มาจากไหน อุดรฯ เหรอ
วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุดรธานีครับ ท่านผู้อำนวยการเพิ่งย้ายมา ท่านก็เลยนำทีมงานมาด้วย
ไหนล่ะผู้อำนวยการ นั่นเหรอ ย้ายมาใหม่ ย้ายมาจากไหนล่ะ
จากจังหวัดเลยค่ะ
มานี่จะไม่พาเมืองอุดรฯ เตลิดเลยไป เถลไถลไปเรอะ จังหวัดเลยมันมักจะเตลิดเปิดเปิงนะ เดี๋ยวมาลากเอาเมืองอุดรฯ ไปเตลิดเปิดเปิงลงแม่น้ำโขงไม่ได้นะ นี่ก็ไปร้อยเอ็ด ไปโรงพยาบาลไปช่วยเขา โรงพยาบาลซื้อเครื่องมือมาใหม่พวกเอกซเรย์ เครื่องอะไรหลายเครื่อง ไปดู แล้วสั่งใหม่อีกวันนี้เขาขออีก สั่งใหม่อีกเรื่อย ช่วยโรงพยาบาลช่วยจริง ๆ ไม่ใช่ธรรมดานะ โรงพยาบาลเป็นอันดับหนึ่งที่วัดนี้ได้ช่วย คือช่วยโลก แต่โรงพยาบาลรู้สึกจะเป็นอันดับหนึ่งในการช่วย คือช่วยด้วยมือของเราเอง สั่งจ่าย ๆ เรื่องอะไร ๆ ตกมา มาขอมากน้อยอะไร เครื่องไม้เครื่องมือส่วนเล็กไปถึงส่วนใหญ่ จนกระทั่งถึงสร้างตึกสร้างอะไรให้ รถยนต์รถอะไรให้หมดเลย
เวลานี้โรงพยาบาลร้อยกว่าโรงนะ ที่เราช่วยอยู่เวลานี้ร้อยกว่าโรงแล้ว ช่วยมาเป็นประจำ นั่นเห็นไหมโกดังใหญ่ ๆ นั่น นั่นก็โกดังขนสิ่งของมาไว้ ซื้อสิ่งของมาเต็มเอี๊ยด ๆ ไว้เลยเพื่อโรงพยาบาลต่าง ๆ ที่มา ต้องการมาเอาอาหารการกินไปช่วยคนไข้ เราก็จัดไว้ตั้งแต่ข้าวสาร ไข่ลม พวกน้ำปลา พวกน้ำมันพืช ขนมปัง ขนมต่าง ๆ แล้วก็น้ำตาล นี่ให้เป็นประจำทุกโรง โรงไหนมาก็ให้ขนาดเดียวกันหมด เพราะเราสั่งไว้เรียบร้อยแล้ว เราจะอยู่หรือไม่อยู่ก็ตาม การให้จะต้องเป็นอัตราเดียวกันหมด คำว่าโกดังขาดตกบกพร่องเราสั่งขาดไว้เลย เมื่อไม่สุดวิสัยแล้วไม่ให้ขาด คือให้มีสมบูรณ์อยู่อย่างนั้นตลอด โรงพยาบาลไหนมาก็จัดให้พร้อมกัน ๆ ตบท้ายก็เติมน้ำมันรถให้ทุกคัน
นั่นปั๊มน้ำมันหลวงตาบัวไปดูเอาใครไม่เคยเห็น มันเป็นถัง ๆ นะปั๊มน้ำมันเราเป็นถัง ต้องทำแหวกแนวเขาบ้างซิ เขามีปั๊มน้ำมันอยู่ตามข้างทาง ของเราอยู่ข้างโกดัง ปั๊มน้ำมันของเรา อันนี้ก็ตามประเภทของรถที่ใช้น้ำมันอะไร เตรียมมาพร้อมไว้หมดเลย พอเสร็จแล้วเติมน้ำมันให้ ๆ ทุกคันรถเลยนี้เป็นประจำ แล้วของที่อยู่ในโกดังไม่ให้บกพร่อง เราสั่งอย่างตายตัวไว้เลย เราจะอยู่ไม่อยู่ไม่สำคัญ ทางโรงพยาบาลไหนมาให้ได้เสมอกันไปหมด สิ่งที่ว่าสุดวิสัยดูจะไม่ค่อยมี ที่ว่าสุดวิสัยหามาไม่ได้ เพราะฉะนั้นจึงสั่งให้ขาดตัวไปเลย ต้องให้ได้ตามที่สั่ง เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่สุดวิสัย มีอยู่ทั้งนั้น นอกจากคนจะเลอะเทอะ
อะไรที่จะซื้อมาเราก็สั่งไว้เรียบร้อยแล้ว จัดการไว้เรียบร้อย พวกมัคนายกเขาที่จะต้องจัดต้องซื้อ เราสั่งไว้หมด นั่นอย่างนั้นนะ เพราะฉะนั้นจึงได้ทุกโรงไปเลย นี่โรงไหนก็ไม่รู้ ดูซิโรงพยาบาลอะไร (สร้างคอมครับ) นี่ก็สร้างคอม นี่ก็เต็มรถไปนะนี่ อย่างนี้ละโรงไหนมา ช่วยทางสร้างคอมก็เยอะ เครื่องไม้เครื่องมือ แล้วยังสร้างโรงเรียนให้อีกตั้งสองชั้นทางอำเภอเพ็ญ อำเภอสร้างคอม อย่างนี้ละที่วัดนี้ช่วยโลก ช่วยจริง ๆ เพราะฉะนั้นหลวงตาจึงได้พูดเต็มเม็ดเต็มหน่วยทุกสิ่งทุกอย่าง ด้วยที่เจ้าของเป็นผู้ทำหน้าที่เอง ไม่คลาดไม่เคลื่อน
ทีนี้เวลาพูดอะไร เราต้องพูดตามความสัตย์ความจริง ผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก ตรงไปตรงมาจึงเรียกว่าธรรม ถ้าลูบหน้าปะจมูกอย่างนั้นไม่ใช่ธรรม ไว้ใจไม่ได้ ธรรมต้องเป็นธรรม ผิดต้องบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก ดีบอกว่าดี ชั่วบอกว่าชั่วไปเลย นี้เป็นแบบฉบับได้นะ นอกนั้นเป็นไม่ได้ ท่านจึงว่าขอความเป็นธรรม ๆ คือความสม่ำเสมอภาค ไม่เอนไม่เอียงเรียกว่าธรรม อย่างที่เขาขอความเป็นธรรม ๆ ก็คือขอความตายใจนั่นเองว่าไม่เป็นอื่น เรียกว่ายุติธรรมที่สุดแล้ว
ที่หลวงตาได้ช่วยโลกตลอดมานี้ช่วยแบบนี้นะ ไม่ได้ช่วยแบบโลก คือช่วยแบบธรรม ช่วยโลกแต่ช่วยแบบธรรม ธรรมพาดำเนินทุกสิ่งทุกอย่าง เช่นอย่างการนำพี่น้องชาวไทยเรานี้เราก็เอาออกจากธรรมไปเป็นเครื่องนำเป็นผู้นำตลอดไปเลย เช่น สมบัติเงินทองข้าวของตั้งแต่ทองคำ ดอลลาร์ เงินสดลงมานี้ จะควรเข้าช่องไหน ๆ เราจะพิจารณาเรียบร้อยแล้วเข้าตามนั้น ๆ หรือจะเก็บมากน้อยเพียงไร ด้วยเหตุผลกลไกอะไร เราจะมีเหตุมีผลประจำไว้ทุกอย่าง ว่าทำนี้เพราะอะไร เพราะเหตุนั้น นั่น มีเหตุผลพร้อมแล้ว ๆ
