นักข่าว รายการวันนี้จะอัดไปออกวันจันทร์ให้ลูกศิษย์หลวงตาทั่วประเทศได้ดู ว่าหลวงตาทำอะไรอยู่ หลวงตาหาเงินบริจาคได้เท่าไรแล้ว หลวงตามีจุดมุ่งหมายอย่างไร จะอัดรายการวันนี้ไว้แล้วไปออกวันจันทร์ครับ
หลวงตา แล้วเหล่านี้มีแต่ศิษย์หลวงตาทั้งนั้น ส่วนอาจารย์ของหลวงตามีบ้างไหมไม่เห็นระบุบ้าง ใครมาก็มีแต่ลูกศิษย์หลวงตาบัว ๆ ผู้ที่ว่าเป็นอาจารย์ของหลวงตาบัวไม่เห็นมี เราก็ถามเอาบ้างซิ ผู้เหนือกว่าเรายังมีอยู่เราถึงถามขึ้น พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ผู้อาวุโสผู้ท่านผ่านไปแล้ว เรียกว่า อาวุโส สูงกว่าเราเป็นอาจารย์เราได้โดยลำดับลำดา นอกจากนั้นก็เป็นลูกศิษย์ลูกหา เพราะฉะนั้นเราถึงถาม เพราะที่สูงกว่าเรายังมีอยู่ อันนี้ถามมามีแต่ลูกศิษย์หลวงตาบัวทั้งนั้นเหรอ อาจารย์หลวงตาบัวมีไหมก็ต้องถามซิ ถ้ามีก็ให้เสนอมาว่ามี คือใครว่างั้น เอาอีกนะ เอ้า ว่ามา
นักข่าว อยากจะเรียนถามหลวงตาว่า วันนี้มีกองผ้าป่าหนึ่งที่จะเอาเข้าคลังหลวง เป็นไปตามจุดมุ่งหมายไหมครับ เงินที่ลูกศิษย์ลูกหาได้บริจาคมานี่มากมายขนาดไหนครับที่จะเอาเข้า
หลวงตา เข้าตามจุดมุ่งหมายไหมอย่างนั้นเหรอ
นักข่าว ได้ตามจุดมุ่งหมายหรือยังครับ จำนวนเงินทั้งหลายที่หลวงตาจะนำเข้าคลังหลวง
หลวงตา สำหรับระยะนี้ที่กะกำหนดไว้ว่า ๑,๐๐๐ กิโล ค่อนข้างแน่ใจว่าจะครบ เพราะเวลานี้ทองแม้จะยังไม่ได้หลอมก็ตาม แต่ก็เกิน ๑,๐๐๐ กิโลไปแล้ว ๒๐ กว่ากิโล หลอมแล้วก็จะลดลงเพียงเล็กน้อย หรือหากไม่พอก็ไม่ยาก คว้าเอาตามลูกศิษย์นี่ละ เพราะไม่ใช่อาจารย์ของเรา มีแต่ลูกศิษย์ของเราเราคว้าได้ทั้งนั้น กะว่า ๑,๐๐๐ กิโลนี้แน่ใจว่าพอ
นักข่าว แล้วเงินดอลลาร์ได้เท่าไรแล้วครับ
หลวงตา เวลานี้ดอลลาร์ก็ร่วมล้านแล้วนะ เราไม่ได้ดูบัญชีไม่ได้ดูสมุด แต่อย่างน้อย ๘๐๐,๐๐๐ กว่าแล้ว คิดว่า ๘๐๐,๐๐๐ กว่า กำหนดว่า ๑ ล้าน หากว่าจะได้เข้าตามความสะดวกตามอรรถตามธรรมว่างั้นเถอะนะ เราก็จะเข้าทองคำคราวนี้ ๑,๐๐๐ กิโล และดอลลาร์ตามกันเข้าไป ๑ ล้านดอลล์ นี้เป็นความมุ่งหมายของเราที่ตั้งมาดั้งเดิมจนกระทั่งปัจจุบันนี้ มีความมุ่งหมายที่จะเข้าสู่คลังหลวงโดยถ่ายเดียวเท่านั้น ไม่เป็นอย่างอื่นอย่างใดไป เพราะสมบัติเหล่านี้เป็นสมบัติพี่น้องชาวไทยเราทั้งประเทศ นับแต่วงศ์กษัตริย์ลงมา ทรงบริจาค ทองคำ ดอลลาร์ เงินสด เข้ามากับพวกลูก ๆ ของท่าน วงศ์กษัตริย์ของเรา กับลูก ๆ ของท่านทั่วประเทศไทย รวมกันมาบริจาคเวลานี้ เราก็มุ่งที่จะเข้าสู่คลังหลวงซึ่งเป็นของคู่ควรกันอย่างยิ่งกับชาติไทยของเรา
คลังหลวงนี่คือคลังหลวงของชาติ สมบัติเหล่านี้เป็นสมบัติของชาติล้วน ๆ ที่จะเข้ามานี่ เพื่อจะให้เข้าสู่คลังหลวงอันเป็นของคู่ควรกัน อย่างอื่นไม่ควรอย่างยิ่ง จะแยกจะแยะไปที่ไหนขัดทั้งนั้น เป็นก้างขวางคอหรือเป็นข้าศึกต่อชาติไทยของเราอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้นเราจึงเอาลงในจุดที่เป็นความต้องการของพี่น้องทั้งหลายทั่วประเทศไทยของเรา ตามที่เราได้ประกาศไว้แล้วว่า เงินจำนวนเหล่านี้จะรับบริจาคจากพี่น้องทั้งหลายแล้วจะเข้าสู่คลังหลวงโดยถ่ายเดียว คลังหลวงคือหัวใจของชาติ นี่เป็นความมุ่งหมายของเรา
นักข่าว คลังหลวงในความหมายหลวงตานี่ เป็นคลังหลวงแบบไหนครับ คลังหลวงแบบเดียวกับรัฐบาลหรือเปล่าครับ
หลวงตา รัฐบาลเราเชื่อหัวมันไม่ได้แหละ มันปลิ้นปล้อนหลอกลวง ต้มมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งกี่หนรัฐบาล เอาเป็นที่แน่ใจได้ยังไง นี่เราจะเอาเข้าสู่คลังหลวง ก่อนที่จะเอาเข้าสู่คลังหลวง เราไล่ดูทุกสิ่งทุกอย่างละเอียดลออลงในจุดที่ว่าหัวใจของชาติ ถ้าอย่างที่ปัจจุบันเขาพูดว่า ฝ่ายออกบัตร นี้คือหัวใจของชาติ เราก็จะเอาเข้าตรงนี้ แล้วมันแฉลบออกไปนอกถุงนั่นเห็นไหม ดูไหมพี่น้องทั้งหลาย ดูรัฐบาลเราซิ มันเป็นของคู่ควรกันเหรอกับชาติไทยทั้งชาติ ซึ่งมอบความไว้วางใจให้รัฐบาลดำเนินงาน งานนี้เป็นงานของชาติโดยแท้ เหตุใดจึงต้องเอาแฉลบไปเป็นข้าวนอกนา ปลานอกสุ่มนอกแหนอกบ้านไป เป็นคนขอทานไป
สมบัติของคนทั้งประเทศนับแต่วงศ์กษัตริย์ลงมา เป็นของคู่ควรกันอย่างยิ่งที่จะเข้าสู่คลังหลวงโดยถ่ายเดียวเท่านั้น อย่างอื่นไม่ควร ยิ่งแฉลบออกไปอย่างนี้ยิ่งเห็นข้าศึกศัตรูว่าเป็นภัยต่อชาติอย่างยิ่ง ให้เห็นอย่างชัดเจน จะออกมาแง่ใดมุมใดแสดงให้เห็นหมด เรื่องเป็นความขัดข้องหรือเป็นภัยต่อชาติ ๆ อันนี้เราก็เคยพูดแล้วว่า เราจะเอาเข้าสู่คลังหลวงก็ถูกต้มมาหนหนึ่งแล้ว นี้เราก็พลิกมาแล้ว พอเราทราบเวลานั้นว่าเงินอันนี้ ทราบจากที่เราสืบทราบซิ เราสืบทราบ ทราบว่าเงินจำนวนที่เรานำเข้าสู่คลังหลวงเป็นความตายใจ เนื่องจากเราถูกต้มว่าเข้าสู่จุดนั้น ๆ เราไล่กันขนาดนั้นนะ เป็นที่แน่ใจแล้วก็มาให้เราเซ็น เราก็เซ็น เซ็นตามความแน่ใจที่เหล่านี้ละมาต้มเรา บอกว่าจุดนั้น จุดอะไรไล่กันเข้าไป
ก็คือว่าจุดฝ่ายออกบัตรนั้นแหละ เราเรียกว่าคลังหลวงคือฝ่ายออกบัตร คือเป็นหัวใจของชาติอยู่จุดนี้ ส่วนนอกนั้นเราไม่ทราบ เราก็ไล่ลงไปหาจุดสำคัญที่เป็นหัวใจของชาติ ก็บอกว่าเข้าสู่คลังหลวง เข้าสู่จุดนี้ เราก็ยอมเซ็นให้ ทีนี้เวลาพูดอย่างนี้แล้ว มันก็ลุกลามไปหาเรื่องเซ็นนะ ทีนี้เซ็นแล้วแทนที่จะเข้าสู่จุดมุ่งหมายตามที่เราต้องการมันกลับไม่เข้า แต่เราก็ได้มาประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบทั่วกันว่า ทั้งทองคำและดอลลาร์เหล่านี้ ได้เข้าสู่คลังหลวงตามความมุ่งหมายของพี่น้องชาวไทยเราทุก ๆ คนแล้ว ตั้งแต่วันที่เท่านั้นที่เรามอบนะ แต่เมื่อมาทราบภายหลัง เงินเหล่านี้ไม่ได้เข้าสู่คลังหลวง นี้เป็นต้มครั้งที่หนึ่งเข้าใจไหม จะเป็นรัฐบาลก็ตาม เป็นธนาคารก็ตาม ก็มี ๒ ก๊กเท่านั้นที่เป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องเหล่านี้ ตาสีตาสาเขาไม่รับผิดชอบได้นะ พวกนี้เท่านั้นเป็นผู้รับผิดชอบ ต้มเราก็คือพวกนี้เป็นผู้ต้ม เราเชื่อก็เชื่อพวกนี้เราไม่เชื่อผู้อื่น แล้วเซ็นก็เซ็นตามความต้มของพวกเหล่านี้
ทีนี้เวลาเราเซ็นลงไปแล้ว พอทราบทีหลังว่าเงินเหล่านี้ไม่ได้เข้าสู่คลังหลวง มันแฉลบไปอยู่นอกถุงคลังหลวง พอเรารู้ในเวลานั้น ลายเซ็นของเราก็เป็นโมฆะไปทันที เราพลิกกลับเข้านี้ให้เข้าสู่จุดนี้ให้ได้ ลายเซ็นของเราที่ว่าเขาต้มเราว่าเซ็นถูกต้องแล้ว กลายเป็นเซ็นปลอมไป ทางโน้นก็มาต้มอีกเป็นครั้งที่สองว่า คณะรัฐมนตรีได้ประชุมกันเรียบร้อยแล้วตกลงว่า ท่านอาจารย์ต้องปฏิบัติตามลายเซ็นของท่านอาจารย์ คือเงินนี้จะไม่ให้เข้าสู่คลังหลวง จะเอาไว้นอกตามเดิมที่หลวงตาเซ็นแล้ว ก็เราเซ็นนี้เซ็นตามที่ถูกต้มต่างหาก ทีนี้พอเรารู้ตัวแล้วเราก็พลิกตัวกลับมา ลายเซ็นนี้ก็เป็นโมฆะ เพราะฉะนั้นอย่าว่าแต่คณะรัฐมนตรีที่จะมาประชุมตกลงกันเลย ให้โคตรคณะรัฐมนตรีมาประชุมตกลง โมฆะไปหมด เราว่าอย่างนี้เลย เราพูดตรง ๆ อย่างนี้ ภาษาของธรรมเป็นอย่างนี้ นี่ต้มเราเป็นครั้งที่สองแล้วนะ พี่น้องทั้งหลายจำเอาไว้มันเป็นของดีแล้วเหรอ นี่ภาษาธรรมต้องพูดอย่างตรงไปตรงมา ถูกต้มบอกว่าถูกต้ม เวลานี้เงินก็ยังไม่เข้า เอ้าถามต่อไปอีก
นักข่าว ทองใหม่ที่จะเอาเข้านี่ ไม่กลัวถูกต้มหรือครับ
หลวงตา หือ
นักข่าว ทองใหม่ที่วันนี้จะเอามาโชว์ให้ลูกศิษย์ลูกหาได้เห็น ยังจะเอาเข้าคลังหลวงอยู่หรือเปล่าครับ
หลวงตา เรื่องที่จะเข้าเราจะเข้าตลอดเวลา แต่เหตุผลกลไกที่จะควรเข้าหรือไม่เข้า เมื่อได้ถูกต้มเข็ดหลาบหนหนึ่งมาแล้วก็ต้องพิจารณา..คนเรา เข้าใจเหรอ ไม่ควรก็ไม่เข้า แต่เรื่องฝากก็ฝาก เพราะเรื่องฝากนี้ ที่เข้าแล้วก็เข้า อันถูกต้มไปแล้วก็มี อันที่ฝากเตรียมจะเข้าถูกต้มก็มี เราก็จะเอาเข้าไว้ช่องที่ว่า เตรียมถูกต้มหรือเตรียมจะถูกฟัดกันก็ไม่รู้ละ ตรงนี้ละตรงสำคัญ พูดตรง ๆ อย่างนี้นะ ถ้าขัดต่อชาติบ้านเมืองแล้วยังไงก็ต้องฟัดกันแน่ ๆ ศาสนาลงด้วยความถูกต้องแม่นยำแล้ว สมบัติเหล่านี้เขาให้มาแล้วด้วยความลงใจทุกอย่าง เราก็ให้แล้วด้วยความลงใจว่าเข้าสู่จุดนั้นแน่นอนแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าพูดตามหลักธรรมแล้ว ต้องเอาหลักธรรมเป็นกฎเป็นเกณฑ์ อันอื่นใหญ่กว่าธรรมไม่ได้ เงินเหล่านี้แม้กฎหมายมีกี่ประเภทมาก็ตาม มาจากฟากแดนดินใดก็ตาม มาแยกแยะเงินจำนวนนี้ให้ออกจากหลักธรรมชาติ คือการให้โดยสมบูรณ์แล้ว มันแยกไม่ได้ เงินนี้เข้าสู่คลังหลวงแล้วตั้งแต่วันประกาศทราบทั่วถึงกัน
ที่ยุ่งเหยิงวุ่นวายเวลานี้พูดตามเรื่องของกฎหมอยต่างหาก ไม่ใช่กฎหมาย ถ้ากฎหมาย กฎหมายใดที่จะขัดข้องต่อชาติบ้านเมือง ลงด้วยความถูกต้อง แม้ตาสีตาสาเขาก็รู้แล้วว่าอันนี้เป็นความถูกต้องแล้ว มันแยกแยะไปไหน ถ้าไม่ใช่กฎหมอยเราว่างั้น มันมีกฎหมายไหมเอาไปแยกแยะอย่างนั้น เราก็แน่ใจว่าไม่มี มันหากแยกแยะตามเรื่องของกฎ.. มันไม่ได้ไปทางกฎหมาย ไปทางกฎหมอยล่ะซี กฎกลืนกฎกินนั่นแหละ มันไปอย่างนั้นต่างหาก
นักข่าว รัฐบาลเขาบอกว่า เขาจะเอาเงินหลวงตาเก็บไว้ให้ แต่ว่าเขาขอเอาส่วนอื่น ไปทำประโยชน์อย่างอื่น เอาไปใช้หนี้ เอาไปทำอะไร
หลวงตา เราไม่ให้ ชาติไทยไม่ยอมให้
นักข่าว หมายถึงเงินไม่เกี่ยวกับกองผ้าป่า
