เทศน์อบรมฆราวาส***
ณ วัดเขาใหญ่เจริญธรรมญาณสัมปันโน อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
เมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๓
เวลาประมาณ ๑๒.๔๕ น.
อำนาจแห่งบุญคุณพ่อแม่ครูอาจารย์มั่น
(ท่านอาจารย์อุทัยกราบเรียนหลวงตา วันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๓ คณะลูกศิษย์วัดเขาใหญ่เจริญธรรมญาณสัมปันโน ขอน้อมถวายเพื่อสักการะบูชาพระคุณแด่องค์หลวงตาโดยมี ทองคำน้ำหนัก ๑ กิโลกรัม เงินสดจำนวน ๓๙๒,๔๓๐ บาท ดอลลาร์ ๓๙ ดอลลาร์ และเช็ค ๓ ฉบับรวมเป็นเงิน ๑๓,๕๐๐ บาท รวมปัจจัยทั้งสิ้น ๑,๙๐๕,๙๓๐ บาท) ไปทำประโยชน์ให้โลก เราไม่ไปหาเอาอะไร ทำประโยชน์ให้โลกทั่วไปหมดเลย เป็นอย่างนั้นละ
อยู่มานานก็เห็นมานาน เห็นเรื่องราวนานๆ อยู่นานๆ เห็นเรื่องราวนานๆ กว้างขวางมาก แปลกนะ เมื่อคืนนี้ไปบิณฑบาตเมืองผี ฟังซิน่ะ ไปบิณฑบาตเมืองผี เขาหาอะไรใส่บาตรดีนะ เมืองผี เหมือนเมืองคนนั่นละ มีชั้นวรรณะเหมือนกัน เขามาใส่บาตร น่าแปลกอยู่ (ผู้กำกับ : มีใส่กับข้าวพร้อมครับ) ใส่พร้อม เราก็แปลก เอ๊ชอบกล บิณฑบาตเมืองผี อยู่ไปนานไปรู้ไป อยู่ไปนานไปรู้ไปๆ เรื่อยๆ แต่อันนี้ไม่พรรณนา ไม่พูดนะ เป็นเอกเทศพูดนิดเดียว ที่ปรากฏอย่างนี้มากต่อมาก พวกเปรตพวกผีพวกอะไร พวกแสวงบุญทั้งนั้นละ พอมีครูบาอาจารย์ไปแล้วเขาดีใจ ยิ้มแย้มแจ่มใส เขารู้เหมือนกันนะว่าครูบาอาจารย์เป็นอย่างไรๆ เขารู้ อาจารย์เป็นอย่างไรเขารู้ พวกผีอันธพาลจับเขามาแล้วก็เอาพวกผีอันธพาลทั่วๆไปเอาไว้ประเภทหนึ่ง ผีอันธพาลพิเศษอีกขังไว้ ขังไว้ทำไมนั่น พวกนี้ปล่อยไม่ได้เป็นอันธพาล อันธาพาลหนึ่งแล้ว เป็นอันธพาลที่สองอีก นั่นฟังซิน่ะ มันแปลกอยู่นะ อัศจรรย์ พระพุทธเจ้ารับสั่งอะไรไว้ไม่มีผิด ไม่ผิด พวกเปรตพวกผีพวกอะไรพระพุทธเจ้ารับสั่งไว้แล้วไม่ผิด
วันนี้ได้มาเยี่ยมพี่น้องทั้งหลายอีกนะ มานี่หลายหนแล้วนะ มาที่นี่หลายหนแล้ว (ประมาณ ๗๔ ครั้งเจ้าค่ะ) ไม่ใช่เล่นนะ ๗๐ กว่าครั้ง (ท่านอาจารย์อุทัย : ขอโอกาสครับผม ลูกหลานบางคนขอน้ำมนต์ครับผม) เดี๋ยวมันจะกลายเป็นหลวงพ่อน้ำมนต์ไปนะนี่ พอหลวงพ่อน้ำมนต์ก้าวเข้ามานี่ปั๊บจะรุมมาหมดเลย มันเป็นได้นะ ต้องระวัง ส่วนได้มีน้อย ส่วนเสียมีมาก เท่านั้นละ (หลวงตาท่านเมตตาเป่าให้นิดหนึ่ง) ไม่อย่างนั้นจะเกิดเหตุ ต้องได้ระวัง ทำอะไรต้องระวัง ไม่ระวังไม่ได้
