ดู ภาพและเสียง (Flash) 28 มิ.ย. 2552
เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เนื่องในวโรกาสที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี
ทรงเข้ากราบนมัสการหลวงตา
เมื่อเช้าวันที่ ๒๘ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๒
เพลินในธรรมวาระสุดท้าย
วันนี้เป็นวันมหามงคลแก่พี่น้องทั้งหลาย จิตใจหมุนเข้าสู่ธรรมในวันนี้ จิตใจหมุนเข้าสู่ธรรมเป็นบุญเป็นกุศลแก่จิตใจนะ ถ้าธรรมดามันจะหมุนลงนรก ความเพลิดความเพลิน ความได้ไม่พอ ดีดดิ้นตลอดเวลา เวลาตายแล้วไม่มีอะไรติดเนื้อติดตัว มีแต่ความชั่วช้าลามกนั่นละ พวกเทวดาเขามาถามนะ พวกเทพทั้งหลายเขาลงมาถามว่าทางไปสวรรค์ทำไมถึงน้อยนัก คนขึ้นสวรรค์น้อยนัก แต่คนไหลลงไปทางต่ำทางนรกมากมายก่ายกอง เขาว่าอย่างนั้น เขาถาม แล้วเราจะตอบเขาว่าอย่างไรละพิจารณาซิ เขาถามนี่มันน่าจนตรอกอยู่นะ
คือจิตใจมันไหลลงทางต่ำตลอดเวลา ความโลภได้ไม่พอมันไหลเข้ามา ความโกรธความเคียดแค้นความรักความชังมันเต็มอยู่ในหัวใจ เป็นแต่เพียงไม่ระบายออกเฉยๆ จิตใจไม่ได้ว่างจากฟืนจากไฟ หมุนอยู่กับฟืนกับไฟ คนตายแล้วจึงลงแต่ทางต่ำๆ ทางสูงไม่อยากไปกัน หาว่าไปยากๆ ไปทางไปง่ายก็เป็นทางเป็นฟืนเป็นไฟไปเสีย หาที่อยู่ไม่ได้ละ ในชาตินี้ทุกข์จนค้นแค้นไปโลกหน้าอีกก็จะทุกข์อีก อยู่ในนี้ก็ตกนรกทั้งเป็น ตายไปแล้วตกนรกเมืองผี หาที่สะดวกสบายไม่ได้นะ
ให้พี่น้องทั้งหลายพิจารณาให้ดี จิตใจนั่นละเรียกร้องหาความช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลาด้วยความไม่สนใจทางความดีงามพอจะได้อาศัยบ้าง จิตใจเดือดร้อน เจ้าของยังเพลิดเพลินใช้ไม่ได้นะ ให้พากันหมุนเข้าหาศีลหาธรรม อรรถธรรมนั่นละจะพาจิตใจให้เย็น ความดีดความดิ้นความไม่รู้จักประมาณมีแต่จะพาลงทางต่ำนะ ถ้าไปทางเหล่านี้ก็ไปด้วยศีลด้วยธรรม เช่นอย่างเราจะมาวัดมานี้เราคิดตั้งแต่ทางศีลทางธรรม จิตใจก็ได้รับอารมณ์แห่งธรรมเข้าสู่ใจก็สบาย จิตใจไม่มีศีลมีธรรมเลยเราจะหวังพึ่งอะไร พึ่งสมบัติเงินทองข้าวของอะไรเต็มบ้านเต็มเมืองไปที่ไหนไม่อดสิ่งเหล่านี้ แต่อาศัยมันไม่ได้นะ เวลาตายแล้วก็จมๆด้วยกัน เศรษฐีก็ตามใครก็ตามถ้าเห็นแก่ตัวมากๆ มีแต่ความตระหนี่ถี่เหนียว ได้เท่าไรไม่พอ ได้เท่าไรพอ นี่ละผู้ขวนขวายหาฟืนหาไฟเผาใจเจ้าของเอง
ตื่นขึ้นมาก็ให้ระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ นั่งรถมาก็ให้ระลึกถึงธรรม นี่แสดงว่าจิตไปราบรื่นดี ถ้าจิตมันไปหาแต่ความวุ่นวายละไม่ดี ตายแล้วจมลงในนรกนะ จิตใจไม่มีที่อาศัยนะ เรื่องสมบัติเงินทองข้าวของยศถาบรรดาศักดิ์พึ่งมันไม่ได้ละ มีแต่เป็นเครื่องรื่นเริงในปัจจุบัน ตายแล้วก็เหือดแห้งไปหมด ให้พากันขวนขวายในศีลในธรรมให้สบาย ถ้าไม่มีศีลมีธรรมไปโลกไหนเป็นโลกฟืนโลกไฟ ถ้ามีศีลมีธรรมแล้วไปที่ไหนก็ชุ่มเย็น ให้พากันขวนขวายหาอรรถหาธรรมให้มากนะ ถ้าไม่มีธรรมแล้วไปไหนไม่สะดวก มีแต่อุปสรรคกีดขวางจิตใจที่จะก้าวเดินไปสู่ทางที่ดี ไหลลงแต่ทางต่ำๆ เสมอ
เพราะอย่างนั้นสัตว์โลกจึงมีแต่ความทุกข์เต็มบ้านเต็มเมือง เป็นแต่เพียงว่าไม่ระบายสู่กันฟัง ถ้าระบายสู่กันฟังเมืองไทยเรานี้กระเทือนไปหมดถึงชั้นไหนก็ไม่ทราบนะ เพราะความเดือดร้อนของสัตว์โลกมันระบายออก มันร้อนเป็นฟืนเป็นไฟไปหมด เพราะใจพาให้ร้อน สมบัติเงินทองข้าวของก็ไปฉกเขาว่าเรามีนั้นมีนี้ บทเวลาจะตายจริงๆ นั้นละไปกับความดี-ความชั่ว ถ้ามีความชั่วลงต่ำ ถ้ามีความดีไปสูงเสมอ ให้พากันอบรมความดีงาม
นั่งรถมาก็ให้มีพุทโธติดรถบ้างนะ คนเต็มรถร้างพุทโธคำเดียวจะติดในรถไม่มี มีแต่ความเพลิดเพลิน หรือความโศกความเศร้านั่นละติดหัวใจไป คนนั้นก็มีคนนี้ก็มี นั่งเต็มรถมีแต่ความเป็นฟืนไฟเผาไหม้กันตลอดมาหาความสุขไม่ได้นะ ให้หาความดีงาม ไปในรถก็ให้ระลึกพุทโธ ธัมโม สังโฆ บทใดก็ได้ จิตได้อาศัยธรรมแล้วเย็น ถ้าจิตไม่มีธรรมแล้วร้อนนะ ใครอย่าว่าใครใหญ่ ไม่ได้ใหญ่กว่ากรรมนะ นตฺถิ กมฺม สมํ พลํ ไม่มีอำนาจใดที่จะมีอำนาจสูงสุดคืออำนาจแห่งกรรม กรรมแปลว่าการกระทำ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ขึ้นอยู่กับกรรม อย่างพวกเราที่มาเกิดนี้ถ้าต่างคนต่างตกแต่งตัวเองได้เทวดาชั้นไหนพังหมด สู้มนุษย์เป็นเทวดาไม่ได้ เพราะมนุษย์มีศีลมีธรรม ให้เราอุตส่าห์พยายามหาธรรม
นี่ก็แก่เข้ามาทุกวันๆ เดินไปไหนมาไหนก็ไม่สะดวกนะเดี๋ยวนี้ เรื่องธาตุขันธ์ร่างกายนี้ไม่สะดวก แต่เรื่องจิตใจนั้นพูดตรงๆ บอกว่าสะดวกตลอดเวลา นี่ละอำนาจแห่งการสร้างความดีเข้าสู่จิตใจ สังขารร่างกายจะทุพพลภาพไปเท่าไรจิตใจไม่เป็น จิตใจมีความยิ้มแย้มแจ่มใสด้วยศีลด้วยธรรม ตายแล้วไปสวรรค์ สูงกว่านั้นขึ้นถึงนิพพานเลย นี่อำนาจแห่งบุญแห่งกุศลส่งสัตว์ทั้งหลายให้ไปที่สูงเสมอ อำนาจแห่งบาปกดลงๆ เราอย่าให้บาปมันกดลง ตื่นขึ้นมาก็สร้างแต่บาปจนกระทั่งหลับ วันนี้ก็ตื่นขึ้นมาสร้างแต่บาปจนหลับๆ เดือนนี้เดือนหน้าสร้างแต่สิ่งเดียว เวลาจะตายแล้วไปไม่ได้ มันหนักมันก็ลงที่หนัก หนักบาปหนักกรรมหนักความวิ่งเต้นขวนขวายมาเป็นอารมณ์ตลอด ตายไปก็ตายไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย หาความสุขความเจริญภายในใจไม่ได้นะ
ให้มันชุ่มเย็นอยู่ภายในจิตใจ ดังธัมมิกอุบาสกคนหนึ่งท่านมีศีลมีธรรมตลอดเวลา เขาทำบุญให้ทานที่ไหนต้องมาเชิญท่านไปเป็นหัวหน้าแห่งกองการกุศล นั้นๆตลอดมา เวลาจะตายท่านก็แน่ใจของท่าน เวลาจะตายจริงๆก็ให้นิมนต์พระมาสวดธรรมให้ฟัง ก่อนตายขอให้ได้ฟังธรรมรื่นเริงภายในใจ ไปนิมนต์พระท่านมาสวดธรรมให้ฟัง เวลาสวดธรรมท่านก็เพลินฟังในเสียงอรรถเสียงธรรมของพระที่ท่านมาสวด เพลินๆ ทีนี้พวกเทวดาทั้งหลายนำรถทิพย์มาเต็มอากาศ เทวดาชั้นนั้นๆ เอารถมา มาเชื้อเชิญอุบาสกคนนั้นไปสวรรค์ชั้นนั้นๆ คือสร้างแต่ความดีสวรรค์จะเลือกเอาชั้นไหนก็ได้
เวลาฟังเทศน์ไปเพลินๆ เทวดาเขามาเชื้อเชิญอยู่บนอากาศ มาด้วยรถทิพย์มาเชื้อเชิญ เทวดาพวกนี้มาเชื้อเชิญไปสวรรค์ชั้นนั้น พวกคณะนี้ก็เชื้อเชิญไปสวรรค์ชั้นนั้นๆ ทางนี้ก็เพลินฟังธรรมท่าน พอเพลินฟังธรรมไปจิตใจรู้สึกว่าคล้อยไปในทางที่ถูกที่ดีรื่นเริงบันเทิง แล้วพวกเทวดาทั้งหลายเขามาเชื้อเชิญให้ไปสวรรค์ชั้นนั้นๆ ซึ่งเป็นที่อยู่ของพวกเทวดานั่นเอง แล้วท่าน(ธัมมิกอุบาสก)บอกว่าให้รอไว้ก่อนๆ คือจะฟังธรรมให้ถึงใจเวลานี้จวนจะตายแล้ว แล้วเทวดาทั้งหลายก็มาเชื้อเชิญท่านให้ไปสวรรค์ชั้นนั้นๆ ท่านบอกว่าให้รอไว้ก่อนๆ พระท่านไม่รู้เรื่องรู้ราวท่านก็เลิกการสวด หยุดการสวดแล้วท่านก็ไปวัด
พอจิตถอยออกมาเท่านั้นละ พระคุณเจ้าไปไหนกันหมด คุณพ่อให้ท่านรอไว้ก่อนๆ ท่านก็กลับไปวัดแล้ว โถ พ่อไม่ได้บอกให้พระท่านรอก่อน ให้พวกเทวดาทั้งหลายที่มาจากสวรรค์ชั้นนั้นๆ เต็มอยู่บนอากาศด้วยรถทิพย์นะ ให้ไปนิมนต์พระท่านมาอีก โยมคนนั้นแกฟังเทศน์เพลิน เทวดาทั้งหลายก็มาเชื้อเชิญให้ไปสวรรค์ชั้นของตนๆ พอท่านรู้สึกตัวออกมาพระก็หยุดไปหมด เพราะบอกว่าให้รอไว้ก่อน พระท่านเข้าใจว่าให้หยุดเทศน์ ให้หยุดสวดธรรม พระท่านก็กลับไปวัด
พออุบาสกคนนั้นถอยจิตเข้ามาถายในตัวแล้วไม่เห็นพระ พระไปไหนหมด พระคุณเจ้าไปที่ไหนหมด คุณพ่อให้ท่านรอไว้ก่อนท่านก็กลับไปวัด พ่อไม่ได้ให้พระท่านรอการสวดนะ พ่อให้พวกเทวดาทั้งหลายซึ่งมาจากสวรรค์ชั้นต่างๆกัน มารออยู่บนอากาศด้วยรถทิพย์ต่างหากนะ พ่อไม่ได้ให้พระรอนะ ไปนิมนต์พระมาอีก พอดีพระไปถึงวัดก็ถูกพระพุทธเจ้า..ถ้าภาษาของเราก็เรียกว่าดุเอา มาอย่างไรละ ไปสวดอรรถสวดธรรมให้ธัมมิกอุบาสกนั้นฟังแล้วมาทำไม ท่านบอกให้รอไว้ก่อนเลยมา ท่านไม่ได้บอกให้เธอทั้งหลายรอไว้ก่อน บอกให้เทวดาทั้งหลายที่อยู่บนสวรรค์ชั้นนั้นๆที่เขาขอให้ท่านไปอยู่ ขึ้นไปสวรรค์ชั้นนั้นๆต่างหาก ท่านไม่ได้ว่าให้พระรอ ให้กลับไปเดี๋ยวนี้เลยพระพุทธเจ้าท่านสั่งให้พระกลับไป
พออุบาสกคนนั้นฟื้นตัวขึ้นมาไม่เห็นพระเจ้าพระสงฆ์ ไปไหนหมด คุณพ่อบอกให้ท่านรอท่านก็กลับไปวัด พ่อไม่ได้บอกให้พระเจ้าพระสงฆ์ท่านรอนะ บอกให้พวกเทพทั้งหลายที่มาด้วยรถทิพย์เต็มอยู่ท้องฟ้านั่น จะไปสวรรค์ชั้นไหนไปได้ทั้งนั้น นั้นต่างหากนะ ไม่ได้บอกให้พระรอ ให้ไปนิมนต์พระมาอีก พอดีพระไปถึงวัดพระพุทธเจ้าก็ดุเอา พระอ้างด้วยเหตุผลว่าอุบาสกว่าให้รอไว้ก่อนเลยหยุดสวดแล้วกลับมา อุบาสกคนนั้นไม่ได้บอกว่าให้พวกเธอทั้งหลายรอ ให้พระรอไว้ก่อนอะไรนะ บอกให้เทวดาทั้งหลายรอไว้ก่อน จะฟังเทศน์ให้ถึงใจในขณะที่จะสิ้นลม ให้ไปนิมนต์พระมาอีก
จิตของท่านเพลิน เทวบุตรเทวดาเขามากวน ทางนี้เพลินในการฟังธรรมในวาระสุดท้ายจะไปด้วยความราบรื่นดีงาม ต้องไปนิมนต์พระมาสวดอีก พอสวดเสร็จแล้วพ่อจะไปแล้วนะ ไปสวรรค์ชั้นที่ตนต้องการ เพราะในสวรรค์หลายชั้นนั้นอุบาสกคนนั้นสามารถจะไปได้ทุกชั้นของสวรรค์ พอเสร็จแล้วท่านก็ไปสวรรค์ตามความต้องการของท่าน นี่เห็นไหมความเพลิดเพลินในจิตใจของท่าน ไม่ได้คิดถึงความเป็นความตาย แต่เพลินในอรรถในธรรม ฟังเสียงอรรถเสียงธรรมที่ท่านสวดต่างหาก
ให้พากันฟังเอานะ ท่านไม่ได้กลัวเป็นกลัวตายอะไร มีแต่ความเพลิดความเพลินในธรรมเป็นวาระสุดท้ายที่จะจากร่างกายนี้ไป ท่านเป็นอย่างนั้น เรามีแต่ดิ้นแต่ดีดไม่อยากตาย จะตายอยู่ก็ไม่อยากตาย อยากไปเขาเรียกว่าไปเล่นละครระบำรำโป๊เสียก่อนกลับมาถึงจะไป ท่านไม่ได้เป็นอย่างนั้น ท่านรื่นเริงในอรรถในธรรมต่างหาก นี่เราก็ให้มีความรื่นเริงในอรรถในธรรมบ้างซิ อย่ามีแต่ความยุ่งเหยิงวุ่นวาย คิดถึงลูกถึงหลานถึงบ้านถึงเรือนถึงสมบัติเงินทอง แล้วคิดถึงตัวจะตาย เลยวุ่นไปหมด ตายแล้วลงนรกคนประเภทนั้น พากันจำเอา ถ้าจิตใจพัวพันแนบสนิทกับธรรมแล้วไปที่ไหนสบายๆไปเลย พากันจำเอานะ
คำพูดทั้งหมดนี้เป็นศาสดาองค์เอกตรัสไว้สอนไว้เป็นสวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบแล้ว ไม่มีผิดมีพลาด เราทั้งหลายผู้หูหนวกตาบอดก็ให้ฟังเสียงท่าน ท่านชักท่านจูงก็ให้ไป ขี้เกียจขนาดไหนก็ให้ไป ไปในทางที่ดีย่อมเป็นดีเสมอถึงขี้เกียจทำ ทำความดีก็เป็นดีเสมอ ให้พากันจดจำเอานะ วันนี้เทศน์เพียงเท่านี้ละเหน็ดเหนื่อย วันนี้มีท่านมีเกียรติทั้งหลายมาเต็มวัดเรา ฟ้าหญิงท่านเสด็จมาค้างคืนที่นี่ มาฟังอรรถฟังธรรมท่านก็พอใจในอรรถในธรรม พวกเราจะเห็นธรรมจืดจางไปนี้ยิ่งต่ำนะ ท่านสูงเท่าไรท่านชอบ อรรถชอบธรรม มาฟังอรรถฟังธรรม พวกเราต่ำเท่าไรยิ่งเบื่ออรรถเบื่อธรรมใช้ไม่ได้ มันจะจมยิ่งกว่าแต่ก่อนนั่นละ ให้พากันจำเอา เอาละเทศน์เพียงเท่านี้วันนี้เหนื่อย
หลวงตานี้เหนื่อยลงทุกวันๆนะ ไม่ได้แข็งขึ้นนะ อ่อนลงๆ ทุกวัน ร่างกายอ่อน เดินไปไหนโซซัดโซเซ ไม่เหมือนแต่ก่อน ร่างกายปีนี้รู้สึกว่าอ่อนมากทีเดียว แต่ทางด้านจิตใจเป็นคนละโลก จิตใจพูดตรงๆ ไม่อ่อน ไม่มีอ่อนเลย คำว่าอ่อนทางจิตใจ เกี่ยวกับเรื่องความดีงามไม่มีอ่อน แต่ร่างกายมันก็อ่อนไปตามสภาพของมัน เราก็ให้แข็งไปทางความดี ตามสภาพของคนมีบุญนะ เอาล่ะทีนี้จะให้พร
รับชมรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และทางสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
พร้อมเครือข่ายทั่วประเทศ
|