หลวงตา นั่นแล้ว ไม่เกี่ยวกับกองผ้าป่า จะเป็นกองไหนถ้าไม่ใช่กองคลังหลวงนี้เท่านั้น กีดกันไว้นี้เพื่ออะไร เพื่อให้เงินหลวงตานี่ไปประดับร้าน เป็นกำแพงก่อประดับหน้ารัฐบาลหลอกลวงประชาชนว่า เงินของหลวงตานี้ไม่แตะ ๆ เขาเอาไปเป็นกำแพงเพื่อหลอกประชาชนพวกเซ่อ ๆ อย่างพวกเรานี่ หลอกว่าเงินหลวงตาไม่แตะ ๆ นอกจากเงินหลวงตานี้คืออะไรไม่เห็นพูดถึง เงินอันนั้นเพื่ออะไร เพื่อจะกินหรือเพื่อจะกลืน ตรงนั้นไม่เห็นพูดถึง นี้ละที่กัน ๆ ก็เพื่อเงินจำนวนนี้ละ เป็นความแน่ใจในเรื่องของธรรม จะกฎหมายไม่กฎหมายก็ตาม แง่ไหนก็ตาม แง่ของธรรมแน่ที่สุดแล้ว กีดกันเอาไว้เพื่อจะกลืนเงินเหล่านี้
ถ้าเงินเราเข้าไปแล้วกลืนยากความหมายว่างั้น ต้องเอาออกนอกถุงไว้แล้วจะได้กลืนได้ง่าย มันไม่ได้ง่ายหนาเราว่าอย่างนี้เลย กลืนสมบัติของคนทั้งชาติไม่ใช่เป็นของง่ายนะ อย่าคิดว่าจะกลืนง่าย ๆ นะเราว่าอย่างนี้เลย เข้าใจหรือเปล่า นี่พูดตามหลักความจริง เงินนี้เป็นสมบัติของชาติโดยสมบูรณ์แล้วตั้งแต่วันประกาศให้ทราบทั่วถึงกันโดยหลักธรรม อย่างอื่นใดไม่แม่นยำแน่นอนยิ่งกว่าธรรมซึ่งเป็นเครื่องรับรองมาตลอดเวลา เอ้าว่าไป
นักข่าว เงินกองทุนผ้าป่าช่วยชาติของหลวงตา เอาไปไว้ในคลังหลวง คนเขาก็ถามว่า เอ เอาไปทำประโยชน์อย่างอื่นด้วยได้ไหม เอาไปสร้างโรงเรียนด้วยได้ไหม เอาไปสร้างวัด เอาไปสร้างโรงพยาบาลด้วยได้ไหม
หลวงตา พวกนี้พวกตาบอดเข้าใจไหม หลวงตาสร้างตั้งแต่เขายังไม่ถามโน่น สงเคราะห์คนทุกข์คนจนทั่วประเทศไทย เรียกว่าทั่วประเทศไทยนะเราสงเคราะห์คนทุกข์คนจน ระบุชื่อก็มี ไม่ออกชื่อก็มี เพราะเราให้ด้วยความเมตตา รักษาเกียรติกัน ให้มากให้น้อยถ้าเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล ๆ เราให้แล้วผ่านเลย ๆ ไม่เอ่ยชื่อถึงเลย ถ้าเขาออกทางหนังสือพิมพ์ให้ทราบ ตลอดสถานที่ บ้านเลขที่ของเขา เราก็ติดตามไปดู เมื่อทราบแล้วเราก็ให้ สงเคราะห์ตามความจำเป็น เมื่อให้แล้วเราจะออกพูดก็ได้ประกาศก็ได้ ไม่ประกาศก็ได้ เพราะเขาออกทางหนังสือพิมพ์แล้ว แต่เป็นส่วนรายบุคคลนี้ทั่วประเทศไทย เราสงวนศักดิ์ศรีของเขาไว้โดยสมบูรณ์ เราไม่เคยพูดเลย ให้เท่าไร ๆ ก็ให้เหมือนไม่ให้ นี่ทั่วประเทศไทย
ฟัง ใครที่เป็นเจ้าของปัญหาพึ่งลืมตามาถามปัญหาหลวงตาบัวนี้น่ะ นี่ละการสงเคราะห์โลกเราสงเคราะห์มาตั้งแต่ตั้งวัดป่าบ้านตาด จากนั้นก็สร้างโรงร่ำโรงเรียน สถานสงเคราะห์ โรงเรียนไม่ทราบกี่หลังจนไม่มีเงินจะสร้างว่างั้นเถอะ สถานสงเคราะห์ ที่ราชการต่าง ๆ ทั่วไปหมด เช่น สถานีรถไฟ เป็นต้น จากนั้นก็ขึ้นโรงพยาบาล เวลานี้ได้ตั้งร้อยกว่าโรง นอกจากนั้นยังข้ามไปประเทศลาว ช่วยอีก ๒๐ กว่าล้าน ไปช่วยทางนู้น นั่นก็โรงพยาบาลเหมือนกัน พวกเครื่องไม้เครื่องมือ เอกซเรย์ อะไรหลายอย่าง พวกตึก โรงพยาบาล เครื่องมือแพทย์เราช่วย อันนั้น ๒๐ กว่าล้าน สำหรับโรงพยาบาลในเมืองไทยเรานี้ร้อยกว่าโรงแล้วนะ เราช่วยมาตลอดเวลา
ทราบหรือยังพวกที่มาถาม ท่านเอาเงินไปทำอะไร ท่านสร้างโรงพยาบาล สร้างโรงเรียนหรือยัง มันตาบอดเหรออยากถามว่าอย่างนั้น เข้าใจไหม เราสร้างมาตั้งแต่ยังไม่ลืมตาโน่น หรือบางคนยังไม่เกิดก็ได้เราสร้างก่อนแล้ว มันพึ่งเกิดทีหลัง มันหลับตาถามก็อาจมีความจริงบ้าง เพราะเขาพึ่งเกิด เอ้าว่ามา
นักข่าว แสดงว่ากองที่เอาไปไว้ในคลังหลวงนี่ ห้ามเอาไปทำอย่างอื่น
หลวงตา ห้ามทั้งนั้น
นักข่าว เอาไปเป็นทุนของชาติอย่างเดียว
หลวงตา อย่างเดียว มาแตะไม่ได้
นักข่าว มีโอกาสจะต้องเอาคืนออกมาไหม เอามาคืนลูกศิษย์ไหม หรือบริจาคแล้วเอาไปไว้เลย
หลวงตา เอามาคืนหาอะไร ลูกศิษย์เขาไม่ใช่บ้าเหมือนผู้ที่จะส่งมาให้คืนนี่ ไอ้ผู้ที่จะเอาคืนหลวงตาบัวคือมันบ้าสด ๆ ร้อน ๆ ขายตัวทั่วประเทศไทย คนที่โง่ที่สุด บัดซบที่สุดคือคนให้เอาเงินหลวงตาบัวส่งคืน และเลวที่สุดหนึ่ง และเป็นข้าศึกของชาติไทยเราที่สุดหนึ่ง คือคนประเภทนี้ไม่ใช่ประเภทอื่นใด ตาสีตาสาเขาไม่ให้เอาคืนแหละ มีแต่จะเอาเข้าไปเพิ่มอีก ๆ อย่างนั้นถึงถูก เข้าใจเหรอ คนถามปัญหานี้คือข้าศึกของชาติ และความเลวทรามของมันประกาศตัวให้โลกได้เห็นทั่วถึงกัน ให้ทราบนะ ทราบหรือยังพวกตาบอดนี่น่ะ ยังไม่ทราบอยู่เหรอ ถามอย่างนั้นมันก็ถามได้ดูซิ อย่างนี้ละเรื่องกิเลสความเลวทรามของคน มันไม่ดูเหตุดูผลดูอรรถดูธรรมว่าควรหรือไม่ควร มันถามเอาอย่างดื้อ ๆ ด้าน ๆ ตามทิฐิมานะของมันเท่านั้นเอง เอ้าหยุดแค่นี้ ถามอะไรอีก
นักข่าว อยากถามหลวงตาต่อว่า เรื่อง ๕๐,๐๐๐ คนที่ตอนนี้ลูกศิษย์ลูกหากำลังจะไปปลดรัฐมนตรีคลัง หลวงตาคิดเห็นอย่างไรเรื่องนี้นะครับ แล้วลูกศิษย์ลูกหาได้มาปรึกษาบ้างไหมครับ
