เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๕๓
เมตตาธรรมถูกกับสัตว์โลกทุกภูมิ
(นักเรียนโรงเรียนอุดรพิทย์จำนวน ๕๐ คนมากราบฟังธรรมจากหลวงตาและน้อมถวายปัจจัย ๗๔๔ บาท) ก็ดี ตั้งแต่เราเป็นนักเรียนครูไม่เคยพาไปฟังการอบรมกับพระเลย ไม่เคย อย่างวัดป่าบ้านตาดไม่มีกระทั่งพระ พอถึงเวลาเลิกเลิกไปเลย ตั้งแต่เราเรียนหนังสือเป็นเด็กอยู่บ้านตาดไม่ได้เคยไปฟังการอบรมกับพระเลย เพราะไม่มีพระ บ้านตาดไม่มีพระ วัดก็เป็นวัดร้าง ไม่ใช่วัดมีพระ วัดร้าง
ที่ท่านสอนไว้นี้มีแต่จอมปราชญ์ฉลาดแหลมคมนะมาสอนพวกเรา คำสอนที่วางมาไว้นี้มีแต่คำสอนของจอมปราชญ์ทั้งนั้น พระพุทธเจ้าสอนโลกนั่นฟังซิ หมดทั้งโลกเทวบุตรเทวดา-อินทร์-พรหมอยู่ในอำนาจแห่งคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งนั้น เรียกว่าท่านสอนสามไตรภพ ท่านสอนได้หมด สอนมาถึงพวกเรา จนกระทั่งทุกวันนี้ไปที่ไหนก็มีวัดมีวาหนาแน่นไปหมด สร้างบ้านที่ไหนก็ต้องสร้างวัดที่นั่น เพราะชาวพุทธเรามันชินต่อนิสัยแล้ว เคยกับพระกับเจ้ามาแล้ว ไปสร้างบ้านที่ไหนก็มีการสร้างวัดไว้พร้อมกันๆ
จิตใจนี้เป็นสิ่งที่เลยความคาดความคิดนะ อบรมให้อ่อนอ่อนนิ่มเลย สอนให้แข็งนี้แข็งเป็นยักษ์เป็นผีไปเลยในตัวมนุษย์คนเดียวนั้น เพราะฉะนั้นจึงต้องมีคำสอน เรื่องธรรมนี้ไม่ว่าสัตว์ประเภทใดยอมรับกันทั้งนั้น เป็นแต่เพียงว่าปฏิบัติไม่ได้เท่านั้น ธรรมนี้สูงสุด ท่านเรียกว่าโลกุตรธรรม ธรรมเหนือโลก ไม่มีอะไรเหนือโลกได้นอกจากธรรม ท่านสอนไว้อย่างนั้น เราจึงได้ควรเอามาปฏิบัติ
จิตใจถ้าไม่ได้รับการอบรมเลยนี้มันเหมือนเปรตเหมือนผีนะ แข็ง โหดร้ายทารุณก็อยู่ที่ใจ อ่อนนิ่มไปหมดก็อยู่ที่ใจถ้าได้รับการอบรม ถ้าไม่ได้รับการอบรมแล้วก็ไม่เป็นท่าเป็นทางอะไร เพราะอย่างนั้นนักปราชญ์ทั้งหลายท่านจึงมีธรรมประจำชาติมนุษย์ ใครถือพุทธศาสนาถ้าไม่หนาเอาเสียจนเกินไปแล้วก็ถือพระพุทธศาสนา ถ้าหนาเสียจนเกินไปแล้วไม่มีศาสนาเลย นี่ประเภทพวกสัตว์เดรัจฉานเลยสัตว์เดรัจฉานไปอีก ไม่ได้นับถือศาสนาแล้วยังตำหนิติเตียนศาสนาว่าเป็นของต่ำช้าเลวทราม ครึล้าสมัย ตัวเป็นผู้ทันสมัยเลยเลวยิ่งกว่าเปรตกว่าผี นั่นเป็นอย่างนั้นนะ
เรื่องศาสนาจึงเป็นของเลิศเลอมาก เราจะเข้าใจได้ชัดเจนยอมรับพระพุทธเจ้าทุกพระองค์หาที่ค้านไม่ได้เลยนั้นด้วยการปฏิบัติ เรานับถือธรรมดานี้ก็เป็นความเคารพธรรมดา ไม่เด่น ถ้าได้เคารพด้วยการปฏิบัติเห็นอรรถเห็นธรรมภายในจิตใจแล้วนี้กราบได้หมดพระพุทธเจ้า ไม่สงสัยว่ามีหรือไม่มี กราบได้ทั้งนั้นละ อย่างนั้นละธรรม พอธรรมมีขึ้นในใจแล้วมันหายสงสัยขึ้นในโลกอันนี้
ขอให้ได้พากันอบรมทางศีลทางธรรมเข้าสู่ใจ เกิดมาเป็นเปรตเป็นผีเป็นยักษ์เป็นมารอยู่ในท่ามกลางพุทธศาสนาทั้งๆ ที่เราเป็นชาวพุทธมันใช้ไม่ได้นะ ต้องให้เป็นชาวพุทธชาวอรรถชาวธรรม เช่นเดียวกับจอมปราชญ์ทั้งหลายที่ท่านประกาศธรรมสอนไว้ให้พวกเราได้ยึดได้เกาะ แต่ส่วนมากมันไม่ยึดไม่เกาะ มันไปยึดไปเกาะเอาแต่พวกที่ เป็นเปรตเป็นผีเป็นยักษ์เป็นมารภายในหัวใจ แสดงออกไปนี้ดูกันไม่ได้เลย มนุษย์เป็นยักษ์เป็นผีเก่งกว่าทั้งหลายเป็นนะ เก่งกว่ามากทีเดียว
พอคิดอย่างนี้แล้วให้ระลึกถึงท่านสิงห์ทอง ท่านสิงห์ทองจะว่าเป็นคนหน้าดื้อก็ดื้อ แต่จริงจังนะ การทำความพากเพียรนี้เดินจงกรมนี้ทางจงกรมเป็นเหวไปเลยนะท่านสิงห์ทอง เอาจริงเอาจังมาก แต่ดื้อไม่ยอมใครง่ายๆ ล่ะ ท่านไปเดินจงกรม..ท่านละตัวหนึ่งตัวหัวดื้อ ภูเขาลูกนั้นมันอยู่กลางทุ่งนะ เราก็เคยไปแต่ไม่ได้ขึ้น ผ่านไปผ่านมา จังหวัดมุกดาหารอยู่ทางจะเข้าไปห้วยทราย เป็นภูเขาอยู่กลางทุ่ง ท่านสิงห์ทองละไปพักอยู่นั้น
พอไปพักหลวงพ่อองค์หนึ่งท่านอยู่ที่นั่น มีภูเขาสองลูกมันติดกันอยู่ เรียกกันก็ได้ยินอยู่ มันเป็นไอ้นั้นลงมานี่ ผู้เฒ่าอยู่ทางนี้ สถานที่สำหรับรับพระอาคันตุกะเป็นอีกถ้ำหนึ่งอยู่ข้างนี้ ท่านสิงห์ทองก็ไปที่นั่นไปพักนั้นกันกลางคืนนะ หลวงพ่อองค์นั้นท่านอยู่เป็นประจำท่านรู้นิสัยแล้วละ นิสัยของถ้ำนั้นนะ ไปพอตกค่ำมาก็เตือนคุณหลานว่าอย่างนั้น มาที่นี่ให้ระมัดระวังนะ ที่นี่เป็นภูเขาอยู่กลางทุ่งนา ธรรมะหรืออะไรต่ออะไร ก็ตามที่น่ากลัวมากมายมีอยู่ในที่แห่งเดียวกัน ท่านก็อยู่ภูเขาลูกนั้น องค์นี้อยู่ภูเขาลูกนี้ แต่มันติดกัน
