิน เว้นแต่หลับ ทำทุกวันสุดท้ายฝ่าเท้าก็แตก คือทำด้วยใจพาเพลิน ใจพาเพลินให้ทำ ถ้าบังคับใจให้ทำมันไม่ถึงไหนละ ถ้าทำไปด้วยความดึงดูดนี้มันดึงดูดจริงๆ มันเป็นอยู่กับผู้ทำนะ ผู้ทำมีใจดึงดูดอยู่ภายใน เดินก็ลืมเวล่ำเวลา นั่งก็เหมือนกัน คือใจพาเพลินอยู่ภายใน อะไรก็ตามถ้าใจพาเพลินแล้วได้ผลทั้งนั้นละ ถ้าเราถูไถบังคับก็ดีอยู่ แต่สู้ความดึงดูดเองไม่ได้ ความดึงดูดของจิตหมุนไปเรื่อย อย่างนี้ลืมเวล่ำเวลา ถ้าบังคับไม่ได้นาน สำหรับพระโสณะจนฝ่าเท้าแตก ท่านเดินจงกรมเดินจนฝ่าเท้าแตก เราไม่เคย ฝ่าเท้าไม่เคยแตก
ถึงเวลามันเป็นเอง มันเป็นอยู่ที่ใจนะ ไม่ได้บังคับความเพียร มันหากเป็นเพลินอยู่ที่ใจ เดินก็ไม่รู้จักหยุด นั่งภาวนาก็เพลิน เป็นอยู่ที่ใจ ถ้าเป็นด้วยการบังคับไม่เท่าไร ถ้าเป็นด้วยความสมัครใจ ด้วยความดึงดูดของใจเป็นได้ตลอด มันจะก้าวขาไม่ออก เดินจงกรมนี่เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจนจะก้าวขาไม่ออก นี่มันเป็นเอง หมุนไปเอง ทำอะไรก็ตามถ้าทำจริงได้ผลทุกอย่างนั่นแหละ นอกจากแบบเหลาะๆ แหละๆ ไม่ค่อยได้ผล ถ้าทำด้วยความสมัครใจความหมุนของใจแล้วได้ผลดี เป็นผลตลอด สติไม่เผลอ หมุนตลอด
นี่ก็ไม่เคยฝ่าเท้าแตก เดินจงกรมไม่เคยฝ่าเท้าแตกไม่เคย ออกร้อนฝ่าเท้าเป็นได้ กลางวันก็เดินกลางคืนก็เดินจนออกร้อนฝ่าเท้าเป็นได้ ไม่แตก ส่วนพระโสณะท่านเดินจนฝ่าเท้าแตก เนื้อหยาบมันถูกกัดโดยการถูไถไปมา แล้วสุดท้ายมันเข้าถึงเนื้ออ่อน เนื้ออ่อนภายใน นั่นละฝ่าเท้าแตก มันไม่ได้แตกอย่างนี้นะ มันกัดเข้าไป กัดเข้าไป ตั้งแต่เนื้อหยาบ หนังหยาบเข้าไปถึงเนื้อ ทะลุถึงเนื้อเรียกว่าฝ่าเท้าแตก นั่นทำด้วยความเพียร ด้วยน้ำใจนะ ไม่ได้บังคับนะ หากเป็นเองในน้ำใจ มันหากดึงดูดของมันไปเอง ถ้าอย่างนี้มีผลมาก
ได้พูดล่ะเอาพูดเสีย ส่วนกิเลสจะแตกจากหัวใจนี้เอาแบบเดียวกัน คือมันเพลินความเพียร ถ้าว่าเดินแล้วลืมหยุดจนจะก้าวขาไม่ออก มันเพลินอยู่ภายใน ถ้าว่านั่งก็เพลินตลอดๆ ที่ว่าฝ่าเท้าแตกเป็นได้ เพราะเป็นด้วยความสมัครใจ ไม่ใช่เป็นด้วยการบังคับ แตกๆ ได้ จิตเวลามันหมุนหมุนจริงๆ ไม่รู้จักหยุด เครื่องเวลามันได้ทำงานของมันแล้วเครื่องร้อนแล้วก็พุ่งๆๆ เครื่องทำงานของใจ คือใจดึงดูดกับพระนิพพาน พระนิพพานเหมือนอยู่ชั่วเอื้อม ความหลุดพ้นเหมือนอยู่ชั่วเอื้อม นั่นละมันบืนใส่กัน บืนใส่กัน จับผิดจับถูก จับผิดจับถูก สุดท้ายผู้ฝ่าเท้าแตกก็มี ถึงไม่แตกก็เฉียดๆ ไปละ
มีจนกระทั่งกิเลสมันจะแตกมันก็มีเหมือนกัน กิเลสแตกในใจ คือใจมันหมุนตลอด ฆ่ากิเลส ยืนก็ฆ่า เดินก็ฆ่า นั่งก็ฆ่า นอนเว้นแต่หลับฆ่า ฆ่าทั้งนั้น เวลาความเพียรมันได้หมุนหมุนของมันอย่างนั้น เพราะฉะนั้นฝ่าเท้าถึงแตกผู้เดินจงกรม ถึงขั้นจิตหมุนใส่ธรรมจะไม่มีถอยนะ หมุนเรื่อยๆๆ ไม่มีถอย ความขี้เกียจขี้คร้านไม่มี มีแต่ความดึงดูด สุดท้ายก็ผ่านได้ นี่ก็เอาขนาด ๙ ปีหมุนตลอดเลย เราคนหยาบความพากเพียรเอาจนถึง ๙ ปี คือเวลานั้นแล้วมันจะหมุนของมันเอง ตั้งแต่ ๑ ถึง ๙ ปีจิตใจมันจะดูดจะดื่มเรื่อยๆ นั่นแหละว่า ๙ ปี
ทำความพากเพียรทำด้วยใจดูดดื่มแล้วเป็นได้ทุกอิริยาบถ ไม่ว่ายืนว่าเดินว่านั่ง แม้แต่นอนอยู่ก็ทำงาน เวลามันดึงดูดในธรรมดึงดูดตลอดจนกิเลสขาดหมด ไม่มีอะไรดูด คือความเพียรกล้าฆ่ากิเลสจนหลุดลอยออกจากใจ หมดทีนี้ เมื่อกิเลสหลุดออกจากใจแล้วหมดงาน พระอรหันต์ท่านไม่มีงาน ผู้สิ้นกิเลสแล้วไม่มีงาน งานคืองานต่อสู้กับกิเลส พอกิเลสขาดไปหมดแล้วหมดงาน อยู่ด้วยความว่างหมดเลย จิตใจว่าง จากนี้ออกข้างนอกว่างหมด นั่นท่านทำความเพียร
คือถึงขั้นมันเป็นเองเป็น เวลามันแก่กล้าเข้ามานี้ความเพียรเป็นเองตลอด หมุนตลอด เอาจนกิเลสขาดหมดมันก็หมดงาน พระอรหันต์ท่านหมดงาน งานฆ่ากิเลส นั่นละผู้หมดงานหมดอย่างนั้นละ ถ้ากิเลสยังอยู่งานยังมี กิเลสละเอียดเท่าไรงานยิ่งเร่งหนัก ถ้าทำมันก็รู้ตัวเอง พูดกันเฉยๆ อันนี้ไม่ชัด เมื่อมันเป็นในเจ้าของแล้วมันหากรู้เอง ถึงขั้นจิตใจดูดดื่มทำความเพียรดูดตลอดเลย ทีนี้ให้พรนะ
รับชมรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM103.25 MHz
พร้อมเครือข่ายทั่วประเทศ
|