เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๓
จิตใจที่เป็นนิพพาน
(วันนี้มีงานไปรับผ้าป่าที่อำเภอพิมาย วัดป่าพิมาย) ไปพิมาย จำไม่ได้เรา ไปพิมาย ฉันเสร็จแล้วก็ออก ไม่สบาย ออก ธาตุขันธ์นี้ไม่สบายปรวนแปร แต่จิตใจไม่ต้องบอก ไม่ถามหานิพพานว่าอย่างนั้นเลย พูดให้มันตรงๆ อย่างนี้ เราหาธรรมพูดธรรมไม่ได้มีอย่างเหรอ เขาหาอะไรๆ ได้เท่าไรเขาก็มาพูดกันบ้าง เราหาอรรถหาธรรมพูดไม่ได้มีเหรอ ใช่ไหมล่ะ พูดได้ นอกจากไม่พูดเท่านั้น คือธรรมนี้ไม่อัดอั้นตันใจ ไม่อยากโม้อยากคุย ธรรมมีเท่าไรพอดีๆ ส่วนโลกมันดิ้น โลกนี่ดิ้น ธรรมไม่ดิ้น
คิดดูอย่างพระอัสสชิท่านไปบิณฑบาต พวกเดียรถีย์ เดียรถียร์นี้หัวแข็งนะ พวกเดียรถีย์นิครนถ์ ๒๕๐ คน พวกเดียรถีย์ถืออันอื่นต่างหากจากพุทธศาสนา ตอนนั้นไปบิณฑบาต พระอัสสชินี้ไปบิณฑบาตแล้วหัวหน้าเขาตามด้อมดู หัวหน้าเดียรถีย์นิครนถ์เขาตามดู ดูอาการเหลือบซ้ายมองขวาเดินนี้สวยงามทุกอิริยาบถทุกอาการ เขาด้อมตามดู หัวหน้าเดียรถีย์เขาที่เป็นข้าศึกต่อพุทธศาสนา เดินตามไปเรื่อยๆ จนออกไปถึงนู้น พอพ้นจากชุมชนแล้วเข้าไปถาม ท่านอยู่สำนักไหน ท่านบวชที่ไหน ว่าอย่างนั้นนะ นั่นละเดียรถีย์มาถาม เดียรถีย์เป็นคนสำคัญเสียด้วย
ท่านตอบ โอ๊ อาตมาพึ่งบวชมาใหม่ๆ นั่นละฟังซิท่านตอบ ยังไม่ค่อยรู้ทั่วถึงธรรมวินัย แล้วอาจารย์ของท่านคือใคร คือศาสดา อยู่ที่ไหน อยู่ที่นั่น ส่วนอาตมานี้พึ่งบวชมาใหม่ๆ เป็นอรหันต์นะนั่น ว่าพึ่งบวชมาใหม่ๆ ยังไม่รู้ทั่วถึงธรรมวินัยนัก แล้วถามไปหาพระพุทธเจ้า เลยพอใจ พูดเท่านั้นพอใจ
พระองค์นั้นพระอัสสชิหรือไง เป็นอรหันต์นะนั่น ไม่ใช่เล่นนะ ท่านตอบถ่อมๆ เลยติดใจคำพูดของท่าน เวลานี้ท่านพักอยู่ที่ไหน อยู่ที่นั่นๆ เลยไปกว้านเอาบริษัทบริวารไปหาท่าน ๒๕๐ องค์ ไปสำเร็จอรหันต์ทั้งหมดเลยนะฟังซิ นี่ละเป็นเหตุ คือพระอัสสชิท่านเดินบิณฑบาต เหลือบซ้ายมองขวาดูงามตา แล้วพวกเดียรถีย์นี้เป็นข้าศึกต่อพุทธศาสนาและเป็นหัวหน้ามาคอยสอดดู อาการของพระลูกศิษย์ตถาคตเป็นอย่างไรไปอย่างไร ดูอากัปกิริยาสวยงามทุกอย่าง หาที่ต้องติไม่ได้
ก็เลยถาม ท่านบวชที่ไหน ท่านอยู่ที่ไหน ลูกศิษย์ของใคร โอ๋ อาตมาพึ่งบวชมา ถึงธรรมวินัยใหม่ๆ ยังไม่รู้กว้างขวาง ท่านเป็นอรหันต์นะนั่น เป็นอรหันต์นะตอบ ฟังซิ แล้วอาจารย์ของท่านคือใคร คือศาสดา อยู่ที่ไหนเวลานี้ อยู่ที่นั่นๆ เท่านั้นละเข้าใจ ถามอาตมามากมายไม่ได้ พึ่งบวชใหม่ๆ ท่านว่าอย่างนั้น เป็นอรหันต์นะบวชใหม่ๆ ฟังซิคำพูดของผู้มีธรรมไม่มีนั้น มีแต่ถ่อมตัวตลอด จากนั้นก็ไปหาหมู่เพื่อน เอาหมู่เพื่อนไปเลยไปหาพระพุทธเจ้า บริษัทบริวารตั้ง ๒๕๐ องค์ไปสำเร็จอรหันต์กันเกือบหมด ไม่ใช่เล่นๆ
องค์นี้ละเป็นเหตุ องค์ที่ติดตามพระสารีบุตรเหรอ พระสารีบุตรก็จอมปัญญาเสียด้วย ติดตามท่านไป พระอัสสชิเป็นพระอรหันต์ถ่อมตัวที่สุด รับกันได้ปั๊บเลย บอกว่าอยู่ที่นั่นแล้วไปเลยเทียว พาบริษัทบริวารไปหา ได้สำเร็จมรรคผลนิพพานมากมาย เป็นอย่างนั้นละ ท่านผู้มีธรรมท่านไม่โอ้อวด ท่านพูดถ่อมๆ ไปอย่างนั้น
(วัดน้ำหนาวถวายปัจจัย ๑๐,๘๐๐ บาท ทองคำ ๑ บาท ๗๕ สตางค์ครับ) วัดน้ำหนาวนี่เราเคยไปแล้ว ท่านชิต ท่านเสียแล้วนะนั่น ก็ลูกศิษย์ ท่านชิตจะเป็นใครไป ก็ลูกศิษย์ ออกจากนี้ก็ไปอยู่ที่นั่น เห็นว่าที่นั่นเหมาะ ทำเลดี เราก็เลยกว้านซื้อเอา ที่ทำเลทั้งหมดนั้นหลายล้านบาท เพื่อรักษาต้นน้ำที่จะไหลลงไปทางจังหวัดเลย ต้นไม้ชุ่มเย็นหมด แถวนั้นมีพระอยู่สองสามแห่ง เราเองไปกว้าน อย่างนั้นละเราเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม แถวนั้นกว้านซื้อเอาหมดเลย ที่แถวนั้นเราซื้อหมดเลย (หลวงตาซื้อ ๒,๕๐๐ ไร่) เราซื้อหมดเลย เพื่อให้เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมทั้งทางโลกทางธรรมจะเป็นประโยชน์จากที่นี่ทั้งนั้น ไม่ให้ใครมาแตะต้อง พระอยู่ที่นั่นสองสามองค์ให้ท่านสงวนรักษา แล้วมีทหารด้วยอยู่นั่น ทหารเขาก็ช่วยรักษาด้วย เราเป็นหัวหน้า ทหารเป็นหัวหน้า ทุกอย่างแถวนั้นเลย ใครก็ไม่มาแตะต้อง ชุ่มเย็นหมดเลย
อย่างนั้นละไปไหน เราเพื่อประโยชน์ส่วนรวมนะ ไม่ได้เพื่อเรา ที่นั่นก็ชุ่มเย็นตลอด แม่น้ำนั้นไหลลงไปทางจังหวัดเลย แม่น้ำที่ว่านี่ไปจังหวัดเลย เราก็ซื้อไว้หมดแถวนั้นเพื่อประโยชน์ส่วนรวมๆ เรื่องการเสียสละนี้ยกให้เลย เราไม่มีคำว่าตระหนี่ถี่เหนียว อันไหนที่จะเป็นประโยชน์ส่วนรวมทุ่มเลยๆๆ ให้เป็นประโยชน์ส่วนรวม ที่ว่านี้ก็เหมือนกัน แถวนั้นเราซื้อไว้หมดเลยดงใหญ่ๆ ซื้อไว้หมด ไม่ให้ใครมาแตะต้อง มีพระอยู่สองสามแห่ง ให้พระเป็นผู้ดูแล แล้วมีทหารอยู่ด้วยที่นั่น ก็เลยชุ่มเย็น
(พระอาจารย์ถาวร จันทีโป พร้อมศิษยานุศิษย์จากสถานีวิทยุเสียงธรรมวัดป่าสุขสมบูรณ์ อ.ชุมแพ ถวายทองคำ ๓ บาท ๒๕ สตางค์ และปัจจัย ๑๕,๐๐๐ บาท) พอใจ ไปส่วนรวมเราละ จิตใจของประเทศไทยเราจะได้ยิ้มแย้มแจ่มใส เมื่อมีสมบัติอันมีค่าเข้าสู่คลังหลวงของเรา เราพยายามที่สุด อะไรที่จะเข้าสู่ส่วนรวมเราพยายามๆ ไม่ไปแตะ มีแต่เอาเข้าๆ ทั้งนั้นละ
วันนี้ไปพิมาย ไม่สบายแต่ไปวันนี้ ใจสบายตลอด เรื่องร่างกายอาภัพ เดี๋ยวเป็นอย่างนั้นเดี๋ยวเป็นอย่างนี้ ส่วนจิตใจเรานี้สง่าจ้าตลอด พูดให้มันชัดเจนเสีย การปฏิบัติตัวให้สมบูรณ์บริสุทธิ์เต็มที่ ธรรมกับใจเป็นอันเดียวกันนี้จ้าตลอด ไม่มีคำว่าอนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา เข้าไปเกี่ยวข้องเลย นั่นละจิตใจที่เป็นนิพพานสดๆ ร้อนๆ ดูเอา พูดให้มันชัดเจนเสียเราจวนจะตายแล้ว จิตที่พ้นสมมุติแล้วไม่มีกฎอนิจฺจํ เข้าไปเกี่ยวข้องเลย สง่างามตลอด เป็นอย่างนั้นละ
รับชมรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM103.25 MHz
พร้อมเครือข่ายทั่วประเทศ
|