หลวงตา ไปถามประชาชนเขาว่าทำไมเขาถึงไปเขียน แล้วเหตุผลกลไกอะไรถึงเขาให้ได้เขียน แต่ก่อนตั้งแต่ตั้งประเทศไทยมาเขาไม่เคยเห็นเขียน แม้รายชื่อเดียวก็ไม่มี แต่เวลานี้ทำไมประชาชนเขาถึงเขียน ห้าหมื่นหรือเป็นแสนเป็นอะไรขึ้นไป ยังจะมากกว่านั้น อาจเป็นล้านก็ได้ เพราะเหตุไรก็ไปถามเขาซิ อะไรเป็นต้นเหตุให้เขาเขียน อยู่ดี ๆ ประเทศไทยเรามาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ไม่เคยเห็นใครเขียน ใครเห็นไหม ไม่เคยเห็นใช่ไหมเขาพึ่งมาเขียนนี้ มันมีสาเหตุมาจากไหน เข้าใจหรือเปล่า
ให้ไปถามเขาอย่ามาถามหลวงตาบัว หลวงตาบัวไม่ได้เป็นข้าศึกศัตรูต่อผู้ใด เป็นคุณต่อโลกล้วน ๆ ทั้งนั้น เราไม่ถือว่าใครเป็นข้าศึกศัตรูต่อเรา เราเป็นธรรมล้วน ๆ ต่อสัตว์ทั่วโลกไปเลย เรื่องอย่างนี้เป็นเรื่องของประชาชน ถ้าพูดถึงเรื่องสมบัติเงินทอง ทรัพย์สมบัติเงินทองได้แก่คลังหลวงเป็นหัวใจของชาติไทยเรา เราก็ได้ทราบชัด ๆ กันอยู่แล้วทั่วประเทศไทยว่า รัฐบาลจะมาเอาเงินก้อนนี้ออกไปถลุงว่างั้นเลย นี่หัวใจประชาชนเขาเป็นอย่างนั้น เขาไม่ได้ว่าออกไปเพื่อเจริญนั้นฟื้นฟูนี้ มันเป็นอุบายของรัฐบาลปากหวานก็ได้ใครเชื่อได้เมื่อไร มันต้มโลกมานานเท่าไรต้มชาติไทยเรารัฐบาลนี่ ต้มลึก ๆ ลับ ๆ ต้มมานาน
ลูกศิษย์ลูกหาของหลวงตานี้มีทุกกระทรวง กระทรวงไหนเป็นคนดี ๆ เขามาเล่าให้เราฟัง แหม สลดสังเวชนะ ความสกปรกโสมมของรัฐบาลแต่ละชุด ๆ มีน้อยชุดที่สะอาดสะอ้านนะ ไอ้พวกเรือพ่วงมันละไม่สะอาด หัวหน้าก็ประดับตกแต่งหน้าตาสดสวยงดงาม วางมารยาทกับพี่น้องชาวไทย ดีอย่างนั้นอย่างนี้ นี่เป็นหัวหน้า วางตัวเป็นเจ้าหล่อ ว่างั้นเถอะ เป็นเจ้าหล่อหลอมทอง เขาเรียกว่าทาสี ส่วนข้างหลังคือเรือพ่วงของมันมีแต่นรกอเวจี กินบ้านกินเมืองตลอด ส่วนหัวหน้าก็มาประดับประดาว่าอย่างนั้นอย่างนี้ อย่า ๆ ปากว่าตาขยิบ เข้าใจไหม มันเป็นอย่างนี้นะ มันไว้ใจกันได้ยังไง ธรรมไม่ได้เป็นอย่างนั้น ธรรมตรงไปตรงมา ผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก แล้วตะกี้นี้ถามเรื่องอะไรจำไม่ได้แล้วนะ
นักข่าว ลูกศิษย์ลูกหาได้มาหารือบ้างไหมว่า จะไปลงชื่อถอดถอดรัฐมนตรีคลังนี่ดีไหม
หลวงตา หารือหรือไม่หารือเราไม่สนใจ ใครจะมาหารือไม่หารือก็ตาม ความคิดความเห็นของใครมีเขาทำได้ของเขาเอง เข้าใจไหม ตั้งแต่ต้นเหตุที่จะให้เขาคิดเขาเขียนนี้ยังไม่ได้มาหารือหลวงตาบัว เข้าใจไหม มีแต่มันจะกลืนท่าเดียว อ้าวพูดให้มันเต็ม ๆ อย่างนี้ซิ มันไม่ได้มาหารือ เอาเงินก้อนนี้ไปหลวงตาจะว่ายังไง ไม่เห็นมาหารือ ถ้ามาหารือเราก็ใส่เปรี้ยงเลย มันไม่มาหารือมันกลัวหน้าผากแตกนั่นซิ
นักข่าว แสดงว่าวันนี้ทั้งรัฐบาล ทั้งแบงก์ชาติ ไม่มีใครมาหาหลวงตา มาชี้แจงให้หลวงตาเข้าใจจริง ๆ เลยใช่ไหมครับ
หลวงตา มาหรือไม่มาเราก็ไม่สนใจ ขอแต่เหตุผลเป็นไปตามร่องรอยของชาติไทยของเรา ให้เป็นความสงบร่มเย็น เราเป็นที่พอใจแล้ว การแนะนำสั่งสอนก็ดี การพาพี่น้องชาวไทยทั้งหลายที่นำการบริจาคนี้ ก็เพื่ออุดหนุนค้ำชูชาติไทยของเราให้แน่นหนามั่นคง ถ้าอันใดที่มันมีการแตกการแยกด้วยความคิดความเห็นต่าง ๆ ไม่เข้าร่องรอยกับอรรถกับธรรม ให้เป็นความสงบร่มเย็น แล้วรีบแก้ไขแง่นั้นมุมนั้น ให้เข้าสู่จุดอันดีงามเพื่อความแน่นหนามั่นคง แล้วจะมาหาหลวงตาบัวหรือไม่มาหาก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะหลวงตาบัวรอรับความสงบเย็นใจของประชาชน ตามความมุ่งหมายของเราที่มีต่อประชาชนด้วยเมตตาอยู่แล้ว เข้าใจ แล้วอะไรอีกล่ะ
นักข่าว เงินบริจาคที่จะต้องเข้าไปคลังหลวงนี้ได้จำนวนสักกี่งวดครับหลวงตา
หลวงตา ให้หามาหลาย ๆ งวดก็หลายงวดเองยากอะไร มีงวดเดียวจะให้เราว่าอะไร ยังไม่หามาเลยมาถามเฉย ๆ ไม่เอา ต้องหามาซิ แล้วยังอีกกี่งวดผมจะหามาอีก เราจะตอบทันที
นักข่าว หมายถึงว่าจะหาเข้าไปเรื่อย ๆ สำหรับคลังหลวง เห็นหลวงตาบอกว่าสักจำนวนหนึ่ง พูดไว้ตอนต้นว่าหาได้จำนวนเท่านี้จะพอแล้ว แสดงว่ายังไม่พอ จะหาต่อไปเรื่อย ๆ
หลวงตา ถ้าเขายื่นมาให้เรื่อย ๆ เราพอแล้วเราก็ต้องเอาอยู่เรื่อยละ ถ้าเขาไม่ให้ถึงจะเอาเท่าไรมันก็ไม่ได้ ก็มีเท่านั้นใช่ไหม นี่ถามแบบตาสีตาสา (หัวเราะ) ถามไม่มีหลักมีเกณฑ์
นักข่าว ถามหลวงตาต่อนะครับ ที่ผ่านมาทั้งหมดนี้ลูกศิษย์ลูกหาทั่วประเทศก็สับสนพอสมควร ที่ไม่ได้มานั่งอยู่ในวันนี้ หมายถึงไม่ได้มาพบหลวงตาโดยตรง เขาดูทีวีดูข่าวอยู่ที่บ้านเขาก็สับสนอยู่พอสมควร
หลวงตา สับสนเรื่องอะไร
นักข่าว สับสนว่า เอ๊ มันยุ่งขนาดนี้เขาควรจะบริจาคต่อดีไหม บริจาคแล้วใครจะไปตามดูแลเงินที่เข้าไปอยู่ในคลังหลวง หลวงตาจะบอกลูกศิษย์ลูกหาทั่วประเทศที่ดูรายการวันนี้อยู่ บอกให้เขามั่นใจได้ยังไงว่าถ้ามาบริจาคกับหลวงตาแล้ว
หลวงตา คนที่ว่าบริจาคแล้วยุ่งอย่างนั้นอย่างนี้ คือคนไม่บริจาค อย่าเอามาเป็นตัวอย่างนะ เอ้า ฟาดลงไป ๆ ธรรมพระพุทธเจ้าไม่เป็นสอง ทานเป็นทาน ให้เป็นให้ บุญเป็นบุญ กุศลเป็นกุศล เครื่องมือของชาติไทยเราไม่ไปไหน จะเข้าหนุนชาติไทยของเราโดยถ่ายเดียวเท่านั้น นี้คือผู้บริจาคเพื่ออุ้มชาติไทยของเรา ผู้ที่ไม่ได้ทำอะไรมีแต่กีดขวางท่านั้นท่านี้ วิพากษ์วิจารณ์ พวกนี้ไม่เป็นท่าอะไรแหละ เข้าใจไหม อย่าเอามาเป็นตัวอย่าง เอ้า ถามมาอีก
นักข่าว คนที่บริจาคเงินกับหลวงตาวันนี้ แล้วเงินก็เข้าไปอยู่ในคลังหลวงเข้าไปช่วยหนุนเศรษฐกิจของชาติด้วย แต่ก็ต้องเกิดเรื่องกับรัฐบาล ทะเลาะกับรัฐบาล จะต้องถอดถอนรัฐมนตรีคลัง จะต้องมีปัญหา ลูกศิษย์จะได้บุญไหมครับ
หลวงตา หา มาถามหาบุญ ขอให้เรื่องสงบตามธรรมที่ท่านสอนไว้ว่า ความสงบร่มเย็นอยู่ที่จุดใด จุดธรรม ถ้าถูกต้องตามธรรมแล้ว ความสงบร่มเย็นก็มี บุญก็เกิดที่ตรงนั้น เข้าใจไหม ถ้ากัดกันเหมือนหมานี่ พวกบาป สัตว์นรก ทำตัวเป็นหมากัดกันใช้ไม่ได้ เราไม่อยากจะว่าบาปพวกนี้น่ะ คือหมามันไม่รู้บาปรู้บุญจะไปว่ามันได้ยังไง เข้าใจ เอาละแค่นี้ก่อน แล้วมีอะไรอีกว่ามา
นักข่าว มีคนบอกว่า เอ๊ หลวงตาบัวออกมารับบริจาคเงินนี่ ออกมายุ่งกับเรื่องทางโลกหรือเปล่า เป็นกิจของสงฆ์หรือเปล่า หลวงตาอยากจะพูดกับคนดูรายการโทรทัศน์ อยากจะพูดกับลูกศิษย์ลูกหาเรื่องนี้ยังไงครับ
หลวงตา ถ้าถามประชาชนเราก็จะถามว่า การเตร็ดเตร่เร่ร่อน ผู้ชายคนหนึ่งหาเมียร้อยคน ผู้หญิงคนหนึ่งหาผัวห้าร้อยคน เตร็ดเตร่เร่ร่อนไม่มีที่พักที่อยู่ที่อาศัย ยิ่งกว่าหมาเดือน ๙ เดือน ๑๒ นี้เป็นกิจของสงฆ์เขาหรือเปล่า สงฆ์ประชาชนเข้าใจไหม มันเป็นกิจของสงฆ์ประชาชนหรือเปล่า เตร็ดเตร่เร่ร่อนกีดขวางทางเดินของอรรถของธรรม นี่เป็นกิจของสงฆ์แห่งประชาชนหรือเปล่า กิจของสงฆ์พระมี กิจของสงฆ์ประชาชนมี สงฆ์ แปลว่า หมู่ สังฆะ แปลว่า หมู่ หมู่ประชาชน หมู่พระ เขาทำอย่างนี้เป็นกิจของสงฆ์หรือเปล่า มาถามทำไมว่าเป็นกิจของสงฆ์ไม่ใช่กิจของสงฆ์ ถามหาอะไร
อันไหนที่เป็นกิจของสงฆ์แสดงมาให้หลวงตาฟังสักหน่อยน่ะ ถ้าหลวงตานี้ได้พูดผิดพลาดพาพี่น้องทั้งหลายดำเนินไปเป็นการผิดกิจของสงฆ์แล้ว อันไหนที่ถูกกิจของสงฆ์สอนมาสักหน่อย ให้หลวงตาได้ฟังสักหน่อย หลวงตานี่มันเรียนน้อย เกิดมาก็เกิดมาในท้องนา พ่อแม่หาปูหาปลาหาหน่อไม้หน่อหวายมาให้กิน เพราะฉะนั้นเห็นเขากินเลี้ยงกันโต๊ะละหมื่นละแสนละล้านนี้ มันเลี้ยงหาพ่อหาแม่มันอะไร ตั้งแต่โคตรพ่อโคตรแม่หลวงตาบัวยังไม่เคยเลี้ยงแบบนี้ เรากล้าพูดได้เพราะพ่อแม่เราไม่เคยเลี้ยงอย่างนั้นใช่ไหม เอ้าว่ามา
นักข่าว หลวงตาครับ คนดูรายการโทรทัศน์วันนี้ทั่วประเทศเลยนะครับ บอก แหมอยากมาบริจาคเงินกับหลวงตา แต่มาไม่ไหว ไม่รู้จะมายังไง ไม่รู้จะเอาเงินเอาทองมายังไง เขาจะช่วยชาติได้อย่างไร เขาจะทำบุญช่วยชาติได้อย่างไร หลวงตามีข้อแนะนำไหมครับ
หลวงตา อ้าว ก็ทางธนาคารประกาศไว้แล้วทั่วไป ธนาคารไหนบ้างที่จะโอนจะบริจาคมาก็มีอยู่แล้ว นอกจากมันโง่จนบัดซบเกินไปเท่านั้น เราอยากพูดอย่างนี้(หัวเราะ) เขาประกาศทั่วโลกเรายังไม่รู้เรื่องรู้ราว
นักข่าว บางคนเขาอยากมาพบหลวงตา อยากมาบริจาคกับหลวงตาเอง
หลวงตา ช่างเขาเถอะ อยากมาไม่มาก็เป็นเรื่องของเขา เรานี้ไม่อยากไปแหละ เวลานี้เราก็ยุ่งกับคนพอแล้วไม่อยากพบกับใครแหละ
นักข่าว คนไม่บริจาคเงิน ไม่ค่อยมีทรัพย์ ไม่มีทองไม่มีเงิน จะทำบุญช่วยชาติได้ยังไง หลวงตามีข้อแนะนำไหมครับ
หลวงตา ทำตัวให้เป็นคนดี ปฏิบัติตัวให้เป็นคนดี นั่นละเรียกว่าช่วยตัวเองแล้วก็ช่วยชาติได้ ชาติไทยเรานี้ถ้ามีแต่คนดีแล้วโลกนี้จะสงบร่มเย็นมาก แต่นี้มีคนชั่วมากเท่าไรยิ่งทำความเดือดร้อน คนชั่วมีอำนาจมาก มีความรู้มากเท่าไรที่เป็นคนชั่วแล้ว ยิ่งทำความเดือดร้อนแก่โลกได้มากที่สุด ยิ่งกว่าตาสีตาสาในท้องนานะ นั่นเขาไม่มีความรู้ พวกนี้มีความรู้ สำคัญที่ทำตัวให้ดี เข้าใจไหม ปฏิบัติตัวให้ดี คำว่าดีนี้ทราบไม่ใช่เหรอ เช่น ตีปากปั้วะนี้เรียกว่าปฏิบัติชั่ว มองเห็นกันตีปากปั้วะ อย่างนี้เขาเรียกทำชั่ว
มองเห็นกัน ไปยังไงมายังไงถามกัน มีความอะลุ้มอล่วยด้วยความเมตตาสงสารซึ่งกันและกัน แล้วขาดตกบกพร่องอะไร เวลานี้สมมุติว่าเราช่วยไม่ได้ ก็บอกว่าช่วยไม่ได้ เช่น เขามีเมียอยู่คนเดียว อยากได้อีกห้าเมีย อู๊ย อย่างนี้ผมช่วยไม่ได้เข้าใจไหม อันไหนช่วยได้ก็บอกว่าช่วยได้ อันไหนช่วยไม่ได้ก็บอก ฉันมีผัวคนเดียวมีโค็ยเดียว อยากได้ผัวคนหนึ่งห้าโค็ย โอ๋ย อย่างนี้ช่วยไม่ได้ ก็ต้องบอกว่าอย่างนี้ช่วยไม่ได้ นี่เราสอนแต่ของดี ๆ ใช่ไหม อันนี้ช่วยไม่ได้ ช่วยได้คือยังไง ให้มีผัวเดียวเมียเดียว นั่นละเหมาะที่สุดตามหลักธรรมของพระพุทธเจ้า ทุก ๆ พระองค์ของพระพุทธเจ้าเวลาสอนโลกสอนฆราวาสผู้มีกิเลสตัณหาเหล่านี้ เพราะอันนี้เราละมันไม่ได้ จึงหาไว้เยียวยาพอให้เป็นความสุขต่อกันระหว่างสามีภรรยา จึงให้มีผัวเดียวเมียเดียวเท่านั้น มากกว่านั้นเป็นไฟลามทุ่งไปหมด เรียกว่าธรรม เข้าใจไหม ให้ปฏิบัติกันอย่างนี้ นี่ก็เรียกว่าปฏิบัติตัวเป็นคนดีเข้าใจไหม ถ้าสองคนเข้าไปแล้วตัวเป็นผีเป็นหมากัดกันในครอบครัว แล้วมีอะไรอีกล่ะ
นักข่าว ในภาวะบ้านเมืองกำลังวิกฤตอย่างนี้ หลวงตาจะแนะนำธรรมะข้อไหนเป็นหลักยึดปฏิบัติเพื่อจะให้คนในชาติรอดพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้
หลวงตา ก็อย่างว่านี่แล้ว ก็เรื่องความมัธยัสถ์ ความประหยัด การอยู่การกินการใช้การสอย ให้ต่างคนต่างประหยัดมัธยัสถ์ ต่างคนต่างทำหน้าที่ด้วยความสุจริตยุติธรรม เช่นวงราชการก็ปฏิบัติตามหน้าที่กฎหมายบ้านเมือง ด้วยความบริสุทธิ์ต่อชาติบ้านเมือง นี้เรียกว่าทำตัวเป็นคนดี บ้านเมืองก็เจริญ ๆ วันหนึ่ง ๆ รายจ่ายจ่ายไปเท่าไรด้วยความฟุ่มเฟือยและความสกปรกเหล่านี้มีจำนวนเท่าไร เช่น เงินเดือนให้ข้าราชการทั่วประเทศไทยเรานี้ เดือนหนึ่งให้เท่าไร เงินดินที่เอาไปกินมากยิ่งกว่าเงินเดือนนี้เป็นจำนวนเท่าไร นี้ทำชาติให้ล่มจม ทำตัวเป็นคนชั่วเข้าใจไหม
ถ้าเราปฏิบัติตามจารีตประเพณีหรือกฎหมายบ้านเมืองที่พาดำเนินมา วงราชการก็มีเงินเดือนอยู่แล้ว ประชาชนเขาเลี้ยงกันทั่วหน้าทั่วประเทศไทย พลีค่าภาษีอากรประเภทต่าง ๆ ให้ไป ไปเป็นเงินเดือน เงินเดือนนี้ก็เรียกว่าเครื่องยังชีพของข้าราชการ แล้วทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติบ้านเมืองต่อไป ด้วยความสุจริตยุติธรรม นี่ก็เรียกว่าทำตัวเป็นคนดี บ้านเมืองของเราก็เจริญขึ้นได้ใช่ไหมล่ะ แล้วมีอะไรอีกล่ะ
นักข่าว ขอย้อนกลับไปเรื่องเงินที่วันนี้จะเอามาโชว์ให้กับลูกศิษย์ลูกหาทั่วประเทศชมนี่นะครับ มีคนบอกว่าทองบางส่วนก็เป็นทองปลอม มันจริงหมดหรือว่ามีปลอมปนด้วยครับ
หลวงตา โอ๊ย อันนี้เราไม่อยากตอบมันปัญหาเด็ก ๆ ถาม ทองบางทีเป็นทองปลอม แต่ตัวเรามันยังปลอมทองจะไม่ให้ปลอมได้ยังไง เข้าใจไหม ครั้นเวลามานี้ประจ๋อประแจ๋กับลูกกับเมีย เวลาให้หลังเมียไปแล้วผู้หญิงมีกี่คนไปเที่ยวพ่วงมาหมด มันปลอมหรือไม่ปลอมอย่างนั้น เข้าใจหรือเปล่า นั่นละคนปลอมก็มี ผัวปลอมก็มี เมียปลอมก็มี เราอย่าว่าแต่ทองคำปลอมเลยใช้ไม่ได้นะ
นักข่าว หมายถึงว่ามันอาจจะมีปนบ้างหรือยังไงกันครับ
หลวงตา ไม่ต้องอาจ มีแน่ ๆ (หัวเราะ) ของจริงมี ของปลอมต้องมี ธนบัตรจริงมีเท่าไร ธนบัตรปลอมก็แทรกเข้ามาจนได้ คนจริงมีมากมีน้อยคนปลอมก็แทรกเข้ามา ทองคำมีจริงมากน้อย ทองปลอมก็แทรกเข้ามาจนได้แหละ เพราะของปลอมมันแอบหากินกับของจริงเข้าใจไหม ถ้ามีแต่ของปลอมล้วน ๆ เขาไม่เอา เขาปัดกันหมด แต่มันต้องอาศัยของจริงนี้ละ อันนี้ดีนะ แต่ของปลอมมันแทรกอยู่ข้างหลัง นั่น มันหากินกับของจริง เข้าใจ แล้วมีอะไรอีกล่ะพูดมา
นักข่าว ท้ายที่สุดตรงนี้หลวงตาอยากจะฝากอะไรถึงรัฐบาลบ้างไหมครับ
หลวงตา เราไม่อยากฝาก ฝากอะไรไป รัฐบาลไม่ได้มามีเรื่องอะไรกับเราพอจะฝากไป ถ้ารัฐบาลฝากมาหาเรานี้ เราก็อาจจะฝากไปใช่ไหม (หัวเราะ) ถ้าทางโน้นก็ไม่มีอะไร เราอยู่ ๆ ก็ไปฝาก เขาก็ว่าบ้าเศรษฐี(หัวเราะ) เข้าใจไหม มีอะไรคอยแต่จะฝาก ๆ เขาจะเรียกหลวงตาฝากไป ไม่เอา
นักข่าว หรืออยากจะบอก พูดผ่านรายการโทรทัศน์ไปยังคนดูทั่วประเทศ ไปยังประชาชนชาวไทยทั่วประเทศบ้างไหมครับหลวงตา
หลวงตา เดี๋ยวนี้ก็ฟังทั่วประเทศไม่ใช่เหรอ
นักข่าว อยากจะเน้นอะไรเป็นพิเศษอีกไหมครับ
หลวงตา แล้วมีโทรทัศน์พิเศษไหมล่ะ (เสียงหัวเราะ) ถ้าไม่มีโทรทัศน์พิเศษอย่ามาอุตริหาเรื่องพิเศษจากเรา(หัวเราะ)
นักข่าว คงถามเป็นคำถามส่วนตัวของหลวงตานะครับ มีคนเขาพูดกระแนะกระแหน พูดค่อนแคะหลวงตาว่า เอ๊ บอกว่าเป็นอรหันต์แล้วทำไมโมโห ทำไมดุเก่งจัง หลวงตาจะว่ายังไงครับ
หลวงตา (หัวเราะ) อันนี้เรายอมนะ อันนี้ยอมเขาว่าโมโห เพราะไม่ว่าเราว่าเขาเป็นอรหันต์นะ ท่านพระอรหันต์ทั้งหลายท่านไม่ใช่เป็นคนตาย ท่านก็ต้องมีดีดมีดิ้นมีดุด่าว่ากล่าวเป็นธรรมดา แต่สำนวนของพระที่เป็นธรรมล้วน ๆ เช่นจิตบริสุทธิ์นั้น การแนะนำสั่งสอนดุด่าว่ากล่าวมีเหมือนกันกับคนมีกิเลส เหมือนกิเลสมันออกแสดงตัว แสดงเหมือนความกริ้วความโกรธดุด่าว่ากล่าว อย่างนี้เป็นกิริยาของกิเลสล้วน ๆ แล้วทำให้โลกร้อนเป็นฟืนเป็นไฟไป แต่กิริยาของท่านผู้สิ้นกิเลส หรือเป็นผู้มีธรรมในใจเต็มสัดเต็มส่วนแล้วพูดออกไป ดุด่าว่ากล่าวขนาดไหนไม่ใช่เป็นเรื่องของกิเลสออกทำงาน เป็นเรื่องพลังของธรรมออกทำงาน กระจายไปไหนเหมือนน้ำดับไฟ น้ำดับไฟล้วน ๆ ไปเลย เย็นฉ่ำไปหมด เข้าใจไหม นี่พลังของธรรม ดุด่าว่ากล่าวด้วยความเป็นธรรมจากใจที่เป็นธรรมแล้วเป็นธรรมล้วน ๆ เป็นน้ำดับไฟ
ถ้ามีกิเลสอยู่ภายในใจมากน้อยแสดงไปก็เป็นกิเลสแสดงออกมา เช่น โกรธ-โกรธจริง ๆ กิริยาแสดงท่าทางเหมือนโกรธอย่างนี้ก็โกรธจริง ๆ ตั้งแต่เขามีกิเลสอยู่เวลาเขาไปทำท่าทำทางบนลิเกละคร เขายังทำตัวได้ทุกอย่างใช่ไหม ดีไม่ดีร้องไห้แง ๆ เหมือนบ้า แล้วหัวเราะแฮ่ ๆ เหมือนบ้าก็มี เขาก็ยังทำได้ ทำไมพระอรหันต์ท่านไม่ใช่คนโง่ท่านจะทำกับโลกไม่ได้ ท่านก็ต้องทำได้เหมือนกัน พอดุท่านดุ พอด่าท่านด่า ถ้าคนดีท่านไม่ดุ เข้าใจไหม เพราะท่านดุให้ดี หนักเบามากน้อยก็เหมือนเขาถากไม้ ไม้ตรงไหนที่คดงอมาก นายช่างถากเขาต้องถากหนักมือใช่ไหม ที่ไหนมันเรียบ ๆ ราบ ๆ เขาก็ถากธรรมดาเรียบ ๆ คนที่มีความสวยงามพอเหมาะพอดี มีความดีพอประมาณไม่ผาดโผนโจนทะยาน ก็แนะนำสั่งสอนธรรมดา แต่คนที่มีคลื่นมาก ๆ มีความผาดโผนโจนทะยานมาก ๆ นายช่างคือธรรม คือครูบาอาจารย์นายช่างถาก ธรรมคือขวานก็ต้องถากลงอย่างหนัก ๆ เข้าใจไหม
นั่นละพลังของกิเลสมีมากฉันใด พลังของธรรมที่จะปราบกิเลสต้องมีมากเช่นเดียวกัน ไม่อย่างนั้นปราบกันไม่ลง เช่น สถานที่นี่สกปรกมาก น้ำเพียงแก้วเดียวไม่พอ ซัดลงเป็นถัง ๆ ไปเลยพอ เข้าใจไหม อันนี้ก็เหมือนกันกิเลสมันสกปรกมาก แต่กิเลสมันชอบเอาเปรียบเสมอ ถ้ากิเลสแสดงออกท่าทางใดก็ตาม ไม่มีใครถือสีถือสาเพราะเป็นคลังกิเลสด้วยกัน แต่พอธรรมแย็บไปนี่ โห นี่ท่านดุนะ ท่านดุนะ หาเรื่องทันทีเลย ทั้ง ๆ ที่ท่านไม่ดุ กิเลสตัวดุมันก็หาเรื่องใส่ธรรมว่าท่านดุ เข้าใจไหม เรื่องกิเลสเป็นอย่างนั้น เพราะมันมีแต่ความสกปรกเต็มหัวใจ ไม่มีความสะอาด พอธรรมเข้าไปชะล้างบ้างมันถือเป็นภัยต่อมัน มันต้านทานว่า โห นี่ท่านดุ ความจริงคือธรรมสะอาดชะล้างของสกปรกคือตัวกิเลสนั้นเอง เข้าใจหรือเปล่าล่ะ
นักข่าว หมายถึงว่า พระอรหันต์ก็ดุได้ด่าได้เหมือนกัน
หลวงตา ถ้าสมมุติว่าหลวงตาบัวเป็นอรหันต์ เราอยากได้เป็นอรหันต์อีก ๕ องค์ หลวงตาบัว จะฟาดคนทั้งบ้านทั้งเมืองเลย ดุ ปากนี้ดุไปทางนี้ ๆ ฟาดมันดุรอบด้านเลยหลวงตาบัวเข้าใจไหม หากว่าเป็นอรหันต์องค์เดียวก็มีปากเดียว เสียใจไม่ได้ดุเต็มเหนี่ยว
นักข่าว อย่างนี้ชาวบ้านจะแยกออกได้ยังไงว่า องค์ไหนเป็นอรหันต์ องค์ไหนไม่ใช่อรหันต์ ชาวบ้านจำเป็นต้องรู้ไหมครับ
หลวงตา เหอ ท่านรู้ท่านแล้วชาวบ้านจะจำเป็นไม่จำเป็น หลับตาลืมตาก็ช่างเขาซี ท่านรู้ของท่านแล้ว ท่านจะเอาชาวบ้านมาเป็นสักขีพยานหาอะไร ไม่อย่างนั้นจะเรียกว่าพระอรหันต์เป็นผู้พอแล้วได้ยังไง ต้องไปหาคนนั้นมาเป็นพยาน หาคนนี้มาเป็นพยาน ไม่สมบูรณ์ จึงต้องหาพยาน ถ้าเต็มที่แล้วไม่ต้องหาพยาน เข้าใจไหม เพราะฉะนั้นจึงสรุปลงว่า ไม่จำเป็นต้องหาใครมาเป็นพยาน สนฺทิฏฺฐิโก ความเป็นพระอรหันต์ บรรลุธรรมปึ๋งขึ้นภายในใจ กระจ่างแจ้งไปหมดแล้ว ใครรู้ไม่รู้ไม่สำคัญ ท่านเป็นผู้รู้คนเดียวก็พอแล้ว อย่างพระพุทธเจ้าตรัสรู้เพียงพระองค์เดียวสอนโลกได้ทั้งสามโลก ไม่ได้หาใครมาเป็นพยาน แล้วมีใครสมัครไปเป็นพยานพระพุทธเจ้า ว่านี่เป็นพระอรหันต์จริงนะ องค์นี้มาแย้งอีกว่ายังไม่จริงนะ ยังมีดุด่าว่ากล่าวอยู่ แล้วทำยังไง ต้องเป็นพระพุทธเจ้าองค์ตายแล้วถึงไม่ดุ แล้วมาสอนโลกได้ไหมคนตายแล้ว เข้าใจหรือเปล่า พระอรหันต์ก็เป็นคนดี ไม่ดีได้ยังไง ต้องแสดงได้เหมือนกันกับโลกทั่ว ๆ ไป ตามอุบายวิธีที่จะเป็นประโยชน์คือการสั่งสอนของตน เข้าใจหรือเปล่าล่ะ
นักข่าว ที่ผ่านมาทั้งหมดนี่ หลวงตารู้สึกเหนื่อยบ้างไหมครับ รู้สึกท้อใจบ้างไหมครับ เหนื่อยใจบ้างไหมครับ ที่ต้องมารบกับกิเลสซึ่งมันมาอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ไม่ได้มาในลักษณะของการจะไปสั่งสอนให้คนปฏิบัติธรรม แต่ว่าต้องไปรบกับรัฐบาล รบกับแบงก์ชาติ รบกับเรื่องของคลังหลวงอย่างนี้ หลวงตาท้อถอยหรือเหนื่อยบ้างไหมครับ เหนื่อยใจบ้างไหมครับ
หลวงตา ถ้าเราจะได้ไปรบจริง ๆ เราจะท้อถอยตั้งแต่ยังไม่รบ แต่นี้ยังไม่ได้รบกับใคร เราเป็นธรรมล้วน ๆ ผิดถูกว่าไปตามผิดตามถูกเท่านั้น เราจึงไม่ได้สนใจว่าเรารบกับใครต่อใคร มีแต่สอนด้วยคุณงามความดี ใครผิดเราก็บอกว่าผิด ดังที่กล่าวมาเหล่านี้ผิดเราก็บอกว่าผิดอย่างนี้ ไม่ได้รบนะ ให้แก้ให้ถูกต้องตามความมุ่งหมาย ให้แก้ตามความถูกต้องของธรรมดังที่ว่าก็แล้วกันไป ไม่มีอะไร
นักข่าว ก็เท่านี้นะครับ ขอรบกวนสัมภาษณ์หลวงตาเพียงเท่านี้ครับ
หลวงตา นานไหมล่ะสัมภาษณ์วันนี้นานไหมล่ะ วันนี้ออกมากออกน้อยแล้วจะได้เห็นทั่วประเทศไทยหรือ นี่ช่องไหน
นักข่าว ช่อง 11 ครับหลวงตา เดี๋ยวมีญาติโยมคนไหนอยากจะถามในช่วงตรงนี้ก็ได้นะครับ
หลวงตา ข้องใจตรงไหนอีก เวลาเปิดโอกาสให้ถาม เอ้า ถามมาว่างั้นเลย
นักข่าว เชิญเลยครับ มีท่านไหนที่อยากจะถามเพิ่มเติมในช่วงนี้ก็ถามหลวงตาได้เลยครับ
หญิง หลวงตาเจ้าขา หนูไม่ได้ถามนะเจ้าคะ แต่หนูกราบเรียนในฐานะเป็นลูกศิษย์ที่ถวายปัจจัยแก่หลวงตา เป็นทองคำและดอลลาร์ หนูไม่ต้องการเงินนั้นคืนมา หนูต้องการเงินนั้นเข้าประเทศชาติ ไม่ต้องการให้รัฐมนตรีหรือรัฐบาลคืนมา
หลวงตา อ๋อ นั่นมันบ้าของเขาเป็นเรื่องของเขาไป เราเป็นคนดีอย่าไปยุ่ง เราก็แก้แล้วตะกี้นี้ใช่ไหม ก็แก้แล้วนี่
หญิง แต่ยังไม่มีใครไปพูดกับเขาว่า ลูกศิษย์ไม่ต้องการเงินคืน ลูกศิษย์ต้องการเงินนี้ถวายแก่ประเทศชาติเจ้าค่ะ
หลวงตา อันนี้เราก็ทราบกันทั่วประเทศแล้ว ใครจะต้องการคืน มันเสือกพูดแต่มันคนเดียว มันก็บัดซบคนเดียวนั่นแหละ ถ้าในนามรัฐบาลก็รัฐบาลบัดซบเท่านั้นเอง มาพูดคำนี้ลงคอ เข้าใจหรือเปล่า ก็มีเท่านั้นเอง(หัวเราะ) ธรรมดานี้เขาไม่พูด ว่าทองเก๊หรือทองอะไรไม่ได้มาตระถงตระฐานนี่ มันมีที่ไหน ผู้ว่าการธนาคารชาติเป็นผู้รับไว้โดยสมบูรณ์แล้ว มันมาถามหาอะไร อันนี้ก็ช่องอีกเหมือนกันใช่ไหม เฉพาะอย่างยิ่งที่ให้เอาเงินคืน ให้พี่น้องชาวไทยให้เอาเงินหลวงตาบัวคืนนี้ แหม บัดซบมากที่สุดเลย เลวมากว่างั้นเลย ไม่ควรจะมีคนประเภทนี้ในประเทศไทยต่อไป ถ้ามีอยู่แล้วเราก็ไม่ว่า แต่ไม่ควรมีมากกว่านี้ หรือไม่ควรมีอย่างนี้อีกต่อไปเท่านั้นละ มันมีอยู่แล้วจะทำยังไง มันถึงแสดงออกมา ก็มีเท่านั้นแหละ เข้าใจ
หญิง เมื่อวันที่รัฐมนตรีพิเชฏฐ์พูดออกมานั้น ลูกศิษย์ทั้งหลายเสียใจมากเจ้าค่ะ ว่าทำไมจะให้เอาเงินมาคืน ทั้ง ๆ ที่เราอาราธนาถวายหลวงตาเพื่อประเทศชาติ แล้วเสร็จแล้วมาพูดแบบนี้ พวกลูกศิษย์ก็เสียใจมากเจ้าค่ะ
หลวงตา เสียใจนี้ก็เสียใจ แล้วก็ให้งดเสียนะ ไม่เกิดประโยชน์อะไร เสียใจนั้นมันเผาเรา เราเดือดร้อน อย่าไปเสียใจกับเขา สำหรับหลวงตานี้พูดตรง ๆ ให้สามแดนโลกธาตุนี้มาโจมตีหลวงตา หลวงตาเป็นโคตรนั้นโคตรนี้ ฟาดมาตั้งแต่โคตรแซ่ โคตรหลวงตาที่ตายไปแล้ว ไปฝังอยู่ที่ตรงไหนขุดค้นขึ้นมา มาด่าโคตรหลวงตา ก็บอกว่ายังไม่พอ โคตรของสูมีมากขนาดไหนให้ไปขุดกันมาด่ากูอีก จะว่าอย่างนั้นเข้าใจไหม กูจะเฉยอยู่อย่างนี้ เข้าใจหรือเปล่า นี่เรียกว่า กูมึง เข้าใจไหม พูดให้สนุกกันก็ต้องอย่างนั้นซิ ต้องลงกูลงมึงซิเข้าใจไหม(หัวเราะ)
เราจริง ๆ เราช่วยโลกเราไม่มีอะไรในหัวใจของเราที่จะมาเกี่ยวกับโลก ประสับประสานกันให้ได้รับความกระทบกระเทือน บอกว่าเราไม่มี เราช่วยด้วยความเมตตาล้วน ๆ ส่วนผิดถูกชั่วดีนั้นเป็นเรื่องของโลกที่จะรับเคราะห์รับบุญรับกรรมของตัวเอง ถ้าใครชมก็เป็นกุศลจิตของผู้นั้น คำพูดก็เป็นวาจาที่สุจริตยุติธรรม เป็นความดีงาม ถ้าเป็นความผิดก็คนนั้นเป็นผู้สร้างกรรมใส่ตัวเอง เราไม่ได้สร้างกับอะไร เราพอทุกอย่างแล้ว ดีชั่วเราพอหมด ปุญญปาปปหินบุคคล บุญและบาปได้ละหมดแล้วโดยสิ้นเชิงไม่มีอะไรเหลือ เราถึงไม่มีอะไรในสามแดนโลกธาตุนี้ที่เป็นสมมุติ จะเข้ามาสัมผัสสัมพันธ์ใจเราได้เลย เราสอนโลกเราจึงสอนด้วยความเมตตาล้วน ๆ กล้าพูดทั้งผิดทั้งถูก ผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก ตรงไปตรงมาจึงเรียกว่าภาษาธรรม เป็นภาษาที่ตายใจกันได้ นอกนั้นตายใจไม่ได้นะ ภาษาของธรรมนี้ตรงไปตรงมา ผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก ดังที่หลวงตาเคยแสดงมานี้เข้าใจไหม
อย่างที่ว่าโคตรว่าแซ่นี้ ว่าพูดแบบหยาบโลนหรือ ไม่หยาบโลน เอาน้ำหนักต่างหากเข้าใจไหม มันมีมากเพียงไรอันนี้ไม่พอ ไปเอามามากกว่านี้อีก แล้วไม่พอเท่านี้ ไปขุดกระดูกโคตรแซ่มาอีก โน่น เข้าใจไหม เอามาโจมตี มันก็เท่านั้นแหละ เท่าเก่า มันไม่มีน้ำหนักอะไรแหละ ความหมายว่าอย่างนั้น เป็นข้อเปรียบเทียบ ไอ้เรื่องเจตนาของเราที่จะพูดสกปรกลามกเราไม่มีจริง ๆ นะ มีแต่เนื้อหาของธรรมข้อเปรียบเทียบหนักเบาแค่ไหน ที่จะควรยึดอะไรเข้ามาเป็นข้อเปรียบเทียบ เอามาได้ทั้งนั้น เราจึงพูดได้ทั้งนั้นเป็นข้อเปรียบเทียบ เข้าใจหรือเปล่าล่ะ ไม่มีคำว่าสกปรกโสมม ในเรื่องธรรมไม่มี มีแต่ข้อเปรียบเทียบ มีน้ำหนักสักขีพยานยืนยันกันตรงนี้ ๆ ไปเลย ไอ้เรื่องความสกปรกเป็นเรื่องของกิเลสต่างหาก มันสกปรกไม่อยากให้ใครแตะต้องมัน เพราะมันสกปรกเต็มตัวแล้วจะเอาอะไรมาเพิ่มอีก ความหมายว่างั้น เอาละที่นี่พอละ