ธรรมที่แสดงนี้น้อยนิดเดียว
วันที่ 6 พฤศจิกายน 2543 เวลา 8:00 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๓

ธรรมที่แสดงนี้น้อยนิดเดียว

หมอเติ้งดูว่าจะกลับวันที่ ๘ ว่างั้นนะ เราก็สั่งให้แกมาเรื่องเราโดยเฉพาะ แม้จะมาไม่ได้ทำอะไรก็ตาม ก็เราสั่งให้มา หลักใหญ่อยู่จุดนั้น เดี๋ยวนี้แกอยู่ไต้หวันหรือไง (ครับ) จากเมืองไทยเราไปไต้หวันกี่ชั่วโมงเครื่องบิน (๓ ชั่วโมงครึ่งค่ะ) ถ้างั้นก็ไม่ไกล ไม่เหมือนที่เราไปอังกฤษ เข็ดจนป่านนี้นะ ไปอังกฤษเข็ดจนกระทั่งป่านนี้ ๑๔ ชั่วโมง โห ระบมหมดเลย มองลงไปเครื่องบินไปพอเอื่อย ๆ มันอยากโดดลงวิ่งแข่งเครื่องบินโน่นละ มันจะตาย ขากลับมาล่ะซีที่เห็นกองทุกข์เอามาก ๆ คือชั้นที่หนึ่งมันแน่นหมดเลย ไม่มีว่างเลย ขยับเขยื้อนไม่ได้นะ นั่นละที่เป็นทุกข์มาก เวลาขาไปก็สะดวกสบาย ชั้นที่หนึ่งไม่ค่อยมีคน มีสองสามคนก็อยู่มุมโน่น ก็มีแต่เรากับพระฝรั่งเท่านี้ก็สนุก สะดวกสบาย เลยลืมกองทุกข์

บางทีก็เข้าไปในห้องเครื่องเขากับท่านปัญญา เข้าไปในห้องเครื่อง เราเป็นนิสัยอย่างนี้ แล้วถามนั้นแล้วถามนี้ซอกแซกซิกแซ็ก ถามเครื่องบิน อันนี้ไปสายไหน ๆ มันมีสายอยู่นะ เขาบอกว่าอันนี้ไปนั้น อันนั้นไปนั้น เพลินไปซิ ลืมทุกข์ วันขาไปลืมทุกข์ ขากลับมานี้ โถ เข็ดจริง ๆ นะ ๑๔ ชั่วโมงไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหนเลย ตั้งแต่นั้นมาเขามานิมนต์ให้ไป โอ๋ย ไม่รับเลย

พวกชาวอังกฤษระยะนั้นสองสามปีมาทุกปี บอกเข็ดแล้วยังมาอีกเหรอ ดุเอาล่ะซี ไม่ไป นั่น ๑๔ ชั่วโมง อันนี้สองสามชั่วโมง มันก็เหมือนเรานั่งรถยนต์ไปนี่นะ รถยนต์ไปที่นั่นที่นี่ไม่เห็นมีอะไร นั่น ๑๔ ชั่วโมง ขามาเป็นกองทุกข์มากที่สุดเลย ขาไปไม่เป็นทุกข์ นอนเอกเขนก ไม่หลับ แต่ก็สบาย ๆ ชั้นที่หนึ่งไม่มีคน เวลาขากลับมานั่นซิ แน่นเลยเทียว ๑๔ ชั่วโมง เลยเข็ด ลูกศิษย์ลูกหาเขานิมนต์ไปทางเยอรมันบ้าง สหรัฐบ้าง ออสเตรเลียบ้าง ไม่รู้กี่ครั้งกี่หน ตัดคำเดียวเลยไม่ไป เท่านั้น

เมื่อเร็ว ๆ นี้ก็ทางสหรัฐ คนไทยเรานี่ในสหรัฐเขามานิมนต์ เขาเอาเช็คเอาเหรียญสหรัฐมาถวาย เขาจะซื้อตั๋วให้เราทั้งไปทั้งกลับ บอกไม่ไปว่างี้เลย เราบอกเราจะขอตายอยู่เมืองไทยเราว่างั้น ศพนี้จะมอบให้พี่น้องชาวไทย ไม่มอบให้ทางนู้น ถึงจะเป็นคนไทยด้วยกันก็ตาม มีสองสามคน เมืองไทย ๖๒ ล้านคน บอกว่าเราไม่อยากไป ถ้าไปมันจะไม่ได้กลับ ไปก็ไปตายที่โน่นแหละ เราบอกว่าเราจะมอบศพให้พี่น้องชาวไทยของเรา เราจะไม่ไปมอบศพให้เมืองไหนบ้านไหนแหละ เราก็บอกตรง ๆ ไม่ไป ถ้าทางนู้นมีศรัทธาแล้วก็ให้ส่งมา อย่าให้เราไปแลกเอาเงินทางนู้น แล้วเอาศพเราไปทิ้งทางนู้นเลย ไม่สมควรอย่างยิ่ง เราว่าอย่างนี้ เขาบอกก็ไม่ได้นิมนต์ท่านไปตาย ได้เซ็นสัญญาความตายแล้วเหรอ พูดองอาจนะ ได้เซ็นสัญญาความตายแล้วยัง ไม่ได้เซ็น ไม่ได้เซ็นอย่าพูดนะ ความตายถึงเวลาไหนมันก็ตายได้ทั้งนั้นละ