พอเล่าให้ฟังแล้วกลางคืนก็เดินจงกรมละ หลวงตาองค์นั้นก็อยู่ทางนั้น ภูเขาลูกนี้จะมีแปลกๆ ต่างๆ นะแสดงมา อย่าประมาท อย่าดูถูกเหยียดหยาม อย่ากล้า อย่ากลัว ท่านสอนละเอียดมากนะ ขอให้ฟังเสียงตามธรรมดา เราเป็นลูกชาวพุทธเชื่อบุญเชื่อกรรมก็แล้วกัน ถ้าฟังเสียงด้วยความกล้าหาญชาญชัยดื้อด้านนั้นจะเจอสิ่งต่างๆ ไม่สงสัย ว่าอย่างนั้น และท่านสิงห์ทองเป็นนิสัยดื้อด้านอยู่ด้วย ไม่ตอบละแต่หากดื้ออยู่ในจิต
พอดีเดินจงกรมเขาลูกนี้-เขาลูกนี้มันมองเห็นกันอยู่ ท่านสิงห์ทองก็เดินจงกรมอยู่นั้นละ กลางคืนไปกับพระดูว่าพระสององค์ องค์หนึ่งท่านสิงห์ทองอยู่ถ้ำนี้แล้วต่อกันไปทางด้านทิศตะวันออก พระอีกสององค์อยู่ทางด้านนั้น ท่านสิงห์ทองก็นั่งภาวนาอยู่ธรรมดาก็ไม่มีอะไร ตอนหลับไปพอตื่นนอนขึ้นมานี้เสียงอะไรอยู่บนหัวนี่น่ะ ถ้าว่างูก็ปากอ้าขนาดนี้ฮ่าๆอยู่นี้ ไม่ได้ธรรมดานะกลัวจนตัวสั่น จะไม่มีลมหายใจ ท่านว่าอย่างนั้นนะท่านพูดให้ฟังเอง ถ้าใครเก่งกล้าสามารถให้มาท่านบอก ให้มาดูสถานที่นี่ ถ้าเก่งแล้วจะเจอท่านว่า
พอตื่นเสียงฟ่อๆ ข้างบน ตื่นขึ้นมาพอดีได้ยินเสียง ไม่มีทางอะไรแล้วร้องหาพระ เรียกพระที่อยู่ทางด้านนั้น เรียกหาพระว่ามีอะไรมาร้องเสียงขู่ฟ่อๆ อยู่หัวผมนี่น่ะ ว่าอย่างนั้น แล้วเวลามาอย่าจุดไฟ มาธรรมดา ให้เอาไม้ยาวๆ แล้วเอาโคมไฟห้อยกับอันนี้จุดไฟ แล้วถือโคมไฟยาวๆ มา ไม่เช่นนั้นมันจะมาเหยียบสัตว์ใหญ่ๆ อันนี้ พระสององค์มา มาก็เอาไม้ละมา ไม่มีอะไร พอมาถึงที่นั่นถึงเงียบธรรมดา ไม่มีอะไร หาที่ไหนก็ไม่มี แล้วพระกลับไปขึ้นอีกฟ่อๆ ขึ้นอีก ร้องอีก คืนนั้นไม่ได้นอนทั้งคืนท่านสิงห์ทอง ดัดตัวเก่งๆ
ท่านสิงห์ทองดื้อนะ บทเวลาเข็ดแล้วยอมรับเลย ประกาศให้คนมาดู ถ้าคนมาอยู่ที่นี่ใครเก่งให้มา บอกอย่างนั้นเลย ท่านเก่งหรือไม่เก่งก็ไม่ทราบ ท่านมาดูแล้วเป็นสักขีพยาน พอดีเล่าให้อาจารย์หมออวยฟัง อาจารย์หมออวยก็ โห ตั้งท่าตั้งทางกระปรี้กระเปร่าอยากไปฟังอยากไปดู ว่าไปเถอะว่าอย่างนั้น ใครก็ใครเถอะน่ะว่าอย่างนั้นเลย ถ้าลงอาตมาได้ไปเห็นด้วยตาแล้วใครก็ไปเถอะเผ่นทั้งนั้นละ เลยไม่ได้ไป อาจารย์หมออวยก็ไม่ได้ไป
