เทศน์อบรมฆราวาส
ณ วัดสังโฆญาณวิสุทธิโสภณ (ภูสังโฆ)
เมื่อวันที่ ๑๓ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๓
เวลาประมาณ ๑๒.๓๐ น.
งานของท่านผู้สิ้นกิเลส
เดี๋ยวนี้มันจะหมดสภาพแล้วละ สภาพความเป็นอยู่ของธาตุของขันธ์ มันค่อยๆ หมดสภาพลงไป หมดลงไป หมดลงไป อันนี้มันถึงเวลาจะรู้มันจะรู้ของมันไปเรื่อยๆ ๆ มันอยู่ในกฏอนิจฺจํ ส่วนนิพพานธาตุไม่ใช่กฏอันนี้นะ นิพพานธาตุหรือว่านิพพานเที่ยง ไม่ได้อยู่ในกฏเหล่านี้ เราหายสงสัยทุกอย่างแล้วละ อยู่ไปมาก็ไปอย่างนั้นละ หายสงสัยหมดเลย เรื่องธาตุเรื่องขันธ์เรื่องกิเลสเรื่องธรรมหายหมด ไม่มีอะไรเหลือติดใจ หมด
เรียกว่าสุดล่ะ ในภพนี้ชาตินี้มายุติในอัตภาพอันนี้ละ หมด ที่จะไปสืบต่อในภพใดชาติใดอีกไม่มี โดยจะมาถือเอาเรื่องธาตุเรื่องขันธ์เป็นผู้เป็นคนสัตว์ต่างๆ ไม่มีละ พอไปหมด หายสงสัยหมดแล้ว เรียกว่าหมดแล้ว ชาตินี้เป็นว่าชาติสุดท้ายก็ไม่ผิด หมด เรียกว่าเสร็จงาน ไม่มีงาน หมดงานแล้ว งานก่อกำเนิดเกิดนั้นเกิดนี้คืองานของกิเลสพาให้เกิดนะ งานของธรรมสังหารออก สังหารออก หมด งานของธรรมสังหารกิเลสหมดแล้วก็เรียกว่าหมดงาน สิ้นงาน
ท่านแสดงไว้ว่า วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ กตํ กรณียํ นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานาติ การประพฤติพรหมจรรย์ได้อยู่จบแล้ว งานที่ควรทำก็คืองานฆ่ากิเลสก็ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว งานอื่นที่จะทำให้ยิ่งกว่านี้อีกไม่มี งานของพระพุทธเจ้างานของท่านผู้สิ้นกิเลสมายุติลงตรงกิเลสขาดสะบั้นจากใจ ตัวภพตัวชาติตัวเชื้อของมันแท้ๆ เป็นอย่างนี้ พออันนี้ถูกม้วนเสื่อลงไปแล้วก็หมดเลย ไม่มี หายสงสัย ไม่มีอะไร หรือเรียกว่าหมดงาน งานหมดลง งานทั้งหลายที่กิเลสขาดสะบั้นลงไปจากใจนั่นละงานคือกิเลสมันต่อเส้นต่อสายอันยาวเหยียดเรื่องภพเรื่องชาติสูงต่ำมากน้อย พอกิเลสนี้มันขาดลงไปแล้วก็หมดเลย ไม่มีอะไรเหลือ
เรียกว่างานหมด งานก่อภพก่อชาติที่จะไปเกิดในที่ไหนๆ อีกหมด เพราะเชื้อคือกิเลส กิเลสหมดจากใจงานก็หมดเลย อันนี้พูดก็พูดยากนะทั้งๆ ที่มันจ้าอยู่ในหัวใจ แต่เวลาพูดมันพูดยากนะ พูดเปิดหูเปิดตาพูดให้ฟัง พวกที่ฟังปิดหูปิดตาตาบอดหูหนวกมันก็เข้ากันไม่ได้ซิเข้าใจไหมล่ะ เป็นอย่างนั้น มันสุดๆ ของมัน เรียกว่า วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ กตํ กรณียํ นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานาติ เสร็จกิจคือการประพฤติพรหมจรรย์เพื่อสังหารกิเลสได้สิ้นสุดลงไปแล้ว กตํ กรณียํ งานที่ควรจะทำอย่างยิ่งก็คืองานฆ่ากิเลสได้ฆ่าเสร็จลงไปแล้ว งานอื่นไม่มี ท่านจึงสิ้นภพสิ้นชาติเป็นอย่งนั้นละ
พูดให้ลูกหลานฟังเสีย เปิดเลยเราไม่มีอะไรเหลือแล้ว ในจิตใจนี้เปิดหมดแล้ว ไม่มีเหลือเลย กิเลสส่วนไหนจะมีเหลืออยู่ไม่มี การเกิดการตายก็ไม่กังวล อายุเราเดี๋ยวนี้มัน ๙๗ แล้วยังอายุเรา ๙๗ ๙๘ ๙๙ ๑๐๐ พูดอย่างนี้เราก็ไม่ได้เป็นกังวลนะ เราพูดไปตามแถวแนวของวัฏจักรวัฏวน เมื่อจิตไม่เป็นวัฏจักรแล้วไม่มีวัฏวน อยู่สบายเลย เราพูดให้ชัดเจนเสียเลยว่าสุดแล้ว ในชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเราละ หมด อย่างนี้เราก็ไม่เคยพูดออกกว้างขวางไม่พูดนะ พูดก็พูดสองสามคน อย่างนี้มันหายาก หาแทบล้มแทบตาย เอาเสียจนกระทั่งฟ้าดินถล่มในหัวใจผางแล้วจ้าเลย จากนั้นก็แล้วเลย เรียกว่า วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ กตํ กรณียํ การประพฤติพรหมจรรย์คือฆ่ากิเลสนี้เสร็จสิ้นลงไปแล้ว งานอื่นงานอะไรไม่มีที่จะทำต่อไป เวลาแปลออกเป็นอย่างนั้น
เรียกว่าหมดแล้ว ในภพนี้ชาตินี้เป็นอันว่าสิ้นสุดละ เราบอกให้ลูกให้หลานฟังเสีย ไปพูดที่อื่นเขาจะว่าบ้า อันนี้พวกบ้าอยู่ด้วยกันนี้มันพูดด้วยกันสะดวก พวกบ้าอยู่ด้วยกันมันพูดกันได้สะดวก ผู้พูดก็บ้าผู้ฟังก็บ้าพอๆ กัน เรียกว่าหมดแล้วงาน งานในวัฏสงสารในภพในชาติหมด ไม่มีเงื่อนต่อแล้ว ไม่มีเงื่อนอะไรจะมาต่ออีกให้เป็นภพเป็นชาติ เทวบุตรเทวดาอินทร์-พรหมไม่มี หมด ข้ามไปหมดแล้ว
แต่เราพูดให้ท่านทั้งหลายฟังนี้มันแทบเป็นแทบตายนะเราภาวนา เอาถึงขั้นเป็นตายเข้าว่า พอกิเลสมันขาดสะบั้นหมดแล้วว่างหมดเลยโลกธาตุนี้ อาโลโก อุทปาทิ โลกธาตุนี้ว่างไปหมดเลย ไม่มี นี่ก็เป็นธรรมธาตุ จิตก็เป็นธรรมธาตุ นั่นละหยุดตรงนั้นละ มายุติที่ตรงนั้นละ มันสิ้นสุดมาสักกี่ปีแล้วนะ สิ้นสุดยุติกันในเรื่องภพเรื่องชาติ หมด ยุติตรงนั้น ดูเหมือนจะเป็นปี ๒๔๙๓ จากนั้นมาก็เปิดโล่งอยู่นี้ตลอดเวลา ไม่มีอะไรเป็นสายห่วงสายใย หายหมดเลย ถึงกาลเวลาก็ไปเลย ไม่ห่วงไม่ใยอะไรทั้งนั้น
เรียกว่าหมดงาน หมดแล้วหมดงานของตัวเองหมดโดยสิ้นเชิง ไม่มีงานอะไรจะทำต่อไปอีก หมด การประกอบความพากความเพียรเรียกว่าเอาตายเข้าว่าเลยละ ไม่ใช่ธรรมดา ประกอบความพากเพียรเอาตายเข้าว่าเลยละ แต่เวลามันได้เปิดแล้วก็เปิดโล่งหมดเลย โลกธาตุนี้ว่างหมดเลย ไม่มีอะไรที่จะสุดอยู่ในหัวใจ เรียกว่า อาโลโก อุทปาทิ โลกธาตุนี้ว่างหมดเลย เป็นธรรมธาตุไปแล้ว จิตเป็นธรรมธาตุเรียบร้อยแล้ว โลกธาตุมันก็ไม่มีล่ะ มันเป็นธรรมธาตุอยู่ในหัวใจอันเดียว จึงว่าหายห่วง หมดงานที่จะทำ ไม่มี อยู่ไปอย่างนั้นละทุกวันนี้อยู่ไป ไม่ว่าจะเป็นจะตายอะไรไม่สนใจ อยู่ไปอย่างนั้นละ ไม่สนใจกับอะไร มองที่ไหนมันก็ขาดหมดแล้ว ไม่มีอะไรจะมามีเงื่อนต่ออีกไม่มี
ยังคิดตั้งแต่มาบวชทีแรก บวชทีแรกคิดดีใจว่าเราบวชแล้วนี้ตายแล้วจะไปสวรรค์ ถ้าไปสวรรค์มันก็มีกาลเวลาเคลื่อนไหวของมัน เป็นกฏอนิจฺจํอยู่นั้นน่ะ ขึ้นชั้นพรหมโลกมันก็เป็นกฏอนิจฺจํ เวลา อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา ขาดสะบั้นลงไปจากใจไปแล้วทีนี้ว่างหมดเลย ไม่มีอะไรเหลือละ เรียกว่าหมดงานแล้ว ไม่มีแล้ว เดี๋ยวนี้อยู่ไปอย่างนั้นละวันหนึ่งๆ อยู่ไปด้วยความหมดงาน หมดจริงๆ ไม่มีงานอะไรจะทำอีก ถ้าว่ากิเลสก็มีกิเลสตัวไหนที่จะมาเป็นข้าศึกอีก มันก็ขาดสะบั้นไปด้วยกัน มันก็ว่างไปหมดเลย เรียกว่าอาโลโก อุทปาทิ สว่างจ้าอยู่ตลอดเวลาเลย
นั่นละการปฏิบัติธรรมเมื่อถึงสุดขีดแล้วก็ไม่ถามใคร ธรรมกับใจเป็นอันเดียวกันเป็นธรรมธาตุ ธรรมกับใจมาเป็นอันเดียวกันเป็นธรรมธาตุแล้วยุติหมด นั่นละให้ปฏิบัติอย่างนั้นนะจะไม่ถามใคร มันจะรู้ด้วยกันหมด พระพุทธเจ้า-พระอรหันต์กี่พระองค์อย่างนี้จะเป็นแบบเดียวกันหมดเลย ไม่มีแบบสองแบบสามเข้ามาแทรกล่ะ จิตเป็นอันเดียวกันหมด ท่านจึงไม่ได้ถามกัน ท่านไม่ถาม เมื่อสิ้นแล้วลงไปในจิตแล้วเจ้าของรู้ตัวเอง
อายุอานามก็ไม่กำหนดกับมันล่ะ อายุจะได้สักกี่ปีกี่เดือนจะเป็นความดีใจเสียใจกับอายุได้เท่านั้นปีเท่านี้ไม่มี หมด กิเลสนั่นละตัวมันจับจองอายุอานาม พอกิเลสขาดลงไปแล้วอายุอานามที่จับจองไม่มี หมด เรียกว่าหมด เป็นอย่างนั้นละ นี่ละธรรมพระพุทธเจ้าท่านว่าสวากขาตธรรมตรัสไว้ชอบแล้ว ขอให้ปฏิบัติตามนั้นเป็นสวากขาตธรรมไปตลอด หลุดพ้นตลอดเลย นี่พูดจริงๆ อยู่อย่างนั้นละอยู่กับโลกก็อยู่ไปอย่างนั้น แต่มันไม่มีความหมายกับอะไรไม่มี
บำเพ็ญตนให้มันถึงที่สุดของมันแล้วไม่ว่าผู้ใดเป็นเหมือนกันหมด ไม่ถามกัน เรียกว่า สนฺทิฏฺฐิโก รู้ด้วยตัวเองพอ ให้มันรู้ด้วยตัวเองละเหมาะ พระพุทธเจ้า-พระอรหันต์ทั้งหลายรู้ด้วยตัวเองหมดเลย เป็นอันเดียวกัน ไม่มีสอง ไม่มีอะไรมาแทรก รู้ด้วยตัวเอง
รับชมรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM103.25 MHz
พร้อมเครือข่ายทั่วประเทศ
|