เราก็พูดตรงๆ รีบไปทางนู้นทางนี้เดี๋ยวตายไม่นาน พูดตรงๆอย่างนี้ละ ไม่ได้ห่วงเจ้าของนะ ห่วงโลกต่างหาก ตื่นขึ้นมาปั๊บจิตมันจะพุ่งเลย ไม่ได้มาห่วงเรานะ เราจะตายเมื่อไรมันไม่มีกำหนดกฎเกณฑ์ ไม่กลัวไม่กล้า แต่เรื่องโลกนี้ โห ลำบากลำบนมากนะ จึงต้องคิดถึงเรื่องโลกมากกว่าตัวเอง เพราะอย่างนั้นขอให้พี่น้องทั้งหลายคิดถึงตัวเองให้มากนะ อย่าให้แต่ครูบาอาจารย์คิดถึงนะ ตัวเองก็ต้องคิดถึงตัวเอง ห่วงใยตัวเอง สร้างคุณงามความดีให้ดี จวนเข้าไปเท่าไรจิตกับธรรมให้ใกล้สนิทกันเข้าไปเรื่อยๆ อย่าให้บาปพันเข้าไป พันเข้าไปไม่ได้ จมนะ บอกเสียวันนี้ ให้แต่ครูบาอาจารย์ห่วง เราไม่ห่วงตัวเองไม่ได้
นี่ก็รีบไปเสีย ไม่นานมันก็จะตายเหมือนกัน รีบไปเสียเดี๋ยวนี้ หมดลมก็หยุดเท่านั้นละ จวนแล้ว จวนเข้าทุกวันๆ แล้ว ความตายย่นเข้ามา ย่นเข้ามา
ได้พูดถึงว่าบิณฑบาตเมืองผี ฟังซิน่ะเคยได้ยินไหมพูดอย่างนี้ เอามาอุตริทำไม ผีเขาอดอยากขาดแคลนเหมือนกัน เขาเห็นพระเจ้าพระสงฆ์ยิ้มแย้มแจ่มใสนะพวกผีนะ ผีรู้นะ พระดีไม่ดีผีรู้ ไม่ว่าแต่เขาเรารู้นะ พระดีพระไม่ดีเท่าไรแล้วผีเขาก็รู้ นี่ก็เปิดเสียบ้างมันก็จวนจะตายแล้ว (หลวงตาบอกว่าห่วงลูกศิษย์ก็รั้งไว้ก่อน) ก็ห่วงนั่นละถึงได้มานี่ ไม่ห่วงมองดูนี่คนเต็มศาลา เรามาเพื่อคนเต็มศาลา ไม่ห่วงอย่างนั้นละ (ถวายผ้าบังสุกุลและเช็ค ให้หลวงตาอยู่ร้อยปีก่อน) เอาไปแล้วจะร้อยปีไม่ร้อยปีไม่สำคัญนะ จะมาผูกมัดคอตัวอย่างไร ผูกแล้วก็ต้องแก้
เราก็เป็นห่วงเป็นใยพี่น้องทั้งหลายนะ ได้อุตส่าห์พยายามบำเพ็ญกองบุญกองกุศลนะ อันนี้ละพึ่งเป็นพึ่งตายนะ กองบุญกองกุศลพึ่งเป็นพึ่งตาย แต่เวลาบุญกุศลไม่ค่อยมีนี้เดือดร้อน พอคิดถึงเวลาจะเป็นจะตายเดือดร้อนนะ พอบุญกุศลมากเข้าๆ จนเต็มหัวใจแล้วไม่ห่วง เวลาเต็มแล้วเหมือนเอาน้ำมหาสมุทรมาเทก็ล้นออกหมด เต็ม จิตเหมือนกันเต็ม ให้เต็มอย่างนั้นซิ
นี่พูดจริงๆ มันจวนจะตายแล้วพูดกับพี่น้องทั้งหลาย เราไปนู้นไปนี้ไม่ใช่ห่วงเรานะ เราห่วงโลกต่างหาก เราไม่ได้ห่วงเรานะ เราห่วงโลกต่างหาก ไปจิตนี่มันจะออกละ ออกพับมันจะออกกระจายออกหมดต่อโลก อันนี้มันก็เป็น ตัวเท่าหนูก็ตามมันเป็นเท่าหนูก็บอกเป็นเท่าหนู มันเป็นเท่าช้างก็บอกเป็นเท่าช้าง นี่มันเป็นนะ มันเป็นจริงๆ เพราะอย่างนั้นจึงว่าเอาให้พอบุญกุศลนี้ ให้มันเต็มหัวใจแล้วอยู่ไหนสบายหมด จะเป็นจะตายไม่มีปัญหา เมื่อมันเต็มแล้วใจมันรู้ รู้ในหัวใจนะ พอเต็มนี่ปั๊บแล้วรู้หมดเลย พอๆ โลกอันนี้พอ เรียกว่าพอหมดเลย เป็นอย่างนั้นละ นี่พูดให้พี่น้องฟังเสีย
นี่ก็ได้บำเพ็ญมาเต็มกำลังความสามารถ ตั้งแต่วันบวชมาจนกระทั่งป่านนี้ละ บวชมาเรื่อย เรียนหนังสือพอสมควรแล้วก็ออกปฏิบัติ ออกเลย เข้าหาหลวงปู่มั่น เข้าไม่ถอย ไม่มีคำว่าถอย เข้าเรื่อยๆ จนเป็นที่พอใจ เวลาพ่อแม่ครูอาจารย์มั่นท่านล่วงลับไปนี้น้ำตานี่พราก ไม่ทราบมาจากไหนนะ พรากเลยน้ำตาพอท่านล่วงให้เห็นนะ น้ำตาพราก อำนาจแห่งบุญคุณ เหมือนกับว่าร่มโพธิ์ร่มไทรเราล้มตูม สลดสังเวชนะ พูดอย่างนี้น้ำตาเราล่วง เพราะอำนาจแห่งบุญคุณของท่าน ของพ่อแม่ครูอาจารย์มั่น ขนาดนั้นละบุญคุณของท่าน
พระอรหันต์นิพพานนี้ไม่รู้นะ ดูพ่อแม่ครูอาจารย์มั่นเราละจ้อใหญ่ ครูบาอาจารย์ผู้ใหญ่ก็มีเช่นอย่างหลวงปู่ฝั้น-หลวงปู่เทสก์ไปอยู่ข้างใน เราเอาหัวสอดเข้าดูท่าน เวลาท่านจะสิ้นลมตาไม่กระพริบนะ ถึงขนาดนั้นน้ำตาพุ่งเลย สลดสังเวช คุณพ่อแม่ครูอาจารย์มั่นมีจริงๆนะ คุณท่านเหลือล้นพ้นประมาณ น้ำตาร่วงเลยพ่อแม่ครูอาจารย์มั่นล่วงไปนะ ขนาดนั้นละ มันไม่ทราบขาดสะบั้นลงหมดเลยละ ตัวเองเหมือนไม่มีความดี ความดีเหมือนอยู่กับท่านหมด พอท่านสิ้นลมปั๊บเหมือนว่าโลกธาตุจมไปตามๆ กันเลยนะ
พ่อแม่ครูอาจารย์มั่นเราอยู่กับท่าน ๘ ปี อยู่ด้วยความสนิทสนม อยู่ด้วยความรักความเคารพ ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่กับพ่อแม่ครูอาจารย์ทั้งหมดเลยละ ท่านมีบุญมีคุณต่อเรามากมายก่ายกอง ท่านก็เมตตามากอยู่นะกับเรา พ่อแม่ครูอาจารย์มั่นเมตตามาก มองดูพับก็รู้ท่านเป็นอย่างไร รู้สึกว่าท่านเมตตามากอยู่พ่อแม่ครูอาจารย์มั่น ท่านล่วงไปเราอยู่กับท่าน ๘ ปีท่านล่วงไป ปีนั้นก็บอกไว้แล้วละ อันนี้ท่านบอกไว้ชัดเจนละ ท่านบอกว่าจะไม่เลย ๘๐ ท่านบอกไว้เลย พอถึงอันนั้นมาแล้วพอเริ่มป่วยปั๊บ เออเข้านี่ นั่นบอกแล้วนะ