มันมีผีอะไรอยู่นั้นแปลกๆ ผี ก็พวกเทวดาพวกอะไรเหล่านี้ละ ภูเขาส่วนมากมีเทวดามีเปรตมีผี ท่านว่าถ้าไปพักอยู่ที่นั่นสิ่งเหล่านี้ละมารบกวน แต่พระองค์หนึ่งที่ท่านอยู่นั่นท่านก็ไม่เป็นอะไร เป็นพระหลวงตาท่านเคยปฏิบัติกับสิ่งเหล่านี้ละ มันมีสระน้ำอยู่ข้างบนเวลาลงมานี้เหมือนกันกับเขาแบกต้นตาลลากต้นตาลทั้งต้นลงมา เสียงซ่าๆๆ ลงไปนู้น เวลาขึ้นมาถ้าจะแสดงอย่างนั้นก็แสดงแบบเดียวกัน เหมือนลากต้นตาลทั้งต้นขึ้นเลยซ่าๆ ทางนี้ภูเขา ทางนี้ภูเขา มันเป็นช่อง ขึ้นลงเสมอหลวงตาองค์นั้นอยู่ที่นั่น เขาไม่เป็นอะไรกันเพราะรู้เรื่องของกันแล้ว แต่พระที่ไม่รู้เรื่องซิ พระไปอยู่ที่นั่นได้เห็นชัดเจน เข็ดหลาบ กลัว
นี่ก็ท่านสิงห์ทองมาเล่าให้ฟัง ได้ยินท่านสิงห์ทองบอกว่ากลัวเลย โห มันเสียงต้นตาล เหมือนเขาลากต้นตาลลงจากภูเขาซ่าๆๆ เวลาขึ้นก็ลากต้นตาลขึ้นเลย ซ่าๆ มันมีสระเล็กๆ สระหนึ่งอยู่ข้างบน ไปลงไม่ได้นะ ไปอาบไปเล่นไม่ได้ น้ำเหม็นคลุ้งไปหมดเลย ถ้าไม่มีอะไรไปตักมาอาบมาดื่มไม่เป็นอะไร ถ้าไปทำจุ้นจ้านไปอาบไปเล่นเหมือนเราธรรมดาทั่วๆ ไปนี้น้ำเหม็นคลุ้งไปหมดเลย มันมีผีละรักษาอยู่ที่นั่น ท่านสิงห์ทองท่านเล่าให้ฟัง ถ้าท่านเล่าละแน่นอนเพราะท่านสิงห์ทองนิสัยกล้าหาญ แต่เมื่อไปเจอความจริงแล้วยอมรับๆ อันนี้ก็อย่างว่าไปเจอพวกผีเหล่านี้ละ
ใครอย่าไปประมาทนะ ทุกสิ่งทุกอย่างมีอยู่ทั่วๆไป ถ้าเราอยู่ธรรมดาก็ไม่มีอะไรนะ ถ้าไปกล้าหาญชาญชัยท้าทายต่างๆ มี มีขึ้นมา ส่วนมากมักจะเป็นทันทีในคืนนั้นบ้างอะไรบ้าง หรือสองคืนบ้าง ถ้าไม่เช่นนั้นก็ไม่ค่อยแสดง บางรายก็ไม่แสดงเลย เงียบเลย ถ้าบางรายที่เก่งๆ มักจะแสดงกลางคืน นั่นละฤทธิ์เดชแสดง มีอยู่ เรามองไม่เห็นแต่เสียงกังวานขึ้นเหมือนเสียงฟ้าดินถล่มนู่น แต่มองหาคนไม่เห็น นี่ละสำคัญ มันน่ากลัว
ไปเจอหมดนั่นละพวกกรรมฐานไปอยู่ กรรมฐานองค์ไหนสงบงบเงียบ มีเมตตาธรรมประจำตัวไปอยู่แล้วสงบหมด ทั้งๆที่องค์อื่นองค์ใดอยู่ไม่ได้ แต่องค์เช่นนั้นคือท่านเป็นธรรมจริงๆ ท่านไปอยู่สงบหมดนะ ท่านไปอยู่ไหนท่านก็เจริญธรรมเมตตาธรรมเป็นประจำนิสัยไปอยู่ไหนก็สงบ เมตตาธรรมถูกกับสัตว์โลกทุกชั้นทุกภูมิไปหมดนั่นละเรื่องเมตตาธรรม ถ้ามีเมตตาธรรมไปไหนสงบเย็น ถ้าไม่มีอันนี้มีได้ ขัดได้ละ ขัดข้อง
เราไปบ่อยๆ ไปเจอที่เขาว่า แต่ก็เดชะนะไม่เคยปรากฏ ทั้งๆที่เขาประกาศลั่นโลกว่าที่นั่นอยู่ไม่ได้ มันมีผู้กล้าหาญชาญชัยนั่นละมันจึงไปเจอเอาของแข็งๆ เราไม่มีของแข็ง ไม่มีกล้าหาญ ไปธรรมดา แต่เมตตาธรรมนิ่มไปหมด อำนาจเมตตาธรรมนี้เข้าได้หมดกับสัตว์ทุกประเภท แต่ถ้าเรื่องกล้าแข็งอะไรอย่างนี้มันพวกเปรตพวกผีเข้าไปที่ไหนมักกระทบกระเทือน เหมือนนักเลงโตไปที่ไหนมักกระทบกระเทือน ถ้าเป็นคนสามัญธรรมดาเรานี้ไปไหนไม่มี อันนี้ผู้มีธรรมท่านก็ไปเงียบๆ ของท่าน ไม่มี
นี่ท่านแสดงไว้ทุกอย่างอย่าไปลบล้างนะ ไม่ได้นะ พูดขึ้นมาจะแสดงออกมาให้เห็น เพราะเป็นของมีอยู่ ไม่ใช่ของไม่มีเป็นแต่เพียงไม่แสดง ไม่มีอะไรรับมันก็ไม่กระเทือนขึ้นมา ถ้ามีอะไรรับกันก็กระเทือนขึ้นมา เช่นหนามมันก็ฝังจมอยู่ ถ้าใครเก่งๆ เอาเท้าไปเหยียบมันมันก็ปักเอาใช่ไหม ตีนไหนไม่เก่งหลีกไปๆ ไปได้ตลอดทาง อันนี้ก็เหมือนกัน เป็น ไม่ต้องสงสัย พระพุทธเจ้าแสดงไว้อะไรแล้วไม่ต้องสงสัยละ มีทุกอย่าง เป็นแต่เพียงว่าจะแสดงเวลาไหนหรือไม่แสดงเวลาใดกับเหตุการณ์เช่นไร ถ้าไม่มีเหตุการณ์ก็ไม่มี ถ้ามีแล้วมีได้ เหตุการณ์มี
บางแห่งมีแต่เทวดารักษา พระท่านไปอยู่ในถ้ำมีแต่เทวดารัก แล้วรักษาด้วยรักด้วย พระไปอยู่ที่ไหนเขาไม่ยอมให้ไปง่ายๆ นะ เขารักเขาเคารพมาก ไปฉันนิมนต์ที่บ้านใดเมืองใดเขาไม่ให้ไป เขาห้าม เขามาขอร้องไม่ให้ไป คือเขารัก ความรักความเคารพนับถือทุกอย่างอยู่นั้นหมดพวกเทวดา มี ท่านเขียนไว้ในตำราชัดเจนมากนะ อย่างพระจิตตคุตต์ก็ใช่ พระอุปคุตก็มีมาแล้ว จากนั้นพระจิตตคุตต์สำรวมแต่จิตตลอด อะไรจะมีสูงต่ำอะไรไม่เห็น ท่านไม่ดู นี่เรียกว่าพระจิตตคุตต์เป็นผู้รักษาจิตโดยเฉพาะ แม้ที่สุดดอกพิกุลตกมาก็มาเห็นแต่ดอกพิกุล พิกุลมันร่วงแล้วเต็มอยู่นี้ แต่ท่านก็ไม่มองขึ้นดูข้างบน
มีพระเจ้าพระสงฆ์ไปดูถ้ำ เขาเขียนไว้ทุกแบบละ คนมันดื้อยิ่งกว่าลิงไปเขียนรูปนั้นรูปนี้ รูปพระพุทธเจ้า ๗ พระองค์บ้างอะไรต่ออะไรเขียนไว้ พระทั้งหลายก็ไปอ่าน แต่พระจิตตคุตต์องค์นั้นท่านไม่เคยแหงนหน้าขึ้นถ้ำ ท่านว่าเออพวกท่านทั้งหลายตาดี ท่านว่า ผมมาอยู่นี้ได้ ๖๐ ปี ผมไม่เคยเห็นรูปอะไรอยู่เพดานถ้ำ พวกท่านทั้งหลายตาดี คือตาดีนี้ลิงสู้ไม่ได้เข้าใจไหม เป็นอย่างนั้นละท่านสำรวม พวกนั้นมาลอกแลกๆ ดูนั้นดูนี้มันก็เห็นหมดละซิใช่ไหม มีในตำรา อันนี้เร็วๆ นี้ละตำรา ท่านอยู่ท่านสำรวมจึงได้เทวดารักษา เทวดารักมากนะพระที่อยู่เช่นนั้น เมตตาไม่ลดละ เมตตาธรรมไม่ลดละ มีเมตตาตลอด พวกเทวดาทั้งหลายรักเคารพมาก
(วันนี้ทองคำได้ ๑๒ บาท ๕๘ สตางค์เจ้าค่ะ) นี่เราทำประโยชน์ให้โลกนี้ทำเรื่อยมานะ อย่างนี้ละทำประโยชน์ให้โลก ทองคำทั้งหมดนี้จะเข้าคลังหลวงของประเทศไทย ทองคำอยู่ที่ไหนๆ ได้มาเข้าคลังหลวงหมดเลย เราไม่แตะไม่ต้อง ส่วนจตุปัจจัยก็แยกออกไปทำประโยชน์กระจายทั่วประเทศไทย สำหรับทองคำนี้เข้าคลังหลวงหมด อย่างนี้ละทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม เราไม่เอาอะไรนะ ให้พี่น้องทั้งหลายทราบเสีย
เรานี่ดิ้นดีดเพื่อโลก ดิ้นจริงๆ ดีดจริงๆ เหมือนกับว่ามีอะไรเป็นพิษเป็นภัยในหัวใจของเราความจริงไม่มี โล่งหมดแล้วโลกธาตุนี้ ไม่มีอะไรมาข้องในจิตใจ แต่จิตใจวุ่นกับโลกด้วยความเมตตา วุ่นอยู่อย่างนี้ตลอด ท่านทั้งหลายทราบเสีย เห็นดีดดิ้นนู้นนี้ว่าเราร้อนเหรอ เราไม่ได้ร้อนนะ มีแต่ร้อนเพื่อโลกทั้งนั้นละ ดิ้นไปตามโลก สงเคราะห์โลก สำหรับเราเองเราไม่มีอะไร เสร็จสิ้น เสี้ยนหนามคือกิเลสออกจากหัวใจหมดแล้วมีแต่ธรรมล้วนๆ โล่งโถงหมดเลย นี่เราครองธรรมประเภทนั้นละ
ท่านทั้งหลายไม่เคยเห็นเห็นเสียดูเสียนะ ที่ใครมาดูเราจากที่ต่างๆ เราก็เห็นสมควร สมควรที่ว่าสายหูสายตาของเขาดูใจของเขาเขาก็ไม่ได้ดูสกปรกรกรุงรัง แต่ใจของเรานี่ชำระซักฟอกตลอดเวลา สว่างจ้าทั้งวันทั้งคืน ใครจะดูก็ดูได้ บอกตรงๆ เลย มันถึงคราวจะบอกบอกเสีย มันจวนตายแล้ว บอก มันจ้าอย่างนั้นตลอดเวลา เราไม่มีกำหนดที่เกิดที่ตายของเราละ ตั้งแต่นี้ต่อไปแล้วไม่มี เราอยู่กับโลกเราก็อยู่ไปอย่างนั้นละ แต่เราไม่มีอะไรกับโลกนะ มันโล่งหมดแล้วกับโลก โล่งหมดเลย ไม่มีกิเลสตัณหาอันเป็นเสี้ยนเป็นหนามเข้าแทงจิตใจ มีแต่ธรรมล้วนๆ สว่างโล่ง นั่นละชำระให้มันได้ชำระจิตใจ ถ้าชำระได้แล้วไปไหนโล่งหมด เย็นไปหมดทุกหย่อมหญ้า เพราะใจนี้พาให้เย็น ถ้าใจมีกิเลสแล้วมันก็เหมือนถือคบไฟไปละ ไหม้ทั้งเขาไหม้ทั้งเรา ระวังให้ดีไหม้หัวเจ้าของเข้า ถ้าเป็นธรรมไปไหนสว่างจ้า ให้พากันจำเอานะ ให้พรนะ
รับชมรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM103.25 MHz
พร้อมเครือข่ายทั่วประเทศ
|