ตั้งคำสัตย์คำจริงใส่ตัวเอง
วันที่ 8 กรกฎาคม. 2552 เวลา 7:45 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ ศาลาใหญ่วัดป่าบ้านตาด

เนื่องในวันเข้าพรรษา

เมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๒

ตั้งคำสัตย์คำจริงใส่ตัวเอง

          วันนี้ทราบข่าวมาจากวัดเสนานิคม อาจารย์หลอดเสียเมื่อวานตอนเที่ยงหรืออะไร (เที่ยง ๕๕ นาทีเมื่อวานครับที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ) โรงพยาบาลวิชัยยุทธคงจะเอาไปวัดแล้วมัง วัดอยู่ที่เสนานิคม เสียอยู่ที่โรงพยาบาล เช้าเขาเอาออก เสียเมื่อวานเที่ยง คงเอาไปแล้วละ เอาไปวัดแล้ว

          วันนี้พี่น้องทั้งหลายโปรดทราบ เราเป็นลูกชาวพุทธให้มีกำหนดกฎเกณฑ์บังคับตัวเอง เช่นวันนี้เข้าพรรษาถึงวันออกพรรษา เราจะมีข้อกติกาบังคับตัวเองเพื่อการกุศลอย่างไรบ้างสำหรับตัวเรา ให้นำไปประพฤติปฏิบัติ เข้าพรรษาสามเดือนนี้ควรจะได้อะไรเป็นที่ระลึก เป็นความสัตย์ความจริงบังคับตัวเองแล้วเป็นบุญกุศลขึ้นมาแก่พวกเรา วันนี้เป็นวันเข้าพรรษาแล้วละ ให้ต่างคนต่างมีกฎเกณฑ์บังคับตนเอง ในพรรษานี้เราจะทำข้อบังคับตนเองเพื่อบุญเพื่อกุศลอย่างไรบ้างให้พากันไปคิดนะ

          การทำบุญให้ทานเป็นพื้นฐานก็คือทานบารมี อย่างน้อยให้ได้ใส่บาตรพระวันละองค์ก็ยังดี แล้วมีคำสัตย์คำจริง คนที่เคยปล่อยตัวเป็นโกโรโกโสกินเหล้าเมาสุราทุกสิ่งทุกอย่างซึ่งเป็นของสังคมติเตียนคือสังคมผู้ดี ตำหนิติเตียนก็ควรงดเว้น การงดเว้นเพื่อรักษาเจ้าของไม่ใช่เพื่อการทำลายตัวเอง ให้พากันมีข้อวัตรปฏิบัติบังคับตัวเอง เวลาจะหลับจะนอนมันจะยากแสนยากลำบากขนาดไหนก็ขอให้ไหว้พระสวดมนต์ จะภาวนาให้ได้สักห้านาทีก็ยังดี

การภาวนาคือการอบรมจิตใจที่มันวอกแวกคลอนแคลน หาความสัตย์ความจริงกับใจไม่ได้ ต้องเอาธรรมเข้าบังคับให้มีกฎมีเกณฑ์ เวลาจะหลับจะนอนไหว้พระสวดมนต์ตามแต่กำลังของเราได้มากน้อยเพียงไร แล้วให้นั่งภาวนา นั่งภาวนาจะนั่งพับเพียบก็ได้ นั่งขัดสมาธิอะไรก็ได้นะ แต่จิตนั้นให้เที่ยงตรงต่อคำบริกรรมของตน เช่นภาวนาพุทโธก็ให้จิตอยู่กับพุทโธ มีสติสตังบังคับจิตใจในเวลานั้น นี่เรียกว่าการอบรมจิต

การปล่อยจิตนี้ไม่ว่าผู้ใดมันปล่อยตลอดเวลา ตั้งแต่ตื่นนอนปล่อยจนกระทั่งหลับ บางรายนอนไม่หลับเพราะความคิดมากยุ่งเหยิงวุ่นวาย หน้าที่การงาน เรื่องผัวเรื่องเมีย ครอบครัวในบ้านในเรือนของตนเกิดทะเลาะเบาะแว้งกันอยู่อย่างเงียบๆ ในบ้านในครอบครัวของตน ให้ใช้ความคิดดับความคิดไม่ดีทั้งหลายซึ่งมีต่อกัน ให้มีธรรมเป็นเครื่องรักษา ให้เก็บความรู้สึกไว้ให้ดี อย่าเอะอะก็แว้ดๆ เอะอะก็แว้ดๆ ทะเลาะเบาะแว้งกันอย่างนั้นใช้ไม่ได้เลย

พอหมดเวลาแล้วทีนี้เรื่องของโลกวุ่นวายเข้าสู่เรื่องธรรมภายในใจ ให้เข้าสงบภาวนา เอาพุทโธก็ได้ เอาธัมโมก็ได้ สังโฆก็ได้ หรือธรรมบทใดที่เหมาะสมกับจริตนิสัยของตนที่ชอบก็ให้นำธรรมบทนั้นเข้ามาบริกรรม นึกพุทโธก็ได้ ธัมโม สังโฆก็ได้ทั้งนั้นละ แต่สำคัญก็คือมีสติให้อยู่กับคำบริกรรมของตน เช่นพุทโธๆ สติก็จับกับพุทโธๆ จะบริกรรมคำใดก็ให้มีสติจับอยู่กับคำบริกรรมนั้นๆ ท่านเรียกว่าบังคับจิตให้เข้าสู่ธรรม ธรรมคือความสงบเย็น ความไม่ฟุ้งซ่านวุ่นวาย ธรรมคือความจดจ่อต่อจิตใจของตนเพื่อรักษาจิตใจให้มีความสงบร่มเย็น นี่ละท่านเรียกว่าภาวนา ให้ไปทำบ้างนะ

คนเต็มศาลานี่มันมีพุทโธสักคนหรือไม่มีก็ให้ถามตัวเองก่อนผู้อื่นนะ วันนี้เรามีพุทโธสักห้าคำไหมถามตัวเองทุกคนๆ ให้ระงับดับใจที่วุ่นวายไม่หยุดไม่ถอยตั้งแต่ตื่นนอนขึ้นมาจนกระทั่งถึงค่ำ บางรายนอนไม่หลับเพราะความคิดวุ่นวายมาก นี่ให้ระงับดับเวลานั่งภาวนา การนั่งภาวนาเป็นของเล่นเมื่อไร พระพุทธเจ้าปรากฏขึ้นในโลกให้เราทั้งหลายชาวพุทธได้กราบไหว้บูชามาตลอดนี้ก็เพราะพุทโธของพระพุทธเจ้านั่นละ ท่านภาวนาอบรมจิตใจให้สงบเย็น ธัมโมก็เกิดขึ้นในเวลาจิตสงบ สังโฆก็คือพวกเราทั้งหลายให้พร้อมเพรียงกันกำหนดใจให้อยู่ในพุทโธ ธัมโม สังโฆ

เวลาที่จะระงับดับใจก็ให้ระงับดับบ้าง อย่าปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนไม่รู้วันรู้คืนรู้ปีรู้เดือน เกิดตายไม่รู้ มีแต่ความเพลิดเพลิน เราจะเอาอันนั้นจะเอาอันนี้ อยากได้อันนั้นอยากได้อันนี้ มีแต่ความอยากเต็มหัวใจ ความว่าอยากได้อรรถได้ธรรมเข้าสู่ใจเพื่อความสงบไม่ค่อยมีกัน ให้พากันระงับดับกิเลสตัววุ่นวายตั้งแต่ตื่นนอนถึงหลับนั่นละให้อยู่ในความสงบ ในเวลาภาวนา ตั้งใจภาวนาบ้างนะ เรานี้เห็นคุณค่าเรื่องภาวนา พระพุทธเจ้าทรงสอนเรื่องภาวนา ครั้นเวลามาทำเข้าไปจริงๆ มาปรากฏที่หัวใจของเรา คือความสงบเย็นปรากฏที่ใจ ความสว่างไสวก็ปรากฏที่ใจ ความรู้ที่มันคับแคบตีบตันเห็นแก่ตัวก็มารู้ที่ใจ ก็เป็นจิตใจที่เบิกกว้าง

เห็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกันก็เป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายเหมือนกัน อย่าไปดูถูกเหยียดหยามคนนั้นคนนี้ มันเกิดอยู่กับกรรมของแต่ละคน ใครจะไปแต่งกรรมให้กันไม่ได้ เราเป็นคนด้วยกันก็แต่งกรรมดี คือพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เอาเป็นหลักใจ เห็นคนอื่นเขาไม่ดีก็อย่าไปดูถูกเหยียดหยามเขา ให้คิดว่าเราก็อยู่ในท่ามกลางแห่งฟืนแห่งไฟเหมือนกัน เพราะกิเลสเป็นตัวยุแหย่ก่อฟืนก่อไฟให้เผาไหม้ตลอด ให้ระงับกันลงด้วยความให้อภัยซึ่งกันและกัน นั่นเป็นของดิบของดีนะ ให้ภาวนาบ้าง

พระพุทธเจ้าเลิศโลกมาเท่าไรแล้วมาสอนพวกเรา ก็เพราะการภาวนา พระสงฆ์สาวกที่เป็น สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ ของพวกเราท่านก็อุตส่าห์พยายามตั้งอกตั้งใจปฏิบัติ ผู้ทำความเพียรจนเด็ดเดี่ยวอย่างที่สุดได้ปรากฏขึ้นในพระประวัติของพระพุทธเจ้าทรงแสดงชมเชยบรรดาสัตว์ทั้งหลายมีสาวกบารมีเป็นต้น เช่นอย่างพระโสณะท่านประกอบความพากความเพียรจนฝ่าเท้าแตก นี่พระพุทธเจ้าก็นำมาชมเชย ขอให้อุตส่าห์พยายาม ไม่ถึงฝ่าเท้าแตกก็อย่าให้ถึงขนาดว่าหมอนแตกเสื่อขาดนอนไม่ลุกไม่ตื่นใช้ไม่ได้ ให้ทำภาวนาด้วยความอุตส่าห์อดทนนะ

พระโสณะท่านเดินจงกรมจนฝ่าเท้าแตก อันนี้สำคัญมาก คำว่าเดินจงกรมจนฝ่าเท้าแตกนั้นจะไม่มีใครเชื่อได้อย่างง่ายดายนะ แต่เมื่อเวลาไปประสบด้วยตัวเองแล้วจะเชื่อทันที อย่างพระโสณะท่านเดินจงกรมจนฝ่าเท้าแตก เดินไม่หยุดไม่ถอยเพราะจิตมันดื่มในธรรม ลืมการก้าวเดินว่าเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าขนาดไหน แต่จิตมันอยู่ในธรรมตลอด ดูดดื่มในธรรมเพื่อมรรคผลนิพพานจนกระทั่งฝ่าเท้าแตก เดินไม่รู้จักหยุดเพราะจิตมันดูดดื่มในอรรถในธรรม ในมรรคผลนิพพานจนเดินจงกรมจนฝ่าเท้าแตก

อันนี้จะพูดมาเป็นตัวอย่างของพี่น้องทั้งหลายก็ยังพอได้ ถ้าไม่ใช่มาเป็นพระโอ้อวด โกหกมดเท็จ เราไม่โกหก เราปฏิบัติตัวของเราเอาอย่างนั้นจริงๆ ตั้งลงจุดไหนว่าเอานะ จะเป็นสองไปไม่ได้ เอาจริงเอาจังมาก ว่าเดินจงกรมก็ซัดเสียจนกระทั่งมาดูฝ่าเท้าของเจ้าของมันออกร้อนเหมือนไฟรน ฝ่าเท้าทั้งสองออกร้อนเหมือนไฟรน มันเป็นอย่างไรฝ่าเท้าเรานี้มันแตกเหรอ มาดูฝ่าเท้าไม่แตก แต่มาลูบๆคลำๆดูฝ่าเท้ามันเสียวแปลบๆ ๆ เจ็บมาก ถ้าเลยจากนั้นแล้วอวัยวะส่วนหยาบมันถูกกัดไปด้วยการเดินจนกลายเป็นอวัยวะส่วนละเอียด จากนั้นก็ถึงเนื้อ เมื่อถึงเนื้อแล้วก็เรียกว่าฝ่าเท้าแตก

นี่เคยทำมาแล้วนะจึงมาคุยให้ท่านทั้งหลายฟังแบบโกหกมดเท็จไม่ทำเรา เอาจริงเอาจังมาก เดินจงกรมจนได้ดูฝ่าเท้าเจ้าของมาลูบคลำฝ่าเท้าเจ้าของ มันทำไมมันถึงได้ออกร้อนเอานักหนา มันจะแตก คืออวัยวะส่วนหยาบคือผิวหนังเข้าไปหาตัวหนังตัวเนื้อแล้วกัดเข้าไป กัดเข้าไป สุดท้ายฝ่าเท้าออกร้อนเลยจากนั้นไปตก นี่คือความเพียรของท่านผู้จะเป็นสรณะแก่ตน และเป็นที่พึ่งของโลกทั้งหลายได้ ท่านทำอย่างนั้น เรามีแต่เอะอะหมอนแตก เอะอะเสื่อขาด ครั้นก้มลงดู ดูอะไรเห็นก้มอยู่ตลอดเวลา หมอนแตกเย็บหมอน เสื่อขาดเย็บเสื่อ มีแต่อย่างนั้น ไม่ได้ว่าฝ่าเท้าจะแตก ฝ่าเท้าแตกหรืออย่างไร เพราะความเพียรกล้าไม่มี มีแต่เรื่องหมอนแตกเสื่อขาดไปอย่างนั้น มันผิดกันกับที่ท่านเป็นสรณะของพวกเรา กับพวกเรากินแล้วนอนกรแล้วนินมันใช้ไม่ได้นะ

ศาสนาของพระพุทธเจ้าเป็นมัชฌิมา ทรงต้นทรงลำ ทรงมรรคทรงผลทรงนิพพานไว้กับทุกคนผู้ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า อย่าหาตั้งแต่ให้กิเลสมันมาให้ครอบหัวเอาแล้วทุกวันนี้ว่าจะทำภาวนาหรือทำความดีรอไว้นั้นก่อน วันนี้เหนื่อยมากวันนั้นเหนื่อยมาก วันไหนก็ไม่ได้ภาวนา ตายทิ้งเปล่าๆ คนตายทิ้งเปล่าๆเหมือนขอนซุงไม่เกิดประโยชน์อะไร ให้พากันภาวนา การภาวนาเป็นของเล่นเมื่อไร พระพุทธเจ้าปรากฏขึ้นในโลกว่าพุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ ก็ความอุตส่าห์พยายามความอดความทนของพระองค์เอง และพระสาวกทั้งหลายที่เป็นอรหัตตบุคคลสอนโลกทั้งหลายเป็นสรณะของพวกเรานี้ ล้วนแล้วตั้งแต่ผู้อุตส่าห์พยายามไม่หยุดไม่ถอยจนฝ่าเท้าแตกก็มี อย่างพระโสณะท่านเดินจงกรมจนฝ่าเท้าแตก พระจักขุบาลก็ตาแตกไม่รับการรักษาจากหมอ ตานอกแตกตาในก็จ้าขึ้นมาเลย ท่านอุตส่าห์พยายาม

ให้พากันทำอะไรมีความสัตย์ความจริงต่อตนเอง อย่าทำอะไรแบบเหลาะแหละๆ ไม่เกิดประโยชน์อะไร ตั้งแต่เกิดมาก็เหลาะแหละมาแล้ว เหลาะแหละจนกระทั่งถึงวันตาย ไม่มีสารประโยชน์อะไรแก่พวกเราเลย นี่ให้นำไปคิดไปอ่านบ้างนะ การภาวนาเป็นของเลิศของเลอ พระพุทธเจ้าปรากฏขึ้นในโลกเพราะการภาวนา พระธรรมที่ปรากฏขึ้นในพระทัยของพระพุทธเจ้าเพราะการภาวนา พระสงฆ์สาวกที่เกิดขึ้นในใจของพระสงฆ์ทั้งหลายที่ท่านอุตส่าห์พยายามนั้นก็เพราะภาวนาทั้งนั้น ไม่ใช่เพราะความขี้เกียจขี้คร้าน ความท้อแท้อ่อนแอ ทำอะไรเหลวแหลกแหวกแนว ไม่มีความสัตย์ความจริงบังคับตนอย่างนี้ใช้ไม่ได้นะพวกเรา

เช่นวันนี้วันเข้าพรรษาใครจะมีข้อบังคับตัวเองมีอะไรบ้าง ใครเคยปฏิบัติอย่างไร เช่นกินเหล้า เป็นอย่างไรกินเหล้า พ่อแม่เวลาเกิดมาท่านเอาเหล้าให้กินเหรอ หรือท่านเอาอาหารนมเนยมีแต่ของประณีตบรรจงมาให้กิน เวลาโตขึ้นมาแล้วไปหายัดเหล้าไปหาสะแตกเหล้า แข่งบุญคุณของพ่อของแม่คนนี้คนเนรคุณ ไม่เห็นบุญของพ่อของแม่เป็นสำคัญยิ่งกว่าเหล้ากว่ายา ใช้ไม่ได้ ให้พากันฝึกหัดตน ไม่ฝึกหัดไม่ได้ มนุษย์นี้ชื่อว่ามนุษย์ว่าดีมีแต่ชื่อ มนุษย์ก็มีแต่ชื่อ ยกตนขึ้นเหยียบสัตว์ทั้งหลายว่าสัตว์ทั้งหลายไม่เลิศเลอเหมือนมนุษย์คือเรา ครั้นสุดท้ายก็เลวกว่าสัตว์ทั้งหลาย

เขาไม่หากินเหล้าเมายานะพวกสัตว์ทั้งหลาย แต่มนุษย์เรานี้ตัวเก่ง อะไรที่จะเป็นความเสียหายเดือดร้อนชอบนักมนุษย์เรา อย่างนี้เรียกว่าสู้หมาไม่ได้ หมาเขาไม่หากินเหล้าเมายาละ แต่มนุษย์เรานี้ตัวเก่ง เราจะเอามนุษย์เราไปแข่งให้เรากลายเป็นหมาไป ให้หมามาเป็นมนุษย์มันสมควรเหรอ เราเป็นคนทั้งคนมีธรรมในใจ บาปบุญคุณโทษท่านสอนไว้ทุกคน มนุษย์เป็นผู้รู้ พวกสัตว์ทั้งหลายเขาไม่รู้ เราทำความชั่วทั้งๆที่รู้ๆ มันเป็นของดีแล้วเหรอ ให้เอาไปพินิจพิจารณาตัวเองนะ ไม่เช่นนั้นมันไม่เกิดประโยชน์อะไรละ

เมืองไทยของเราบอกว่าเป็นเมืองพุทธ มันพุทธตั้งแต่ชื่อแต่การกระทำความดีมันสู้สัตว์สู้ลิงไม่ได้ พวกสัตว์พวกลิงเขาไม่หาทำความชั่วช้าลามก แต่มนุษย์นี้ชอบทำความชั่วช้าลามก  ไม่มีใครเกินมนุษย์ จึงนำธรรมนี้เข้าไปดัดแปลงตัวเอง เคยทำอะไรมาจนติดจิตติดใจไม่มีอะไรระงับได้นอกจากธรรม ถ้าธรรมเข้าไปตรงไหนแล้วความชั่วแตกกระจาย เช่นเคยกินสุราเป็นประจำไม่ได้กินไม่ได้ เอาธรรมฟาดเข้าไปนั้นสุราแตกกระจาย ไม่มีอะไรเหลือ มีแต่อรรถแต่ธรรม มีแต่ความอ่อนโยน มีสติสตังเป็นเครื่องรักษาตนตลอดเวลา นี่ละเรื่องธรรมเข้าตรงไหนสงบร่มเย็น ถ้าให้กิเลสเข้าตรงไหนเป็นฟืนเป็นไฟ แตกกระจัดกระจายเพราะความทะเลาะเบาะแว้งหรือโกรธเคียดแค้นให้กันแล้วฆ่ากันก็มี ให้พากันจำเอานะ

วันนี้เป็นวันเข้าพรรษาใครจะตั้งคำสัตย์คำจริงใส่ตัวเองก็ให้ตั้งนะ เช่นอย่างทำบุญตักบาตรวันหนึ่งอย่าให้ขาด แล้วรักษาศีลรักษาธรรมข้อใดจะรักษาให้ดีเอาให้ดีทุกอย่าง ขึ้นชื่อว่าทำความดีดีทั้งนั้นแหละ เข้าสู่ใจกายวาจาของใครดีหมด ถ้าเป็นความชั่วไม่ว่าอยู่ในใจไม่ว่าพูดออกมาทางวาจา แล้วตบต่อยตีกันฆ่ากันอย่างนี้มีแต่เรื่องความชั่ว กิเลสเป็นอย่างนั้น เรื่องธรรมเป็นความอ่อนโยน มองใกล้มองไกลตลอดทั่วถึง ถ้าเป็นเรื่องของกิเลสมองแต่ตัวเอง  ให้ตัวเองได้กินได้พอ ตัวเองเป็นมหาเศรษฐีเขาทุกข์เขาจนยิ่งกว่าหมาตัวหนึ่งเราก็พอใจ เราไม่เห็นใจของสัตว์ที่ทุกข์ยากลำบากเพราะความทุกข์จนค้นแค้นนั้นเลย อย่างนี้ใช้ไม่ได้

ให้จิตใจกว้างๆนะ อย่าคับแคบตีบตัน เห็นกันพอสงเคราะห์สงหาด้วยวิธีการใดที่จะสงเคราะห์สงหาได้ก็ให้สงเคราะห์กัน ใครมีความจำเป็นด้วยกันทั้งโลกนั้นแหละ เศรษฐีก็มีความจำเป็น ทุคตะเข็ญใจก็มีความจำเป็น    บันยะบันยังอาศัยซึ่งกันและกันอยู่ด้วยกันได้เป็นผาสุก ให้พากันจำเอานะ วันนี้พูดว่าวันเข้าพรรษาก็ให้พากันจำเอาไว้ พูดมากกว่านี้เหนื่อยแล้ว ขอความสวัสดีจงมีแก่บรรดาพี่น้องทั้งหลายโดยทั่วกันเทอญ จะให้พร

 

   รับชมรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th

     และทางสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz

พร้อมเครือข่ายทั่วประเทศ

 

 

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก