เทศน์อบรมฆราวาส
ณ วัดสังโฆญาณวิสุทธิโสภณ (ภูสังโฆ)
เมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๓
เวลาประมาณ ๑๑.๐๕ น.
ว่างอยู่ที่จิตกับกิเลส
จะตรงไปทางโคราช-กรุงเทพมันไปไม่ได้ล่ะ กักทางตลอดเลย มันไม่สะดวกในการไปการมา ทางไปทางอุดร-บ้านผือ-สกลนครไปได้สะดวก ตรงไปนู้นไม่ได้เขาสะกัดไว้หมดท่า นี่ก็เพราะข้าศึกนั่นแหละ ข้าศึกในตัวเราเอง ระแวงแคลงใจเขา ตัวเองไม่เคยระแวงแคลงใจว่ามันสร้างพิษสร้างภัยใดขึ้นมา ระวังตั้งแต่นู้นตัวสร้างพิษไม่ระวัง
อยู่นี้มันก็สบายอยู่ในป่าในเขาสบาย อยู่ในเขาเงียบ ธรรมดามันเงียบหมดตลอด ยิ่งเข้ามาสู่สถานที่จะบำเพ็ญเพียรก็เหมือนกับเป็นที่ตั้งเวทีขึ้นมาละ สติก็มาเองๆ แต่ที่อย่างนี้เสือไม่มี ไม่เหมือนแต่ก่อน แถวนี้ป่าเสือนะนี่ ดงบ้านตาดเป็นดงป่าเสือ จังหวัดไหนก็ตามเสือมีอยู่ทุกจังหวัด เพราะเรานักท่องเที่ยว ที่เช่นนั้นละเราไปอยู่ในที่เช่นนั้นความเพียรดี เวลากลัวตายแล้วจิตมันเข้าข้างใน แต่ส่วนมากมันไม่เข้า ถ้าเข้าแล้วก็หายกลัว
ลงทางนู้นก็ไม่ได้ไป ลงไปทางโคราชไปทางนู้นไม่ได้ไป ตั้งด่านอะไร มนุษย์นั่นละตั้งด่าน มนุษย์ในเมืองไทยนี่ละตั้งด่านใส่กัน มันเหมือนบ้า เราอยากว่าอย่างนั้น กิเลสตัวมันสร้างพิษสร้างภัยตัวเป็นข้าศึกศัตรูมันมีอยู่ในใจไม่ตั้งด่านดูมันนะ สติไม่มี ตั้งด่านดูกิเลสมันคิดเรื่องอะไรๆ ไม่ดู กลัวเหมือนคนกลัวผี ที่ไหนมีผีแล้วจิตไปอยู่กับผี หากว่ากลัวกลัวแต่ก็อยู่ในป่าช้า กลัวป่าช้า ถ้าไม่กลัวมันอยู่กับธรรม ท่านสอนผู้ภาวนาจึงให้จิตอยู่กับธรรม เราภาวนาแบบไหนให้อยู่นี้ จิตไม่มีโอกาสออกไปเที่ยวข้างนอกมันก็อยู่นี้ จิตเมื่อมีผู้อารักขาคือสติแล้วมันจะอบอุ่นแล้วมั่นคงๆ เรื่อยๆ นี่ทำหมดแล้วนะนี่ ไม่ใช่ว่ามาคุยว้อๆ เฉยๆ ทำหมดแล้ว สติไม่ออก จิตอยู่กับตัวมันจะกลัวขนาดไหนก็ตามมันจะเข้ามาที่นี่ เข้ามาถึงที่นี่แล้วไม่กลัว จิตไม่มีที่พึ่งกลัว ถ้าจิตมีธรรมเป็นหลักใจแล้วไม่กลัวละ
แต่ก่อนมาทางหมู่บ้านไหนนะ เดี๋ยวนี้ตัดมาทางนี้ ออกจากวัดก็มาทางทิศใต้ปั๊บๆๆ เข้านี้เลย ถ้ามาทางหมู่บ้านนู้นตามลำดับไกล ผ่านบ้านนั้นบ้านนี้กว่าจะมาถึงไกล นี่ออกจากวัดทางตรงมาเลยมานี้เข้าเลย
ในหนังสือท่านแสดงไว้ว่า วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ กตํ กรณียํ ผู้เสร็จกิจ กิจนั้นกิเลสเป็นข้าศึก พอฆ่ากิเลสที่มีในใจแล้วหมดงาน พระอรหันต์หมดงาน หมดโดยสิ้นเชิง งานอย่างนั้นอย่างนี้ไม่เรียกว่าเป็นงานนะ งานสำคัญคืองานที่กิเลสบ่งการ งานจำเป็นเรียกว่ามีงาน แต่มันจำเป็นจริงๆ ก็คืองานแก้กิเลส เมื่อแก้ได้จริงๆ หมดแล้วไม่มีงานนะ วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ เรียกว่าท่านผู้สิ้นแล้วอันข้าศึกคือกิเลส ฆ่ามันได้แล้วไปที่ไหนก็ไม่มีงาน เป็นคนว่างงาน จิตสิ้นกิเลสแล้วเป็นจิตที่ว่างงาน ไม่ยุ่งกับอะไร
นี่อ่อนลงทุกวันละธาตุขันธ์ อ่อนลงทุกวัน หลังก็เจ็บเดี๋ยวนี้ เจ็บหลัง มันจึงไม่สะดวก ไปไหนมาไหนไม่สะดวก อันนี้ก็เป็นอันหนึ่ง นี่ได้ห่อไว้ (แผลที่เท้า) ไปไหนต้องขึ้นรถ มานี่ก็มีรถน้อยมา รถน้อย เอามาจากบ้านตาดหรือไงไม่รู้ ส่วนมากเขาจะเอาแนบอยู่ในรถนั่นละมา ออกจากนั้นก็ขึ้นนี้ ออกจากนี้ก็ขึ้นรถนี้แล้วก็ขึ้นรถใหญ่ เป็นอย่างนั้นละ
เหมาะล่ะการประกอบความพากเพียร อยู่ที่นี่เหมาะ อยู่ในป่าในเขา ผู้จะธรรมเจริญในใจมักจะวัตถุภายนอกขาดแคลน การอยู่การกินใช้สอยขาดๆ เขินๆ กินอะไรก็แล้วไปๆ เลย แต่จิตมุ่งธรรมตลอด นั่นละธรรมเจริญ เพราะฉะนั้นพระกรรมฐานท่านจึงอยู่ในป่าในเขา บางแห่งสามสี่หลังคาเรือนไปอยู่ เที่ยวแต่ก่อนอย่างนั้นละ อยู่ในบ้านใหญ่ไม่เคยไม่ไป ไปหาอยู่บ้านเล็กๆ น้อยๆ ในป่าในเขา มันมีอยู่นะบ้าน เรามองไปนี้ เหมือนมันมีแต่ป่าครั้นไปแล้วมันมีบ้านคนอยู่แทรกอยู่นั่นละ ไปบิณฑบาตกับเขาแหละ เพราะไม่ได้ห่วงใยอะไรกับอาหารการกิน ห่วงแต่ธรรม ขอให้ได้บำเพ็ญธรรมสะดวกดีๆ อย่างนั้นละ
นี่เอาเสียจนกระทั่งหมดงาน พระอรหันต์และพระพุทธเจ้าลงมาทุกพระองค์อรหันต์ทุกพระองค์เป็นอันเดียวกันหมด เรียกว่าผู้หมดงานหมดงานทำ กิเลสตายหมดแล้วก็ไม่มีงาน นี่ก็ทำไปอย่างนี้ละเพื่อธาตุเพื่อขันธ์ หรือนั่งภาวนาสงบใจไปธรรมดา ถ้ากิเลสสิ้นแล้วเรียกว่าเป็นผู้หมดงานแล้ว หมด ถ้ากิเลสยังไม่สิ้นมีมากเท่าไร น้อยเท่าไรเป็นงานทั้งนั้นละ งานยุ่ง ถ้ากิเลสมันสิ้นแล้วเป็นคนหมดงาน อยู่ไปดูไปฟังไปทำไปแต่ไม่ใช่เป็นสิ่งสำคัญเหมือนกิเลสพาทำ ถ้ากิเลสพาดูพาฟังพาอะไรนี้นี่เป็นตัวสำคัญมากเป็นภัยต่อเรา ถ้ากิเลสขาดลงไปแล้วดูอะไรก็ดูได้หมด ไม่มีอะไรเป็นภัย เหนือมันหมดแล้ว นั่น
เพราะอย่างนั้นท่านจึงว่าพระพุทธเจ้า-พระอรหันต์ทุกๆพระองค์เป็นผู้หมดงาน ว่างหมดเลย จิตใจว่าง ถ้าจิตใจว่างแล้วว่างละ ถ้าจิตใจยังมีกิเลสอยู่จะขึ้นอยู่บนอากาศมันก็ไม่ว่าง มันไม่ว่าง มันว่างอยู่ที่จิตกับกิเลส กิเลสสิ้นแล้วว่างเลย ถ้ากิเลสยังมีอยู่ไม่ว่างตลอดไป เอาให้มันเห็นจิตว่างเป็นจิตอย่างไร พระพุทธเจ้าสอนไว้แท้ๆ เป็นสวากขาตธรรมตรัสไว้ชอบแล้วทำไมเราไม่เข้าไปถึง ท่านตรัสไว้ชอบแล้วเราทำตามท่านมันก็ชอบ สุดท้ายก็หมดงานฆ่ากิเลส งานในโลกไม่มีอะไรสำคัญ ขอให้งานฆ่ากิเลสสิ้นไปแล้วอยู่ไหนสบาย เรียกว่าผู้หมดงาน ว่างไปหมดเลย
มาในชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายที่พูดให้ประชาชนญาติโยมฟัง ที่ใกล้ชิดติดพันไม่พูด แต่ลูกศิษย์ลูกหาไม่เคยพูด พูดกลางๆ ไปเสีย ถ้าจะพูดพูดเฉพาะบอกตรงๆ เลย บอกตรงๆ ถามตรงๆ เป็นอย่างไรจิตเวลานี้พิจารณาอะไรนั่นเท่านั้น พอบอกว่าจิตพิจารณาอย่างนั้นรู้แล้วนะ ผู้เหนือกว่ารู้ปั๊บทันทีเลย รู้ปั๊บทันที นั่นละรู้อยู่กับเจ้าของ สนฺทิฏฺฐิโก รู้ด้วยตนเอง
มีแต่จะกลับเท่านั้นละ ไม่ไปไหนกลับวัด งานคนมาเกี่ยวข้องยิ่งมากนะ แต่เราปิดประตูกันไว้ไม่ให้เข้า ถ้าจะมีธุระอะไรจะมีพระไปติดต่ออีกทีหนึ่ง ไม่อย่างนั้นไม่ได้นะตายกับคน ถ้ามีคนมากงานยุ่งมาก ให้มีแต่กิเลสกับธรรมฟัดกันนั่นละงานเพื่อว่าง พอกิเลสขาดสะบั้นหมดแล้วว่างหมดเลย เดินนั่งนอนอยู่ด้วยความว่างทั้งนั้นละ เรียกว่าหมดงาน งานใหญ่เท่าไรก็คืองานกิเลสนั่นละ
พระมีอยู่นี้กี่องค์ (๒๗ องค์ครับผม) พระ ๒๗ องค์ แต่จะมีมากขนาดไหนมันก็สงัด สะดวกสบายไม่มีงานกวน อยู่นี้เราก็สะดวกเหมือนกัน กับนักบวชทั้งหลายที่อยู่เด้นๆ ด้านๆ ไม่ได้เรื่องนะ ใครภาวนาดีๆ นั่นละธรรมอยู่กับคนนั้นนะ ธรรมไม่อยู่กับคนขี้เกียจขี้คร้านอะไร อยู่กับความขยันหมั่นเพียร เอาเสียให้จนมันขาดสะบั้นกับจิต จากนั้นหมดงาน ผู้หมดงานจริงๆ คือพระอรหันต์-พระพุทธเจ้าทุกพระองค์หมดงาน ว่างเลยตลอด งานเหล่านี้เราก็ถือว่ามันเป็นงานภายนอกต่างหากนะ ทำนั้นทำนี้ แต่งานสำคัญคืองานภาวนาแก้กิเลส นี่เป็นงานหนักมากอยู่ พอแก้อันนี้ได้แล้วที่ไหนก็ไม่มีงานละ ไม่มีงานกวนใจ กิเลสไม่มีไม่มีอะไรกวนใจล่ะ เอามันเป็นอย่างนั้นละ มันถึงสมชื่อสมนามว่าเราได้มาบวชและได้มาบำเพ็ญศาสนา ให้มันเห็นภายในจ้าอยู่อย่างนั้น นั่นละเรียกว่าผู้ว่างงาน
พระพุทธเจ้า-พระอรหันต์ทุกพระองค์เป็นประเภทที่ว่าว่างงานหมดเลย ทำภายนอกอย่างนี้ทำธรรมดาพออาศัยธาตุขันธ์อยู่เท่านั้นละ แต่กิเลสเต็มหัวใจ ทีนี้พอฟาดกิเลสขาดจากหัวใจหมดแล้วจิตว่างหมดทีนี้ อยู่ที่ไหนก็ได้สร้างให้อยู่ก็อยู่ไป สำคัญที่กิเลสอยู่หัวใจมีอำนาจมากยุ่งมากนะ พอกิเลสขาดจากหัวใจแล้วไม่มีงาน หมด พระพุทธเจ้า-พระอรหันต์ทุกๆ พระองค์ไม่มีงาน เป็นจิตที่ว่างงาน ว่างเลย อะไรที่เป็นกิเลสไม่มีก็ไม่กวนใจ คิดธรรมดาอย่างนั้นๆ มันไม่เป็นกิเลส ถ้าจิตมีกิเลสอยู่แล้วคิดอย่างไรมันก็เป็นกิเลสอยู่ในตัวของมันนั่นละ มันเอาไปกินจนได้ถ้ามันมีอยู่นั้น ถ้ามันไม่มีแล้วเป็นคนว่างงาน อยู่ที่ไหนว่างหมด ในโลกนี้ก็ว่าง รอแต่ขันธ์พอขันธ์พังแล้วก็ดีด นี่ละว่างงาน
เอาล่ะทีนี้ลากลับแล้วนะ ถ้าอยู่นานๆ เดี๋ยวบรรดาพี่น้องลูกศิษย์ลูกหาขนาบไล่มันเสียเกียรติเข้าใจไหม ไปด้วยความถูกขับไล่นี่มันเสียเกียรติ ต้องไปโดยลำพัง ระยะจะนี้ไปไหนมาไหนเขากั้นทางหมดนะ ข้าศึกของเมืองไทยเองละเป็นข้าศึกต่อกัน แล้วพระก็เป็นข้าศึกกับเขากันเลย นี่เขาว่าที่ไหนไม่ควรไปเราก็ไม่ไป ให้เป็นอะไรไม่เป็นแต่มันก็เป็นเรื่องทำให้เสียเวลา รำคาญเท่านั้นเอง นี่มันใกล้แล้วนะนี่ อายุ ๙๗ กำลังเข้า ๙๗ จะเต็มวันที่ ๑๒ สิงหา ๙๗ ปีเต็ม ให้พรย่อๆ แล้วก็ไปแล้วนะ
รับชมรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM103.25 MHz
พร้อมเครือข่ายทั่วประเทศ
|