เราไปเที่ยวกลับมาเหตุที่มันจะชัดเจน เราไปเที่ยวในภูเขากลับมา เรากลับมา..ท่านมหาไปไหน ว่าอย่างนั้นเลย ทั้งๆที่อยู่กับท่านมาหาท่าน ท่านมหาไปไหน ไม่มีหรือที่เที่ยว นั่นเอาละนะ ที่เที่ยวไม่มีหรือเหล่านี้ นี่ผมเริ่มป่วยแล้วแต่เมื่อวานซืน ป่วยเมื่อวานซืน ผมเริ่มป่วยแล้ว นี้เป็นวาระสุดท้ายของเรา แน่ะบอกแล้วนะ ท่านไปเที่ยวที่ไหน ท่านว่า พูดขู่เราให้เกิดความสลดสังเวชต่อท่าน ท่านบอกว่านี่ผมเริ่มป่วยแล้วนะ ป่วยคราวนี้แล้วละทีนี้นะเป็นไม่กลับ ท่านว่าอย่างนั้น ไปเลยทีเดียว ก็เป็นจริงๆ แต่มันไม่ตายง่ายนะ ท่านว่าโรคคนแก่ แล้วก็ไปจริงๆ เลยไม่มีฟื้น ท่านบอกว่านี้ละเป็นครั้งสุดท้ายการป่วยของเรา ตรงนี้แล้วก็ไปเลย แล้วไปจริงๆ นะ แต่มันไม่ตายง่าย ท่านก็บอกโรคคนแก่เป็นอย่างนี้ล่ะ แต่คราวนี้เป็นปฐมฤกษ์แล้ว เริ่มแล้ว ให้ฟื้นไม่ฟื้น ท่านว่าอย่างนั้น
โอ๊ยเราไม่ลืม คุณพ่อแม่ครูอาจารย์ แหม สุด..สุดหัวใจเลยคุณของพ่อแม่ครูอาจารย์มั่นนี้สุดจริงๆ อำนาจคุณเหลือล้นพ้นประมาณนะพ่อแม่ครูอาจารย์มั่น อำนาจคุณของท่าน เวลาท่านจะล่วงไปอีกก็เอาอีกและ เวลาท่านจะล่วงนะดูจ้ออยู่อย่างนี้เรา ตาไม่กระพริบเลย หัวจ่อดูท่าน เวลาท่านจะไปจริงๆ ลมหายใจมาสองสามงาบ พองาบที่สามอ่อนลง จากนั้นก็เบาลงๆ ลมหายใจเบาลงๆๆ และหายเงียบเลยนะ ไม่รู้ขณะท่านสิ้นเมื่อไรไม่รู้ รู้ตั้งแต่ตอนต้นหายใจปากงาบๆ สามพักเท่านั้นละ จากนั้นก็อ่อนลงแล้วเงียบไป ไปเลย เราเห็นต่อหน้าต่อตา แหม น้ำตา เพราะอำนาจแห่งคุณของท่าน
แต่ก่อนท่านไม่เคยพูดนะ อยู่ด้วยกันมาสักกี่ปีท่านไม่เคยพูดว่าจะอยู่หรือไม่อยู่ ตอนวาระสุดท้ายนี่และ ไปคราวนี้จะไม่กลับนะ เท่านั้นละสะดุดเลยเราก็ดีนะ ท่านไม่เคยพูดนะ ไปคราวนี้จะไม่กลับล่ะท่านว่า ไม่กลับก็คือว่าไปเลย สิ้นแล้ว ผู้สิ้นกิเลสดับก็หมายถึงพระอรหันต์ดับ ไปคราวนี้จะไม่กลับท่านว่าเท่านั้น คำพูดคำเดียวนี้สะดุด จนกระทั่งทุกวันนี้ไม่ลืมนะ ท่านไม่เคยพูดนี่ คงเป็นวาระสุดท้ายให้ลูกศิษย์ได้ระลึกถึงท่า ไปคราวนี้จะไม่กลับล่ะท่านว่า เท่านั้นละแล้วก็ไปเงียบเลย ท่านสิ้นตั้งแต่เมื่อไรแล้วก็พระอรหันต์ปัจจุบันก็คือพ่อแม่ครูอาจารย์มั่น
วันนี้พูดเท่านั้นละนะ พูดหนักไปๆ เหนื่อย วันนี้ได้มาเยี่ยมพี่น้องทั้งหลาย เงินทั้งหมด ฟัง เงินทั้งหมด ๔๙๓,๙๐๐ บาท ดอลลาร์ ๔๓๙ ดอลล์ หารสองวัดละ ๒๔๖,๙๕๐ บาท ดอลลาร์วัดละ ๒๑๙ ดอลล์ ๕๐.... เอาล่ะนานๆ ได้มาเยี่ยมพี่น้องทีหนึ่ง ก็ไม่นานมาเยี่ยมทีหนึ่ง มาเยี่ยมทีหนึ่งๆ ทีนี้จะให้ศีลให้พรพร้อมหน้ากัน แล้วก็ลากลับละ
รับชมรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM103.25 MHz
พร้อมเครือข่ายทั่วประเทศ
|