เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๒
ธรรมร้อยกรองจิตใจสัตว์โลก
(สามีโยมทำพินัยกรรมไว้ให้เอาเงินไปเลี้ยงสัตว์ทั่วโลก กลับไปจะส่งเงินส่วนหนึ่งมาถวายหลวงตา) ตั้งแต่เราวิ่งรถไปมาตามทางเห็นผลไม้ที่เขาขายอยู่ตามถนนหนทางนะเรายังคิดถึงสัตว์ นี่เอาไปให้พวกสัตว์กระรอกกระแตในวัดคงจะดี ว่าอย่างนั้นละ ก็มันคิดมันเป็นของมันอย่างนั้น เช่นอย่างที่เราไปทางหนองคายลงไปทางนู้นมันมีอาหารชนิดต่างๆ ผลไม้ที่เขานำมาขายข้างทางๆ ไปเห็นแล้วคิดถึงสัตว์ ก็เราไปด้วยความอิ่มท้อง ไม่ทราบว่าเขาจะอิ่มเมื่อไร ไม่อิ่มเมื่อไร หรือหิวตลอดเวลาก็ไม่ทราบ เราก็คิดอย่างนั้นละเลยสงสารทางสัตว์ เรามานี้เราอิ่มแล้วเรามา เขาอิ่มหรือยังไม่อิ่มก็ไม่ทราบ คิดอย่างนั้น เฉพาะไปหนองคาย ทางไปสายเรียบตามแม่น้ำโขงนะมันมีอยู่ทั่วไปผลไม้ที่เขาเอาไว้ขายตามข้างทาง แต่ที่จะให้ไปเฉยๆ มาเฉยๆ รถเปล่าๆ ไม่มีเรา หากมีสิ่งที่คิดพวกสัตว์อยู่ในวัดนี้พวกกระรอกกระแตพวกอะไร อันนั้นชอบอาหารชนิดนั้นๆ คิด
(โยมจากประเทศนอร์เวย์จะเอาปัจจัยมาถวายอีก) พอพูดอย่างนี้เราก็ระลึกได้พวกลูกศิษย์พระบ้านไหนๆ เขารู้จากพระกรรมฐานเรื่องมะขามป้อมสมอ เวลามีมากๆ เขาใส่กระสอบมา ปุ๊บๆๆมาพอดีเราก็ลงมาจากที่จะลงไปนู้นนะ มาถึงนู้นพอดีรถเขาก็มาจอดที่ตรงนั้น ที่ตรงหน้าครัวไฟ มะขามป้อมจะเอาไว้ที่ไหนว่าอย่างนั้นนะ พอลงรถมาแล้วลักษณะมันก็บอกแล้ว บอกวิธีที่จะตอบจะรับกันมันก็บอกแล้ว พอมาปั๊บ จะให้เอาไปไว้ที่ไหน เอาไว้โรงปอบ โรงปอบที่ไหน จะดัดคนสักหน่อย นิสัย......เอาสักหน่อยนะ เราเฉยเลยนะ พลิกได้นะนี่ ไม่ใช่เล่นนะ ไปนี่ได้หลายแบบ ถ้าจะเอาแบบนั้นมาใช้แบบอื่นไม่ให้มี ควรจะใช้แบบไหนกับผู้นี้คณะนี้มันหากเป็นของมัน ใช้แล้วก็เฉยไปเลย อันนี้ก็เหมือนกัน มะขามป้อมสมอเอาไว้ที่ไหน นู่นโรงปอบ คือตอนบ่ายๆพวกปอบมะขามป้อมสมอมาแอบอยู่นั้น เรานานๆหลายๆปี ถึงจะมาเป็นปอบกับเขา จากนั้นเขาบอกเราก็ลงมานี้ กลับมาไม่เห็นรถเขา เป็นถุงๆนะมะขามป้อมสมอ สถานที่มันมีนั่นละเขาถึงหามาถวายพระ เขาถวายพระวัดต่างๆ มามากต่อมากแล้ว วัดป่าบ้านตาดเขาคงคิดว่าจะไม่มี แล้วก็จะพระมาก เขามาฟาดเต็มถุงๆ เราก็บอกตรงๆ เลยว่าให้ไว้ที่นั่นละ บอกตรงๆ เลยเอาไว้โรงปอบ ปอบที่ไหน นั่นน่ะ เราก็ผ่านไปเลย เฉย กลับมาก็เห็นอยู่นั่น
คุณเจน (หลวงตาปรารภถึงลูกศิษย์ชาวอังกฤษ) เราไปอังกฤษเขาก็ขับให้ ไปนู้นลูกศิษย์เยอะนะ พอไปถึงนั้นแล้วคนไทยมันรู้มานานแล้วนะฟังว่า พอไปเขาว่าอาจารย์มหาบัวเมืองไทยมา เขาก็อยากดูเหมือนกันนะ พอไปถึงแล้วพวกนี้ขับรถให้เรา บางรายเขาก็มีแท็กซี่ประจำตัวรับจ้างไปได้เลย ตอนที่เราไปนั้นมันมีทั้งรถทูตประจำประเทศอังกฤษมีทั้งลูกศิษย์ลูกหา สวยงามนะ นิ่มเลยนะ ไปอยู่นั้นก็ไม่ได้นานละ เพราะเราตั้งใจไปทัศนศึกษาหาเหตุหาผลจริงๆ ไม่ใช่ไปเล่อๆล่าๆ เหมือนทั้งหลายเขาไปกัน เราไปจริงๆ ไปได้ยินเรื่องราวของประเทศอังกฤษเกี่ยวกับศาสนาบ้าง ไปก็ไปเที่ยวดู ไปดูซอกแซกซิกแซ็ก คนอังกฤษมันชำนาญหมดแล้ว พวกบางรายแท็กซี่ด้วยนะไปหมด บางทีก็ทูตเมืองไทยเราไปประจำอังกฤษก็มี บางทีพวกนั้นมารับไปๆ ไปครั้งนั้นก็มีท่านปัญญา ท่านเชอรี่ มีเท่านั้น ทีแรกมานานเข้าๆ เก้าอ้งเก้าอี้อย่ามาพูด มาที่ไหนนั่งที่นั่น เก้าอ้งเก้าอี้เขาไม่สนใจเลย ทั้งบ้านเมืองเขาเป็นบ้างเมืองเก้าอี้นะ แต่เวลาเราไปเขามาแล้วนั่งได้หมดเลย เรียบนะ ขี้เกียจขนาดไหนก็ไปนะ คือไปตามเหตุผล อย่างไปอังกฤษนี้พักเมื่อไร ไม่ได้พัก ตอนเช้า ๖ โมงเช้าออก ตอนบ่าย ๔ โมงไปอีก อย่างนั้นทุกวัน จวนจะกลับเท่าไรฟาดลงรถไฟใต้ดิน ไปดูเฉยๆ นี่ เราอยู่นู่น ๒ อาทิตย์กว่านะ
ธรรมนั่นละร้อยกรองจิตใจสัตว์โลกให้เข้าสนิทสนมกลมกลืนตายใจกันได้ เป็นญาติสนิทยิ่งกว่าญาติวงศ์นั้นวงศ์นี้สกุลนั้นสกุลนี้เป็นไหนๆ ญาติทางธรรมะนี่ลึกซึ้งมากนะ ญาติทางโคตรทางแซ่ทางอะไรๆ นี้เราเคยมีมามันก็เป็นประเพณีมาดั้งเดิม อันนี้มาเกี่ยวกับศาสนาพอมาสนิทกับศาสนาเข้ากันได้หมดเลย ตายใจกัน ตายใจกันเลย เป็นอย่างนั้นนะ
เมื่อวานไปไหนนะ (วัดป่าสุทธาวาส) ออกจากนี่ปั๊บก็ต้องวัดสกลนคร สุทธาวาส พ่อใหญ่อยู่นั้นน่ะ ดึงดูดตลอด อำนาจแห่งบุญแห่งคุณมหาคุณของท่านที่มีต่อกระหม่อมเรานะไม่ลืมเลยนะพ่อแม่ครูอาจารย์มั่น ไปปั๊บต้องเข้าไปกราบท่านเสียก่อน มันลงขนาดนั้นละ ลงขนาดหมอบให้จมมิดไปเลย ไม่มียกคอมองดูนั้นดูนี้เสียก่อน หมอบเลยเข้าไปเลย นั่นละลงหลวงปู่มั่นเราลงขนาดนั้นละ บอกให้ตายตายเลย ท่านมีเหตุผลของท่านว่าเอามหาบัวนี่ให้ตายเสียดีกว่า ดีกว่าอะไรเล็งเข้าไปเลยเรา เหตุผลลงแล้วตายเลยได้เลย
เรานี่เอาเหตุผลเป็นสำคัญนะ อย่างอื่นไม่สำคัญ ถ้าเหตุผลนี้จับปั๊บเลย ยอมรับด้วยเหตุผล ถ้ายอมรับกันด้วยทิฐิมานะไม่ลงกัน ถึงลงเพื่อรักษามารยาทก็จริง แต่ใจไม่ลง แต่ถ้าธรรมะนี้ลงนะ ลงเลย ไปจากนี้เราก็ไปสุทธาวาส จากนั้นก็มานี่เท่านั้นละ เราเคารพสุดยอดเลยนะหลวงปู่มั่น นั่งอยู่บนหัวอกเรานี้ตลอดหลวงปู่มั่น เราก็พูดตามหลักความจริงนะ เพราะหลวงปู่เสาร์เราไม่เคยเห็นท่าน เป็นอาจารย์ของหลวงปู่มั่น แต่ความหนักมันมาหนักอยู่ที่เราใกล้ชิดติดพันกับท่านคือหลวงปู่มั่น ส่วนหลวงปู่เสาร์ไม่เคยเห็นกันเลย น้ำหนักมันถึงต่างกัน มันหากเป็นโดยหลักธรรมชาตินะ หลวงปู่มั่นนี่ทุกอย่าง
เราลงเพราะหลวงปู่มั่นนี่ละ ไปติดภาวนาฟาดอยู่ถึง ๕ ปี จิตนี้เหมือนหินเลย แต่มันไม่ใช้ปัญญา ท่านถามมีอุบายนะ มีอยู่ในนั้นละในคำถาม แต่เรามันแบบหมูแบบเซ่อๆ น่ะซิ เป็นอย่างไรท่านมหาจิตสบายดีอยู่เหรอ พอบอกสบายดีท่านก็นิ่งไป เดี๋ยวถามอีกเป็นอย่างไรจิตสบายดีเหรอ ก็บอกสบายดี บทสุดท้ายก็ฟาดเลย ท่านจะนอนตายอยู่ในนั้นเหรอ สมาธินี้สมาธิหมูขึ้นเขียง คอยตั้งแต่ให้เขาสับเขายำเท่านั้นละ มันไม่ได้เกิดปัญญาอะไร ผู้ที่จะก้าวหน้าต้องใช้ปัญญาซิ สมาธิแน่นหนามั่นคงพอแล้ว เล่าให้ท่านฟังตามนี้ นอนตายอยู่นั่นเหรอขึ้นเลย บอกนอนตาย ทำไมปัญญามีไม่ใช้ พระพุทธเจ้าพ้นด้วยปัญญานะ สมาธิเหล่านี้เป็นเครื่องหนุนปัญญาออกเดิน ท่านว่าอย่างนั้น
พอจากนั้นมาก็หมุนเลยเรา ก็มันพอแล้วเรื่องสมาธิ พอท่านว่าปัญญาก็ซัดปัญญานี้หมุนติ้วๆ กลับมาไม่ได้นอนทั้งวันทั้งคืนมันหมุนของมัน หมุนหาทางออก หมุนเท่าไรยิ่งเบิกกว้างออกไป เบิกกว้างออกไปยิ่งพุ่งๆ จากนั้นไม่ได้นอนกลางคืนก็มี ทั้งคืนไม่ได้นอน มันไม่ยอมนอน จิตมันจะหมุนของมันอยู่ตลอด หมุนเรื่องธรรมจักร แล้วมากราบเรียนท่าน ท่านก็เอาอีกแหละ นั่นแหละมันหลงสังขาร ท่านจะไปท่าเดียวกับเราเมื่อไร ทีแรกเรานอนตายอยู่เหมือนหมู หมูคือสมาธิ บทเวลาไล่ออกๆมันไปใหญ่ นั่นละมันหลงสังขาร ใช้ไม่รู้จักประมาณ สังขารว่าเป็นมรรคมันเป็นสมุทัยเป็นกิเลสไปโดยไม่รู้ตัว พลิกใหม่ แก้อย่างนั้นละ
พ่อแม่ครูอาจารย์มั่นว่าอะไรลงเลยนะ ไม่ยากเลย ขอให้ท่านปั๊บออกมาเท่านั้นละลงเลยนะ เพราะท่านมีเหตุผลพร้อมทุกอย่าง พูดออกมาคำไหนเราไม่เคยได้ยินได้ฟังคำพูดจะได้ยินจากท่าน คำพูดที่แปลกประหลาดอัศจรรย์ ท่านไม่เรียนมาจากไหนล่ะ ออกจากนั้นต้อนรับกัน เวลามาสัมผัสสัมพันธ์คุยกันท่านจะออกมาของท่าน ออกตอบรับๆ นี่พ่อแม่ครูอาจารย์มั่น เราถึงยกให้เป็นเอกสมัยปัจจุบัน นั่นละจอมปราชญ์องค์หนึ่งคือหลวงปู่มั่นเรา
(สร้างตึกสงฆ์ ๑๐ ชั้น ตอนนี้ได้แล้ว ๒๗๕,๖๘๕,๔๘๑ บาทครับ) ทีแรกเขามาขอดูว่า ๘ ชั้นนะเขามาขอเราสร้างตึกโรงพยาบาล ตึกคนไข้ ขอ ๘ ชั้น เราตอบออกไปในวันหลัง วันนั้นเอาไปคิดเสียก่อนคำนวณทุกอย่างๆ แล้วถึงไปตอบ เอา ๑๐ ชั้น ทีแรกเขาบอก ๘ ชั้น เราเอา ๑๐ ชั้นเลยให้ ๑๐ ชั้นเวลานี้ขึ้นถึงไหนไม่รู้นะ (ชั้นที่ ๑๐ แล้วครับ) ชั้นที่ ๑๐ มันไม่ช้าละเพราะหัวใจนี่มันเร่งอยู่ภายใน หัวใจกำลังใจของง่ายเมื่อไร มันหมุนไปทางใดมันพุ่งๆ ของมันไปละ นั่นละท่านว่าฤทธิ์ทางใจ
อย่างหลวงปู่สมัยปัจจุบันก็หลวงปู่ฝั้นองค์หนึ่งนะ ท่านพ่อลีนี้องค์หนึ่ง พลังใจ ที่เราเห็นเด่นๆ นะ นอกนั้นก็ธรรมดา เราก็ไม่ค่อยได้สนทนากับท่านนะ แต่หลวงปู่ฝั้นกับท่านอาจารย์ลีเราได้คุยกัน ท่านอาจารย์ลีใครกลัวมากนั่นละ แต่กับเราท่านสนิทแบบลึกๆ นะ ไม่ให้มีใครรู้นะ ไปในงานวัดอโศการาม งานมันสองอาทิตย์ทีแรก ต่อจากนั้นไปเรื่องราวมันมาก นานว่าอย่างนั้นเถอะ ไม่ลงกันแง่นั้น ไม่ลงกันแง่นี้ ท่านสั่งมาเลยบอกว่าให้มหาบัวเข้าไประงับ ห้ามเปลี่ยนตัวเป็นอันขาด ท่านบอกอย่างนั้นเลย ให้อาจารย์เจี๊ยะไปหาเรา บอกให้มหาบัวไป ไประงับเรื่องในครัว ห้ามเปลี่ยนตัว เราก็หมดท่า
ไปก็เอาจริงๆนะ ใส่เปรี้ยงๆเลย มันมากต่อมากมีแต่เขาโค้งๆ รู้จักไหม เขาโค้งๆ คุณหญิงคุณนายใหญ่ๆ เขาโค้งๆ ครั้นไปปั๊บอย่างอาจาย์เจี๊ยะไปด้วยกันนะ พอเขาพูดทางนั้นๆ พออาจารย์เจี๊ยะพูดเขารุมใส่เลย ทางนี้ก็ก้มหัวมาหมอบ อย่างนี้ละท่านอาจารย์ผมพูดอะไรไม่ได้อย่างนี้ กระซิบเราผมพูดอะไรไม่ได้ละ นิ่ง เวลาถึงกาลเวลาจะพูดละ เอาทีนี้ให้พูดทีละฝ่าย ฝ่ายไหนมีความเห็นอย่างไร ขัดข้องต้องการอย่างไรเอาให้พูดขึ้นมาให้เต็มเม็ดเต็มหน่วย อีกฝ่ายนิ่งให้นิ่งฟัง เราจะนิ่งฟังตลอด ทั้งสองฝ่ายเราว่า ทางนั้นเขาก็ขึ้นปั๊บๆๆ พอจบลงแล้วเอาทางนี้ขึ้น ขัดข้องอย่างไรๆ ก็เอาล่ะ เรียบนะ แปลกอยู่นะ
ทีนี้พอลงจากนั้นแล้วมันมาทะเลาะกันที่ครัว อาหารไม่อด แต่แม่ครัวไม่พอ เราใส่เปรี้ยงๆ บรรดาลูกศิษย์ลูกหาของท่านที่มาเต็มอยู่วัดอโศการามใครปฏิญาณตนว่าเป็นอาจารย์ของท่านพ่อลีมีไหม บอกว่าไม่มี ไม่มีก็เราเป็นลูกศิษย์ของท่านก็ปฏิบัติซิปฏิบัติอย่างไรให้สมศักดิ์ศรีของอาจารย์กับลูกศิษย์ ใส่เปรี้ยง อาจารย์เจี๊ยะไปด้วย คนนั้นไปโรงนั้น คนนั้นจะไปโรงนั้น พอสองทุ่มเท่านั้นแม่ครัวขึ้นเป็นร้อยๆ คือไม่ได้ไปเกี่ยวข้องกับเขาก็จะให้เขาโดดเข้ามาทำครัวได้อย่างไร เหตุผลกลไกมีไปติดต่อกันซิ มนุษย์เข้ามาหากันเพื่อติดต่อสื่อสารซึ่งกันและกันนี่นะ บอกคนนั้นไปโรงนั้นคนนี้ไปโรงนี้ เขาบอกเองล่ะ พอค่ำเข้ามานี้แม่ครัวโอ๋ยแม่ครัวเป็นร้อยๆ ตอนถึงสามโมงเช้าแม่ครัวสามร้อยกว่า เรื่องนั้นก็เรียบไปเลย ย้ายงานออกไปอีกอาทิตย์หนึ่งเป็นสามอาทิตย์ เราไม่ลืม แต่เวลาเห็นเราทีไรนะมหาบัวไปไหนไม่ได้นะ ท่านขู่ลึกๆ พอมามองเห็นเราปั๊บมหาบัวไปไหนไม่ได้นะ เราก็เฉย เพราะมันคุ้นกันเรากับท่านอาจารย์ลีคุยกันสนุกดีอยู่
ทีนี้เลยขยายงานออกไปอีกหนึ่งอาทิตย์ ทีแรกสองอาทิตย์มันก็จะล้มเหลวกันไป นี่ละจึงว่าท่านสั่งเด็ดขาดเลยให้มหาบัวไปชำระเรื่องแม่ครัว ให้ท่าน(อาจารย์เจี๊ยะ) ติดตามไปด้วย ท่านมหาบัวเท่านั้น ห้ามเปลี่ยนตัว ท่านสั่งว่าห้ามเปลี่ยนตัว เราจะออกทางไหนละ เพราะเราเตรียมจะออกอยู่แล้ว ท่านไม่ให้ออกเลย จึงได้ไป มันก็เรียบไปเลย เลยกลายเป็นงานสามอาทิตย์ ทีแรกตั้งไว้สองอาทิตย์นะ ยังไม่ถึงสองอาทิตย์เลย งานก็ล้มเหลว เพราะแม่ครัวแตกกัน นี่ก็ให้เราเข้าไป เรียบนะ เดชะอยู่
(ท่านพ่อลีเดินเอาบุหรี่ไปแจกพระที่ไปร่วมงาน พอถึงหลวงตาเอาบุหรี่ใส่มือแล้วบอกหลวงตาไปไหนไม่ได้นะ) นั่นละกับเราท่านสนิทอย่างลึกๆนะ เวลาตอนเช้าเขาจังหันกัน พระเราไปดูงานอะไรโต๊ะจีนโต๊ะไทยอะไรอาหาร เราก็ไปกับท่าน นั่นละสนิทกันอย่างลึกๆ กุฏิท่านมียามห้ามเข้า ห้ามไม่ให้แขกเข้าไป พอเราไปเห็นตาปะขาวคนหนึ่งเฝ้าอยู่ประตูกุฏิท่าน บอกว่าเปิดประตูให้หน่อย ท่านห้ามรับแขกว่าอย่างนั้นนะ บอกว่าท่านห้ามรับแขก คนนี้ละบอกเรื่องท่านพ่อลีท่านสั่งไว้ว่าห้ามรับแขก คือตอนนั้นท่านเพลียมาก งานยุ่ง เราไปบอกว่าเราไม่ใช่แขก เปิดเดี๋ยวนี้ ให้เปิดเลย เปิดเข้าห้องหาท่านเลย ท่านยิ้มนะ ออกมาคุยกัน สนิท
นี่ละเรากับท่านพ่อลีสนิทกันอยู่มากนะ ภายนอกไม่ค่อยรู้แหละ การวางตัวให้เหมาะสมกับสมมุตินิยมมันก็รู้ทุกคน เวลามีเฉพาะกับท่านมีอะไรซัดกันเลยนะ เรากับท่านพ่อลีซัดกันเหมือนนักมวยแชมเปี้ยนของง่ายเหรอ ครั้นออกมาเป็นเพื่อนกัน หรือว่าเป็นลูกศิษย์กับอาจารย์ไปอย่างเงียบๆ อยู่ภายในกัดกันเสียจนแหลก เพราะนิสัยเราไม่ค่อยเหมือนใคร หนักทางเหตุผล ถ้าเหตุผลไปทางใดต้องลงในเหตุนั้น เหตุผลเป็นธรรม จะมาพูดด้วยสำนวนโวหารสูงต่ำมาคุยนี้อย่ามาเล่นกับเรา ถ้าเรื่องของอรรรถของธรรมคือความจริงแปลว่าธรรมสอนโลกเอาเล่นด้วยเลย เป็นอย่างนั้นนะ เอาละนะสายแล้ว
รับชมรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM103.25 MHz
พร้อมเครือข่ายทั่วประเทศ
|