การช่วยเหลือโลกหรือการจับจ่ายเหมือนกัน เช่น การช่วยเหลือโลกเช่นเงินสดนี้เราแยกเป็นสองประเภท ทองคำกับดอลลาร์ นี่เข้าคลังหลวงโดยถ่ายเดียว ว่าโดยถ่ายเดียวนี้ก็คือเราพิจารณาเรียบร้อยแล้ว จะเป็นอื่นไปไม่ได้ ต้องเข้าทั้งหมด ส่วนเงินสดนี้เราบอกไว้ตั้งแต่ต้นว่า เงินสดนี้เราจะไม่ให้เข้าคลังหลวง คือเราจะให้เป็นเงินหมุนเวียนเพื่อชาติไทยของเราทั่วประเทศ สถานที่ใดภาคใดจังหวัดใด มีความจำเป็นมากน้อยเพียงไรซึ่งควรจะได้รับการสงเคราะห์ เราจะเอาเงินจำนวนนี้ไปสงเคราะห์ จึงเรียกว่าเงินหมุนเวียน
แต่ทีแรกเราคิดว่าเราจะยกเงินเป็นก้อนนี้ สมมุติว่าจังหวัดนั้นขาดแคลนอันนั้น ๆ มีหัวหน้ามาติดต่อเราเป็นที่ลงกันแล้ว เราจะมอบเงินก้อนนี้ให้หัวหน้านั้นไปปฏิบัติหน้าที่แทนเรา ครั้นแล้วเราก็ไม่แน่ใจต้องแก้ใหม่ ประกาศเบื้องต้นเราก็พูดอย่างนั้น ว่าเราจะทำแบบนี้ คือจะแยกเงินก้อนนี้ไปจังหวัดนั้นจังหวัดนี้ จังหวัดไหนที่มีความจำเป็นตามที่เขาเสนอมา เราก็จะมอบให้หัวหน้ามารับ แต่ทีนี้หัวหน้าเป็นยังไงนั่นซิ มันย้อนกลับมาอีกนะ หัวหน้าเป็นยังไง เป็นผู้บริสุทธิ์ยุติธรรมจริงไหม พอที่จะไว้วางใจของธรรมได้อย่างไรหรือไม่ เมื่อไม่เป็นที่ไว้วางใจแล้วเราก็ต้องพิจารณาใหม่
สมมุติว่าเขามารับไปนี้ หัวหน้านี้เป็นผู้มีอำนาจมากที่จะรับผิดชอบในสมบัติเหล่านี้ ถ้าเป็นคนดีก็ไม่มีปัญหาอะไร ถ้าเป็นคนชั่วแล้วเลวหมด เอาไปถลุงเสียหมดก็ได้เราไม่แน่ใจ เพราะเราไม่ได้ติดตามดู เราจึงหักเงินจำนวนนั้นไว้คือไม่ได้ทำอย่างนั้น แล้วหมุนเงินจำนวนนั้นเข้ามาสู่เราเองเป็นผู้สั่งจ่ายทุกอย่าง ด้วยฝีมือของเราเอง เราดูทุกสิ่งทุกอย่างแล้วจำนวนมากน้อยเพียงไรที่ควรจับควรจ่ายแล้ว เราเป็นผู้สั่ง ส่วนมากก็คือจ่ายเช็ค ๆ ไปเลย หรือจะจ่ายเงินสดก็ให้เราเป็นผู้ทำหน้าที่เองทุกอย่าง แล้วบริสุทธิ์ตลอดไปเลย ไม่เป็นที่ระแวงแคลงใจเหมือนอย่างที่เราไปมอบจุดนั้นจุดนี้ นี่เราถึงได้หักเงินจำนวนนี้เข้ามา เพื่อเราเป็นผู้หมุนเวียนเองใช้เอง เป็นความบริสุทธิ์ในหัวใจของเรา ว่างเปล่าจากความเป็นมลทินทั้งหลายโดยสิ้นเชิง เราทำต่อโลกเราทำด้วยความเมตตาล้วน ๆ อย่างนี้
อันนี้ครั้นเวลาแยกมาแล้ว เรายังเป็นห่วงคลังหลวงเราอีก เพราะอันนี้เป็นอันดับหนึ่ง ทองคำที่จะมอบเข้าคลังหลวงซึ่งเป็นหัวใจของชาติ เงินอันนี้เป็นเงินหมุนเวียนเพื่อพี่น้องชาวไทยเราทั่วหน้ากัน แต่ไม่ได้หนักแน่นยิ่งกว่าสมบัติในคลังหลวง คือเป็นทองคำเป็นต้นนะ ที่มีความจำเป็นอยู่มากในเวลานี้สำหรับชาติไทยเรา เราจึงต้องหนักแน่นในทองคำ แล้วก็หมุนเอาเงินจำนวนนี้แหละ เวลานี้เป็นเงินสดนี้ได้ ๘๕๐ กว่าล้านแล้ว ๘๐๐ ล้านนี้เราก็ได้ประกาศแล้วเวลานี้ ๘๐๐ ล้านนี้เราจะหักเข้าไปซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวงทั้งหมด นี่ประกาศแล้วนะ
หลวงตาถ้าลงได้ประกาศแล้วต้องหนึ่งไม่มีสองเลย เราตายแล้วก็ตามเงินจำนวนนี้จะต้องปฏิบัติตามที่เราสั่งเสียไว้ทุกอย่าง คือ ๘๐๐ ล้านนี้ตายตัวแล้ว จะเอาไว้สำหรับเงินหมุนเวียนเฉพาะ ๕๐ กว่าล้านนั้น แต่ก็ยังไม่แน่ยังก้ำกึ่งอยู่อีก คำว่าก้ำกึ่งคือยังไง เงิน ๕๐ กว่าล้านที่ได้อยู่เวลานี้ เก็บไว้ในธนาคารเวลานี้นั้น เราอาจจะแยกเข้ามาซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวงอีกตามที่เราเห็นว่าจำเป็นมากน้อย นอกจากที่ว่าจะให้เป็นเงินหมุนเวียนแล้ว ยังแยกไว้อีก เงิน ๕๐ กว่าล้านนี้ยังก้ำกึ่งอยู่ แต่ส่วน ๘๐๐ ล้านนั้นแน่ร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่เป็นอื่นแหละ
นอกจากนั้นยังมีอีกตอนกฐิน กฐินช่วยชาติคราวนี้เขาให้ลงบัญชีธนาคารว่า กฐินทองคำเพื่อชาติ แล้วในบัญชีกฐินทั้งสองประเภทนี้นั้นชื่อไทยพาณิชย์อย่างเดียวกัน เรียกว่าเป็นบัญชีกฐิน ทั้งสองธนาคารนี้มีเงินอยู่ ๖ ล้านกว่า แล้วเงินจำนวนนี้อีกเหมือนกัน เราจะหักเข้าซื้อทองคำทั้งหมด เงินในบัญชีทั้งสองบัญชีนี้จะไม่แยกไปทางเงินหมุนเวียนเลย เพราะความห่วงใยของเราในคลังหลวงมากต่อมาก เพราะฉะนั้นหลวงตาถึงได้ทำอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ด้วยการพิจารณาเต็มหัวใจเราแล้วออก ๆ ๆ