เวลานี้ทางอินเตอร์เน็ตก็ออกกว้างขวางด้วยนะ ออกทั่วโลกไปแล้วเดี๋ยวนี้ พูดนี่ออกทางวิทยุ อุดรฯ ๘ สถานี ออกทุกสถานี เป็นแต่เพียงว่าไม่ซ้ำเวลากัน จากนั้นก็กรุงเทพ แล้วอินเตอร์เน็ตออกทั่วโลกอีก ออกอย่างนี้ละวันหนึ่ง ๆ นะ ประจำวัน ๆ ออก สุดท้ายก็เลยคนทั่วประเทศไทยและทั่วโลก สำหรับคนไทยเราฟังแต่เทศน์หลวงตาบัวองค์เดียว มันหากเป็นเองอยู่นี้แหละ พูดนี้ออกกระจายไปหมดเลย

เราก็ไม่เคยมีอะไรบกพร่องในหัวใจของเรานะ ดูซิฟังซิ ธรรมเป็นยังไง ให้สามแดนโลกธาตุนี้ฟังเทศน์เราคนเดียว พูดให้มันเต็มยศเสียเลยว่า ตามเรื่องของธรรมแล้วน้อยนิดเดียว นั่นฟังซิ สามแดนโลกธาตุมาฟังไม่พอกับธรรม เป็นยังไงธรรมพระพุทธเจ้าเลิศเลอขนาดไหน ครอบโลกธาตุนู่น เราถึงได้พูดให้พี่น้องชาวไทยฟัง ถอดออกมาจากหัวใจมาพูดเลย ไม่ได้พูดปาว ๆ ไปคว้าเอาคัมภีร์นั้นคัมภีร์นี้ ถอดออกจากนี้เลย พระพุทธเจ้าท่านถอดจากนี้ พระสาวกถอดจากนี้ นี่น่า ๆ เห็นไหม ว่างั้นนะ

เราอยากให้โลกทั้งหลายได้เห็นธรรมชาตินั้น ที่มันท้าทายว่านรกไม่มี ๆ ถ้าภาษาเราเรียกว่าจูงแขนไป นี่เห็นไหม กลับมานี้สลบเลยนะ เป็นยังไงไฟนรก ลักษณะรัศมีของนรกเป็นยังไง กับสัตวโลกที่จมอยู่ในนรกมันน่าดูไหม ดูอะไรดูไม่ได้ทั้งนั้น ทุกอย่าง ๆ ในนั้นดูไม่ได้เลย สลบทั้งนั้น มันไม่ได้ไปเห็นนั้นล่ะซี มันถึงเก่งกล้าหาญชาญชัยลบล้างศาสนาคำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นความจริงล้านเปอร์เซ็นต์ทุกพระองค์สอนมา แล้วก็กล้าหาญชาญชัยด้วยอำนาจแห่งความอยากความทะเยอทะยาน ความลืมเนื้อลืมตัว หลงยศหลงชื่อหลงเสียง หลงสมบัติเงินทอง ปิดตาไปหมด นรกนี้ขนาดไหนไม่เห็น

เพราะฉะนั้นจึงว่าอยากจูงแขนไป เอ้า ดูนะ เปิดออกปั๊บ เอ้า ดูนะ โอ๋ย สลบเลยนะ อยากว่าอย่างนี้ คือไม่ว่าอะไรอยู่ในนั้นเป็นสิ่งที่เลยกลัว เรียกว่าสลบ ๆ มันไม่ได้เหมือนมนุษย์เรา เราคาดเดาเอาเฉย ๆ อย่างที่ว่านรกไม่มีมันก็เดาเอาจะว่าไง เหมือนต้นเสาไม่มี มันก็เดาเอา เอ้า ถ้าเก่งให้เดินเข้าไปตรงนี้ซิ หัวแตก เข้าใจไหมล่ะ นั่น มันขึ้นอยู่กับคำพูดความสำคัญเราเมื่อไร มันขึ้นอยู่กับความจริง นี่ต้นเสา นี่คือความจริง ใครว่าต้นเสาไม่มี เอ้า เข้าไป ว่างั้นเลย ผางทันทีเลย หัวแตก ใครจะไปเก่งกว่าพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้านี้ โอ๊ย เราพูดจริง ๆ นะเราพอมันจ้าออกมาเป็นอันเดียวกันแล้วเหมือนน้ำมหาสมุทรทะเล พูดให้มันเต็มปากอย่างนี้นะ

