เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๘ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๒
พรรษาที่เด็ดขาดมากความเพียร
วัดป่าภูสังโฆกราบถวายพ่อแม่ครูอาจารย์ด้วยความเคารพอย่างสูง ทองคำน้ำหนัก ๒ กิโล เงินสด ๕๔๔,๒๗๐ บาท ของวัดภูสังโฆ อันนี้ก็วัดนู้นๆ รวมเข้ามา รวมเข้ามาเข้าไปสู่คลังหลวงนั่นแหละ ไปรวมกันที่นั่น ท่านวันชัยเป็นอย่างไร (สุขภาพดีขึ้นเจ้าค่ะ) เราก็ไม่ได้ไป ถามแต่ข่าวแต่คราวคนนั้นไปคนนี้ไปอยู่อย่างนั้นละ เจ้าของไม่เคยไป
(โยมบ้านนามน จ.สกลนคร ถวายทองคำ ๕ บาท เงินสด ๑๐๑,๑๐๐ บาท) เราเคยไปจำพรรษาบ้านนามนละ เป็นพรรษาที่ ๑๑ จำที่บ้านนามน เป็นความเพียร ๑๑ พรรษาที่ความเพียรเด็ดมากเลย เราก็ไม่ลืม ไปอยู่บ้านนามน พ่อแม่ครูอาจารย์มั่นจำพรรษาที่บ้านนามน เรียกว่าเป็นพรรษาที่เด็ดขาดมากความเพียร วันไหนนั่งตลอดรุ่ง วันนั้นพักกลางวันให้ ธรรมดาแล้วกลางวันไม่นอน กลางคืนก็เป็นธรรมดา ถ้าวันไหนกลางคืนนั่งตลอดรุ่งวันนั้นจะพักก็ได้ แต่ส่วนมากมันมักจะเดิน เพราะกลางคืนนั่งเสียทั้งคืน สุดท้ายมาฉันจังหันแล้วก็ลงเดินจงกรม ความเพียรที่เด็ดมากที่สุด บ้านนามนพรรษา ๑๑
มันไม่ได้สบายละเรื่องฆ่ากิเลสนะ พูดให้ชัดเจนอย่างนี้ละ นี่เคยฆ่ามาแล้ว จวนจะเอาตัวไปไม่รอดกับกิเลสเป็นของง่ายเมื่อไร นี่ละบ้านนามนพรรษา ๑๑ พรรษานี้หนักมากทีเดียว กลางวันไม่นอนเลย ถ้ากลางคืนนั่งตลอดรุ่งเราจะกลางวันพักให้ ตามธรรมดากลางวันจะไม่พัก เรานั่งตลอดรุ่งเสียก็พักกลางวันให้ เรียกว่าหนักพรรษา ๑๑ เรายังจำได้ที่บ้านนามน พ่อแม่ครูอาจารย์มั่นก็อยู่ที่นั่น มาจากนาสีนวลลึกๆ เข้าไปนู้น ออกมาจำพรรษาที่นั่น
นั่นก็เป็นความเพียรหนักจริงปีที่ ๑๑ เป็นปีที่ความเพียรหนักมากทีเดียว กลางวันไม่ยอมนอน กลางคืนนอนแล้วกลางวันไม่ยอมนอน เดินจงกรมภาวนาตลอดเลย นี่ก็เป็นวัดหนึ่งที่เป็นที่ระลึกพรรษาที่ ๑๑ หรืออย่างไร ความเพียรหนักมากๆ ตลอดมา ตอนนั้นท่านมาจำพรรษาที่บ้านนามน ทีแรกอยู่วัดนาสีนวลด้วยกัน มันเป็นวัดร้างเขาอยู่ที่นั่น เราท่านไปพักที่นั่น เราไปพักอยู่ในป่าลึกๆ พระสองสามองค์ เพราะท่านไม่ต้องการมาก
ออกจากนั้นท่านก็ไปเผาศพหลวงปู่เสาร์หรืออย่างไร พอกลับมาก็ไปรับท่านที่บ้านฝั่งแดน ทางแยกไปธาตุพนม แล้วก็มาจำพรรษาที่บ้านนามนด้วยกัน เรื่องความพากเพียร มันไม่ได้เบาแหละไอ้ความเพียรฆ่ากิเลส อยู่ที่ไหนที่ว่าสะดวกสบายไม่เคยมีนะ มีแต่เดนตายออกมา เดนตายออกมาทั้งนั้นละ มันหนักมากเรื่องความเพียร นี่จำได้ล่ะ ปีไหนอยู่ตรงไหนความเพียรเด็ดที่ปีไหนจำไว้ๆ พรรษาที่ ๑๑ บ้านนามนนี้ก็เหมือนกัน กลางวันไม่ยอมนอน กลางคืนถ้าวันไหนนั่งตลอดรุ่งกลางวันจะนอนให้ ถ้าธรรมดาไม่ให้นอนเลย เอากันตลอดๆ
พรรษาที่นี่เป็นพรรษาที่เด็ดเรื่องความเพียร เด็ดมากอยู่เรื่อยๆละเรา มันไม่เคยมีความสบายละ ประกอบความเพียรฆ่ากิเลส ไปที่ไหนมีแต่ความทุกข์ความลำบาก อยู่ในป่าในเขาข้าวไม่ได้กิน เราไม่กินเอง กี่วันจึงจะลงมากินข้าว เอาอย่างนั้นละฆ่ากิเลส พอว่าอย่างนี้ก็ระลึกถึงธรรม กิเลสเกิด เดินมาแต่นู้นละภูเขา อดข้าวหลายๆ วัน มาจะไม่ถึงบ้านเขา กะว่าจะให้ถึงบ้าน เดินจากป่ามาบิณฑบาตในหมู่บ้านเขาไม่ถึง พอมาถึงกลางทางก็มานั่งจับเจ้าอยู่นั้นละ ร่างกายมันมาไม่ไหว แต่ใจมันเหมือนะเหาะจะบินนะ ดีดผึงๆ
สักเดี๋ยวก็กิเลสเกิด เกิดเด็ดๆ เสียด้วย ออกมาเป็นคำพูด คำพูดอยู่ในใจแต่ มานั่งจับเจ่าอยู่นั้นละ มันบิณฑบาตไม่ถึงบ้านเขา เลยนั่งภาวนาอยู่นั่น จิตมันเหมือนจะเหาะเหินเดินฟ้านะ มันอ่อนแต่ร่างกาย แต่จิตนี้ดีดผึงๆ พอนั่ง..นี่เห็นไหมละ ท่านภาวนาว่าจะฆ่ากิเลสให้ตาย แต่เวลานี้กิเลสยังไม่ตายท่านกำลังจะตายรู้ไหม ขึ้นอย่างนั้นเลย ขึ้นอย่างเด็ดๆนะ ท่านภาวนาว่าจะฆ่ากิเลสให้ตาย แต่เดี๋ยวนี้กิเลสยังไม่ตายท่านกำลังจะตายรู้ไหม ขึ้นอย่างเด็ด ขู่เราให้เราใจอ่อนกลัวตาย ความหมายของกิเลส มันถามว่ารู้ไหม กิเลสยังไม่ตายท่านกำลังจะตายเวลานี้รู้ไหม
พอทางนั้นจบธรรมก็ขึ้น อันนี้กิเลสดักหน้าตีข้างหน้าจะให้เราถอยหลัง ภาวนาจะฆ่ากิเลสแต่กิเลสยังไม่ตายท่านกำลังจะตายอยู่เวลานี้รู้ไหม พอทางนั้นสงบลงไป กอง่ราทัพธรรมก็ขึ้นรับกัน ถ้าอย่างนั้นเราไม่ลืมนะ มันขึ้นในจิต การกินนี้ก็กินมาแต่วันเกิดมาอดเพียงเท่านี้จะตายเหรอ ไม่เห็นวิเศษวิโสอะไรกินมาขนาดนั้นนะ มาอดเพียงเท่านี้กลัวตายเหรอ ผึงเลย มันเป็นกันนะ มันเป็นคำๆ ออกมา มันจะตายเหรอ เอาตายก็ตาย ทางนี้ก็ดีดผึง ไม่ถอย โอ้ยากจริงๆนะฆ่ากิเลส ยากสุดยากเลย อยู่ที่ไหนหาที่สะดวกสบายไม่ได้ ต้องไปที่ทรมาน ไปที่ดัดสันดาน ในเขาในป่าในถ้ำก็ถ้ำอย่างนี้ละ ถ้ำทรมานๆ มีแต่ความทุกข์ความลำบาก
ปีนั้นก็จำได้ไม่ลืมที่กิเลสขู่เอา แต่มันไม่ถอยละขู่มา เรื่องกิเลสนี่ให้ขู่มาขู่ก็ไม่กัน ซัดกันปีนั้นละปีหนักปีหนึ่ง หนักมากทีเดียว นั่งภาวนาจนก้นแตก คือมันไม่แตกคืนเดียวนะ นั่งคืนแรกคืนสองเข้าไปมันก็ออกร้อนมันก็พอง ต่อไปก้นก็พอง ต่อจากพองแล้วก็นั่งไม่หยุด ต่อจากนั้นไปพองก็แตก จากแตกก็เลอะเลย เอาจนก้นแตก เอาแตกก็แตก ถ้ากิเลสยังไม่แตกกูยังไม่ถอย ซัดกันนี้ เราพูดถึงเรื่องความเพียรย้อนหลังนี้ แหม นิสัยเรามันเป็นนิสัยอย่างนี้ด้วย ว่าจะเอาอะไรแล้วเอานะว่าอย่างนั้น ขาดไปเลย ให้ถอยไม่มี ตั้งแต่ตั้งสัจจะใส่กัน ลั่นคำลงไปว่าเอานะ ที่จะถอยหลังไม่เคยมี มีแต่พุ่งเลย นี่ก็เรื่องฆ่ากิเลส
บทเวลาจะเอากันได้มันอยู่ที่ไหนทลืมแล้ว วัดดอยธรรมเจดีย์ บทเวลาจะเอากันอยู่กับกิเลสตัวผาดโผน ซัดกันจนหนัก จากนั้นมากิเลสตัวนั้นไม่กล้าเลยละ ขาดสะบั้นเลย เอาขนาดนั้นเลย ก็ดีได้ชมอยู่ชมเรื่องจิตเอาจริงเอาจัง เด็ดเดี่ยวเฉียบขาด เราได้ชมอยู่นะ ถ้าลงว่าเอานะอย่างไรก็ไม่มีถอย เรียกว่าขาดสะบั้นไปคนละฝ่าย ให้ได้ถอยกันลงมานี้เขาหามเราลงเวทีเราสู้ไม่ไหว หรือเห็นเรายกมือไหว้คู่ต่อสู้ไม่เคยเห็นเลย ซัดกัน เอาอย่างนั้น
นี่กว่าจะได้มาภาคภูมิใจเจ้าของอยู่ก็เพราะเหล่านี้ละ มันหนุนกัน ความเพียรหนุนกันตลอดๆ ไม่มีคำว่าอ่อนแอ มีแต่หนุนกันเรื่อยๆ สุดท้ายก็ผ่านได้ ถ้ากิเลสผ่านแล้วทีนี้สิ่งทั้งหลายที่เป็นข้าศึกอันใหญ่หลวงผ่านไปตามๆกันหมด กิเลสก็ว่างไป จิตกับธรรมเป็นอันเดียวกันว่างไปหมดเลย กิเลสขวาง พอกิเลสขาดสะบั้นลงไปแล้วมันก็ว่างไปหมดเลย โอ้ย มีตั้งแต่แบบเอาเป็นเอาตายเข้าว่า จึงว่าเดนตายลงมาสอนผู้สอนคน ไม่ใช่ธรรมดานะ
อยู่คนเดียวเสียด้วยนะนั่นน่ะ ไม่ได้ไปอยู่กับหมู่กับเพื่อน นิสัยเรามันนิสัยวาสนาน้อย นิสัยหยาบ ถ้าไปประกอบความเพียรกับหมู่กับเพื่อนสององค์สามองค์ไปไม่เป็นท่านะ ต้องไปคนเดียวตลอด พอออกจากท่านปั๊บก็คนเดียวเลย กลับมามีแต่หนังห่อกระดูก เนื้อไม่มี มีแต่หนังห่อกระดูก เหมือนอายุคนได้ ๙๐ กว่าปี ตอนนั้นอายุประมาณ ๓๐ ตอนเร่งความเพียรมากๆ ไม่ตายน่ะละ ไม่เห็นตาย มาทีไรจนกระทั่งบางทีท่านจะสะดุดใจของท่านก็ไม่ทราบนะ ลงมาจากเขามาหาท่านตัวนี้มันเป็นอย่างไรไม่ทราบนะ คือมันเหลืองหมดตัวเลย เราก็ไม่ทราบ เหลืองหมดทั้งตัวเลยเหมือนทาขมิ้น
พอมากราบท่านลงกราบเสร็จลงมา ทำไมเป็นอย่างนี้ละท่านว่า คือมันตัวเหลืองหมด หนังห่อกระดูกลงมา สักเดี๋ยวท่านจะออกช่องไหน คือธรรมดาถ้าตรงไหนเห็นว่าอ่อนท่านจะดีดให้ทันที สักประเดี๋ยว มันต้องอย่างนี้จึงเรียกว่านักรบท่านว่า ท่านพลิกให้เลยนะ กลัวเราจะอ่อน ท่านไม่พูดง่ายๆ กลัวเราจะอ่อน เออมันต้องอย่างนี้ละจึงเรียกว่านักรบ ท่านว่า นักรบ นักหลบ ท่านว่าอย่างนั้นนะ ท่านพูดท่านหากพลิกไปพลิกมาของท่าน อย่างนี้เราก็ไม่ลืม ไม่มีความสบายละเรื่องฆ่ากิเลส เอาจนกิเลสม้วนเสื่อแล้วถึงจะสบายได้ละ ร่างกายเป็นอย่างไรก็เป็น กิเลสตัวข้าศึกใหญ่มีอยู่ในใจนี้มากน้อยเพียงไรนั้นละตัวข้าศึกอยู่ตรงนั้นละ หาความสบายไม่ได้ พอตัวนี้ขาดสะบั้นลงไปแล้วว่างหมด ไม่มีอะไรเป็นข้าศึก กิเลสเท่านั้นเป็นข้าศึก แน่ะมันก็รู้นะ เอาละวันนี้พูดเท่านั้นละนะ
รับชมรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และทางสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
พร้อมเครือข่ายทั่วประเทศ
|