(วันนี้มีผู้ฟังธรรมประมาณ ๑๕๐ คน)
สรุปทองคำ ดอลลาร์ วันที่ ๑๒ มิถุนายน ๔๓ ทองคำได้ ๓ สตางค์ (หัวเราะ) เมื่อวานนี้ทองคำได้ ๓ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๘๘ ดอลล์ ดังที่เคยประกาศแล้วทองคำจะเข้าสู่คลังหลวงสี่พันกิโล เวลานี้ได้แล้ว ๒,๐๕๖ กิโล ยังขาดอยู่อีก ๑,๙๔๔ กิโล ทองคำที่จะมอบในเร็ว ๆ นี้ ๑,๐๐๐ กิโล เวลานี้ได้แล้ว ๑,๐๑๙ กิโล ๑๙ กิโลนี้เวลาหลอมแล้วไม่พอนะ เพราะทองคำมีหลายประเภท ถ้าทองคำแท่งก็ไม่ลด แล้วดอลลาร์อีก ๑ ล้านดอลล์ เวลานี้ได้แล้ว ๗๗๑,๐๒๗ ดอลล์ ยังขาดอีก ๒๒๘,๙๗๓ ดอลล์ ที่ขาดอยู่เวลานี้
เรื่องหลอมนั่นหลอมแน่ทองคำ ไปคราวนี้หลอมแน่ ส่วนที่จะเข้าคลังหลวงระยะใดหรือไม่นั้น ต้องแล้วแต่เหตุการณ์ ไปนี้จะไปเรื่องนี้เอง เป็นเรื่องใหญ่มากอยู่นะ เรื่องเข้าคลังหลวงหรือไม่เข้าคลังหลวง เพราะเป็นเรื่องของชาติจะไม่เป็นเรื่องเล็กน้อย ถ้าขัดกันก็จะตรงนั้นละ
เรานี้อุตส่าห์พยายามช่วยชาติบ้านเมืองเต็มเม็ดเต็มหน่วยจริง ๆ ไม่มีอะไรแม้เท่าเม็ดหินเม็ดทรายที่จะมาแทรกในเราว่า มีส่วนกับพี่น้องทั้งหลายเรื่องเงินเรื่องทองเหล่านี้นะ ว่าจะมายึดเป็นของเรา ขนาดเม็ดหินเม็ดทรายไม่มีนะ คือเปิดออกหมดเลย ช่วยเต็มเหนี่ยว ๆ ตลอดมา ยิ่งคราวนี้เป็นคราวยิ่งใหญ่ยิ่งทุ่มใหญ่เลย นี่ละเราช่วยชาติเราช่วยด้วยความเมตตาล้วน ๆ ไม่มีอะไรแฝงเลย เต็มเม็ดเต็มหน่วย ๆ ตลอดมา ความห่วงใยโลกสงสารละจึงต้องได้ช่วย
ตามธรรมดาหลักธรรมชาติมาดั้งเดิมแล้ว ศาสนาและธรรมนี้ไม่เป็นภัยต่อผู้ใดและสัตว์ตัวใดตลอดมา นอกจากเป็นคุณล้วน ๆ เท่านั้น นี่เราก็ทำประโยชน์แก่โลกล้วน ๆ เหมือนกัน เราจึงไม่เคยคำนึงถึงเรื่องอะไร ก็มีลูกศิษย์ลูกหามาบอกด้วยเจตนาหวังดี ด้วยความห่วงใยเรา ให้ระมัดระวัง เวลานี้ภัยรอบด้าน เขาจะฆ่าแบบไหนวิธีใด ว่างั้น โห ไอ้แบบเรื่องความเป็นความตายเราเรียนจบมาแล้วได้ ๕๐ ปี เราบอกตรง ๆ เลย เหล่านี้เป็นถังขยะทั้งนั้น เรื่องความเป็นความตายของเราเป็นถังขยะเหมือนโลกทั่ว ๆ ไป ผู้ทำดีทำชั่วตายด้วยกันทั้งนั้น ทีนี้เราตายก็ให้ตายอยู่ในวงเมตตาที่เราสงเคราะห์โลกเวลานี้
เมตตาธรรมไม่เคยก่อกรรมก่อเวรแก่ผู้ใดและตัวของเราเอง อันใดที่จะมาก่อก็ให้เป็นเรื่องของสิ่งนั้น ของบุคคลนั้น ไม่ใช่เรื่องของเรา เราไม่มีอะไรกับสิ่งเหล่านี้แล้ว เราก็บอกตรง ๆ เลย เราไม่เคยสนใจถึงเรื่องเป็นเรื่องตายสำหรับเรา ที่จะต้องระมัดระวังอย่างนั้นอย่างนี้ บอกว่าเราไม่มี เรามีแต่ความเมตตาล้วน ๆ ธรรมล้วน ๆ เมตตาล้วน ๆ ที่ปฏิบัติต่อโลกเวลานี้ เพราะฉะนั้นคำว่ากล้าก็ดี กลัวก็ดี ต่อความล้มความตายเราจึงไม่มี เราบอกเราไม่มี มีแต่ความเมตตาล้วน ๆ เด่นอยู่ในหัวใจนี้ตลอดเวลา เราช่วยโลกด้วยความเมตตาล้วน ๆ
เราก็เห็นใจบรรดาลูกศิษย์ลูกหามาเตือน อย่างที่ว่านี่มาเตือน เวลานี้ภัยหลวงตานี้รอบด้าน เขาว่าอย่างนั้น ภัยก็จะเป็นภัยอะไร ก็ภัยจากกิเลสนั่นแหละ ถ้าว่ากิเลสในหัวใจเรา เราก็ฟาดมันพังแหลกลงไปได้ ๕๐ ปีนี้แล้ว ไม่เห็นอะไรมาก่อกวนเรา ภัยกิเลสที่ออกมาจากภายนอกก็ เป็นกิเลสของใครของเขาเอง เขาจะมาทำเรื่องความชั่วช้าลามกต่อเรา ก็เป็นเรื่องเขาสร้างกรรมของเขาเอง เราไม่มีอะไร ถ้าอยากจมก็เอาซี ใครอยากจมก็ให้สร้างซี เราไม่จมเราบอกตรง ๆ เหนือหมดแล้วกับเรื่องความเป็นความตาย เรื่องภัยเรื่องเวรอะไรที่จะมา ปล่อยตามหลักธรรมชาติ ธรรมเป็นเรา เราเป็นธรรม เท่านั้นพอแล้ว เราไม่มีอย่างอื่นอย่างใดนอกจากธรรมอย่างเดียว
ไอ้เรื่องความสกปรกโสมมโหดร้ายทารุณที่จะมาทำลายเรา ก็มาทำลายถังขยะ ร่างกายนี่ก็เป็นเหมือนถังขยะ เหมือนร่างกายทั้งหลาย ถังขยะทั้งหลาย ทั่วไปในแดนโลกธาตุนี้ ไม่เห็นมีอะไรผิดแปลกจากกัน ใครไม่ทำลายมันก็ตาย ถึงกาลเวลามันแล้ว ตีตรามาตั้งแต่วันเกิด ความตายตีตรามาพร้อมเลย เราพูดจริง ๆ เราไม่เคยหวั่น ไม่เคยกล้า ไม่เคยกลัว ไม่เคยเป็นอารมณ์กับเรื่องความเป็นความตายสำหรับเราในการช่วยโลกคราวนี้เลย เราไม่มีจริง ๆ ตายก็ตายด้วยความบริสุทธิ์หลุดพ้นอยู่แล้ว เราเป็นความห่วงใยชาติไทยของเราที่จะล่มจะจมไปด้วยความสกปรกโสมม ก็คือกิเลสนั้นแหละ ที่เป็นอันตรายต่อโลกและเป็นอันตรายต่อธรรม ซึ่งกำลังชำระสะสางอยู่เวลานี้ จะเป็นอะไรเป็นภัย ก็กิเลสเท่านั้น
เราพูดตรง ๆ เปิดอกเลย ถึงเรื่องความกลัวเป็นกลัวตาย กล้าเป็นกล้าตายเราไม่มี เหนือทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ไม่มีอะไรสงสัยในตัวของเรา ไม่ต้องไปหาใครมาเป็นพยานเรา เราเป็นพยานตัวเองเรียบร้อยแล้ว เราอยู่ด้วยกรรม ถ้าหากมีกรรม กรรมกับเราก็อยู่ด้วยกัน ถ้าสมมุติว่ากรรมของเรามีประเภทไหนที่จะมาเป็นการทำลายตัวของเรา ก็กรรมของเราเอง เราไม่ทำไว้สิ่งเหล่านี้จะไม่ปรากฏ ต้องมีกาลใดกาลหนึ่งทำไว้ นี่เราก็มอบไว้เสียเราไม่เป็นอารมณ์ แล้วใครที่จะมาทำกรรมต่อเราอีก กรรมนั้นก็เป็นของผู้นั้นต่อไป เป็นลูกโซ่ต่อไป
ดังที่ท่านกล่าวไว้ว่า น หิ เวเรน เวรานิ สมฺมนฺตีธ กุทาจนํ
ตลอดกาลไหน ๆ เวรกรรมย่อมไม่ระงับเพราะการก่อกรรมก่อเวรต่อกัน จะยืดยาวต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด แต่กรรมเวรจะระงับลงไปด้วยการไม่ก่อกรรมก่อเวรเท่านั้น นี้เป็นพุทธภาษิตของพระพุทธเจ้า เราเชื่อกรรมอันนี้ หากเราได้ทำอะไรลงไปนี้ในความชั่ว เพราะคนมีกิเลส สัตว์มีกิเลส ต้องทำได้ ทำชั่วทำได้ ทำดีทำได้ อันนี้เวลาเราไม่รู้เรื่องรู้ราวเราก็อาจทำได้และทำได้ไม่สงสัยเรื่องเหล่านี้ หากจะมาสนองผลอย่างใด นี่ก็เป็นผลของกรรมอันนั้นเสีย ก็ผ่านไปเสีย ปัจจุบันนี้เราก็ผ่านไปหมดแล้ว หากว่ามาทำลายก็จะได้แต่ซากกระดูกของเราเท่านั้น ไม่เห็นเกิดประโยชน์อะไร เวลายังมีชีวิตอยู่นี้เราจะเอาโครงกระดูก เอาถังขยะนี้ทำประโยชน์ให้โลกเต็มกำลังความสามารถของเราทุกด้านทุกทาง
เราไม่มีอะไรกับโลกกับใครนะ เช่นใครจะมาเป็นศัตรูคู่กรรมคู่เวรต่อเรา เราก็บอกว่าเราไม่มี เรามีแต่ความเมตตาล้วน ๆ เท่านั้นที่ครอบอยู่โลกธาตุ ย่นเข้ามาครอบประเทศไทย อยู่ที่ไหนเรามีแต่ความคิดความเป็นห่วงพี่น้องชาวไทยเราทั้งนั้น เราไม่มีอะไร หากว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ให้เป็นเรื่องของวัฏจักรไปเสีย เรื่องของเราก็ผ่านไป ไม่เห็นมีอะไร เราผ่านอยู่แล้วนี่ เรื่องกรรมจะมาติดตามทันแค่สังขารร่างกายเท่านั้น ส่วนที่จะติดตามจิตใจนั้นไม่มีทางแล้ว มันก็เป็นอย่างนั้นในหัวใจ
อย่างโลกที่เป็นห่วงเป็นใย ลูกศิษย์ลูกหาเป็นห่วงเป็นใยกับเรา กลัวเป็นกลัวตาย กลัวเขามาทำร้ายอะไร ๆ นั้น เราเฉยเราไม่สนใจ สิ่งเหล่านี้เป็นวัฏจักร ธรรมชาตินั้นเป็นธรรมชาตินั้นเข้ากันไม่ได้ว่างั้นเลย เราก็ดึงธรรมชาตินั้นออกมาเป็นความเมตตา กิริยาแห่งความสงสารโลก ขวนขวายอย่างพาพี่น้องชาวไทยทำอยู่เวลานี้ เราทำด้วยความเมตตาล้วน ๆ ไม่มีอะไรเจือปนพอที่จะมาก่อกรรมก่อเวรอะไรกับเรา ถ้าไม่อยากจมว่างี้เลย ถ้าอยากจมก็เอา
อย่างพระพุทธเจ้ากับพระเทวทัตก็จม แต่พระเทวทัตรู้โทษ ฟื้นตัวได้ กลับมอบกายถวายตัวต่อพระพุทธเจ้าสุดหัวใจเลย วาระสุดท้ายไม่ได้เข้าถึงพระพุทธเจ้า ถูกแผ่นดินสูบเสีย แล้วก็ถวายคางกรรไกร เพราะฉะนั้นอานิสงส์แห่งการถวายคางกรรไกรด้วยการบูชาพระพุทธเจ้าสุดซึ้งหัวใจนั้น จึงมีอานิสงส์อันยิ่งใหญ่ พอพระเทวทัตถูกแผ่นดินสูบแล้วพระองค์ทรงยิ้มพระโอษฐ์ด้วยเหตุการณ์ เอ้อ ก็ไม่เสียที นี่ก็เป็นวาระสุดท้ายของเธอ กรรมก็มาสิ้นสุดในคราวนี้แล้ว ที่เคยก่อกรรมก่อเวรกับเราตถาคตมา คราวนี้ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว
สำหรับพระพุทธเจ้าก็เป็นศาสดาองค์เอก สิ้นสุดไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันตรัสรู้ สำหรับเทวทัตก็ยังก่อกรรมทำเข็ญตามพระสรีระ ให้เป็นความไม่สะดวกต่อพระพุทธเจ้า ทั้งการประทับอยู่ การเสด็จไปเคลื่อนไหวไปมาที่ไหน คอยก่อกรรมก่อเวรอยู่ตลอดเวลา ก็ได้สิ้นสุดลงไปแล้วในวาระนี้ เธอได้ถวายคางกรรไกรด้วยความเห็นเห็นโทษของตัวเอง และเห็นคุณของพระพุทธเจ้าอย่างเต็มหัวใจ นี่ละกระดูกคางกรรไกร คือ อัฏฐิสาระ คางกรรไกร ยังเหลือเท่านี้แล้วก็ออกมาในเวลานั้น ขอถวายคางกรรไกรนี้ไปบูชาพระพุทธเจ้า ทีนี้อานิสงส์อันยิ่งใหญ่จะเกิดแก่เธอในวาระสุดท้าย สิ้นกรรมของเธอที่เสวย เพราะการก่อกรรมก่อเวรกับเราตถาคตนี้ไปแล้ว เธอจะได้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่ง ชื่อ อัฏฐิสาระ
อัฏฐิสาระ แปลว่า ผู้มีกระดูกเป็นแก่นสาร ถ้าเป็น อัฏฐิสร ก็ว่า ผู้ระลึกนึกน้อมถวายคางกรรไกรด้วยกระดูกคางกรรไกร ก็แปลได้สองอย่าง ถ้าเป็น สาระ ก็แปลว่า ผู้มีกระดูกเป็นแก่นสาร ถึงขนาดที่ให้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าด้วยกระดูกคางกรรไกรนี้ นั่นเรื่องก็เป็นอย่างนั้นเรื่องวัฏวน ก็ถึงแค่ธาตุแค่ขันธ์ จะให้ถึงใจที่บริสุทธิ์หลุดพ้นแล้วเป็นไปไม่ได้ เป็นอฐานะแล้ว พระพุทธเจ้ากับพระเทวทัตก่อกรรมก่อเวรเพียงเท่านั้นในวาระสุดท้าย จากนั้นแล้วท่านก็เห็นโทษของท่านก็ผ่านไป แล้วก็จะเกิดขึ้นเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าอีกพระองค์หนึ่ง แต่การตกนรกนี้ไม่คำนวณเพราะเป็นกรรมที่หนักมาก
พระเทวทัตนะ ยุยงให้สงฆ์แตกจากกัน นี้ก็เป็นอนันตริยกรรมข้อหนึ่งที่หนักมาก ข้อที่สองก็ ทำลายพระพุทธเจ้าแม้ไม่ตายก็ตาม นี่ข้อหนึ่งในอนันตริยกรรม ๕ นี้ พระเทวทัตได้ทำถึง ๒ ประเภท คือ ทำลายพระพุทธเจ้าหนึ่ง แม้ไม่ตายก็ตาม สอง ยุยงให้สงฆ์แตกจากกัน แยกเป็นฝักเป็นฝ่าย ฝ่ายพระพุทธเจ้าหนึ่ง ฝ่ายพระเทวทัตหนึ่ง นี่อันหนึ่งเป็นอนันตริยกรรม
คำว่า อนันตริยกรรม นี้ แปลว่า กรรมที่มีความทุกข์หาระหว่างไม่ได้เลย แม้ชั่วฟ้าแลบเท่านั้นก็ไม่มี ทุกข์ตลอดไปเลย มีชั่วฟ้าแลบก็ไม่เรียก อนันตริยะ คือยังมีระหว่างอยู่ นี่ตลอดไปเลย แล้วกี่กัปกี่กัลป์กว่าจะได้หลุดพ้นจากทุกข์นั้นมา พอหลุดพ้นจากนี้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าแล้ว ผ่านทุกข์พ้นทุกข์ไปได้ตลอดอนันตกาลเลย อันนี้ยิ่งใหญ่กว่า พระเทวทัตได้เสวยในวาระสุดท้าย เป็นมหาอานิสงส์อันยิ่งใหญ่เลย เรียกว่าหลุดพ้นไปเลย เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า
เราพูดถึงเรื่องเหตุผลหลักธรรมที่มีกฎเกณฑ์เป็นเครื่องวัดเครื่องตวงกัน สำหรับเราเองเราก็ทำประโยชน์เพื่อโลก เต็มเม็ดเต็มหน่วย เต็มกำลังความสามารถทุกหยดทุกหยาดแห่งความคิดความปรุงเพื่อชาติบ้านเมืองของเราเท่านั้น เราไม่มีอะไรที่จะเป็นพิษเป็นภัยต่อชาติบ้านเมือง หากจะมีอะไรเกิดขึ้นก็มอบให้เป็นเรื่องของกรรมวัฏจักรไปเสีย ที่จะเป็นวัฏจิตต่อเรา เราบอกไม่มี เราจะช่วยโลกอยู่ในวงวัฏจักร ในวัฏสงสารนี้ เต็มกำลังของเราในวาระสุดท้ายเท่านั้น หากจะเป็นอะไรไป เราก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของวัฏจักรวัฏวนไปเสีย ไม่ได้ปล่อยให้เป็นวิวัฏวน วิวัฏจักร เป็นคนละอย่าง
เพราะฉะนั้นเราจึงไม่เคยสะทกสะท้านในการที่จะช่วยพี่น้องทั้งหลาย ผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก จึงเรียกว่าธรรม ธรรมมาประกาศสอนโลกต้องสอนโดยตรง เป็นที่ตายใจได้ ผิดจะบอกว่าถูก ถูกจะบอกว่าผิด อย่างนี้เป็นไปไม่ได้ไม่ใช่ธรรม ตายใจไม่ได้ ธรรมแล้วต้องตรงไปตรงมา
การเทศนาว่าการจะเทศน์ดุ เทศน์เด็ด เทศน์เผ็ดเทศน์ร้อนขนาดไหน ก็เหมือนกับนายช่างถากเขาถากไม้ ที่ไหนมันคดงอมากเขาก็หนักมือ ถากอย่างหนักมือ ที่ไหนมันเบาบางลงไปไม้มันตรงอย่างนี้เขาก็ถากเรียบ ๆ ธรรมดา ที่ไหนเรียบร้อยแล้วเขาก็ไม่ถาก อันไหนคดงอมากเขาก็ถากหนักมือ อันนี้ก็เหมือนกัน โลกนี้มันเต็มไปด้วยโลกสกปรกโสมม ทั้งสะอาดมีเจือปนกันไป ถ้าที่ไหนเรียบร้อยดีงามแล้ว ก็ไม่ไปว่าไม่ไปตำหนิติเตียน มีแต่สั่งสอนให้ส่งเสริมความดีนี้ให้มากขึ้น ถ้าอันไหนไม่ดีก็บอกไม่ดี ไม่ดีมากน้อยเราก็ต้อง เรียกว่าเหมือนกับนายช่างถากเขา ก็ถากอย่างหนักมือ พูดตามจุดที่เป็นพิษเป็นภัย เช่น เป็นพิษเป็นภัยต่อชาติบ้านเมืองของเรานี้ เป็นความทุกข์ เป็นความผิดอย่างร้ายแรง นี้เราก็บอกอย่าทำ ๆ นี่ก็ธรรมบอก เราไม่เป็นภัยต่อผู้ใด
เรื่องเป็นภัยต่อโลกเราไม่มี เราบอกตรง ๆ เพื่อประโยชน์ต่อโลก เพื่อคุณต่อโลก เต็มความสามารถของเราทั้งนั้น เพราะฉะนั้นการเทศนาว่าการ ก็เอาศาสนามานำพี่น้องชาวไทยเราซึ่งเป็นลูกชาวพุทธอยู่แล้ว สอนเต็มเม็ดเต็มหน่วย ผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก ความหนักเบามากน้อยแห่งความผิดนั้นบอกตามตรง ๆ เมื่อไม่ยอมรับแล้วก็สุดวิสัยเท่านั้นเอง การสอนก็สอนไปกลาง ๆ อย่างนั้น นี่เราก็สอนเต็มเม็ดเต็มหน่วย
ตรงไหนผิดให้รีบแก้ไขตัวเอง ถ้าจะอยู่กับหมู่กับเพื่อน เห็นมนุษย์เป็นเพื่อนเป็นเพื่อนตายด้วยกันแล้วอย่าเห็นแก่ตัวเอง เห็นแก่พุงของตัว เห็นแก่รายได้ รายร่ำรายรวย อันนี้ไม่ใช่เป็นของเลิศเลอวิเศษวิโสอะไร ไปที่ไหนแตก คนมีความเห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัว เอารัดเอาเปรียบ ไปที่ไหนแตกทั้งนั้น ไม่ใช่จะทำโลกให้เจริญ ตัวเองก็ไม่เจริญ ได้ไปเท่าไรก็เป็นไฟเผาตัว ๆ ไปเท่านั้นไม่มีประโยชน์อะไรเลย เด็กอมมือเขาก็ไม่ทำ ทำอย่างนั้น ถ้าเป็นผู้มีความรู้ความฉลาดในเหตุในผล ตามหลักวิชาที่เรียนมาซึ่งควรแก่การปกครองแล้ว จึงไม่ควรทำอย่างยิ่งในสิ่งที่จะเป็นโทษเป็นภัย มหันตภัยต่อชาติบ้านเมืองของตน จึงต้องละต้องเว้น
มันอยากขนาดไหน กิเลสมันก็ต้องอยากตลอดเวลา ไม่เอาธรรมะปราบกิเลสความอยากจะปราบอะไร มันอยากมากขนาดไหนธรรมะฟาดลงไป ตายแล้วจะขนสมบัติเงินทองเหล่านี้ไปเผาเหรอ เห็นแต่พวกประชาชนนั้นแหละเขาไปช่วยเผาช่วยเก็บศพเก็บเมรุ เงินทองข้าวของจะฝากไว้ที่ไหนก็ตาม แม้จะไปฝากไว้ประเทศนอกก็ตาม ขุดอุโมงค์ไว้ใต้ดินก็ตาม พวกนี้ไม่มาเผาศพนะ เขาก็ทิ้งของเขาอยู่งั้น เป็นเศษกระดาษถ้าเป็นเงินกระดาษ ก็เป็นกระดาษ ถ้าเป็นแร่ธาตุต่าง ๆ สมมุติเป็นเงินเป็นทองก็เป็นแร่ธาตุอยู่นั้น เราก็เป็นเรา สร้างบาปสร้างกรรมเป็นเราเอง ตกนรกความทุกข์ความทรมาน ความผิดพลาดนี้เป็นต้นเหตุ ก็เป็นเราเองที่จะรับผลสิ่งเหล่านั้น คนอื่นรับไม่ได้ ไม่ว่าจะมากน้อยเพียงไรไม่มีใครไปรับช่วยกรรมของตัวเองที่ทำลงไปได้ ทั้งดีทั้งชั่ว ต้องเป็นผู้รับผลเอง นี่ธรรมเป็นอย่างนั้น ก็สอนให้รู้ชัด
เวลานี้เรากำลังนำชาติบ้านเมือง เอาศาสนามานำ ศาสนาละเอียดลออมากยิ่งกว่าโลกกิเลสตัณหา เรื่องกิเลสตัณหานี้มันปิดหูปิดตา เอาตั้งแต่ความอยากความทะเยอทะยานไม่มีเหตุมีผล เรียกว่า โลกกิเลส ให้ได้อย่างใจ ๆ ถ้าไม่ได้อย่างใจ ขัดคอฆ่ามันเลย ๆ นี้คือเรื่องของกิเลส สร้างความชั่วไม่พอ ๆ ความทุกข์ก็ไม่พอตลอดไปแก่ผู้ที่ทำ ผลจะได้รับต้องเป็นอย่างนั้น นี่ธรรมท่านก็สอนอย่าทำนะ จะให้ว่ายังไงอีก ธรรมไม่สอนอย่างนี้สอนอย่างอื่นไปไม่ได้ ไม่เรียกว่าธรรม
นี่กำลังเอาศาสนามาสอนพี่น้องชาวไทยเราเวลานี้ ซึ่งกำลังระส่ำระสายวุ่นวาย ชาติไทยของเรากลมกลืนสามัคคีกันมา ก็จะแตกจะแยกกันด้วยความเห็นแก่ตัว ความเห็นแก่ได้ ความเห็นแก่อำนาจดินเหนียวติดหัวนี่ละมันจะพาให้จม ดินเหนียวติดหัว อำนาจก็ดินเหนียวเอามาเสกสรรปั้นยอ เขายกยอให้ว่าเป็นนั้นเป็นนี้ เป็นเจ้าเป็นนาย ยศถาบรรดาศักดิ์สูง มีอำนาจบังคับบัญชาอย่างนั้นอย่างนี้ มันมีอำนาจบังคับบัญชาแต่คนภายนอก สัตว์ภายนอกล่ะซิ มันไม่มีอำนาจบังคับบัญชาบาปกรรม นรกอเวจีที่จะเผาหัวมันด้วยการทำชั่วตนเอง เพราะอำนาจอันยิ่งใหญ่นี้ ตรงนี้เป็นสิ่งที่น่ากลัวมากให้ระมัดระวังกัน
เราอย่าท้าทายพระพุทธเจ้า ไม่มีพระพุทธเจ้าองค์ใดท้าทายกันว่า พระพุทธเจ้าองค์นี้ตรัสสอนโลกผิด ไม่เคยมี ตำหนิติเตียนกันไม่เคยมีในพระพุทธเจ้า เกิดมาจะเรียกว่าเท่าเม็ดหินเม็ดทรายก็จะผิดไปไหน เพราะอุบัติมาตลอดเวลา และไม่มีพระองค์ใดที่จะตรัสธรรมทั้งหลายนี้ผิดจากกันแม้นิดหน่อยเลย เป็นอันเดียวกันหมด นี้คือธรรม ตายใจได้ตลอดมาอย่างนี้ เรื่องกิเลสเป็นตัวหลอกลวง มีเท่าไรทั้งโคตรทั้งแซ่มากี่กัปกี่กัลป์ ก็เป็นตัวต้มตุ๋นหลอกลวงตลอดมา
เวลานี้ระหว่างธรรมกับกิเลสกำลังรบกันในชาติไทยของเรา ใครจะหนักไปทางไหน ถ้าหนักทางกิเลสบ้านเมืองต้องล่มจมไม่สงสัย ถ้าหนักไปทางธรรมะแล้ว ต่างคนต่างกลมกลืนสามัคคีกันได้ ละชั่วทำดี ทิฐิมานะจะสูงขนาดไหนคือกิเลส เอาธรรมฟาดหัวมันลงขาดสะบั้นไป นั่นละพระพุทธเจ้าเห็นไหม กิเลสมีมาแต่ก่อนพระพุทธเจ้ายังไม่ได้ตรัสรู้ ฟาดมันขาดสะบั้นลงไปเป็นศาสดาเอกของโลก เพราะกิเลสบรรลัย ไม่ใช่ว่าเป็นเลิศเพราะกิเลสเจริญนะ ธรรมเจริญต่างหาก
อันนี้เราก็เป็นลูกชาวพุทธ หาธรรมมาให้เจริญในใจ ปรับปรุงแก้ไข สิ่งใดไม่ดีให้รีบแก้ไขดัดแปลง อย่าเห็นแก่ทิฐิมานะอวดหยิ่งอวดยิ่งอวดใหญ่นะ จะทำโลกให้ล่มจม เราเป็นตัวหนึ่งละที่จะจม ใครจะยกยอปอปั้นที่ไหน ไม่มีธรรมข้อใดยกยอ บุคคลที่ทำชั่วช้าลามกแล้วได้เป็นคนดี ครองสวรรค์นิพพาน ครองความสุขความเจริญ ไม่เคยมี มีแต่สร้างมหันตทุกข์มหันตกรรมเต็มหัวใจตนเอง
นี่เราพูดถึงเรื่องลูกศิษย์ลูกหามากังวลกับเรา ไม่ต้องกังวลกับเราแหละ เราพอของเราทุกอย่างแล้ว เราจะทำประโยชน์ให้โลกที่ยังบกพร่องขาดเขินอยู่นี่เท่านั้น สำหรับเราเราพอทุกอย่างแล้ว เป็นเราก็พอ ตายเราก็พอ เราไม่มีอะไรมาติดหัวใจเราเลย เราทำประโยชน์ และการทำประโยชน์ให้โลกนี้ เราจะฉิบหายตายไปเพราะถูกทำลายอย่างนี้ โลกทั้งหลายมันตายด้วยกัน มีป่าช้าทุกแห่งทุกหน ในพื้นอย่างนี้ก็มี ตายที่ตรงไหนเป็นป่าช้าที่นั่น ตายแล้วจะไปเผาที่ไหนฝังที่ไหน ตายที่ไหนก็เป็นป่าช้าเหมือนกัน เป็นธรรมชาติเหมือนกันหมดกับโลกทั่ว ๆ ไป เราจึงไม่ถือเป็นอารมณ์ในสิ่งเหล่านี้ เราจะทำประโยชน์ให้โลกเต็มกำลังความสามารถของเรา ถึงวาระที่ใช้ไม่ได้แล้วก็ดีดผึงเดียวเท่านั้น วันนี้เอาเท่านั้นละ
วันนี้ตอนบ่าย ๔ โมงจะไปเทศน์ขอนแก่น อย่างนั้นแล้ว เทศน์ไม่ได้หยุดได้หย่อนนะ โถ พลิกตำราไม่ทัน สองปีกว่านี้เทศน์ขนาดไหนฟังซิ นี่ละทุ่มเทเพื่อพี่น้องทั้งหลาย ไม่ได้คำนึงถึงความยากลำบาก ตะเกียกตะกายไปอย่างนั้น หนักมากอยู่นะเราถ้าพูดถึงเรื่องหนักมาก เอ้าให้พร
เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร www.luangta.com