จึงได้เรียนให้พี่น้องทั้งหลายทราบว่าเราทำต่อชาติบ้านเมืองเรานี้เราไม่มีอะไรเลย ทุกอย่างเราเต็มเม็ดเต็มหน่วย การปฏิบัติตัวของเรามาในทางคุณงามความดีจนเป็นที่พอใจ เราไม่หาอีกแล้วหาธรรม ที่จะเพิ่มเติมว่าธรรมในหัวใจของเรานี้มีบกพร่องด้วยธรรมตอนใดไม่มี สมบูรณ์แบบทุกสิ่งทุกอย่างแล้วเรียกว่าเมืองพอ เต็มหัวใจแล้ว ทีนี้ก็มีแต่กระจายออกช่วยโลกโดยถ่ายเดียว จึงไม่มีคำว่าการแบ่งสันปันส่วนอะไรกับโลกอีกเลย นอกจากสงเคราะห์ด้วยความเมตตาล้วน ๆ แบบไม่มีอะไรติดเนื้อติดตัวตลอดมา
บางครั้งติดหนี้เขาพะรุงพะรัง ทำไมขนาดหลวงตาบัวยังไปติดหนี้เขาได้ ซึ่งควรจะได้รับการชมเชยจากพี่น้องชาวไทยทั้งหลายทั่วดินแดนไทยเรา ว่าหลวงตาบัวนี้คือมหาเศรษฐีเงิน เพราะมีคนเคารพนับถือมาก เงินเข้ามามาก แต่เวลาเขาดูเขาดูตั้งแต่เงินเข้ามา ทางออกของเงินเขาไม่ดู ทางออกของเงินมันเปิดกว้างยิ่งกว่าทางเข้ามา เวลาเขาให้เท่าไรเราก็เก็บนี้ออก ๆ ช่วยโลกตลอดเวลา ทีนี้เวลาออกช่วยโลกมันไม่ทัน แล้วจะทำยังไงมีความจำเป็นเข้ามาหนาแน่นมาก เมื่อเป็นอย่างนั้นจะทำยังไง เรามาพิจารณาถึงความจำเป็นที่ควรจะถูไถช่วยเขาได้วิธีใด มันควรจะติดหนี้ เอ้า ติด ตรงนี้ตรงมันจะออกเปิดกว้างอีกละนะ นี่ละทางออกมันกว้างกว่าทางเข้ามา ติดหนี้เขาด้วย นั่น สุดท้าย เอ้า ติดก็ติด
เฉพาะอย่างยิ่งคือเครื่องมือแพทย์ เครื่องมือแพทย์มีความจำเป็นต่อคนไข้ทุกคนไป เครื่องมือต่าง ๆ ของเครื่องมือแพทย์มีความจำเป็นต่อคนไข้ทั่ว ๆ ไปหมด แล้วเป็นความจำเป็นอย่างสำคัญจากเครื่องมือแพทย์นี้ด้วย แล้วจะทำยังไง เขาก็มาขอร้องด้วยความจำเป็นจริง ๆ เราจะพิจารณายังไง สุดท้ายก็ เอ้า ๆ สั่งเลย ฟังซิน่ะ เอ้า สั่งเลย ติดก็ยอมติด บวชมานี้เราก็ไม่ตั้งใจจะมาติดหนี้ แต่เหตุการณ์มันควรจะติดด้วยเหตุผลกลไกอันถูกต้องแล้ว เอ้า ติด นั่นฟังซิ ติด ติดมาเรื่อยนะหลวงตาติดหนี้คน ไม่ใช่หลวงตาเป็นเศรษฐีนะ พี่น้องทั้งหลายฟังเอา นี้ตัวจริงพูดให้ฟังอย่างนี้ละ
เวลาติดหนี้เขาแล้วลูกศิษย์ลูกหาเขาก็เป็นห่วงเป็นใย คนนั้นก็มาไถ่มาถอนออกมา พอพ้นหนี้แล้วก็ไม่ติดคุกใช่ไหมล่ะ เมื่อติดหนี้เขาแล้วเป็นโทษก็ต้องเข้าคุกล่ะซี แล้วใครจะอยากให้หลวงตาบัวเข้าคุก เขาก็ลากออกมา ใช้หนี้ใช้สินให้เสร็จเรียบร้อย เอ้า รายจำเป็นนี้มาอีกอย่างนั้นนะ ติดหนี้อยู่เรื่อย เข้าคุกอยู่เรื่อย เขาลากออกมาเรื่อย นั่นเป็นยังไงเป็นเศรษฐีได้ไหมพี่น้องทั้งหลายฟังซิ นี่หลวงตาอยู่แบบนี้นะทุกวันนี้ ไม่ได้อยู่แบบที่ว่ามีเงินติดเนื้อติดตัวอะไรเลย มีตั้งแต่อย่างนี้ละ ทุกข์จริง ๆ ถึงเรื่องสมบัติ แต่น้ำใจของเรามันครอบโลกธาตุ เต็มไปด้วยเมตตาล้วน ๆ จึงไม่มีอะไรอัดอั้นที่จะให้ หมดแล้วยังจะให้ ยังอยากจะให้อยู่ ก็มันไม่มีจะเอาอะไรมาให้ ถ้าอย่างนั้นก็รอไว้ก่อน ดีไม่ดีติดหนี้เขาไว้เสียก่อน นั่นเห็นไหมล่ะ
นี่ละจึงได้เรียนให้พี่น้องทั้งหลายทราบว่า เราช่วยชาติบ้านเมืองคราวนี้เราช่วย เรียกว่าสุดกำลังของเรา เช่นเดียวกับเราฆ่ากิเลสในหัวใจของเรา สุดกำลัง นี่ก็บอกให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยให้พี่น้องทั้งหลายทราบ ใคร ๆ ก็ไม่อาจจะเชื่อละเพราะเขาไม่ได้ทำ ทำความเพียรฆ่ากิเลสแบบเราทำนี้เขาไม่ได้ทำกัน เวลาพูดเขาไม่อาจเชื่อได้ แต่เราเป็นผู้ทำเองเห็นเองรู้เอง พูดออกไปทุกประโยค ๆ จะไม่มีผิดมีเพี้ยน
เราจึงพูดได้เต็มปากของเราว่า การฆ่ากิเลส ในโลกอันนี้ใครอย่าถือว่างานอันใดหนักมากนะ งานเหล่านี้ไม่มีงานอะไรหนักมากยิ่งกว่างานฆ่ากิเลส งานฆ่ากิเลสนี้เป็นเบอร์หนึ่ง พระพุทธเจ้าสลบไสลถึงสามหนถึงได้ตรัสรู้ธรรมขึ้นมา นี่ฆ่ากิเลสตายแล้ว บรรดาสาวกที่เป็นสรณะของพวกเราว่า สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ นี้ตั้งแต่ประเภทนี้ละเป็นส่วนมาก ผู้ที่จะตรัสรู้อย่างรวดเร็วนั้นมี แต่มีน้อยมาก ผู้ที่บึกบึนแทบเป็นแทบตายอย่างหลวงตาบัวนี้เรียกว่า ตกนรกทั้งเป็นมาตลอด ตั้งแต่วันก้าวขึ้นสู่เวที คือหยุดจากเรียนแล้วทีนี้จะขึ้นเวทีฆ่ากิเลส ได้รับโอวาทจากหลวงปู่มั่นเต็มหัวใจแล้วหายสงสัยในเรื่องมรรคผลนิพพาน เหมือนกับว่ารออยู่ชั่วเอื้อม ๆ เท่านั้น เอ้าที่นี่ใส่เลยตั้งแต่บัดนั้นไปเป็นเวลา ๙ ปีเต็ม นี่เราตกนรกทั้งเป็น
ไปอยู่บางแห่งจนเขาตีเกราะประชุมลูกบ้านเขา เขาว่าเราตายแล้ว เพราะเหตุไรเขาจึงไปตีเกราะประชุม เพราะเราไม่กินข้าวซิ ร่างกายมันก็ซูบผอมจนกระทั่งบิณฑบาตจะไม่ถึงบ้านเขาก็มี เราไปที่ไหนเราทำของเราอย่างนี้ แต่บ้านไหนที่เขาไม่ตีเกราะประชุมเราก็บอกว่าไม่ตีเกราะ ความจริงเราทำของเราอยู่อย่างนั้นตลอดไป เขาเข้าใจว่าเราตายแล้ว ตีเกราะประชุมลูกบ้าน
เป็นยังไงพระองค์นี้มาอยู่กับเรา มาอยู่นี้เป็นเวลานานหลายเดือนแล้ว หกวันเจ็ดวันด้อม ๆ มาบิณฑบาตทีหนึ่งแล้วหายเงียบ ๆ ตลอดมาจนกระทั่งป่านนี้ เราก็ไม่เคยเห็นตั้งแต่ตั้งบ้านตั้งเรือนมา แล้วพระองค์นี้ก็มาให้เห็นประจักษ์แล้ว แล้วเป็นยังไง พวกเราได้กินกันวันหนึ่งสามมื้อสี่มื้อยังทะเลาะกันได้ นี้กี่วันท่านจึงมาบิณฑบาต นี่ก็หายไปหลายวันแล้ว หายเงียบ ไม่ใช่ท่านตายแล้วเหรอ ไปดูท่านซิเป็นยังไง แต่เขามีข้อแม้อันหนึ่งนะเวลาไป แต่ให้ระวังหน่อยนะ พระองค์นี้ไม่ใช่พระธรรมดา ท่านเป็นมหานะว่างั้น เดี๋ยวไปท่านจะเขกเอาหลงทิศมานะ เขาเตือน สำหรับหัวหน้าเขาบอกเขาไม่ไป ดูลักษณะท่าทางนี้เอาจริงเอาจังมากเขาว่าอย่างนั้นนะ ถึงจะอ่อนเพลียง่อยเปลี้ยไปด้วยความอดอยากขาดแคลนก็ตาม แต่ดูลักษณะท่าทางนี้เอาจริงจังทุกอย่าง กลัว ไม่ไปละ ให้ลูกบ้านไป มาก็จริง ๆ แห่กันมา
แล้วมาอะไรนี่น่ะ จะมาแห่พระเวสสันดรเข้าเมืองเหรอ เราไม่ใช่พระเวสส์นะ
ไม่ใช่อย่างนั้น
เอ้า เล่ามา พูดมา เขาก็มาบอกตามเรื่องที่ผู้ใหญ่บ้านประกาศ มีเท่านั้นเหรอ
มีเท่านั้น ท่านไม่ตายแล้วเหรอ นี้อันหนึ่ง อันที่สองถ้าท่านไม่ตายท่านไม่โมโหโทโสอยู่เหรอ ข้อสำคัญมีสองข้อ เขาก็มาเล่านี้ให้ฟัง
แล้วเป็นยังไงตายไหม
ก็ไม่เห็นท่านตาย ท่านยังดี ๆ อยู่
แล้วโมโหโทโสอยู่ไหมล่ะ
อู๋ย ก็ไม่เห็นโมโหโทโส ยิ้มแย้มแจ่มใส
ให้เข้าใจนะ การอดนี้ไม่ได้อดเพื่อฆ่าเรานะ เราอดเพื่อฆ่ากิเลสด้วยอุปกรณ์การอดอาหารเป็นสำคัญที่จะฆ่ากิเลส เราถึงอดอาหารเพื่อภาวนาฆ่ากิเลส อันที่สอง ความโมโหโทโสเป็นกิเลส เราจะโมโหโทโสทำไมเราจะฆ่ามันอยู่แล้ว มีเท่านั้นเหรอ
มีเท่านั้น
มีเท่านั้น ไป เลิก ยังไม่ถึงสิบนาทีไล่แตกฮือเลย
นี่เราพูดถึงเรื่องเราฝึกทรมานเรา ถึงขั้นจะสลบไสลมาไม่รู้กี่ครั้งกี่หน ฆ่ากิเลสยากไหมฟังซิพี่น้องทั้งหลาย จากนั้นความไม่หยุดไม่ถอย ความฟัดกันไม่ถอยกับกิเลสนี้ สุดท้ายกิเลสก็อ่อนลง ๆ เหยียบหัวกิเลสไปได้ ฟาดหัวกิเลสพังทลายลงจากหัวใจ สว่างจ้าครอบโลกธาตุมาเป็นเวลาได้ ๕๐ ปีกว่านี้แล้ว เราไม่เคยประกาศเรื่องเหล่านี้เพราะเราไม่เกี่ยวข้องกับชาติบ้านเมืองอะไรมากมาย ก็ให้เป็นธรรมดา ๆ เมื่อออกเป็นผู้นำชาติบ้านเมืองยกภูมิออกเลย นี่จริงหรือไม่จริงพี่น้องทั้งหลายดูเอา เวลาเราช่วยชาติเราก็ช่วยแบบนี้แหละ แบบที่เราช่วยเรานี่
นี่รอดตายมาถึงได้มาช่วยพี่น้องทั้งหลาย ธรรมะเราเป็นที่พอใจทุกอย่าง เราพอทุกอย่างแล้ว เราไม่ต้องไปหาอะไรอีกในโลกอันนี้ แม้ที่สุด สาธุ ! พูดแล้วไม่ได้ประมาท นิพพานเราก็ไม่หา นิพพานคืออะไร พระพุทธเจ้าสอนไว้แล้ว สนฺทิฏฺฐิโก ให้รู้เองไม่ต้องไปถามใคร นี่เราก็รู้เองแล้วถามทำไมถามนิพพาน เพียงเท่านั้นละ เพราะฉะนั้นจึงได้ออกช่วยโลก นี้ก็เปิดให้พี่น้องทั้งหลายทราบ ท่านผู้มีอุปนิสัยใจคอยังไงเกี่ยวกับอรรถกับธรรม จะได้ยินได้ฟังจะได้เป็นคติ ไอ้เรื่องถังขยะนั้นเราไม่สนใจกับมันละ พูดอะไรมันไม่ยอมฟังเสียง เรื่องบุญเรื่องกุศลศีลทาน สวรรค์ พรหมโลก นิพพาน มันไม่ยอมฟัง ถ้าเรื่องโรงลิเกโรงบ้าโรงบาร์แล้วมันจะฟังทั้งวันทั้งคืนไม่นอนก็ได้พวกนี้ พวกนี้จะไม่พูดให้มันฟัง
ถ้าเป็นคนไข้ก็ประเภทปทปรมะ คือประเภทไอซียู ไม่มีสาระอะไร ไปแทนที่จะรับหยูกรับยาจากหมอ มันก็เข้าไปห้องไอซียูคอยแต่ลมหายใจที่จะขาดแล้วก็ไปเท่านั้น คนประเภทนี้เป็นคนไร้สาระแล้วตั้งแต่ยังไม่ตาย สอนมันหาประโยชน์อะไร ผู้ยังเป็นสารประโยชน์ยังมีอยู่มากมายในโลกอันนี้ เราก็สอนธรรมะประเภทผู้ที่จะเป็นสารประโยชน์ได้ นี้ละที่ถอดออกมาให้พี่น้องทั้งหลายฟังก็เพื่ออย่างนี้เอง ผู้ที่มีนิสัยใจคอที่จะรับอรรถรับธรรมพอเป็นสารประโยชน์แก่ตนในปัจจุบันและชาติต่อไปยังมีอยู่ ก็สอนทางเดินเพื่อความราบรื่นดีงาม เพื่อสุคติโลกสวรรค์จะได้เป็นสมบัติของผู้มีนิสัยใจคอทางบุญทางกุศล จึงต้องสอนอย่างนั้น ไอ้ผู้ที่ไม่มีอะไรแล้วสอนไปหาอะไร
คนตาย กุสลา ธมฺมา เท่าไร เรียกพระมา กุสลา ทั้งประเทศไทยไม่เกิดประโยชน์ นี้มันตายทั้งเป็นแล้วสอนหาอะไร เท่านั้นเอง เราถึงได้เปิดให้พี่น้องทั้งหลายฟัง การเทศนาว่าการจึงไม่มีสะทกสะท้าน พูดให้ตรงศัพท์เป๋งเลย สามแดนโลกธาตุนี้เท่ากับถังขยะ ธรรมเหนือถังขยะทุกอย่างแล้วมากล้าตั้งหมัดตั้งมวยใส่ถังขยะหาอะไร แล้วมากลัวถังขยะนี้วิ่งเผ่นเข้าป่าเข้ารกไปหาอะไร ความกล้าก็ไม่มี ความกลัวก็ไม่มี อันนี้เป็นประเภทของโลกสมมุติโลกถังขยะ ธรรมแล้วเหนือนี้ทั้งหมด มากล้าหาอะไร มากลัวหาอะไร ความจริงมียังไง เอ้า ว่าลงไปตามหลักความจริงมากน้อยเท่านั้นเอง จึงเรียกว่าธรรม เหนือทุกอย่างแล้ว
นี่นำมาสอนโลกเวลานี้ เราเอาธรรมเหนือโลกมาสอนโลก ดึงลงมาสอนโลกที่คลุกเคล้าไปด้วยมูตรด้วยคูถ ของสกปรกเต็มบ้านเต็มเมืองเต็มโลกเต็มสงสาร แต่ของดีมันก็แทรกอยู่ในนั้น ถ้าหากว่ามันมีแต่มูตรแต่คูถอย่างเดียวไปแตะมันหาอะไร มองเห็นก็น่ากลัวแล้ว น่าขยะแขยงแล้ว ไปแตะมันหาอะไร แต่สิ่งที่เป็นสาระมันยังแทรกอยู่ในมูตรในคูถนั้น คือคนดีมีอุปนิสัยใจคอที่จะเป็นบุญเป็นกุศล เป็นปัจจัยต่อภพต่อชาติทางดีงามแก่ตนยังมีอยู่ จะเจือปนกันอยู่กับโลกมูตรโลกคูถอันนี้ ก็จะต้องได้คุ้ยเขี่ยขุดค้น ต้องติดไม้ติดมือติดจมูกมีเหม็นบ้างอะไรบ้าง ได้รับความกระทบกระเทือนตำหนิติเตียนอย่างนั้นอย่างนี้ สรรเสริญอย่างนั้นอย่างนี้บ้างเป็นธรรมดา นี่เรียกว่ามันเหม็นเข้าใจไหม เราอุตส่าห์อย่างนี้แหละ อุตส่าห์เพราะว่าที่เป็นสาระยังมีอยู่ ถ้าหากว่ามันเป็นมูตรเป็นคูถเสียหมด สอนไปหาอะไร
วันนี้พูดให้พี่น้องทั้งหลายฟังว่า การช่วยชาติคราวนี้เราช่วยอย่างสุดเหวี่ยงของเรา ช่วยตัวเองก็สุดเหวี่ยง เป็นที่พอใจ แล้วนำนี้มาสอนพี่น้องทั้งหลาย เรียกว่าแกงหม้อใหญ่ ถึงกิริยาท่าทางจะขึงขังตึงตังเอาจริงเอาจังก็ตาม แต่ยกแกงหม้อใหญ่คือคนทั้งประเทศ มันก็ต้องหนัก ต้องอืดอาดเนือยนายเป็นธรรมดา ได้บ้างเสียบ้าง เอ้า ปล่อยไปตามเรื่อง คนไหนที่ควรจะได้ก็ได้ คนไหนที่ไม่ควรจะได้ก็เป็นเรื่องกรรมของสัตว์เท่านั้น จึงสอนโลกนะทุกวันนี้
เอ้า ต่อนี้ไปมีอะไรก็พูดกันได้นะ พอลงมานี้ยังไม่ได้ขึ้นเวทีต่อยดะไปตามใต้เวทีแล้วนะเวลานี้ แล้วมีอะไรจะพูดก็พูดได้แล้ว เวลาพูดกับหลวงตาให้พูดเสียงดัง ๆ หน่อยนะเวลานี้หูไม่ดีแล้ว หูเริ่มหนวกแล้ว พูดเสียงดัง ๆ
อยากจะกราบนมัสการหลวงตาว่า ประชาชนชาวไทยทุกคนภาคภูมิใจค่ะที่หลวงตาได้นำพาให้พวกเราได้มีโอกาสช่วยชาติ แล้ววันนี้พวกเราก็มีบุญมากที่ได้มากราบหลวงตา ก็อยากให้พวกเราทุกคนยึดธรรมที่หลวงตาได้เทศน์ ทุกคนปฏิบัติตัวจะต้องยึดธรรมคือธรรมะนั่นเอง แล้วก็ต้องรู้จักฆ่ากิเลสให้ได้ ฆ่าความโกรธให้ได้ พวกเราก็จะยึดถือ
ถ้าฆ่ากิเลสไม่ได้เป็นยังไง ฟังไม่ชัดตอนนี้
ต้องพยายามปฏิบัติตัวฆ่ากิเลสให้ได้ แล้วก็ฆ่าความโกรธให้ได้ตามหลวงตาสอนไว้
ถ้าฆ่าไม่ได้เป็นยังไงว่าซี
ถ้าฆ่าไม่ได้ก็ไม่มีความสุขค่ะ
เพราะอะไร ถ้ามีพ่อบ้านไปก็จะไปทะเลาะกับพ่อบ้าน ถ้าฆ่ากิเลสความโกรธไม่ได้ ไปนี้ก็จะไปฟัดกับพ่อบ้านเข้าใจไหม มันต้องสนุกกันบ้างซิ มีบทสนุก มีบทขบขัน มีบทเป็นคติใช่ไหม เราพูดนี้เพื่อเป็นคติ ถึงตลกก็ตลกแบบเป็นคติ เข้าใจไหม เอ้า ว่าไปเรื่อย ๆ จะว่าอะไรก็ว่าไปเรื่อย หลวงตาว่ามามากแล้ว ลูกหลานทุกคนก็ให้ตั้งอกตั้งใจทุกคนนะ อันดับหนึ่งที่สุดที่หนักหน่วงมากที่สุดก็คือคุณของพ่อของแม่ นี้จอมปราชญ์ทั้งหลาย พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ทรงเทิดทูนคุณของพ่อของแม่เป็นเสียงเดียวกันหมด ฟังข้อนี้ให้ดี
เราเกิดมาทุกคนมีพ่อมีแม่เป็นผู้เลี้ยงดูตั้งแต่อยู่ในท้องมา ยาเขาเรียกว่าครรภรักษา ๆ คือรักษาลูกในท้อง ก็เริ่มมีมาแล้วตั้งแต่โน้น จนกระทั่งตกคลอดออกมา การเลี้ยงดูทุกกิทุกกีทุกแง่ทุกมุม พ่อแม่จะทุ่มลงเพื่อเราคนเดียว ๆ ใครเป็นลูกของท่านคนไหนก็คนนั้นละเต็มเม็ดเต็มหน่วย จะทุกข์จะจนหนโลก พ่อแม่ไม่ได้สนใจยิ่งกว่าความรักลูก ความทะนุถนอมลูก ตั้งแต่อยู่ในท้องมา แม่กับพ่อจะเป็นภาระอันหนักหน่วง พอตกคลอดออกมาแล้วการดูแลรักษาทุกอย่าง จะปฏิบัติเป็นระยะ ๆ ตั้งแต่อยู่ในท้องปฏิบัติอย่างหนึ่ง ตกคลอดออกมาแล้วปฏิบัติอีกอย่างหนึ่ง แล้วเติบโตขึ้นมาแล้วปฏิบัติอีกอย่างหนึ่ง ๆ
จนกระทั่งเป็นผู้เป็นคนขึ้นมานี้ออกมาจากไหน คือออกมาจากพ่อจากแม่เป็นผู้ประกันชีวิตจิตใจความเป็นอยู่ของเราทุกด้านทุกทาง ไม่มีใครสามารถอาจหาญที่จะมาทำได้อย่างพ่อแม่ของเรา โดยไม่คำนึงถึงความยากดีมีจนอะไรเลย มีแต่ความเมตตาสงสารลูกทั้งนั้นด้วยกันหมด เพราะฉะนั้นเวลาเราเติบโตขึ้นมาแล้ว ให้รู้จักบุญจักคุณของพ่อของแม่ของเรา อย่าถกอย่าเถียง อย่าดุอย่าด่า อย่าขัดอย่าขืนอย่าดื้อดึงฝ่าฝืน ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ให้ปฏิบัติตามคำของพ่อของแม่ บาปกรรมจะไม่ได้หนักหนาเกินไป ถ้าเราไม่มีอะไรตอบแทนบุญคุณพ่อแม่นี้บาปจะหนักมากนะ
ท่านจึงเทียบไว้ พ่อกับแม่นั้นเทียบกับพระอรหันต์องค์หนึ่ง ฟังซิ โทษก็มาก คุณก็มาก อยู่กับพ่อกับแม่ ถ้าไปทำผิดพลาดเข้ามาโทษก็มาก ถ้าทำดี อานิสงส์คุณค่าแห่งการปฏิบัติตัวอุปถัมภ์อุปัฏฐากพ่อแม่ เพราะความรู้จักบุญจักคุณก็มีมาก ท่านสอนว่าอย่างนั้น ท่านจึงเทียบไว้ พ่อกับแม่นี้เทียบกับพระอรหันต์องค์หนึ่ง เราไปแตะต้องทำลายพระอรหันต์แบบใด ๆ ก็ตามมีโทษมาก ๆ แล้วการทำบุญให้ทานกับพระอรหันต์นั้นก็มีคุณมาก ๆ ฉันใด เราทำกับพ่อกับแม่ของเราทั้งฝ่ายดีฝ่ายชั่ว จะมีโทษมากมีคุณมากเช่นเดียวกัน ให้ลูกหลานทั้งหลายจำเอานะ
หลวงตานี้ซึ้งมาก เวลามันไปสุดขีดพูดให้เต็มยศเลยนะ เวลาไปสุดขีด ตอนที่ท่านเลี้ยงมานั้นเราก็รู้ว่าพ่อว่าแม่มันก็อดเถียงไม่ได้ละ พ่อกับแม่ ไอ้ลูกมันก็ถือสิทธิ์ว่าเราเป็นลูก พ่อแม่ก็รักเลี้ยงดูไม่ได้สนใจถือสิทธิ์ว่าเป็นลูกแหละ มีแต่ความรักความเมตตาสงสาร แต่ลูกมันถือสิทธิ์เป็นลูกล่ะซิ พ่อแม่ว่าอะไรนี้ แว้ ๆ ๆ โอ๊ย เราเสียดาย เสียดายอันหนึ่งคือว่าเราอยากเป็นพ่อคน เรามีเด็กขึ้นมามันมาแว้ ๆ ใส่เรา ลูกของเราเราจะฟาดปากมันเข้าใจไหม แต่นี้หลวงตาบัวไม่เคยมีเมียจึงไม่มีลูก เห็นลูกเขาแว้ ๆ ใส่พ่อใส่แม่เขา เราคันมือเราอยากฟาดแทนเข้าใจเหรอ นั่นละคนไม่รู้จักบุญจักคุณ มันถือสิทธิ์ เป็นธรรมดาของลูกทุกคน
เกิดมาทีแรกนี้มันเป็นข้าหลวงใหญ่ เข้าใจไหม ข้าหลวงกับผู้ว่าราชการจังหวัดกับเจ้าเมือง เขาใช้ผลัดเปลี่ยนกันมาเรื่อย ๆ แต่ก่อนเป็นเจ้าเมือง ถัดออกมาก็เป็นข้าหลวง พอเลยจากนั้นแล้วเขาก็เรียกว่าเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด ก็คือข้าหลวงนั่นแหละเข้าใจไหม ทั้งสามชื่อนี้เป็นไวพจน์ใช้แทนกันได้ ว่าผู้ว่าก็ได้ ว่าข้าหลวงก็ได้ ว่าเจ้าเมืองก็ได้ คือคนคนเดียวที่เป็นหัวหน้าในเขตจังหวัดนั้นแหละ เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัด ทีนี้เวลาตกคลอดออกมาทีแรก ลูกคนแรกตัวเล็ก ๆ อยู่นั้นน่ะ อำนาจมันนี่ข้าหลวงสู้ไม่ได้นะกับพ่อกับแม่นี่ ชี้กาเป็นกา ชี้หมูเป็นหมู ชี้หมาเป็นหมา ชี้อะไรเป็นเป็ดเป็นไก่ให้ได้อย่างใจหวังทั้งนั้น นี่ข้าหลวงใหญ่เข้าใจไหม
พอโตขึ้นไปแล้ว เอ้า ข้าหลวงคนนี้ขึ้นมาแทนอีกแล้ว ผู้นี้ก็เป็นรองข้าหลวง พอโตขึ้นไปลดตำแหน่งทิฐิมานะนี้ลง แล้วผู้นี้เกิดขึ้นมาอีก ผู้นั้นโตขึ้นไปเป็นปลัดจังหวัด เป็นรองข้าหลวง ปลัดจังหวัด แล้วก็เข้ามาหานายอำเภอ ย่นตำแหน่งลงมาหานายอำเภอ มาหากำนัน พอมาถึงผู้ใหญ่บ้านแล้วไม่ยอมลดนะ นี่พวกผู้ใหญ่บ้านทั้งนั้นนะนี่ ไม่ยอมลด ถือสิทธิ์ว่าเราเป็นลูก เถียงพ่อเถียงแม่เก่งอยู่ขั้นผู้ใหญ่บ้าน นี่มันเก่งเข้าใจไหม ถือสิทธิ์ว่าเจ้าของเป็นลูก อยากทำก็ทำ ไม่อยากทำก็ไม่ทำ ดื้อดึง พวกผู้ใหญ่บ้านนี่สำคัญนะ ถ้าเป็นผู้หญิงมันโกโรโกโสไปหาผู้ใหญ่บ้านแล้วมันจะไปหาผู้ใหญ่แบ้น เข้าใจไหม ให้ระวังให้ดีนะ
อ้าว จริง ๆ ถ้ามันเถลไถลไปแล้วจะไม่มีขอบเขต กลายไปหาผู้ใหญ่แบ้น ไปหาหีหาควยไปละ โดยไม่คำนึงถึงความผิดถูกชั่วดี นี่เสียอันหนึ่งเข้าใจไหมล่ะ พากันจำให้ดีนะ หลวงตานี้ซึ้งมาก ซึ้งคุณของพ่อของแม่ เวลามันผ่านไปหมดครอบโลกธาตุ จิตดวงนี้เวลามันครอบโลกธาตุ มันสว่างจ้าครอบโลกธาตุแล้ว มองอะไรเป็นสารคุณเป็นต้นเหตุที่จะให้จิตของเรามาเป็นขนาดนี้ ที่อัศจรรย์ตัวเองเหลือประมาณ หาที่ประมาณไม่ได้เลย เราเกิดมาเราไม่เคยคิดเคยคาดว่าเราจะได้มาชมตัวเอง พอถึงขั้นธรรมอันนี้แล้ว ธรรมไม่คิดไม่คาด ด้วยอำนาจแห่งการบำเพ็ญของเราเต็มเม็ดเต็มหน่วยเต็มสติกำลัง พอมันโผล่ขึ้นมานี้ผาง จ้าครอบโลกธาตุ เมื่อครอบโลกธาตุแล้ว อันใดที่เป็นสาระสำคัญอยู่ในโลกธาตุอันนี้ มีอะไร ๆ วิ่งขึ้นไปหาคุณของพ่อของแม่นะ ไม่ไปที่อื่น
โอ๋ย เราที่จะมาเป็นอย่างนี้ พ่อแม่ของเราเลี้ยงเรามาตั้งแต่อยู่ในท้อง ตกคลอดออกมาแล้วเลี้ยงดูตลอดเวลา พลีชีพพลีชีวิต ไม่ได้สนใจกับเรื่องความทุกข์ความมีความจน เอาชีวิตเข้าแลกกับลูกทุกคน เรานี้ก็มีชีวิตมาจากพ่อจากแม่ แล้วมันก็เลยฝังลงคุณของพ่อของแม่ตลอดมา เวลานี้จึงฝังลึกมาก คุณของพ่อของแม่นี้ซึ้งเอาจริง ๆ ไม่มีอะไรเหนือในโลกธาตุนี้ ไปอยู่กับคุณของพ่อของแม่ทั้งนั้น นี่หลวงตาประกาศออกมาด้วยความเป็นจริงในหัวใจของเรา เวลานี้จิตของเราหนักแน่นอยู่ในคุณของพ่อของแม่ แผ่เมตตาจิตนี้จะบึ่งถึงพ่อกับแม่ก่อนอื่นเลย พอปั๊บออกไปนี้จะออกถึงพ่อถึงแม่การแผ่เมตตาจิต จากนั้นก็กระจายไปทั่วแดนโลกธาตุ พ่อแม่ต้องเป็นอันดับหนึ่งก่อน มันซึ้งในหัวใจ
ลูกหลานทั้งหลายให้พิจารณานะ การอยู่กับพ่อกับแม่ ท่านเลี้ยงเรามาแล้ว บาปมีบุญมีนะ ท่านจึงเทียบเป็นพระอรหันต์องค์หนึ่ง ถ้าทำไม่ดีต่อพ่อต่อแม่เป็นบาปมากทีเดียว ถ้าทำดีต่อพ่อต่อแม่ก็เป็นบุญมาก เช่นเดียวกับเราบำเพ็ญความดีและทำความชั่วต่อพระอรหันต์องค์หนึ่งนั่นแหละ โทษและคุณมีน้ำหนักเท่ากัน มากเท่ากัน ให้พากันจำเอานะ วันนี้พูดเพียงเท่านั้นละ แล้วมีอะไรอีกไหมล่ะ ต่อไปนี้จะให้พรนะ
ตะกี้นี้อันดับแรกคือพ่อคือแม่ผู้ปกครองของเราเป็นขั้นแรก อันดับที่สองลงมาหาครูหาอาจารย์ ครูอาจารย์นี้เป็นอันดับที่สองจากพ่อจากแม่มา ให้เชื่อฟังคำแนะนำสั่งสอนของครูของอาจารย์ ถ้าไม่ฟังคำสั่งสอนของครูของอาจารย์ เรียกว่าสัตว์ไม่มีเจ้าของเสียหมดนะ ต้องฟังเสียงครูเสียงอาจารย์ ทีนี้อาจารย์ที่สั่งสอนเรา อาจารย์ต้องเป็นแบบพิมพ์ของเด็ก แล้วสอนเด็ก เด็กก็ต้องยึดเอาแบบพิมพ์มาปฏิบัติตัวเป็นคนดี ต่อไปก็กลายเป็นเด็กดี ผู้ใหญ่ดี แล้วถ่ายทอดกันเป็นคนดีไปโดยลำดับนะ อันนี้เป็นอันดับที่สอง เอาละพอ
หลวงพ่อสอนเด็ก ๆ ค่ะว่า อันดับแรกแบบที่หลวงตาเทศน์เลยค่ะ ว่าต้องเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ (ใช่แล้ว) ประการที่สอง เป็นลูกศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์(ถูกต้อง) ประการที่สาม เป็นคนดีของสังคม (เออ) ประการที่สี่เป็นศาสนิกชนที่ดี(เออ) ถือศาสนาไหนจะต้องเป็นคนดีของศาสนานั้น สรุปได้ ๔ ประการค่ะ มากกว่าหลวงตาสองข้อ
เท่านั้นเหรอ (ค่ะ) วันนี้หลวงตายอมแพ้ หลวงตาสอนได้เพียงเรื่องลูกกับพ่อแม่กับครูกับอาจารย์ ไม่ได้สอนมากกว่านั้นไป แสดงว่าอาภัพอยู่บ้างวันนี้ วันหลังเตรียมใหม่นะ ถูกต้องแล้วที่สอน ให้ยึดเอานะ ถูกต้องแล้ว ดีแล้วเป็นสิริมงคล มาหาครูหาอาจารย์ท่านจะแนะนำสั่งสอนทางด้านอรรถธรรมซึ่งเป็นความดีทั้งนั้นละ ให้พากันไปปฏิบัติก็แล้วกันนะ
ผู้ช่วยศึกษาธิการจังหวัดนครราชสีมาครับ
วันนี้มาได้ฟังธรรมะหรือเปล่าล่ะ (ฟังครับ) ฟังอยู่เหรอ
เป็นบุญมากครับ มาทีไรไม่ได้เจอหลวงพ่อ วันนี้ก็กะว่าไม่ได้พบหลวงพ่อละครับ เป็นบุญมาก
วันนี้ได้ฟังธรรมะตั้งแต่ต้นเหรอ
ได้ฟังตอนท้ายเรื่องบุญคุณของคุณพ่อคุณแม่ครับ
โห เสียดายไม่ได้ฟังตอนต้น เข้มข้นมากมาตลอดนะ นี่ได้ฟังไหมนี่
มาฟังตอนกลาง ๆ ค่ะ
แหม มีแต่พวกหางกุดหางขาด หางเต็มหางไม่มี มีแต่หางด้วนหางขาดมา(ได้ทันฟังเรื่องบุญคุณพ่อแม่ค่ะ) อ้าว จริง ๆ เราไม่มีอะไรตกค้างในใจนะ คุณของพ่อของแม่นี้เด่นมากทีเดียว จึงได้นำออกมาพูด ไม่มีอะไรที่เป็นเครื่องชโลมหัวใจ กระตุ้นเตือนหัวใจอยู่ตลอดมาเหมือนคุณพ่อคุณแม่ อันนี้มีน้ำหนักมากทีเดียว เพราะฉะนั้นจึงว่าแผ่เมตตาปั๊บนี้ คุณพ่อคุณแม่ออกเลย กระจายออกทั่วโลกดินแดน มันเป็นเองนะ หาที่จุดหมายปลายทางตั้งแต่ต้นจนกระจายออกไปทั่วแดนโลกธาตุ อะไรเป็นต้นเหตุสำคัญที่สุด ขึ้นมาพ่อกับแม่เลย นั่นมันถึงได้ซึ้งล่ะซิ โห ยิ่งซึ้งนะคุณของพ่อของแม่ มาตาปิตุอุปฏฺฐานํ ให้อุปถัมภ์อุปัฏฐากบิดามารดา เชื่อฟังคำสั่งสอนของท่าน อย่าได้ดื้อดึงฝ่าฝืน แล้วก็ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ นี้เป็นมงคลอันสูงสุด
แต่ก่อนเราก็อ่านไปเรียนไป อย่างนี้ละความอ่านไปเรียนไปธรรมดากับภาคปฏิบัติมันต่างกันนะ เรียนได้จำได้ก็ธรรมดา ๆ แต่เวลามันเข้าในทางภาคปฏิบัติ มันดึงออกมาตามกฎตามเกณฑ์ที่ถูกต้องดีงามทุกอย่างแล้วมันหาที่ค้านไม่ได้ มันยอมรับปึ๋งเลยไม่ต้องมีใครบอก รับเอง เป็นอย่างนั้น เต็มเม็ดเต็มหน่วย วันนี้เทศน์มากแล้วไม่เทศน์อะไรมากละ วันนี้เทศน์ก็เข้มข้นแต่ต้นเลยนะ พอนั่งปั๊บก็ขึ้นเลย ไหลเลยเทียว ทั้งเข้มข้นไม่หยุดไม่หย่อนคำพูดคำจา มีขาดลมหายใจเท่านั้น ๆ พุ่ง ๆ เลย จนกระทั่งถึงมาหาพ่อแม่กับลูกเป็นวาระสุดท้าย
ถ้าได้ฟังตั้งแต่ต้นมานี้จะพอกระตุกใจด้วยกันทุกคน เพราะเทศน์ตั้งแต่การช่วยบ้านช่วยเมือง ช่วยตัวเองแล้วก็ช่วยบ้านช่วยเมืองมาทุกสิ่งทุกอย่าง กิริยาการเคลื่อนไหวของเราเพื่อชาติบ้านเมืองนี้เราพูดด้วยความภูมิใจ เพราะเราทำด้วยความภูมิใจทุกอย่าง อธิบายให้ท่านเหล่านี้ฟังทั้งหมด เราถึงว่าเสียดายตอนที่เราชี้แจงถึงเรื่องเหตุผลกลไกที่มานำพี่น้องชาวไทย ไม่ได้นำธรรมดานะ เรานำอย่างสุดเหวี่ยงจริง ๆ เพราะฉะนั้นใครควรจะเชื่อถือการแนะนำสั่งสอนเหล่านี้ ซึ่งเป็นธรรมล้วน ๆ ออกมาด้วยความไม่สงสัยในแง่ใดมุมใดที่สอนออกไปแล้วว่างั้นเลย
เพราะฉะนั้นจึงว่าเราไม่เคยปรึกษาหารือกับใคร เราจะก้าวเดินออกเพื่อนำชาติบ้านเมือง ผู้ใหญ่ผู้โตขนาดไหนเราไม่ไปเกี่ยวเลย เราจะพิจารณาของเราแล้วออกพุ่ง ๆ เลย การดำเนินยังไง ๆ นี้เราออกของเราเอง ทุกอย่างที่สอนมาทั้งหมดออกจากเราเอง โดยไม่ต้องไปปรึกษาหารืออะไร เราก็ไม่ได้ประมาทใคร เมื่อไม่ได้ปรึกษาเราก็บอกไม่ปรึกษา พูดง่าย ๆ ว่าเราปรึกษาธรรมเท่านั้นว่างั้นเถอะน่ะ เอาธรรมเป็นใจ เอาธรรมเป็นเกณฑ์เลย พิจารณาได้มากน้อยเพียงไร จะออกช่องแคบช่องกว้าง ออกขนาดไหนมันจะออกของมันเอง พุ่ง ๆ ก้าวเดินเลย ควรเด็ด-เด็ด ควรดี-ดี ควรอ่อน-อ่อน มันเป็นของมันไปเอง
เหมือนเขาถากไม้หรือถ้าทางราบรื่นรถก็พุ่งเลย ถ้าทางขรุขระรถก็เบา อันนี้การพิจารณาของด้านธรรมะ อันไหนขรุขระ อันไหนราบรื่น มันจะออกของมันเองตามนั้น วันนี้ก็สอนเต็มเม็ดเต็มหน่วยแล้ว ไม่พูดอะไรมากละ ได้ฟังแค่นั้นก็เอาละ การเทศน์ก็เทศน์ทุกเช้า ออกวิทยุทุกเช้า อุดรฯ นี้ ๘ สถานีออกด้วยกันหมด เป็นแต่เพียงไม่ซ้ำเวลากัน ออกทุกสถานี ๘ สถานีออกหมด เทศน์นี้อัดเทปไว้ข้างบนแล้วเขาก็เอาออกวิทยุ ๘ สถานี เป็นแต่เพียงว่าเวลาไม่ซ้ำกัน จากนี้ก็ออกกรุงเทพ สถานีใหญ่ ๆ นี้ออกทั้งนั้น แล้วอันที่สามก็ออกทางอินเตอร์เน็ต เวลานี้ทั่วโลกออกจากคำพูดของคนคนเดียวนี้ทั่วโลกไปเลยตลอดมานะ เป็นคำพูดประจำวันดังที่เขาเขียนไว้ วันต่อวัน ก็พูดอย่างนั้น เทศน์มาอย่างนั้นและออกอย่างนั้นเป็นประจำ ๆ
ให้โลกได้ยินได้ฟังเสียงอรรถเสียงธรรมเสียบ้างเป็นยังไง แล้วธรรมเป็นธรรมะป่าเสียด้วย เวลาจะออกก็ไม่ถามใคร ถ้าว่าตีก็หงายไปแล้วถึงรู้ว่าถูกตี ถ้าว่าตีก็หงายไปแล้วถึงรู้ว่าถูกตี ไม่ได้บอกไม่ได้เตือน ปั๊วะ ๆ ทั้งหนักทั้งเบา กว้างแคบ หนาบางขนาดไหน จะออกเอง ๆ จบแล้วหายเงียบเลยเหมือนไม่มีอะไร ตัวเราเองจำไม่ได้นะ เช่นอย่างเทศน์ตอนเช้านี้ พอตกตอนเย็นมาเขาเอาอินเตอร์เน็ตมาอ่านให้ฟัง เป็นการทบทวนอินเตอร์เน็ตอยู่ในตัวนะ คือทางอินเตอร์เน็ตเขาจะออกเป็นทางหนังสือออกมา ทางนี้ก็อัดอินเตอร์เน็ตไว้แล้วตอนเย็นก็มาอ่านให้เราฟัง นั่นละคือทบทวนในตัว เรียกว่าตรวจทานไปในตัว พอเสร็จแล้วเขาออกจะไปพิมพ์อะไรก็แล้วแต่
เราได้ฟังอ่านจากอินเตอร์เน็ตแล้วก็ไม่ปรากฏว่าได้แก้ไขดัดแปลงตรงไหน แม้ตัวเดียวไม่มี ขนาดนั้นละนะเราฟังเอง แสดงว่าตายใจได้แล้ว ๆ อ่านไม่คัดค้านก็เรียกว่ารับรองแล้ว ไม่เคยมีที่จะแก้ไขตรงไหน ไม่เคยมีจริง ๆ นะ ไม่ว่าเทศน์กัณฑ์ไหนเหมือนกัน เพียงแต่อ่านผ่าน ๆ เฉย ๆ แล้วก็ไปเรื่อย ๆ ตลอดมาทุกวันนี้
เราพูดจริง ๆ เราพูดด้วยความแม่นยำของจิต ไม่มีเคลื่อนคลาด ออกตรงไหนแน่วเลย ไม่ว่าจะเด็ดจะเดี่ยวจะดุจะด่าขนาดไหน จะพอเหมาะพอดีกับสิ่งที่มาเกี่ยวข้อง ควรหนัก-หนัก ควรเบา-เบา เรื่อย ๆ ไปเลย เหมือนเขาถากไม้ นั่นเป็นอย่างนั้น เอาละที่นี่นะ พอสมควรแล้ว
เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร www.luangta.com