เหมือนกับน้ำมหาสมุทร สายไหน ๆ ก็ตามไหลลงมา พอลงถึงมหาสมุทรแล้วเป็นน้ำมหาสมุทรอันเดียวกัน แยกกันไม่ออก พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ สาวกทั้งหลายทุก ๆ พระองค์ เป็นอันเดียวกัน เข้าถึงจุดธรรมชาตินี้แล้วเป็นอันเดียวกัน เหมือนน้ำมหาสมุทร แล้วมากไหมบอกงั้นเลย ปฏิเสธไม่ได้เลย มันจ้าอยู่กับอันนี้มันกระเทือนกันหมดทั่วแดนโลกธาตุ พระพุทธเจ้ามีกี่พระองค์ หนึ่งพัน สองพัน ดังที่เขาเขียนไว้ พวกพิมพ์ไปพิมพ์ออกมามันก็ตาบอด เราอยากว่าอย่างนี้นะ เราฟังแล้วเราสลดสังเวชเหมือนกัน

พูดง่าย ๆ ก็ว่า สมฺพุทฺเธ อฏฺฐวีสญฺจ ทฺวาทสญฺจ สหสฺสเก ขึ้นเบื้องต้นก็ว่าพระพุทธเจ้าเท่านั้นองค์เท่านี้องค์ แล้วเป็นพันเป็นหมื่นเป็นแสน ต่อจากนั้นก็บอกว่าเป็นล้าน ๆ ตรงนั้นละเขาเขียนฟุตโน๊ตเอาไว้ข้างล่าง เขาว่ามันเหลือเชื่อ เขาว่าอย่างนั้น นี่ที่เราสลดนะเขาว่าเหลือเชื่อ โห ให้คนตาบอดดูธรรมที่เลิศเลอเป็นอย่างนี้ เราดูแล้วสลดสังเวช เราเลยไม่ลืมนะเขาฟุตโน๊ตเอาไว้ คือเขาไม่เชื่อ พูดง่าย ๆ ว่าพระพุทธเจ้ามีเป็นล้าน ๆ

จะว่าล้าน ๆ อะไร อะไรจะมากยิ่งกว่าพระพุทธเจ้า เป็นมหาสมุทรครอบโลกธาตุ นี่ละธรรมธาตุ ฟังเอาซิพี่น้องทั้งหลาย ถอดออกจากหัวใจสอนเวลานี้ยังไม่เชื่ออยู่เหรอ เราจวนจะตายลากเท่าไรมันยังไม่ฟังเสียง อย่าหาญนะ หาญนรก เพียงแย็บเข้าไปเท่านั้นสลบแล้วนะ ฟังซิ ดูสัตว์นรกเพียงเท่านั้นสลบแล้ว แล้วดูรัศมีของไฟนรกเป็นยังไง สลบทั้งนั้น ๆ ไม่ใช่ธรรมดา ไม่ได้เหมือนเราที่คาดนี่นะ มันสิ่งที่น่าสลบทั้งนั้น ไม่ว่าน่าสลบละ สลบ คือมันเลยเสียทุกสิ่งทุกอย่าง พระพุทธเจ้าถึงสอน ๆ สอน ๆ ด้วยความเมตตาเสียด้วยนะ ก็จ้าอยู่นั้นแล้วจะให้ว่าไง

หลับตาดูนั่นซิ ผู้สอนลืมตาดู โลกวิทู รู้แจ้งหมดแล้วนำมาสอน อันใดสอนไม่ผิด แม้นิดหนึ่ง พระพุทธเจ้าสอนคำไหน ๆ จึงเรียกว่า สฺวากฺขาโต หรือ สวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบแล้ว ไม่มีที่จะเปลี่ยนแปลงเคลื่อนไหว เพิ่มเติม หรือตัดออก ไม่มี เหมาะทุกสิ่งทุกอย่าง เจอเข้าปั๊บนี้ยอมทันทีเลย นั่นละ สนฺทิฏฺฐิโก เห็นเพียงองค์เดียวเท่านั้นกระเทือนถึงกันหมดเลย ๆ พระพุทธเจ้าไม่เชื่อกันมีเหรอ พระอรหันต์ไม่เชื่อกันมีเหรอ มันเหมือนกันจะไม่เชื่อกันได้ยังไง ถ้าไม่เชื่อท่านก็ไม่เชื่อเราเสียซิ ทีนี้เราเชื่อเราไหม ก็เต็มหัวใจแล้ว อันนั้นก็อันเดียวกันนี้แล้วจะไม่เชื่อกันได้ยังไง

พระพุทธเจ้าทั้งหลายท่านไม่สงสัย ท่านแบบเดียวกันหมด ไอ้พวกตาบอดหูหนวกนั่นซีมันหัวชน ๆ มันจึงกองอยู่ในนรกนี้แหม ว่างั้นเลย เราพูดเราสลดสังเวชจริง ๆ นะ มันยังมาอาจหาญชาญชัย กิเลสมันปิดหูปิดตา นรกไม่มี บาปไม่มี บุญไม่มี มันปิดไว้ ๆ แล้วลากไปด้วยนะ ปิดไว้แล้วลากไปทางต่ำ ทางนรก ว่านรกไม่มีนั่นแหละแต่จะลากลงนรก เราพูดจริง ๆ เพราะฉะนั้นการสอนโลกเราถึงบอกตรง ๆ เลย เราไม่อัดไม่อั้น ฟังซิพี่น้องทั้งหลาย ฟังซิ มันจ้าครอบโลกธาตุนี้ เอา มาว่างั้นเลย ถามทางไหนถ้าจะเป็นผลเป็นประโยชน์ จะออกทันที ๆ ออกมาเต็มภูมิก็ใส่กันเต็มภูมิ

เพราะนี่ถ้าว่าน้ำก็เต็มถังแล้ว เปิดตรงไหนออกหมด น้ำไม่ว่าจะเปิดแง่ไหน ๆ เต็มถังอยู่แล้ว ธรรมครอบโลกธาตุอยู่แล้ว เปิดมาทางไหนออกหมด ฟังซิ นั่นละในหัวใจอันนี้เป็นธรรมหมดแล้ว ไม่มีอะไรที่จะมาเคลือบมาแฝง กิเลสตัณหาแม้เม็ดหินเม็ดทรายไม่มี มันก็จ้าไปหมด แล้วทำไมจะไม่เห็น ทำไมจะไม่รู้ ไอ้คนตาบอดนั่นซี มีร้อยพันคนก็ตามมันก็บอดด้วยกันหมด มันก็ปฏิเสธด้วยกันหมดนั่นซิ ผู้ตาดีก็แบบเดียวกันหมด พระพุทธเจ้าสงสัยกันที่ไหน ไม่เคยมี พระพุทธเจ้าเป็นอันเดียวกันแล้วสงสัยกันหาอะไร เท่านั้นพอ พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ท่านไม่ได้สงสัยกันละ พอจ้าเข้าไปเท่านั้นกระเทือนถึงกันหมด เหมือนน้ำในมหาสมุทรนี่ สงสัยอันไหนน้ำมหาสมุทรนี่ มันก็เป็นมหาสมุทรอันเดียวกันจะสงสัยกันหาอะไร ก็เท่านั้นเอง

นี่เรายิ่งจวนจะตาย ๆ ความห่วงโลกนี่เราจริง ๆ เราห่วงมากจริง ๆ นะ คือโลกนี้มันตาบอด ว่าให้มันชัด ๆ อย่างนี้ พระพุทธเจ้าสอนเท่าไรมันจะไม่ยอมฟัง มันจะบืนลงนรก ๆ ทั้งนั้น มันไม่ถอย เรื่องกิเลสนี้ดึงตลอดนะ เวลาฟังนี้มันก็ฟัง ฟังธรรม พอออกจากนี้ไปแล้ว ว่าไงทางไหนดี ไปในครัวนี้จะกินข้าวก่อนหรือนอนก่อนดี พักผ่อนเสียก่อนค่อยมากินก็ได้ข้าว ว่างั้นนะ นอน อย่างงั้นนะ แล้วทำความเพียร ยิ่งแล้วทำความเพียร เหมือน..เราไม่อยากว่าจูงหมาใส่ฝน จูงหมาใส่ไฟค่อยยังชั่ว

ถ้าจูงหมาใส่ฝน ตัวร้องก็มีตัวไม่ร้องก็มี เช่น ไอ้ปุ๊กกี้เรานี่มันไม่ร้องนะ โน่นน่ะเห็นไหมถังมันน่ะ ออกจากนี้มันไปโดดลงถังน้ำ ไอ้ปุ๊กกี้น่ะ หมาเราไอ้ปุ๊กกี้เราอย่าเข้าใจว่ามันกลัวน้ำนะ แบบร้องแหงก ๆ เหมือนจูงหมาใส่ฝน ไม่ใช่ไอ้ปุ๊กกี้นะ ไอ้ปุ๊กกี้ไม่ถอยกับน้ำ ลงไปแช่น้ำอยู่ ไปจับขาดึงขึ้นมา มันร้อนมันไปอาบน้ำ มันไม่ได้กลัวน้ำไอ้ปุ๊กกี้ พวกเราชวนไปทำบุญให้ทานเหมือนจูงหมาใส่ฝน ไอ้ปุ๊กกี้มันสมัครนะ คนที่จะสมัครมีไหมล่ะ อยากทำคุณงามความดี มีความตื้นตันใจ มีความปีติยินดีที่จะสร้างความดีให้สว่างกระจ่างแจ้ง ไม่ค่อยมีนะ ทำไมว่าไม่ค่อยมี เพราะยังมีอยู่ จึงเรียกว่าไม่ค่อยมี ถ้ามันหมดเสียจริง ๆ แล้วก็ไม่มีว่างั้นเลย ตัดทีเดียว

นี้จวนจะตายเท่าไรก็ยิ่งสงสารโลกเข้าไป ธาตุขันธ์นี้สงสารมันอะไร มันก็เหมือนเครื่องมือนี่ผิดกันอะไร ใจครองอยู่นี้ ก็เหมือนกับว่าเราเป็นเจ้าของ จับอันนี้มาทำนี้ ๆ เท่านั้นเอง พอปล่อยแล้วก็ทิ้งไปเลย อันนี้พอเจ้าของปล่อย ความรู้นี้ดีดออกพับเท่านั้นอันนี้ก็เป็นเศษไป เหมือนกันหมด แล้วหวงมันอะไร หวงโลกที่มีหัวใจครองอยู่นั่นซิ มันจะจมหัวใจดวงนี้น่ะ มันไม่ไปไหนนะ มันไม่ได้ตายนี่ ใจดวงนี้ไม่ตาย

เรียนวิชาใจให้มันถึงใจแล้วมันสะเทือนหมดโลกธาตุ ฟังซิ พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ เรียนวิชาจิตจบ สะกดรอยตามรอยจิต ถึงขั้นวิสุทธิวิมุตติ ตัดขาดสะบั้นลงไปแล้ว ไม่มีอะไรติดตาม การเกิดการตายซึ่งหาบหามไปด้วยกองทุกข์ หมดพร้อมกันไปเลย ให้มันเห็นอย่างนั้นซิ มาเห็นพวกเรามีแต่หาบกองทุกข์ ท่านไม่มีทุกข์ พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ท่านไม่มีทุกข์ ในหัวใจท่านไม่มีเลย ตั้งแต่ขณะที่กิเลสซึ่งเป็นตัวสร้างทุกข์ขาดสะบั้นลงจากใจแล้ว ไม่มีคำว่าทุกข์ในใจพระอรหันต์ เวทนา ท่านว่า สุข ทุกข์ อุเบกขา นี้ มีอยู่ในธาตุในขันธ์เท่านั้น

เจ็บไข้ได้ป่วยก็รู้เพราะนี้เป็นสมมุติด้วยกัน ธาตุขันธ์ของท่านกับธาตุขันธ์ของโลกเป็นสมมุติด้วยกัน การเจ็บปวดแสบร้อนมีเหมือนกัน แต่ยังไงก็ไม่เข้าถึง เป็นหลักธรรมชาติ จะทำยังไงบังคับให้เข้าไปถึงจิตไม่มี มันเจ็บปวดก็รู้ อันนี้เจ็บนี้ อันนี้ปวดนี้ รู้ ๆ แต่ไม่เข้าถึงใจ เหมือนเราดูกองไฟ ไฟแสดงเปลวขนาดไหนก็รู้ ๆ แต่ไม่ได้เข้าไปในไฟ ไฟเป็นไฟ เราเป็นเรา อย่างนั้นละจิตพระอรหันต์ท่าน ท่านจึงไม่มีกองทุกข์ตั้งแต่ขณะกิเลสซึ่งสร้างกองทุกข์ขาดสะบั้นลงจากใจ ท่านไม่มีเลย และไม่มีตลอดอนันตกาล เรียกว่านิพพานเที่ยง นั่นละธรรมธาตุเป็นอย่างนั้น

พวกเรามันหาบหามตั้งแต่กองทุกข์ ไปที่ไหนมีที่ไหนความสุข มีที่ไหน เราอยากถามชัด ๆ อย่างนี้นะ มันมีแต่กองทุกข์เต็มบ้านเต็มเมืองเต็มโลกเต็มสงสาร แล้วให้กิเลสมันหลอกบ้านนั้นเจริญบ้านนี้เจริญ เมืองนั้นเจริญ มันเจริญที่ไหน ไฟเผาอยู่ที่หัวใจมันนั่น อะไรจะยิ่งกว่าไฟกิเลสเผาหัวใจสัตวโลก ไม่มีใครที่จะได้รับความสุขความสบาย ดิ้นตั้งแต่วันเกิดจนกระทั่งถึงวันตายหาความสุขไม่เจอ ถ้าไม่ดิ้นทางด้านศีลด้านธรรม ถ้าดิ้นทางด้านศีลด้านธรรมแล้วค่อยสงบเย็น ๆ จะเป็นเกาะเป็นดอนมีที่พักผ่อนหย่อนตัว มีที่ซุกหัวนอนได้บ้างนะถ้ามีอรรถมีธรรม ถ้าไม่มีแล้วตายจมกันทั้งนั้นแหละในสามแดนโลกธาตุ อย่าว่าโลกไหนสามแดนโลกธาตุดียิ่งกว่ากัน ชื่อว่ากิเลสได้ครอบหัวอยู่แล้ว หาความสุขไม่ได้ ถ้ากิเลสพังลงไปหมดแล้วอยู่ไหนสบายหมด ไม่ต้องไปหาโลกธาตุไหนแหละ

พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ท่านไม่หา ท่านพอทุกอย่างแล้วหาอะไร ถ้ายังหาอยู่จะเรียกว่าพอเหรอ มันต่างกันอย่างนั้นนะ การสอนโลกเราสอนพอประมาณเท่านั้นนะ เท่าที่จะรับได้ ๆ เท่านั้น มากกว่านั้นไม่ได้ไม่เกิดประโยชน์อะไร มันก็เหมือนไม่มี ๆ ถ้ามีสารประโยชน์หรือสารคุณที่สำคัญ ๆ มากขึ้นเท่าไรมันจะออกรับกันทันที ๆ เลย คำว่าอัดว่าอั้นไม่มี โลกธาตุนี้เป็นยังไง ครอบหมดแล้ว ความสว่างกระจ่างแจ้ง ไม่มีอะไรจะมาปิดบังกีดกั้นธรรมนี้ได้เลยว่าจะไม่ให้ออกนะ เมื่อสมควรจะออกแล้ว โลกธาตุนี้ขาดสะบั้นไปหมดเลย อะไรจะเหนือธรรม ท่านถึงเรียกว่าธรรมเลิศล่ะซิ ไม่มีใครที่จะได้รู้ได้เห็นพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ท่านได้แล้วมาสอนพวกเรา มันก็งู ๆ ปลา ๆ อยู่อย่างนี้ละจะว่าไง ไม่ได้หน้าได้หลังอะไร

ไอ้พวกที่สร้างแต่บาปแต่กรรมนั้นละที่ โอ๊ย ทุเรศนะ เรียกว่าปลงตกเราก็ปลง เราพูดจริง ๆ ตัวเท่าหนูมันก็ปลง เมื่อสุดวิสัยที่จะรักษาแล้วก็เหมือนคนไข้เข้าไปในโรงพยาบาล พวกที่หายออกมาก็เยอะ พวกที่เข้าห้องไอซียูนั้นไม่มีความหมายอะไรแล้ว รอแต่ลมหายใจจะขาดไปเท่านั้น นี่พวกประเภทปทปรมะ ไม่ยอมฟังบาปฟังบุญ ฟังนรกสวรรค์ ฟังศีลฟังธรรมอะไรเลยนี้ ฟังตั้งแต่ความอยากความทะเยอทะยาน ความลืมเนื้อลืมตัว ตื่นยศตื่นลาภ ตื่นชื่อตื่นเสียง ตื่นสมบัติเงินทองซึ่งเป็นกระดาษ ฟังซิ เงินก็กระดาษ ถ้าว่าทองหรืออะไรก็ตามเป็นเงิน ก็เป็นแร่ธาตุเสีย อยู่ที่ไหนมันก็มี เราไปสมมุติเอาว่าอันนี้เป็นเงิน อันนั้นอันนี้เป็นนี้ มันก็เหมือนกันไม่เห็นผิดแปลกอะไร

จิตมันเป็นบ้าต่างหาก เมื่อปลงมันลงหมดแล้วก็ใช้ตามกาลของมัน ที่สมมุตินิยมอยู่ร่วมกันเป็นหมู่เป็นพวก ก็ตั้งขึ้นไว้ อันนั้นเป็นนั้น อันนี้เป็นนี้ เอามาใช้กันสำหรับนี้เท่านั้น ที่จะให้เป็นสารประโยชน์พาคนไปสวรรค์นิพพานได้ เพราะความมั่งมีนี้หาไม่เจอเลย นอกจากจะนำสิ่งเหล่านี้มาทำประโยชน์ให้เป็นบุญเป็นกุศล แปรสภาพออกมา เช่น สมบัติเงินทองข้าวของ อันนี้สร้างนั้น อันนั้นทำนั้น ไปทำบุญให้ทานอย่างนี้ อันนี้เป็นไม่สงสัย อันนี้เราแปรสภาพเข้ามาสู่หัวใจ คือบุญเข้าสู่ใจ วัตถุเป็นวัตถุไป วัตถุเหล่านี้เขาไม่ไปสวรรค์นิพพานอะไรแหละ เราไปทานให้วัดเขาไม่ได้ไปสวรรค์นิพพานนะ ท่านก็ทำประโยชน์ให้โลก ผู้จะไปสวรรค์นิพพานผู้ให้ทานต่างหาก เข้าใจไหม

เงินทองข้าวของมีมากมีน้อย อย่าเข้าใจว่าสิ่งเหล่านี้จะไปสวรรค์นิพพาน ไม่ไป เจ้าของผู้ให้ทานนั่นละจะไป นรกก็ไม่ไป อันใดก็อยู่อย่างนั้นละ เงินทองข้าวของมีมากมีน้อย เขาก็อยู่ตามสภาพของเขา เรานำมาทำประโยชน์ตามความฉลาดของเรา นั้นละเป็นผลประโยชน์แก่เรา ถ้าหากเห็นว่าอันนั้นเป็นสาระหวังพึ่งเป็นพึ่งตายกับมัน ตายแล้วจมเลยไม่มีเหลือคนคนนั้นน่ะ สัตว์ตัวนั้นน่ะ ฟังให้ดีนะพี่น้องทั้งหลาย เราสอนเต็มเม็ดเต็มหน่วย หรือยังมาว่าหลวงตาบัวโอ้อวดอยู่เหรอ นี้เอาอีกนะ มันจะจมนะ สอนดึงขึ้นมานะ ไม่ได้สอนให้ลากลงไปนะ ให้ฟังนะ

เราปฏิบัติมาแทบล้มแทบตาย ก็บอกแล้วว่าเฉียดสลบไสล ๆ ตลอดมา ๙ ปียังบอกแล้ว ความทุกข์ในโลกอันนี้ไม่มีอะไรเกินความทุกข์ฆ่ากิเลส เราบอกชัด ๆ เพราะเราเป็นเองเราทำเอง ก็เคยพูดแล้วไปบางแห่งบางหนเขาตีเกราะประชุม นึกว่าเราตาย ฟังซิน่ะเขามาพูดหาอะไร ไปที่อื่นก็มีแต่เขาไม่ตีเกราะเราก็บอก เพราะเราเคยทำอย่างนั้นตลอดไป จะกินก็กิน ไม่กินก็แล้วแต่มัน มันจะตายจริง ๆ ก็คืบคลานไปบิณฑบาตเสีย มากินเสียวันหนึ่ง ฟัดกับกิเลสไม่มีถอยเลย เห็นไหม นี่ละกิเลสเหนียวไหม ความเพียรขนาดนั้นถึงทันกัน ๆ สุดท้ายก็ม้วนเสื่อลงได้เลย พออันนี้ม้วนเสื่อลงไป โอ๋ย โลกธาตุนี้ไม่มีอะไรที่ทำความทุกข์ให้แก่สัตว์ มีกิเลสเท่านั้นมันขึ้นเลยทันทีนะ กิเลสขาดสะบั้นไปแล้วไม่มีอะไรที่จะเข้ามาผ่านได้เลย มีแต่บรมสุขล้วน ๆ นั่นเห็นไหม

จิตดวงเดียวนี่ละ เวลามันมืดมันก็มืด เวลามันแจ้งมันก็แจ้ง อย่างนั้น เอาละวันนี้เทศน์เท่านี้พอ พูดไปพูดมามันจะไปใหญ่ ฟังหรือยังพวกนี้น่ะ หรือหลับตาฟัง หัวใจมันหลับด้วยไหม ถ้าหลับตาใจไม่หลับไม่เป็นไรนะ เพราะฉะนั้นพระกรรมฐานท่านเวลาฟังเทศน์ท่านจะหลับตาปิ๋งเลย แต่ใจของท่านสว่างภายใน แต่พวกเราตาลืมอยู่นี้แมว ๕ ตัวสู้ไม่ได้ ตาใส บทเวลาตาใจมืดบอดไม่มีอะไรสู้ คนตาบอดร้อยคนสู้ไม่ได้ ใจของเรามืดกว่านั้นอีก เข้าใจหรือเปล่าล่ะ ว่าเทศน์จบแล้วมันไม่จบนะ ว่าจบแล้วก็ไม่จบ ลงเวทีแล้วกลับคืนอีกต่อยใหม่อีก

เมื่อคืนไม่ค่อยหนาว เมื่อคืนลง ๑๖ เมื่อวานลง ๑๔ แต่เมื่อคืนนี้ลง ๑๖ แสดงว่าความหนาวลดลง ไม่ค่อยหนาวเท่าไร นึกว่ามันจะหนาวไปตลอดวันเพ็ญ ธรรมดามันหนาวข้างขึ้นมันจะหนาวเรื่อย พอแรมแล้วมันก็ลดของมัน อันนี้เมื่อคืนนี้ลด มองดูเมฆที่ไหนก็ไม่เห็นมี มันลดธรรมดาของมัน เวลาหน้าหนาวนี่สำหรับธาตุขันธ์เรามันดีไปหลายด้านอยู่นะ ฉันก็ได้ แล้วนอนก็หลับดี กำลังก็ดี หน้าหนาวนะ

