ทำให้จริงอย่างพระพุทธเจ้าสอน
วันที่ 16 พฤศจิกายน 2552 เวลา 8:15 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๒

ทำให้จริงอย่างพระพุทธเจ้าสอน

         ตึกสงฆ์อาพาธไปถึงไหนแล้ว ได้กี่ชั้น  (ผู้ว่า : ขึ้นชั้น ๑๐ เทเสาขึ้นชั้นดาดฟ้าแล้วครับ เป็นไปตามแผนครับ เงินที่จ่ายให้เขาค่าที่เขาทำ ๑๐ ชั้นเราจ่ายให้เขาประมาณ ๔๐-๕๐ ล้าน ตอนนี้เงินเข้ามา ๒๘๓,๕๕๓,๒๓๘ บาทครับ ทองคำ ๑๒ ตันกับ ๕๐ กิโล ดอลลาร์ ๑๐,๒๑๔,๖๐๐ ครับ ทองคำจะส่งมอบวันที่ ๑๒ ธันวาคม จะได้กราบทูลเชิญฟ้าหญิงเสด็จด้วยครับ ที่ศาลาวัดเรา ได้ทำพิธีมอบใหญ่อีกครั้ง ๔๑๒ กิโลกรัมทองคำที่จะส่งเข้าคลังหลวงครั้งนี้ครับ)

         ที่พูดเหล่านี้ออกมาจากหัวใจของพี่น้องทั้งหลายทุกคนมาอยู่ที่นี่ ประกาศลั่นกันขึ้นสูงตระหง่านฟากเมฆใหญ่ จากหัวใจพี่น้องทั้งหลาย ต่างคนต่างออกเล็กๆ น้อยๆ มันก็ใหญ่เองอย่างนี้ละใหญ่แล้ว กำลังขึ้นแล้ว ต่อไปจะขึ้นอะไรอีกก็ไม่รู้ เพราะมันขึ้นเรื่อยนี่ แง่นั้นเข้ามาแง่นี้เข้ามาเอาๆๆ พูดให้มันเต็มปากก็ว่าหลวงตาในประเทศไทยมีหลวงตาองค์ใดที่จนยิ่งกว่าหลวงตาบัว ชื่อเสียงดังฟากเมฆเจ้าของจน แบอยู่นี้ จน  แต่จนด้วยความรื่นเริง พอใจ จนด้วยความเมตตา พอตื่นขึ้นมานี้จิตมันครอบไปเลยนะ ให้เป็นในหัวใจดวงใดก็รู้เอง ไม่เป็นไม่รู้ พูดไม่ได้แต่รู้กันอยู่อย่างนั้น

พระพุทธเจ้าท่านยังออกมาแสดงให้โลกเห็นเป็นกิ่งเป็นก้าน ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ไม่ได้ว่างนะ ออกจากใจดวงเดียวนี่ เวลาชำระกิเลสออกหมดแล้วจ้าทั่วโลก ทำประโยชน์ก็ทำไปทั่วโลก ทำด้วยความเมตตา ไม่ได้ทำด้วยความตระหนี่ถี่เหนียว ความตระหนี่มันกำไว้เลย ความเมตตาปัดอันนี้ออก จับอันนี้ออกทางนู้นๆ มันชนะกันอย่างนั้นละ

พอพูดอย่างนี้แล้วเราคิดถึงสองคนผัวเมียอยู่จังหวัดศรีสะเกษ ไปทำงานอยู่ภาคกลางแล้วกลับบ้านมาฝนตกทั้งไข้ทั้งตากฝนมา เข้าไปในวัด ตอนนั้นเรามาจากกรุงเทพมาจำพรรษาที่โคราช ที่จักราช มาขอร่ม โอ๊ย มีร่มอันเดียว มองดูสั่นริกๆๆ ผัวน่ะ พากันมาสองคนผัวเมีย เราก็สงสารไม่ทราบจะเอาอะไรให้ คือเขาขอร่ม บอกมีร่มคันเดียวยังไม่ได้ใช้นะ ไปเปิดเอง ร่มใหม่ๆ ขนาดนั้นละ ทางเชียงใหม่เป็นนายช่าง ออกจากเชียงใหม่ มายังไม่ได้เปิดออกใช้เลย เอาไปเลย กางดู แล้วค่อยๆ กาง กางมาก็ขึ้นเลย น่าดู เอาๆ ไป แต่นี้เสียใจที่เครื่องนุ่งห่มของพระมันไม่เหมือนฆราวาส.จะเอามาให้ผ้านุ่งผ้าห่มอะไรมันเป็นของพระหมดไม่ใช่ของฆราวาส ไม่สมควรกัน จึงให้ร่มคันหนึ่งไป เจ้าของยังไม่ได้ใช้ ให้ไปใหม่ๆ นะ ได้มาใหม่ๆ เอี่ยมๆ

ตัวสั่น ผัวเมียมาด้วยกัน ผัวสั่น ฝนไม่ตกละมันหากสั่นของมัน มองไปทางไหนในกุฏิมันก็ไม่มีผ้าห่ม มีแต่ผ้าห่มพระ ได้เท่านี้แหละ ผ้าห่มไม่ได้อะไรไม่ได้ มีแต่เครื่องของพระทั้งหมดเลย ร่มใช้ได้ทั่วไป ให้ร่มคันหนึ่งไป เรายังไม่ลืมแก สงสารตัวสั่น มาสองคนผัวเมีย ไข้มาตามทาง มาถึงนี่จากนี้ก็จะไปศรีสะเกษ ถ้ามีรถยนต์เราจะให้รถยนต์คันหนึ่งไปเลย อ้าว ทำได้จริงๆ นี่ไม่เหมือนใครนะ ถ้าลงมันลงใจปุ๊บแค่ไหนแล้วเอาเลยๆ แต่นี่มันก็มีร่มคันเดียว มองไปข้างในมีแต่ผ้าเหลือง ไม่ได้ห่มไม่ได้อันนี้ ร่มนี้กางได้เอาไปกางเลย ยังไม่ได้ใช้นะนี่ มาจากเชียงใหม่ ใหม่ๆ ขนาดนั้น เจ้าของยังไม่ได้ใช้เลย นั่นละเขาเป็นคนแรกเป็นคนใช้ไปเลย เราไม่ได้ใช้ เขาไม่อยากเอานะ คนหนึ่งเอามาให้เอาไป มองดูหน้าเราแล้วมองดูของ เราสงสารเลยไม่ลืมนะจนกระทั่งทุกวันนี้ มันไม่มีผ้าห่มอย่างฆราวาส ในวัดมีแต่ผ้าห่มเหลืองๆ ไปหมด เลยไม่ได้ ผ้าห่มก็ไม่ได้ เราก็ไม่ใช้ผ้าห่มด้วยปรกตินะ

ออกฝึกตัวเองเป็นอย่างนั้นพี่น้องทั้งหลาย ที่มาเทศน์ว้อๆ อยู่นี้ออกมาจากรอดตายนะ นี่เอาจริงไม่เหมือนอะไรนะ ถ้าลองทำอะไรแล้วเอาจริงมากทีเดียว ถ้าว่าความเพียรก็เอาขนาดนั้นละ นั่งภาวนาจนก้นแตก ใครเห็นแต่หมอนแตกพวกนี้ ไม่มีก้นแตก นั่งไม่หยุด ฟาดตลอดรุ่งก็มีนั่งภาวนาขัดสมาธิเอาเลย เตรียมท่าแล้วเอานะวันนี้ ขึ้นเวที คู่ต่อสู้ดีก็อยู่ คู่ต่อสู้ไม่ดีให้ตกเวทีไปวันนี้ ฟัดกันเลย ถ้าว่าอะไรเป็นอันนั้นไม่มีเคลื่อนคลาด ถ้าลงว่าเอานะเรียกว่าถึงใจแล้ว ขาดไปหมดละ

เรื่องให้ให้ละ เราตลอดทุกวันนี้ให้ เพราะจิตนี้มันสงสารเมตตาครอบโลกธาตุจะมาว่าอะไร ใครไม่เห็นเฉยๆ มันเป็นอยู่ภายในสว่างจ้าครอบโลกธาตุ เจ้าของงกๆ งันๆ หัวใจไม่งกงันนะ มันสว่างจ้าอยู่นั้นเลย เป็นอย่างนั้นแหละ เรียกว่าเทศน์สอนโลกนี้รอดตายนะ นั่งภาวนาจนก้นแตกฟังซิ ที่ว่าหมอนแตกก้นแตก เอานะเท่านั้นละพอ ถ้าว่าเอานะหมายถึงว่ามีเขตแดนแล้วเอาตลอดรุ่ง ไม่สว่างเป็นวันใหม่ขึ้นมาแล้วเป็นไม่ลุก เอาปวดขี้ฟาดเลย มันเคยขี้ใส่ตักแม่เอาตักแม่เป็นถานพอแล้ว แล้วขี้ใส่ตัวเองลองดูซิ เตรียมท่าแล้วก็ขึ้นเวทีซัดตลอดรุ่งนั่งภาวนา ฟังซิน่ะ ทำเล่นๆ เมื่อไร

นำออกมาพูดนี้ใครก็ฟังไม่ได้นะเรื่องความเพียรของเรา มันเอาจริงมากนะ ถ้าลงว่าอะไรเอาอันนั้นเลย ถ้าว่าเอานะนั่นละถึงใจละ ถ้าลงว่าเอานะแล้วขาดไปเลย ไม่มีรอ อะไรจะขาดขาดเลย มันเป็นจริงๆ นะจิตนี่ ถ้าลงว่าเอานะเอาละเอาเต็มเหนี่ยวเลย ถ้ายังไม่ได้ตัดสินไม่เป็นไร อยู่อย่างไรก็อยู่ได้ อย่างนี้ละ นั่งภาวนาอย่างนี้ได้อย่างไรไม่ได้ ถ้าลงได้เข้าภาวนาเอานะเท่านั้นพอ อะไรจะเป็นอะไรเป็น ปวดหนักปวดเบาเอาเลย ตั้งแต่เล็กแต่น้อยมันเอาตักพ่อแม่เป็นส้วมเป็นถานพอแล้ว ทีนี้เอาตัวเอง ซัดกันขนาดนั้นละ

สมใจนะที่ได้มาสอนพวกท่านทั้งหลายอยู่เวลานี้ สมใจทุกอย่าง ในชาตินี้ชาติที่เราสมใจเรา สมใจอย่างไร ถ้าว่าพูดถึงเรื่องความเพียรฟาดกิเลสขาดสะบั้นตั้งแต่เท่าไรพ.ศ. ๒๔๙๓ หรือไง นั่นละขาดสะบั้นมาแต่นู้น จิตว่างไปหมดเลยตั้งแต่พ.ศ.๒๔๙๓ นั่นละความเพียรหนักมากทีเดียว ทำอะไรไม่ทำเล่นๆ นะถ้าลงได้ทำแล้ว นี่เราพูดย่อๆ เฉยๆ ความเพียรของเรา ไม่ใช่ว่าอยู่ธรรมดาๆ

กิเลสเกิดเหมือนกันนะ ลงมาจากภูเขาไปบิณฑบาตในหมู่บ้านเขา หมู่บ้านเล็กๆ  ตอนเช้ามาแล้วนั่งกลางทางเสียก่อน อดอาหารไม่ฉัน บทเวลามันจะตายจริงๆ ลงมาจะไปบิณฑบาตมาฉันไปหมู่บ้านเขาไม่ถึงนะ ต้องนั่งไปตามทาง มันก้าวไม่ออก คือมันอ่อนขนาดนั้น ทีนี้พอฉันเสร็จแล้วกลับมานี้เหมือนม้าแข่งนะความแข็งแรง มันอ่อนขนาดนั้นละ เวลาฉันจังหันเสร็จเรียบร้อยแล้วมานี้ไม่มีคำว่าอ่อนเพลีย ดีดผึงเหมือนม้า

นั่นละการฝึกเจ้าของฝึกอย่างนั้น เราเอาจริงๆ นะการฝึก เพราะมันเร่งใส่ พูดง่ายๆ เร่งใส่นิพพานให้เป็นพระอรหันต์เท่านั้น ว่าอย่างนั้นเลย ทางนี้จะว่าโม้ก็โม้เพราะเอามาจากความจริงที่เป็นจากเจ้าของ เจ้าของทำเอง จะเป็นกับตายก็เอาเถอะน่ะ ถ้าลงว่าเอานะเป็นขาดไปเลย ไม่มีอะไรเหลือละ จิตมันเด็ดมากนะจิตเรา ไม่ใช่คุยให้พี่น้องทั้งหลายฟังเฉยๆ มันเด็ดมาก เอาจริงด้วย ถ้าว่าเอานะเท่านั้นละเอาถึงใจ

กว่าจะได้มาสอนหมู่เพื่อนของง่ายเหรอ ก็สมใจนะล่ะ สรุปลงแล้วความเพียรทั้งหมดมาลงในขั้นสมใจ ถึงใจ พอทุกอย่าง เอาเสียจนกระทั่งกิเลสอยู่ในหัวใจที่มันตั้งโคตรตั้งแซ่เกิดแก่เจ็บตาย ไปภพใดชาติใดที่กิเลสพาให้เกิดให้ตาย มันเกิดได้ทุกแห่ง เกิดได้ทุกภพทุกชาติ เกิดได้ทุกประเภทของสัตว์ บทเวลากิเลสตัวนี้ขาดสะบั้นลงไปแล้วจ้าเลย ตัวไหนจะมาพาให้เกิดไม่มี ให้รู้อย่างนั้นซิ ธรรมพระพุทธเจ้า สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้วชอบแล้ว  มันไม่ชอบแต่พวกเราผู้ปฏิบัติออดๆ แอดๆ ให้มันจริงตามพระพุทธเจ้านี่ สฺวากฺขาโต ตรัสไว้ชอบแล้ว ทำให้ชอบเถอะน่ะ

เอาอย่างว่าละจนสมใจ ในชาตินี้เป็นชาติสมใจ สุดละเรา มาสุดในชาตินี้ ไม่มีเงื่อนต่อละจะไปภพใดชาติใดไม่มี มีแต่ธรรมธาตุสง่าจ้าอยู่ภายในใจ ครองร่างอันเน่าๆ อยู่นี้ แต่หัวใจมันสว่างจ้าอยู่ตลอดเวลา ร่างกายจะอ่อนขนาดไหนใจไม่อ่อน สว่างจ้า ยืนก็สว่าง เดินนั่งนอนสว่างจ้าอยู่ตลอดทุกอิริยาบถทั้งหลับทั้งตื่น นั่นเวลาเอาให้พอแล้ว นี่เรียกว่าสมใจ กิเลสก็ขาดสะบั้นไปเลยจริงๆ ไม่ได้มีว่ากิเลสยังอยู่ในนั้นหาตัวไหน ไปหาทำไม ก็รู้แล้วเวลามันเอาเราจนแทบเป็นแทบตายมันก็เอามาพอแล้ว เอาจนกระทั่งมันตาย ทีนี้อะไรจะมาหลอกมาหลอนเราไม่มีทุกวันนี้

ชาตินี้เป็นชาติที่ว่าไม่หมายที่ไหนละ หมด ที่จะไปเกิดข้างหน้าถอยไปข้างหน้าไม่มี ข้างหลังไม่มี มีแต่ธรรมธาตุสว่างจ้าอยู่ภายในหัวอก ฟังให้ดี นี่เอามาแล้วนะ ใครพูดแต่ก่อน ไม่มีใครพูด เราพูดเองเพราะเราเป็นเอง มันเป็นอยู่อย่างนั้นตลอด ทุกวันนี้มันก็เป็นอย่างนี้ ไม่มีวัยไม่มีอิริยาบถ ธรรมชาตินี้ถ้าลงได้หมดกิเลสแล้วพ้นสมมุติไปแล้ว อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา ไม่มี ท่านว่านิพพานเที่ยงก็คือธรรมชาติที่บริสุทธิ์สุดส่วนแล้วนี่ละเที่ยง จะเป็นอะไรเที่ยง ธรรมธาตุกับนิพพานเที่ยงอันเดียวกัน ธรรมธาตุคือจิตนี้กลายเป็นธรรมธาตุไปแล้ว นิพพานเที่ยงก็คืออันนี้ละเที่ยง นี่ละทำมาขนาดนั้นละ จึงว่าสุดแล้วในชาตินี้เราสุด ไม่คิดจะไปทางไหน จะไปนรกหรือก็ไม่มี คิดไปสวรรค์ไม่มี ถ้าว่านิพพาน..ธรรมธาตุกับนิพพานเป็นอันเดียวกัน เข้ากันได้เลย

นั่นละธรรมพระพุทธเจ้าสอนเล่นเหรอ ทำให้มันจริงอย่างพระพุทธเจ้าสอนซิ คำว่า สฺวากฺขาโต ตรัสไว้ชอบแล้ว มันไม่ชอบแต่พวกเราที่ปฏิบัติระเกะระกะเลอะๆ เทอะๆ หมอนได้เย็บกันทุกวัน ก้มลงไปทำอะไร เย็บหมอน เป็นอะไร หมอนแตกมันนอนไม่ตื่น เสื่อขาดหมอนแตก มันเป็นท่าอะไร แล้วคิดถึงความภูมิใจในเจ้าของไม่มี เห็นแต่อย่างว่าละ เสียใจ คิดถึงเจ้าของให้มันภูมิใจซี ผลเป็นอย่างนี้ การทำเป็นอย่างนั้นผลเป็นอย่างนี้ให้มันเห็นชัดๆ สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ชอบแล้ว ทำให้มันชอบ ทำให้มันจริงตามธรรม ธรรมไม่ได้โกหก เจ้าของต่างหาก ต่างคนต่างโกหกเจ้าของ กองโกหกเต็มอยู่ในศาลาหลังนี้ ว่าจะทำมันไม่ทำ ว่าจะเอานะวันนี้เอาให้หนักมันไปหนักหมอนเสีย หมอนมารอรับเสีย ให้มันจริง

นี่จริงละ ใครจะว่าอะไรก็ตามชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา บอกว่าหมดที่จะมาเกิดมาตายต่อไปอีก เรียกว่าป่าช้าม้วนเสื่อกันลงในความเพียรในชาตินี้หมด จะไปไหนมาไหนอยู่มีแต่ร่างเฉยๆ เดินก็อบๆ แก็บๆ ไปร่างกาย แต่จิตไม่ได้ก็อบๆ แก็บๆ นะอยู่ในร่างกายที่อ่อนเปียกนั่นละ จิตไม่ได้เป็นนะ สว่างจ้าครอบอยู่หมด นั่นละจิตถ้าลงไม่มีอะไรติดหัวใจแล้ว มีแต่ธรรมชาติธรรมล้วนๆ และธรรมกับใจเป็นอันเดียวกันแล้วมันจ้าเลย อย่างนั้นซิทำความเพียร

นี่มันคันฟัน เดินจงกรมหย็อกๆ แหย็กๆ ได้สองก้าวสามก้าวตามอง สุดท้ายกำปุ๊บไปเอาหมอนมามัดติดคอ เอาเดิน ลืมเสื่อลืมหมอนวันยังค่ำ เอาเสื่อมารองมัดติดหลัง หมอนนี้มัดติดคอ เอา เดินมันจะล้มเท่าไรให้ล้ม มีแต่เสื่อแต่หมอน มันเป็นอย่างนั้นละพวกเรา ไม่เป็นท่า ว่าอะไรให้มันจริงตามธรรมพระพุทธเจ้าซิ ไม่มีทางต้องติธรรมพระพุทธเจ้าสฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม ตรัสไว้ชอบแล้วทุกขั้นทุกภูมิของธรรม จนกระทั่งถึงนิพพาน อยู่ในคำสอนของพระพุทธเจ้าหมด ไม่ผิด พากันจำเอานะ พูดไปพูดมาก็เหนื่อย เหลาะๆ แหละๆ ไม่เป็นท่า

(บูชาธรรมเจ้าค่ะ) เอาอะไรมาให้ เราไม่ได้เทศน์เอาเงิน เทศน์เอาธรรมเข้าสู่หัวใจท่านทั้งหลาย แต่เงินเราก็ไม่ปฏิเสธ เราบวชมาก็บวชหาธรรม เวลาเป็นก็เป็นขึ้นในใจนั่นแหละ ใจนี่เป็นธรรมธาตุมันสว่างจ้าครอบไปหมด ไม่มีอะไรที่จะมาเจือปน กิเลสเท่านั้นกวนใจให้เดือดร้อนวุ่นวาย มีเงินกองเท่าภูเขาก็ไม่เป็นสุข มีสมบัติเงินทองอะไรไม่เป็นสุข มียศถาบรรดาศักดิ์สูงขนาดไหนไม่เป็นสุข พอจิตกับกิเลสขาดจากกันเท่านั้นอยู่ไหนสบายหมด ไม่ต้องไปหาที่หลับที่นอนหมอนมุ้งที่ไหนละ ไม่มี ท่านจึงว่าคำว่าสุขว่าทุกข์รวมแล้วทั้งหมดมาอยู่ที่ใจดวงเดียว เมื่อกิเลสขาดสะบั้นลงแล้วทุกข์หมดโดยสิ้นเชิง ยังเหลืออยู่กับธาตุกับขันธ์นอกๆ ตัวนั้นเข้าไม่ถึง นั่นละท่านว่าจิตที่บริสุทธิ์แท้เป็นอย่างนั้น ถึงวันจะไปก็ไปเลย ไปอย่างสบายๆ

(ที่หลวงตาว่าจะไปๆ ให้อยู่ ๑๒๐ ปีเท่าพระอานนท์ครับ) เราว่าจะเอามากกว่านั้นจะได้หรือไม่ได้ ให้เราได้ทดลองกันเสียก่อนนะ ซัดกันอยู่ระหว่างลมหายใจกับกายของเรา ถ้าลมหายใจยังอยู่จะฟัดมันตลอดไป ถ้าลมหายใจหมดแล้วไปไม่ได้ มันอยู่ในขั้นรั้งได้ก็รั้ง อยู่ในขั้นรั้งไม่ได้อย่างไรก็ไม่ได้ ต้องไป แม้พระพุทธเจ้าก็ยังนิพพานยังตายจะว่าไง แต่เวลามีชีวิตอยู่นี้เอาให้จริงให้จัง ดูมันเหลาะๆ แหละ ๆ มันไม่จริงไม่จัง นี่ตั้งแต่พูดเล่นพูดอะไรก็ยังคึกคักๆ นิสัยมันนักสู้จริงๆ นะนี่ ไม่ใช่คนเหลาะแหละนะ ถ้าว่าอะไรเอาจริงๆ ไม่มีคำว่าเหลาะแหละ ถ้าลงว่าเอานะแล้วเอาละถึงใจแล้ว ฟาดมันขาดสะบั้นไปเลย

เดี๋ยวนี้มีแต่ปากพูดว้อๆ ลุกก็จะล้มแล้ว ถ้าไม่มีใครมายกขึ้นล้ม เดินไปกุฏิก็จะไปไม่ถึง นี่ละร่างกายเป็นอย่างนั้นแต่ใจไม่เป็น ใจดวงนี้ไม่เคยเป็น สว่างจ้าอยู่ในร่างกายล้มลุกคลุกคลานนั่นแหละ เป็นอย่างนั้นละ จำเอานะทุกคนๆ ความเพียรนี่เวลาได้ออกลายแล้วไม่ใช่ของเล่นนะ เอาตายเข้าว่าเลยความเพียร ลงได้ออกลาย  คำว่าออกลายก็ลายนักมวย ตายเท่านั้น ที่จะยกมือขึ้นยอมแล้วไม่มี ขึ้นเวทีซัดคู่ต่อสู้  เอาจนกระทั่งตกเวที เอาตายตายไปเลย ถ้าไม่ตายซัดอีกไม่ถอย นั่นจึงเรียกว่านักสู้

นี่วันไหนๆ เอาหนา ฟังซิน่ะ พวกเรานี่พวกวันไหนๆ ก็เอาหนาๆ มีแต่เสื่อกับหมอนมัดติดคอ มัดติดตัว มองดูทุกคนดูไม่ได้มีแต่เสื่อแต่หมอนมัดติดตัว มันยังว่าเอาหนา เอาหนาขี้หมาอะไร เจ้าของตายไปไม่รอด เดินจงกรมก็ย็อกๆ จิตอยู่โลกธาตุไหนไปโลกไหนทวีปไหนไม่รู้จิต มันไม่อยู่กับตัว ครั้นแล้วก็มาทวงเดินจงกรมเอาเสียจนขาจะหักมันไปไม่ได้ นอนดีกว่า เอานอนไปสู้กับเดินจงกรมนอนดีกว่า พอลงถึงหมอนหรือไม่ถึงก็ไม่ทราบครอกๆ มันอย่างไร พวกเรานี่พวกครอกๆ อย่างไรกัน มีแต่ครอกๆ ทักทายกัน พวกครอกๆ พวกทักทายกัน เป็นอย่างนั้นละ

เราพูดจริงๆ เรื่องความเพียร ภูมิใจกับเจ้าของเรื่องความเพียรว่าตอนไหนๆ ความเพียรเราอ่อนแอท้อแท้เหลวไหลไม่เอาไหนมีตอนไหน เล็งดูความเพียรเจ้าของ ตอนไหนก็ตอนฟัดกันตลอด แบบเด็กต่อยกัน ฝึกหัดตั้งแต่เป็นเด็กต่อยมวย ต่อยล้มลงไปลุกขึ้นเอาอีก ล้มแรงมันหนักก็ลูกบักห่ามาเตะกูแรง นักมวยต่อยกันครั้นเขาเตะแรงตกเวที ฮ่วย ลูกบักห่ามึงมาเฮ็ดแฮงแท้ ตัวมันบ่เป็นตาซะแตก เขาเตะเอา.ให้มันยกมาทั้งโคตรมันลูกบักห่านี่ ให้มันตายหมดทั้งโคตร ก็เป็นคนประเภทลูกบักห่า

พูดจริงๆ เอาจริงๆ เป็นจริงๆ อย่างว่า ทุกอย่างเป็นจริงๆ อย่างว่า ท่านว่ากิเลสขาดสะบั้นลงไปกิเลสคว่ำกิเลสหงายตายจากหัวใจมันเป็นอย่างไรรู้กับเจ้าของผู้เป็น ไม่ต้องไปถามใคร รู้กับเจ้าของผู้เป็น นี่ก็สะดุ้งเลย เราไม่ลืมนะเวลาจิตกับกิเลสขาดจากกัน ตัวสะดุ้งเลยเชียว มันรุนแรงมาก กิเลสที่เคยครอบหัวใจกดหัวใจลงให้โงหัวไม่ขึ้น บทเวลาฟัดลงไปแล้วกิเลสลงไปตายให้เห็นต่อหน้า เป็นอย่างไรที่นี่นักมวย ให้มันขนาดนั้นซิ พวกเรานี้มีแต่จะตายต่อหน้าให้กิเลสเห็น ครั้นมาพูดได้ก็ลูกบักห่ามึงมาต่อยแรงแท้จะว่าอย่างนั้น ไปว่าให้เขา ตัวบ่เป็นตาซะแตกไม่พูด พวกนี้มีแต่พวกลูกบักห่าทั้งนั้น กิเลสต่อยแรงจนหมอนแตกๆ วันไหนเย็บหมอนจะตายละ ก้มหน้าทำอะไร เย็บหมอน เป็นอะไร หมอนแตก เข้าใจไหมล่ะ เอาละพอ

 

รับชมรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th

และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM103.25 MHz

พร้อมเครือข่ายทั่วประเทศ

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก