เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๒
ตามเหตุการณ์ของท่านภายใน
(โยมป่วยเป็นมะเร็งในเม็ดเลือดขอเมตตาหลวงตา) มะเร็งนี่รู้สึกว่าเดี๋ยวนี้ยังแก้ไม่ตกนะมะเร็ง ฟังว่าแก้ยังไม่ตก (ระยะต้นแก้ตก ถ้ากลางๆ หรือปลายๆ แก้ไม่ตก) ทีแรกเป็นอะไรวัณโรคทีแรกนะ ต่อมาเป็นมะเร็ง วัณโรคแก้ไม่ตกทีแรก ต่อมาแก้ตก แล้วทีนี้มะเร็งเดี๋ยวนี้ยังแก้ไม่ตก สิ่งเหล่านี้เราค่อยตามรู้กัน เมื่อเขาเรียนหมอมาหมอค่อยรู้เรื่องรู้ราว จึงทราบว่าโรคนี้มันมีกว้างขวางมากมายมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ เราไม่ได้เรียนรู้ ไม่รู้ เรามาเรียนนานเข้าก็รู้อันนั้นก็โรค อันนั้นก็โรค มันมีมาตั้งแต่เรายังไม่เกิด
(โยมป่วยอยู่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ห้องไอซียู) อายุ ๘๖ โรงพยาบาลวิชัยยุทธเราเคยไปนะไปเยี่ยมใครน้า ไปหนหนึ่ง อย่างน้อยหนหนึ่ง ไปตอนนั้นไปเจอกันกับทูลกระหม่อมฟ้าหญิงเล็กอยู่นั้น ท่านรักษาตัว แต่เราไปอะไรไม่รู้นะ (ไปเยี่ยมลูกศิษย์ครับ) แต่ไม่ใช่ตั้งใจไปเยี่ยมฟ้าหญิงนะ ไปๆ เจอเข้า ฟังเสียงหัวเราะโอ้โห หมัดไหนเข้าก็ไม่รู้นะ ใส่ปั๊วะดังแก้กเลย หัวเราะ จากนั้นมาถวายตัวเป็นลูกศิษย์ อีกไม่นานถวายตัวเป็นลูกบุญธรรม เป็นทั้งลูกศิษย์เป็นทั้งลูกบุญธรรมละฟ้าหญิงเล็ก ได้พบกันที่นั่นโรงพยาบาลวิชัยยุทธ ท่านมารักษาตัวอยู่ที่นั่น แต่เราไปหาพระหรืออะไรองค์ไหนนะเราลืมๆเสีย ไปโรงพยาบาลไปเจอกันที่นั่น ที่เราจะได้ไปเยี่ยมฟ้าหญิงไม่ได้ไปนะ เผอิญไปเจอในโรงพยาบาล ท่านถามปัญหามาเรื่องราวท่านถามปัญหามา ท่านก็รู้สึกยิ้มแย้มแจ่มใสแต่เห็นทีแรก ถามปัญหาถามหลายทางเข้าไปมันก็มีทั้งหมัดทั้งศอก หัวเราะดังแก้กเลย ไม่ได้สตินะ พอแก้กได้สติกึ๊กเลย ห้าม ห้ามอะไรมันลงแม่น้ำโขงแล้ว ตกแม่น้ำโขงแล้ว จากนั้นมาท่านถวายตัวเป็นลูกศิษย์ เดี๋ยวนี้ถวายตัวเป็นลูกบุญธรรม เดี๋ยวนี้เป็นบุตรบุญธรรม
เมื่อวานไปวัดสุทธาวาสไปกราบพ่อแม่ครูอาจารย์มั่น พอว่าไปสุทธาวาสดูดปึ๋งเลยนะ ไม่เคยจืดเคยจางสดๆ ร้อนๆ ถ้าไปกราบเยี่ยมพ่อแม่ครูอาจารย์มั่น อำนาจคุณของท่านล้นเกล้าล้นกระหม่อมเรา พอนึกว่าจะไปกราบเยี่ยมพ่อแม่ครูอาจารย์มั่นเท่านั้นมันดูดกันเลยเชียว ส่วนมากจะไปแต่สุทธาวาส มีวัดนี้เท่านั้นที่อัฐิของท่านหลวงปู่มั่น เพราะท่านเกี่ยวกับเรื่องการสร้างวัดท่านมาเกี่ยวข้องกับหลวงปู่เสาร์ สร้างวัดสุทธาวาสตั้งแต่ท่านมาทีแรก จากนั้นท่านเข้าออกๆ วัดสุทธาวาสจึงเป็นวัดศูนย์กลางแห่งกรรมฐาน พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านเคยเข้าเคยออกเสมอนะ เลยเป็นศูนย์กลางของกรรมฐาน
แล้วเวลามรณภาพท่านก็มามรณภาพที่วัดสุทธาวาส ลงจุดใหญ่หลายจุด ท่านเร่งให้ไป ท่านเร่งจริงๆ จนกระทั่งว่าท่านใส่ปัญหาอะไรๆ พร้อมหมด เรามันเป็นไฟอยู่แล้ว เพราะอยู่ในมุ้งกับท่านมีแต่เราเท่านั้น ครูบาอาจารย์ท่านก็อยู่นู้นๆๆ ท่านเป็นผู้มีอาวุโส เรามันภันเต แต่อยู่ติดกับหลวงปู่มั่นเราในมุ้ง ท่านเร่ง ตอนที่หนักเข้าๆ ท่านเร่งให้ไป โหย ท่านดุเราจะตายละเรา ออกจากนั้นวิ่งไปหาครูบาอาจารย์ เรื่องความสดๆ ร้อนๆ เลยละที่ท่านเขกเราเต็มที่จะไปให้ได้ตามเหตุการณ์ของท่านมีอยู่ภายใน วิ่งไปหาครูบาอาจารย์องค์ใด องค์นั้นว่าอย่างนั้น องค์นี้ว่าอย่างนี้ เอ๊เราฟังเหตุการณ์มามันเป็นไฟเลย
นั่นละมันทำให้หงุดหงิดใส่ครูบาอาจารย์เหมือนกันนะ ตอนนำพ่อแม่ครูอาจารย์มั่นออกมาบ้านภู่นะ มันรู้สึกหงุดหงิดกับครูบาอาจารย์ทั้งหลายเหมือนกันนะเรา หงุดหงิดมันก็ยังจำได้ว่าหงุดหงิดเพราะเหตุไร อยากซ้ำเข้าอีกเลยนะมันได้เห็นโทษตัวเอง เราเป็นผู้วิ่งออกจากมุ้ง ถูกท่านสับท่านเขกท่านเร่งให้ไป ครั้นออกไปหาครูบาอาจารย์แล้วองค์นั้นว่าอย่างนั้น องค์นี้ว่าอย่างนี้ เราเป็นไฟเลยนะเรา เราอยู่ในมุ้งกับท่าน มีแต่เราละหนักเข้ามากๆ ไม่ได้มีใครเข้าไปละ แต่เรา คือเราถวายท่านหมดแล้ว เป็นตาย อวัยวะชีวิตจิตใจทุกสิ่งทุกอย่างมอบท่านหมดแล้ว มันจะเป็นอะไรก็แล้วแต่มอบทุกอย่าง คิดเสียว่าเจ็บนั้นปวดนี้มาไม่ได้ ไม่ได้ว่าอย่างนั้นเลย เอาขนาดนั้นละ ท่านไม่ได้นอนทั้งคืนเราก็ไม่ได้นอน จะเร่งจะเอาไป
มันมีอยู่คำหนึ่งนะ เวลามาเป็นในเราแต่มันเป็นแบบหนึ่งหากคล้ายคลึงกัน ได้อันนั้นละมาเป็นข้อคิด ท่านไม่ได้แย็บออกมาว่านี่ผมรั้งไว้นะ ถ้าว่าท่านว่าผมรั้งไว้นะเราจะเตรียมของในคืนนั้น ไม่ฟังเสียงเลย จะฟังเสียงพ่อแม่ครูอาจารย์อย่างเดียวใช่ไหมละ นอกนั้นจะไม่ฟัง เตรียมของเดี๋ยวนั้นเลย ออกพับเลยเชียว จะว่าประมาทครูบาอาจารย์ก็ได้ พ่อแม่ครูอาจารย์มั่นใหญ่ขนาดไหนใช่ไหมละ เราปฏิบัติตามท่านนี่ ท่านจนตรอกจนมุม เหล่านั้นไม่ได้จนตรอกจนมุมอะไร อยู่กับท่านโอ๋ยเรา..ถ้าพูดภาษาโลกเขาเรียกว่าจับถูกๆ เขกแหลกเลย เอาขนาดนั้นนะ แต่ท่านไม่แย็บออกว่านี่ผมรั้งไว้นะ ถ้าว่าผมรั้งไว้นะเท่านั้นจะเตรียมของเดี๋ยวนั้นเลยนะ ยังเหลืออยู่คำเดียว
พอดีตอนเช้าทางสกลฯบริษัทแม่นุ่มเอารถยนต์ไปรับ ท่านก็ไม่ยากอะไรเลย เตรียมพร้อมอยู่แล้ว ฉันจังหันแล้วเราจะเอาอีกนะ เพราะคืนนั้นเป็นไฟแล้วท่าน เผาเรา กำลังอยู่ในมุ้งกับท่าน องค์เหล่านั้นท่านไม่ได้มาอยู่ เราเป็นคนรับหมดทุกสิ่งทุกอย่าง ครั้นเวลาออกไปหาครูบาอาจารย์องค์นั้นว่าอย่างนั้น องค์นี้ว่าอย่างนี้ มันโมโหนะเรา คนหนึ่งไปฟังมาอย่างสดๆ ร้อนๆ ตอนเช้าฉันเสร็จแล้วถ้าท่านไม่มาจะเตรียมแล้วนะ จะเตรียมออกเดินทาง จะไม่ฟังใครล่ะ จะยกเรื่องครูบาอาจารย์ท่านเร่งขึ้นต่อครูบาอาจารย์ทั้งหลายที่มาเพียบเลย ไม่ได้มีที่ตอนกลางคืนท่านไม่ได้บอกว่านี่ผมรั้งไว้นะ ถ้ามีแล้วเท่านั้นเลย กลางคืนเราไปเรา
คำพูดของครูบาอาจารย์เด็ดขนาดนั้น ใจแสดงให้เห็นว่าใจจืดชืดไปหมด ว่าอย่างไรเราก็ยอมรับนะ เพราะเราเข้าไปตามเหตุการณ์อยู่กับท่านในมุ้งสองต่อสอง พระเณรนั่งล้อมอยู่นอกมุ้ง เราอยู่ในมุ้งกับท่าน ท่านพูดอะไรก็ได้ยินหมดทั้งพระนอกมุ้งในมุ้ง เราออกไปหาครูบาอาจารย์ผู้มีอายุพรรษาเราถือเป็นความเคารพอันหนึ่ง หากว่ามันจำเป็นเราเคารพบูชาครูอาจารย์มั่นเป็นที่หนึ่งก่อนเลยละ แต่นี่ยังไม่ถึงขั้นนั้นรอไว้ก่อน โถ ท่านเอาจริงๆจังๆจะให้ไปเดี๋ยวนั้น นั่งภาวนาก็ให้หันหน้าไปสกลนคร ขนาดไหนท่านใส่ปัญหา ให้หันหน้าไปทางสกลนคร วันนั้นท่านไม่ได้นอน ท่านไม่นอน เท่านี้เราก็ทราบ ทีหลังทราบ ในระยะนั้นยังไม่ทราบ ต่อมาทีหลังทราบ
เวลาหลับความหลับความตายมันไม่ไว้หน้าใคร เหมือนอย่างนักมวยแชมเปี้ยน มันขึ้นต่อกรบนเวทีเป็นแชมเปี้ยนโลก เวลามันนอนหลับครอกๆเอาค้อนไปตีหัวมันตาย มีท่าต่อสู้ที่ไหนใช่ไหม อันนี้เวลาท่านหลับไปปั๊บพลิกปุ๊บอันเดียวไปเลย ท่านจึงไม่นอน คืนนั้นไม่นอน เรารู้ตามหลังท่านนะ อ๋อเป็นอย่างนี้ แต่ท่านไม่ได้บอกว่านี่ผมรั้งไว้นะ ถ้าท่านว่าอย่างนั้นแล้วกลางคืนแตกฮือ เราละจะขึ้น เช้ามาพอดีเขาเอารถมาไป พอตกกลางคืนมาท่านก็เสีย ท่านสุกงอมพอแล้ว เอาล่ะสายแล้ว ไปล่ะ ให้พรก่อนนะ
รับชมรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และทางสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
พร้อมเครือข่ายทั่วประเทศ
|