คนกำลังเป็นบ้าตั้งชื่อ
วันที่ 23 สิงหาคม 2552 เวลา 8:00 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๒

คนกำลังเป็นบ้าตั้งชื่อ

 

        เมื่อวานนี้เราไปไหน (เขาใหญ่ครับ ท่านอุทัยครับ) ท่านอุทัย ยังจำไม่ได้อยู่นั้นละ ไปมาแล้วมันจำไม่ได้ เมื่อวานไปไหนลืมแล้วละ (ไปเขาใหญ่ครับ) ไปท่านอุทัยเหรอ เดี๋ยวนี้มันลืมนะ ไปอะไรๆ นี้หดเข้ามา หดเข้ามา ไปแล้วจำไม่ได้ ไปที่ไหนแล้วจำไม่ได้ จำไม่ได้ หดเข้ามา หดเข้ามา นี่ละกิ่งก้านของมัน เหมือนต้นไม้ กิ่งนั้นหลุดไปกิ่งนี้ลัดยอดลัดใบออกมาแล้วกิ่งนั้นหลุดไปๆ อันนี้ก็เหมือนกันพวกขันธ์ห้ามันเป็นเหมือนกับกิ่งไม้ที่อยู่ลำต้น แต่ต้นมันก็ยืนไว้อย่างนั้น ส่วนกิ่งก้านสาขาดอกใบมันก็หลุดไปลอยไป หลุดไปลอยไปอยู่อย่างนั้น เดี๋ยวนี้ความจำไม่ดีนะ ความจำเลอะ นี่ละกิ่งก้านเป็นอย่างนั้น แต่ต้นลำมันแน่ว ต้นลำมันตรงแน่ว แต่กิ่งก้านมันหลุดไปลอยไป งอกออกมาหลุดไปอยู่อย่างนั้น

          คำสอนของพระพุทธเจ้าให้พี่น้องทั้งหลายจำให้ถึงใจ วันนี้บอกชัดๆ คำสอนของพระพุทธเจ้านี้เรียกว่าสวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบทุกอย่างๆ ที่ผิดก็มีพวกเรา กองทำลายคำสอนของพระพุทธเจ้า คำสอนของพระพุทธเจ้าเรียกว่าสวากขาตธรรมตรัสไว้ชอบแล้ว ชอบทุกอย่างไม่ว่าดีว่าชั่ว เป็นไปตามนั้นทุกอย่าง ไม่ผิด พระพุทธเจ้าตรัสคำไหนออกมาไม่ผิด ท่านจึงเรียกว่า สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ชอบแล้ว ตรัสไว้ดีแล้ว

พวกเรามันไม่ดี พูดออกมาทางปากก็ไม่ดี กิริยาแสดงออกไปก็ไม่ดี มีแต่ผิดแต่พลาด ความผิดพลาดมันทำลายตัวเองและสังคม ให้พิจารณาดูตัวเองบ้างนะ ดูทางนู้นดูนี้ ดูไม่หยุดไม่ถอยดูจนอ้าปากไม่งับ ไปถึงบ้านจึงไปงับปาก ฟังเสียงดังเกิ้บก้าบๆ  อยู่นี้มันอ้าปากไปถึงบ้านมันถึงงับปาก มันเซ่อๆซ่าๆ คำสอนพระพุทธเจ้าสอนไว้แน่นอนทุกอย่างๆนะ ไม่ได้สอนไว้อย่างสุ่มสี่สุ่มห้า จึงเรียกว่า สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ชอบแล้ว ชอบแล้วทุกอย่าง ว่าบาปเป็นบาป ว่าบุญเป็นบุญ ใครฝืนเท่าไรก็เท่ากับฝืนตัวเอง ทำลายตัวเอง ใครไม่ฝืนเท่ากับเดินตามร่องรอยของศาสดาคำสอนของพระพุทธเจ้าก็แคล้วคลาดปลอดภัย ร่มเย็นเป็นสุข ถ้าใครฝืนแล้วขัดตัวเอง ทำลายตัวเองนั่นแหละ พากันจำเอา

นี่ก็จวนแล้วนะ ร่างกายอายุนี้กำลัง ๙๗ แล้วเรา บวชมานี้กี่ปีไม่รู้ ตั้งแต่ ๒๔๗๗ บวช ๒๔๗๗ เราบวชมาจนกระทั่งป่านนี้มันได้กี่ปี ไม่นับพรรษาเจ้าของ (๗๕ ปีครับ) บวชมามีแต่ระมัดระวังเจ้าของตลอดมา แล้วก็อบอุ่นตลอด ไม่เดือดร้อนอะไรเลย จิตใจก็อบรม คิดไม่ดีอย่างไรให้ตบเลย ส่วนคิดไม่ดีให้ระงับทันทีๆ ส่วนไหนคิดดีก็ส่งเสริม อย่างนั้นละที่ว่าส่งเสริมความดี ทำลายความชั่ว มันก็เกิดขึ้นในกายในวาจาใจของเรานี้แหละ พากันฝึกหัด

มาวัดมาวาสักแต่ว่ามา ไม่คิดไม่อ่านไม่ดี วัดเป็นที่อบรมศีลธรรมความดีงาม ให้งอกงามไพบูลย์ขึ้นภายในใจ แต่เราก็มาทำลายศีลธรรมอยู่ในวัดในวาในตัวของเราเองใช้ไม่ได้เลย ให้พากันระมัดระวัง คำสอนของพระพุทธเจ้านี้เมืองไทยเรานี้พูดว่านับถือศาสนาพุทธ มันก็มีแต่คำพูดศาสนาพุทธแต่กิริยาอาการที่แสดงออกมันเป็นศาสนาผีเข้าใจไหมละ ผีมันก็ทำลายตัวงเองนั่นละไม่ไปทำลายใคร ให้พากันศึกษาอบรม

เวลาเราเดินตามทางของศาสดาคือคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว มันอบอุ่นนะ จิตใจอบอุ่น ทางกายก็อบรม ทางวาจาก็อบรม ความเคลื่อนไหวไปมาได้รับการอบรมใคร่ครวญแล้วค่อยพูดค่อยทำ ค่อยประพฤติ นั่นละท่านเรียกว่าอบรมนิสมฺม กรณํ เสยฺโย ให้พินิจพิจารณาใคร่ครวญก่อนแล้วค่อยพูดค่อยทำ ทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นความเรียบร้อย ไม่ค่อยผิดพลาด ส่วนมากมีแต่ผิดพลาดเพราะไม่ได้ใคร่ครวญ โพ่งออกมาๆ เลยไม่ดี

ศึกษาอบรมปฏิบัติตัวเองมันยากลำบาก็ฝืน สิ่งที่ดีแล้วมันยากเพราะกิเลสไม่ชอบทำดี ชอบทำแต่ชั่ว ถ้าทำชั่วเอาจนตายมันก็ไม่เบื่อ ถ้าทำดีนี้เบื่อไม่อยากทำ นั่นละมันขัดกัน แต่เราฝืนกันตลอดมันก็ดีไปตามนั้นละ สุดท้ายก็มีแต่ดีๆเรื่อย เลยเป็นความเคยชินในกิริยาอาการแสดงออก เป็นความดีไปเรื่อยๆ ถ้าไม่ฝึกไม่ได้นะมนุษย์เรา อย่างต้นไม้ที่ว่ามันต้นสดสวยงดงามขนาดไหนก็ตามตัดเอาไว้มันก็เป็นขอนซุง มันไม่เป็นผลเป็นประโยชน์อะไร ตัดออกมาแล้วต้องมาเลื่อยมาขัดมาถูให้เรียบร้อย ต้องการอะไรก็คัดก็เลือกอย่างนั้นไม้มันก็ดีไปตามส่วนของไม้ ไม้ดีเอามาทิ้งไว้เฉยๆไม่ดี ดีแต่ไม้แต่ไม่ได้แยกมาทำประโยชน์ในทางที่ดีมันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร

เราก็เหมือนกันว่านายดีนายมีนายบุญ มีแต่พวกจรวดดาวเทียมชื่อมันนะ เวลานี้กำลังโลกเราเป็นบ้ากับตั้งชื่อตั้งนาม อู๊ยบ้าจริงๆนะ ตั้งชื่อนี้พอถามชื่อแล้วให้ไปคอยฟังบนจรวดดาวเทียมนะ นี่ชื่อว่าอย่างไร กรุงศรี นี่ละชื่อว่าอย่างไร หัสดี นู่นน่ะมันชื่อของมัน อันนี้ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเขาไปมีครอบครัวอยู่ทางสกลนคร อยู่ในป่านะ ผู้ชายคนนั้นเขาอยู่อยุธยาเขาพาลูกเขามาใส่บาตร ทั้งพ่อทั้งแม่มีลูกสองคนน่ารักนะ อายุประมาณสัก ๗ ขวบ ๘ ขวบ พาใส่บาตร

พ่อเวลาพูดออกมามันก็สำเนียงทางนู้นว่าจะพูดให้เป็นเหมือนเมืองสกล มันไม่เป็น มันก็เป็นเมืองอยุธยา เราก็ไปบิณฑบาต เวลาพูดกับลูกสำเนียงมันเป็นอยุธยา มาได้เมียทางอำเภอสว่าง อยู่ในป่านะ มีลูกสองคน ลูกกำลังน่ารัก คนหนึ่งดูว่าอายุ ๗ ขวบหรืออย่างไร คนหนึ่งจะประมาณสัก ๙ ขวบ กำลังน่ารักนะ พ่อแม่พามาใส่บาตร ใส่หมดเลยนะวันนั้น ลูกสองคนก็ให้ใส่ พ่อแม่พาใส่ เวลาพ่อพูดออกมากับลูกพูดมันเป็นสำเนียงอยุธยา มันไม่เป็นสำเนียงที่อำเภอสว่างนะ มาอยู่นานเท่าไรสำเนียงเดิมมันก็ยังมีติดอยู่

เราถามเป็นอย่างไรนะนี่ มาจากไหนนี่น่ะ สำเนียงพูดไม่เหมือนคนแถวนี้นะ อยู่ที่ไหน อยู่ที่อยุธยา ว่าอย่างนั้น นั่นซิสำเนียงมันบอกอยู่อย่างนั้นละ พูดกับลูก..ลูกก็ลูกของเราเองเราก็เป็นพ่อเอง ครั้นเวลาลูกพูดขึ้นแบบหนึ่ง พ่อพูดขึ้นแบบหนึ่ง มันทำไมพ่อกับลูกพูดสำเนียงไม่เหมือนกัน ลูกเกิดอยู่ที่นี่ พ่ออยู่อยุธยา เมียก็อยู่สว่างแดนดินนี่ละ มันเป็นอย่างไรสำเนียงพ่อพูดกับสำเนียงลูกพูดมันทำไมมันเข้ากันไม่ได้ นี่ลูกของเราใช่ไหม ใช่ว่าอย่างนั้น แล้วคนนี้ชื่อว่าอย่างไร คนนี้ชื่อกรุงศรี คนนี้ละ ชื่อหัสดี โห ยังเอาสำเนียงทางนู้นมาใช้ได้ดีอยู่นะ พูดหยอกเล่นเขา

ดีน่ะล่ะทั้งผัวทั้งเมียใส่บาตรทุกวันนะ เราอยู่ในป่านะ อยู่ในภูเขา เขาอยู่ภูเขาอยู่ในป่า เวลานั้นเขาใส่บาตรดีมากนะไม่ให้ขาดเลย เราก็ไปองค์เดียวเราไปเที่ยวกรรมฐานนั่นละ เวลาถามสำเนียงพ่อเป็นอย่างหนึ่ง สำเนียงลูกก็เป็นชาวสว่าง สำเนียงพ่อก็เป็นชาวอยุธยา ฟังพูดเข้ากันไม่ได้ พ่อสำเนียงอยุธยา ลูกสำเนียงอำเภอสว่าง สอนลูกวิธีใส่บาตรอย่างนั้นอย่างนี้สอนลูกนะ ลูกก็ใส่บาตรดี น่ารักนะ เด็กคนหนึ่งประมาณสัก ๗ ขวบ คนหนึ่งน่าจะได้สัก ๙ ขวบ หากน่ารักทั้งสองคนละ

เดิมอยู่ไหนละ เดิมอยู่อยุธยาว่าอย่างนั้น แล้วอย่างไรถึงปะเขปะขามาได้กับคนสว่างเป็นอย่างไร โอ๋ยมันกรรมนั่นละ แกก็รู้จักกรรมเหมือนกันนะ กรรมนั่นละแกว่า แกพูดยิ้มๆ นิดหนึ่ง สอนลูกให้ใส่บาตร ขบขันดีนะ เราก็ได้พูดกับแกอยู่กับลูกของแก ลูกน่ารักด้วยนะทั้งสองคน นี่เขาอยู่อยุธยา เวลาสำเนียงเขาพูดกับลูกเขามันเป็นสำเนียงอยุธยา ลูกเขามันสำเนียงสว่างมันเลยเข้ากันไม่ได้ แต่มันน่าฟังน่ะล่ะ น่าฟังเราก็ซักนั้นซักนี้ละเรา พูดน่าขบขันดี เขามามีครอบครัวอยู่ที่อำเภอสว่างในป่านะ เขามามีครอบครัวอยู่ที่นั่น มีลูกสองคน ลูกมันน่ารัก เมียมีแต่ยิ้มๆ เมียไม่กล้าพูด เราซักถามแต่ผัวเขาละ ทางเมียไม่ถามแต่เมียยิ้มๆ ถามไปถามมามันก็เพราะอันเดียวละ เราขบขันดี เพราะอันเดียว

เราก็ไม่ลืมนะ ไปพักอยู่นั้นนานนะในภูเขา มาบิณฑบาตเขาใส่บาตรดีนะ พูดอะไรลืมแล้ว มาโดนเอาอยุธยานะ ลืมแล้ว คำพูดมันติดปากมา แสดงกิริยาอย่างไรมันก็เป็นกิริยาเดิมอยู่นั้นละ ผู้ที่เคยอย่างไรมันก็เป็นอย่างนั้นน่ะ นี่ก็ได้พูดเล่นกับเขา เวลาถามลูกคนนี้ชื่อว่าอย่างไร กำลังน่ารักทั้งสองคนลูกชาย คนนี้ชื่อว่าอย่างไร ชื่อกรุงศรี คนนี้ละว่าอย่างไร คนนี้ชื่อหัสดี เราเลยไม่ลืม ลูกเขาสองคนเราไม่ลืม แต่พ่อกับแม่ลืมหมดไม่ทราบเขาชื่อว่าอย่างไร จำได้แต่ชื่อของลูกชายเขา คนนี้ชื่อว่าอย่างไร ชื่อกรุงศรี  คนนี้ละชื่อว่าอย่างไร ชื่อหัสดี เราเลยไม่ลืมลูกชายสองคน

เขาไปมีเมียอยู่ในนู้นอยู่ในป่านะ อยู่ทางอำเภอสว่าง อยู่ตีนเขานู่น เราก็อยู่ทางนั้นเที่ยวกรรมฐานอยู่ด้านนู้น เขาใส่บาตรดีอยู่นะ เราก็ดูคนทั้งบ้านเราสังเกตดู คนคู่นี้สำคัญอยู่ มีนิสัยใฝ่ธรรมมาก เขามาใส่บาตรทุกวันนะ ลูกสองคนแล้วก็แม่พ่อมาใส่ทุกวันๆ ลูกสองคนมาด้วยทุกวัน จนกระทั่งเราจากไปเขาก็คงจะคิดถึงเรา แต่เรายังคิดถึงเขา เพราะเราไปบิณฑบาตเรายังซักนั่นซักนี้ ซักเด็กซักพ่อซักแม่ซักถามเรื่องนั้นเรื่องนี้ ทางเด็กก็น่ารักด้วยนะ ไปทางสว่างอยู่ในป่า ผู้ชายอยู่อยุธยา แม่อยู่ตรงนั้นละแม่

เรียกว่ากรรมซัดไปซัดมาก็อย่างว่าละ เราอย่าประมาทกรรมนะ เวลานี้เกิดเป็นคนครั้นต่อไปมันอาจเกิดเป็นเปรตเป็นผี เป็นยักษ์เป็นมารก็ได้ เกิดเป็นเทวบุตรเทวดา-อินทร์-พรหมก็ได้ ถึงขั้นนิพพานเลยก็ได้จากการฝึกของเรา ถ้าไม่ฝึกไม่ดีนะ ให้ฝึก ผู้ที่มาสอนเราให้ฝึกตนเป็นคนเช่นไรให้คิดเอา ศาสดาพระพุทธเจ้ามาสอนโลกความรู้เฉลียวฉลาดปราดเปรื่อง สามโลกธาตุนี้สู้ศาสดาไม่ได้ นั่นละมาสอนโลก แต่โลกเอาตั้งแต่ขี้หมูราขี้หมาแห้งกำเต็มมือ กำเต็มมือไป ไม่ได้อรรถได้ธรรมที่ท่านสอนเลย มันจึงโกโรโกโส ทำอะไรก็ไม่ดี ทำอะไรก็ไม่ดี มันเป็นกรรมของเราทำเองมันก็มาหาเรา กรรมชั่วก็ติดตัว ถ้าคนเคยอบรมตัวให้ดีกรรมดีก็ติดตัวไป

ท่านทั้งหลายอย่าประมาทนะ คำสอนนี้เป็นคำสอนของศาสดาองค์เอกนะ ไม่ใช่คำสอนของตาสีตาสานะ เป็นคำสอนของท่านผู้ฉลาดแหลมคมมาสอนพวกเราสอนให้มีความเฉลียวฉลาดประพฤติตัวให้ดี โกโรโกโสเป็นเปรตเป็นผีเป็นโจรเป็นมารไปเยอะทีเดียว ไม่ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้ามันก็ไม่ดีอย่างนี้ละ ให้ฝึกหัดตนให้ดี ถ้าฝึกหัดตนให้ดีแล้ววันนี้ก็ฝึกวันนั้นก็ฝึกมันก็ดีของมัน

อย่างเป็นพระอย่างนี้นะ ตั้งแต่บวชแล้วกิริยานี้จะต้องเดินตามแถวธรรมวินัย ธรรมวินัยท่านสอนว่าอย่างไรเดินตามนั้น เดินตามนั้นก็เท่ากับตามเสด็จพระพุทธเจ้า ผู้เป็นศาสดาองค์เอกเรียบร้อยทั้งกิริยาภายนอกภายในทุกอย่าง เป็นคติสอนโลกได้เป็นอย่างดี แต่พวกเรามันโกโรโกโส ถ้านำกิริยาของท่านมาประพฤติปฏิบัติด้วยความสำเนียกศึกษาจริงๆแล้วมันก็ดีได้ เพราะคนเราจะดีเพราะการฝึก ไม่ฝึกไม่ดี ต้นไม้จะสวยงามขนาดไหนมาทิ้งก็เป็นขอนซุง ถ้าเรามาเจียระไนมาเลื่อยมาขัดมาไสมันก็ดีไปตามส่วนของเนื้อไม้ ถ้าไม่ฝึกเลยมันก็เป็นขอนซุง คนเรามันก็เป็นขอนซุง

ชื่อไหนก็ตาม ชื่อนายดี นายมี นายสวรรค์ชั้นพรหมอะไรก็ได้มันก็มีแต่ชื่อ ตัวของคนเหมือนเปรตเหมือนผีไม่ดี ต้องฝึกเจ้าของด้วย ชื่อตั้งไว้อย่างไรก็ตั้งไว้อย่างนั้นแหละ แต่เวลานี้คนกำลังเป็นบ้าในการตั้งชื่อตั้งนาม เป็นบ้าหมดทั้งเมืองไทยเรานะ ถามชื่ออย่าไปถามตำรานะ พอถามนี้แล้วคอยฟังชื่อมันจะออกทางไหน นู่นจรวดดาวเทียม แล้วไปหาดูคนมันมีแต่ชื่อตัวคนอยู่ไหน อยู่ใต้ก้นนรกนู่น ชื่อบนจรวดดาวเทียม คนอยู่ใต้ก้นนรก มันเข้ากันไม่ได้ มีแต่ชื่อแต่นาม กิริยาอาการความประพฤติไม่ดีแล้วมันก็เลวคนเรา พากันจำไว้นะ เอาล่ะสายแล้ว

 

รับชมรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th

และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM103.25 MHz

พร้อมเครือข่ายทั่วประเทศ

 

 

 

 

 

 

 

 

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก