เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๒
ธรรมอยู่ศูนย์กลาง
ก่อนจังหัน
(คณะสงฆ์วัดป่านานาชาติมากราบนมัสการหลวงตา) วัดนานาชาติผมก็ไปหนหนึ่ง ไปแต่ไม่ได้ค้าง ดี สงบสงัดดี เวลานี้มีพระจำนวนเท่าไร (ทั้งหมด ๓๕ ช่วงนี้อยู่ ๑๘ องค์) แล้วนี่ฉันจังหันที่ไหน (ยังไม่ได้ฉัน รีบมากราบหลวงปู่ก่อน ฉันทีหลัง) ยังไม่ได้ฉัน ไม่มีอาหารจะฉันจะฉันอะไรละ พระท่านรู้หรือเปล่า ถ้าพระรู้ต้องจัดทันที สำหรับวัดนี้เป็นอย่างนั้น (ท่านจัดให้เรียบร้อยครับผม) เหมาะสมแล้ว เรามาเห็นพระนี้สักลาย เราคิดถึงเมืองไทยเรา เมืองไทยเราเป็นอย่างนั้นละ นี่มาอยู่เมืองไทยเห็นเมืองไทยทำก็เลยวาดลวดลายขึ้นบ้าง เออดีล่ะ นั่งให้สะดวกสบายนะ
การปฏิบัติศีลธรรมไม่นิยมว่าชาติชั้นวรรณะฐานะสูงต่ำหญิงชายไม่มี ธรรมเป็นกลางๆ ให้ตั้งใจปฏิบัติให้ถูกตามร่องรอยของพระพุทธเจ้าแล้วเป็นถูกทาง เมื่อถูกทางแล้วถูกจุดหมาย ถ้าไม่ถูกทางก็ไม่เข้าสู่จุดที่หมายได้ ให้จำให้ดี นี่คำว่าสวากขาตธรรม แล้วสฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสไว้ชอบแล้ว ตรัสไว้ดีแล้ว นั่นละท่านตรัสไว้ดีแล้วทั้งนั้น เราดัดแปลงตัวของเราที่ยังไม่ดีให้เข้าร่องรอยแห่งธรรมที่ท่านสอนไว้นะ แล้วจะเห็นผลประจักษ์
ธรรมนี่สำคัญ อยู่ศูนย์กลาง เพราะจิตไม่มีเพศ ธรรมะก็ไม่มีเพศเหมือนกัน ว่าเพศหญิงเพศชาย ธรรมะก็ธรรมะหญิงธรรมะชายไม่มี นอกจากท่านจะแยกออกเป็นตามประเภทๆ เช่นผู้หญิงบวชเป็นพระไม่ได้ แต่บวชเป็นภิกษุณีก็ได้ผู้หญิง แยกเป็นคนละประเภทเฉยๆ มีสิทธิ์ที่จะได้รับผลเสมอกัน ถ้าเราปฏิบัติถูกต้องตามคำสอนของพระพุทธเจ้านะ สำคัญการปฏิบัติให้ถูก ถ้าผิดแล้วผิดไปเรื่อยๆ ก้าวออกจากทางหนึ่งก้าวผิดหนึ่งก้าว ก้าวออกไปสองก้าวผิดสองก้าว ก้าวออกไปสามสี่ก้าวผิดไปเรื่อยๆ ถ้าก้าวผิดจากร่องรอยที่ถูกทางนะ ถ้าก้าวตามร่องรอยที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้แล้วนั้นเรียกว่าถูกต้องๆ จะเข้าถึงจุดหมายละ ก้าวหนึ่งสองก้าวขยับเข้าไปจนถึงจุดที่หมายนั่นละ
ให้พากันตั้งอกตั้งใจปฏิบัติ สักแต่ว่าอยู่นี่... ไปที่ไหนอย่าลืมนะว่าไม่ว่าประเทศใดชาติใดเมืองใด เรื่องตัวขี้เกียจขี้คร้านมันเหยียบอยู่บนหัวทุกคนนั่นละเข้าใจไหม จำให้ดีนะ ความขี้เกียจขี้คร้านมันเหยียบอยู่บนหัว ถึงจะสักลายมาขนาดไหนก็เถอะมันยิ่งเหยียบอีกตรงนั้น ขบขันดี เอาล่ะพูดเท่านั้นละพากันไปฉันจังหันเสีย
หลังฉันจังหัน
ในวัดเรามีพระเท่าไรน้า (ทั้งหมด ๖๒ องค์) เราบอกไว้ ๒ ปีผ่านมาแล้วว่า ๕๘ เป็นอย่างมาก เดี๋ยวนี้ ๖๐ กว่าแล้วนะ ที่จำกัดนี้ก็คือว่าที่ภาวนามันพอดีๆ พระองค์หนึ่งอยู่กระต๊อบหลังนี้ ทางจงกรมพร้อมกัน อย่างน้อยมีทางจงกรมกับกุฏิพัก กุฏิก็ไม่สูงละ กุฏิมันเป็นสองพักส่วนมาก ออกมาจากห้อง ห้องสูงแค่นี้ อีกพักหนึ่งอยู่เฉลียง ออกจากห้องก็อยู่เฉลียงนั่งภาวนาก็ได้ ข้างในก็ได้ ออกจากนั้นก็เดินจงกรม ทางจงกรม มันคับแคบ มันไม่ตามใจหวัง พระถึงรับได้เพียง ๕๘ ถ้ามากกว่านั้นมันก็กินที่กินทางของผู้อื่นแล้วก็ไม่สะดวกในการภาวนา ให้เฉพาะๆ พอดีๆ ทีนี้พระจะมามากน้อยมันก็รับไม่ได้ ถ้ารับไปก็ขัดข้องในการบำเพ็ญเพียร มันเป็นความไม่สงบ
ป่าอย่างนี้กับป่าบนภูเขาต่างกันนะ คือป่าบนภูเขามันสูง แล้วต้นไม้ไม่ค่อยหนาแน่นนัก อากาศดี ที่โล่ง สู้อยู่บนภูเขาไม่ได้ ภูเขามันมีอากาศพิเศษอยู่ข้างบน เดินจงกรมนั่งสมาธิภาวนาสะดวกด้วยกันทั้งนั้นละ ถ้าเป็นดงอากาศไม่ดีก็ไม่เหมาะ คำว่าดงว่าป่านี้จะดีหมดไม่ได้นะ ต้องหาที่เหมาะสม เช่นอย่างถ้ำ ถ้ำบางถ้ำมันอับ ลมผ่านไม่สะดวกก็อับ อย่างนั้นไม่ดี ถ้ามีลมผ่านไปมา ถ้ำอยู่อย่างนี้ลมผ่านไปไม่เป็นอะไร แต่ส่วนมากอยู่ถ้ำนั้นมักจะอยู่ในเวลาตั้งแต่เดือนมีนาไป มีนา-เมษา ถ้าฝนตกท่านมักจะเข้าทางถ้ำนะ ถ้าฝนไม่ตกก็อยู่ตามร่มไม้ที่ไหนก็ได้ ถ้าฝนตกก็ต้องเข้าถ้ำ อยู่สะดวกสบาย
ถ้ำก็มีสองแง่ พวกหินปูนหินอะไรบางรายไม่ถูกกันเลย สำหรับเราไม่ถูก เอี๊ยดอาดๆ เหมือนอะไรแทงอยู่ในตัวนี่ละ มันเป็นเพราะหิน มันมีหินปูนอยู่ เคยไปพักอยู่ทางเพชรบุรี เขาเรียกถ้ำหว้าหรืออะไร มันมีหินปูนเลยต้องได้ออกมาพักนอก พอดีฝนไม่ตก ชื่อว่าถ้ำหว้า ทีแรกไม่มีผู้คนอะไรนักนะ ทางเขาก็ยังไม่ตัด เขาเพียงทำเครื่องหมายไว้ เขาปักแล้วทางใหญ่จะมานี่เขาว่า แต่เราไปก่อนนั้น หินอันนี้ก็พักไม่ได้ มันมีหินอะไรอยู่ในนั้น นอกออกไปค่อยดี ไม่ใช่ว่าพอเป็นป่าเป็นเขาแล้วจะดีไปหมด ไม่หมดนะ
ที่สำคัญอากาศ อากาศดีสำคัญมาก ถ้าเป็นหน้าแล้งอยู่บนภูเขาก็ได้ สบาย ฝนไม่ตก อยู่ในภูเขา แต่ท่านจะไปคำนึงถึงฟ้าถึงฝนมันก็ไม่ได้ไปละ นี่ต้องสู้กันทุกปีเราแต่ก่อน ถ้าฝนตกสุดท้ายไปไหนไม่ได้ นั่งแช่น้ำอยู่นั้นจนเกือบสว่างถึงลุกได้ ฝนตกกลางคืน แหม ตกหนักเสียด้วยนะ เปียกท่วมไปหมด จะไปที่ไหนก็ไปไม่ได้ เคยละ อากาศละสำคัญ ที่อากาศโล่งๆ ดี เราอยู่บนภูเขาสูงๆ หน่อยแล้วอากาศโล่งๆ อย่างนั้นดี เดินจงกรมก็ดี นั่งภาวนาอยู่ตามร่มไม้ก็ดี หรือกระต๊อบก็อยู่ในท่ามกลางอากาศมันก็ดีเหมือนกัน
เดี๋ยวนี้มีแต่คำพูดเฉยๆ ละ ไม่ได้ไปเที่ยวภาวนา ไปที่ไหนมันก็แห่ขบวนไปเลย ไปที่ไหนรถนี่เป็นขบวนๆไป นั่นกรรมฐานใหญ่ไปภาวนา ลูกน้องเป็นพวงไปเลย เรียกว่ารถพ่วง ทุกวันเป็นอย่างนั้นไปไหน พอว่าไป เราจะไปที่นั่นรู้แล้วนะ จมูกดีพวกนี้ หูดีตาดีจมูกดี พอว่าจะไปไหนปั๊บมันตามแล้ว ไปภาวนาเพื่อหาอรรถหาธรรมจริงๆไม่ได้คำนึงคำนวณเรื่องความสะดวกสบาย สำคัญแต่อากาศเท่านั้น อากาศอยู่ที่ไหนถ้ามันทึบก็ไม่ดี อยู่ไม่สะดวก ภาวนาก็ไม่ดี ถ้าอากาศโล่งๆละดี ในถ้ำเรามักจะไปอยู่ในเวลาหน้าร้อนๆ ไปอยู่ชั่วกาลชั่วเวลา นอกนั้นไม่ค่อยอยู่ละ ไปอยู่ภูเขาก็ไปทำกระต๊อบ เขาหาหญ้ามากี่กำก็ไม่ทราบละพอนอนได้เอาพอ มันสะดวกสบายการภาวนาก็เอา
เดี๋ยวนี้ภาวนาอย่างนั้นจะไม่ค่อยมีแล้วนะ ตั้งแต่เราย้อนหลังขึ้นไปแล้วมี แต่ไปข้างหน้ามันจะไม่มี ไปที่ไหนก็ไปความสะดวกสบาย กรรมฐานขุนนางเข้าใจไหม แต่ก่อนรถก็ไม่มี แล้วก็ไม่สนใจกับรถด้วย สะพายบาตรขึ้นบ่าแล้วไปเลย จากนี้ไปนี้เดินจงกรมนะนั่น เดินไปอย่างนั้นเดินจงกรมตลอดไม่เสียเวลา ไปถึงเวลาไหนก็เป็นเวลาทำความเพียรอยู่แล้ว เดินอย่างนี้เดินจงกรมเรื่อยๆ ไป เรียกว่าเดินจงกรม สติกับจิตนี้ไม่ให้พรากจากกัน ใครสติดีผู้นั้นจะตั้งตัวได้นะ สติเป็นสำคัญมาก ถ้าสติไม่ดีความเพียรตัดขาดวิ่นๆไปไม่ดี ถ้าสติดีแล้วอยู่ที่ไหนสติติดตลอดเวลา เวลาเข้าสู่ความเพียรจริงๆ เข้าสนามรบจริงๆ ติดกันเลยไปเลย ดีอย่างนั้น จิตกับสติไม่อยู่ด้วยกันใช้ไม่ได้ จะทำอะไรสติกับจิตควบคุมกันอยู่
เพราะฉะนั้นท่านจึงไม่นิยมเรื่องการก่อสร้าง ในพุทธกาลก็อย่างนั้นละ การก่อสร้างใหญ่ๆโตๆไม่มีครั้งพุทธกาล ท่านไปอยู่ที่ไหนท่านอยู่สะดวกสบาย ทุกวันนี้วัดไหนเท่าภูเขา วัดป่าบ้านตาดนี่ก็ใหญ่ขนาดไหนดูซิ ออกทางนี้ไปดูข้างนอกอีกใหญ่ขนาดไหน มันก็ใหญ่อย่างนั้นละ เจ้าของว่าจะไม่ให้ใหญ่ แต่ลูกน้องมันใหญ่ซิ ลูกน้องคนนั้นมาคนนี้มาเต็มวัด อย่างศาลาหลังนอกเหมือนกันมีคนมามากๆ พอมีฝนตกแล้วแน่นเลย กว้างขนาดนั้นก็แน่น มันก็จำเป็นต้องได้ทำ
ท่านสิงห์ทององค์หนึ่งเราได้ชม ชมมาแต่ต้นท่านสิงห์ทอง ไม่ชอบก่อสร้างนี่อันหนึ่งนะ เรื่องก่อสร้างละไม่เอา ให้มีงานนั้นงานนี้ท่านก็ไม่เอา อันนี้ดีท่านสิงห์ทอง เวลาท่านเสียแล้วอัฐิของท่านกลายเป็นพระธาตุนะท่านสิงห์ทอง อัฐิของท่านกลายเป็นพระธาตุออกมา เป็นเม็ดเท่าเม็ดข้าวโพด ท่านเรียกว่าอัฐิกลายเป็นพระธาตุ ถ้าไม่เป็นก็เป็นกระดูกธรรมดาเหมือนเรา เหมือนกระดูกคนทั่วๆไป ถ้าจิตบริสุทธิ์แล้วอัฐิกลายเป็นพระธาตุแล้วมันจะเป็นเม็ดๆ ออกมา อย่างหลวงปู่มั่นเราก็เหมือนกัน อัฐิของท่านกลายเป็นพระธาตุเป็นเม็ดๆ ละ จะให้พร
คราวนี้ได้ทองคำเข้าคลังหลวงเยอะนะ (ได้แล้ว ๑๑,๙๖๓ กิโลกรัม ดอลาร์ได้ ๑๐,๒๑๔,๖๐๐ ดอลลาร์ครับ) ส่วนยอดเงินสร้างอะไรนี่ (สร้างโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี) ที่ว่าประมาณ ๒๐๐ ล้าน (ได้ ๑๙๔,๐๘๐,๖๓๘ บาทแล้วครับ) ที่ขาดอยู่เวลานี้ขาดไปจากอะไร (จาก ๒๐๐ ล้านประมาณ ๖ ล้าน) แล้วจะค่อยมา อันนี้ให้พี่น้องทั้งหลายเป็นภาระด้วยกัน สร้างบุญสร้างกุศล เป็นตึกนะ ตึกคนไข้ในอุดรเราสร้างให้หลังหนึ่งนะ อยู่ตรงกลาง แต่ก่อนไม่ค่อยมี เราสร้างให้หลังหนึ่ง หลังนั้นก็ดีนะ ตึกสองชั้นหลังนั้นเป็นตึกอุบัติเหตุ พอมีเหตุฉุกเฉินคนไข้ประเภทนี้ไหลเข้าตึกหลังนี้มันไม่พอ เขาก็มาขออีกขอเรา ทีแรกเขาตกลงกันเป็นสองชั้นเท่านั้น เราก็ให้ตามนั้น ทีนี้เวลาสร้างเข้าไปแล้วเหตุฉุกเฉินมันมาก เข้าไปเต็มหมดเขาเลยมาขออีก ขอเป็นชั้นที่สาม เราก็ให้ถามดูสถาปนิกเขา เขาก็ตอบทันทีเลยว่าไม่ได้ เพราะนี่เขาคำนวณไว้สำหรับสองชั้นเท่านั้นนะ ตกลงก็ได้เพียงสองชั้น คนก็แน่นอยู่อย่างนั้น นี่ที่เราสร้างทีแรก ครั้งนี้เป็นครั้งใหญ่ครั้งที่สองนะ เป็นเท่าไร ๒๐๐ ล้านเหรอ เป็นพวกเราละช่วยพากันหามา
รับชมรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และทางสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
พร้อมเครือข่ายทั่วประเทศ
|