หน้าร้อนนี่ไม่ดีทั้งนั้น ฉันก็ไม่ได้ นอนก็ไม่ค่อยหลับ ร่างกายอ่อนเพลีย ถ้าวันไหนร้อนมากอ่อนเพลียมาก ถ้าวันไหนเย็นก็ค่อยดีขึ้น อย่างหนาวนี้มันช่วยนะ กำลังดี หน้าหนาวกำลังดี ฉันก็ได้ เมื่อเช้านี้เราก็ลืมไป ก่อนฉันจังหันจะไปทำสัญญากับนาฬิกาก่อน อย่าด่วนเคลื่อนนะเดี๋ยวบ่ายโมงก่อนเราฉันจังหันยังไม่เสร็จเราจะว่างั้น มันฉันได้ เข้าใจไหมล่ะ ยังไม่ได้ไปทำสัญญากับนาฬิกา อย่าเคลื่อนเข็มนะ ถ้าเราฉันจังหันไม่เสร็จ เดี๋ยวบ่ายโมงก่อน เมื่อเช้านี้ฉันได้มาก อย่างนั้นละ ได้เยอะเมื่อเช้านี้

โอ๊ย เราพูดจริง ๆ เราสงสารจริง ๆ นะทำไง สงสารโลก เพราะฉะนั้นให้ฟังให้ถึงใจทุกคนนะ เราบอกแล้วเราสอนเต็มที่แล้วเราจะไปนะ บอกขนาดนั้นนะ แล้วไปแล้วไม่กลับด้วย นั่นฟังซิน่ะ มันประจักษ์อยู่นี้แล้วจะไปถามใคร พระพุทธเจ้าไม่ถามใคร สาวกอรหันต์ท่านถามใคร จ้าเท่านั้นอันเดียวกันหมดเลย เพราะฉะนั้นจึงว่าพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ไม่เคยถามกัน อันเดียวกัน อย่างเดียวกัน เหมือนอย่างน้ำสายต่าง ๆ ไหลลงสู่มหาสมุทร เป็นอันเดียวกันแล้วถามกันหาอะไร แม่น้ำนี่มาจากสายไหน ๆ ไม่ถามกัน เป็นมหาสมุทรด้วยกันแล้ว อันนี้ก็เหมือนกัน จิตเมื่อลงถึงขั้นธรรมธาตุแล้วก็เป็นเหมือนน้ำมหาสมุทร ถามกันหาอะไร พอ ให้พร

เราไปโนนสังเราไปเห็นแมวตัวหนึ่งนะ ไปทีแรกไปเห็นตัวใหญ่เหลือง เขานอนอยู่นั้น คือแมวคงเป็นแมวบ้านเขาไปปล่อยไว้ที่นั่น มันถึงไม่กลัวคนเลย คนยั้วเยี้ย ๆ อยู่นั้นแล้วเขาเฉยเขานอนสบาย แสดงว่าเขาเอาออกจากบ้านไปปล่อยไว้ที่นั่น ทีนี้เรามองไป ๆ เขามองดูเราอยู่แล้ว หือ มึงมายังไงอยู่นี้ เราเดินเข้าไปหามันเขาก็ดุ่ม ๆ ไปโน่นเสีย วันหลังก็เตรียมอาหารไปจากเขาสวนกวาง เอาไก่เอาอะไรไปให้ นอนเฉยไม่สนใจเลย เอาขาไก่เอาหัวไก่ไปวางให้ นอนเฉย โถ มึงท่าใหญ่ ทีนี้คราวหลังเตรียมไปอีก ตัวนั้นไม่เห็น ตัวใหญ่นะ ยังอีกตัวเล็กด่าง ๆ มันมาแทนกัน

ตัวนี้พอเห็นเราไป ก็แบบเดียวกัน ก็แมวบ้าน พอเห็นเราไปเขาก็ดูเรา มึงเอาไก่ไหม เราเอาไปปล่อยให้ ใส่ปั๊บเลยตัวนี้ พอกินเสร็จแล้วนอนเฝ้า นี่ไปคราวนี้ต้องเตรียมไปให้เขาทุกที อย่างนั้นละเห็นสัตว์ก็สงสารสัตว์จะว่าไง มันเป็นในหัวใจนี่ โหย ไปที่ไหนเป็นอย่างนั้น มองเห็นจิ้งเหลนจิ้งโกร่งมันวิ่งผ่านรถนี้ จิ้งเหลนบอกเลยนะ ไม่ให้ทับมัน เป็นอย่างนั้นละมันเป็นอยู่ในหัวใจ เอาละ ไปละ

เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร www.luangta.com


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก