เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๒
ดัดเจ้าของให้ได้อย่างใจ
ไม่มีอะไรพูดมากนักนะ ให้พากันสนใจทางอรรถธรรมเสมอด้วยการงานทางโลกนะ ทางโลกเราหมุนตลอดตั้งแต่เช้ายันค่ำถึงเวลานอน นี่งานทางโลก งานทางธรรมไม่ค่อยมี อย่างมากเวลาจะนอนกราบพระเหมือนเขายำลาบนะ กราบพระแล้วล้มนอน เวลาเสียงกรนนี่ โถ ดังสามจังหวัดนู่น ไม่ใช่เล่นนะ
นี่พูดถึงเรื่องนอนนะได้ ๑๘ ปี เราเปลี่ยนท่านอนใหม่ คือบังคับเจ้าของ ต้องให้เป็นอย่างนั้น เป็นอื่นไปไม่ได้นะ เราบังคับ พอตื่นนี่ดีดผึงเลย แบบนั้นอยู่ตั้งแต่เข้าวัดทีแรกจนกระทั่งถึง ๑๘ พรรษา ตื่นนอนนี่ดีดผึงๆ เลย ด้วยความไม่นอนใจไปถึง ๑๘ พรรษาแล้วถึงค่อยเปลี่ยนใหม่ เพราะอะไรๆ ก็เรียบร้อยภายในจิตใจ ข้าศึกศัตรูหมู่กิเลสทั้งหลายค่อยเบาบางๆ ๆ ลงไป จะว่าหมดหรือไม่หมดก็ไม่รู้ละ
ถึง ๑๘ พรรษาถึงได้เปลี่ยนท่านอนใหม่ เปลี่ยนก็ยากเหมือนกันนะ คือมันเคย ฝึกหัดตั้งแต่วันเข้านาคบวช ได้ ๑๘ พรรษานะ การหลับการนอนแบบเดียวกันตลอดเลย ไม่ให้เคลื่อนคลาด พอตื่นนี้ดีดผึงๆ เลยนะ ได้ ๑๘ ปี ทีนี้เห็นว่าอะไรก็พอสมควรๆ เรื่องกิเลสตัณหาก็มุดมอดไปๆ ๑๘ พรรษา..มันสมบูรณ์มาตั้งแต่ ๑๖ พรรษาไม่ใช่เหรอ นั่นละถึง ๑๘ พรรษาแล้วทีนี้จะตื่นให้สะดวกสบายธรรมดา พอดูทิศนั้นทิศนี้แล้วค่อยลุก โห ไม่ได้นะ พอตื่นปั๊บดีดผึงๆ เลย ต้องฝึกอยู่นานเหมือนกันนะ พอมันได้ที่แล้วเป็นขอนซุง ตื่นทางนั้นพลิกทางนี้ ตื่นทางนี้พลิกทางนี้ เลยไม่อยากลุกนะ เวลาฝึกทางไหนมันก็ได้ทางนั้น ฝึกแบบดีดผึงนี้ก็ตั้งแต่บวชทีแรกเข้าเป็นนาค ถึง ๑๘ ปี นี่ละนอนแบบนี้ทั้งนั้น
พอถึง ๑๘ อะไรๆ ก็บกบางไปหมด ไม่ว่ากิเลสตัณหา..พูดให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยขาดสะบั้นไปหมดแล้ว ไม่มีอะไรเหลือละ ว่างละทีนี้ จิตว่างงาน งานของจิตคือกิเลส การฆ่ากิเลสไม่ใช่น้อยๆนะ ฆ่าลำบากมาก ทุกข์ลำบากที่สุดเลย พอถึง ๑๘ พรรษาจึงค่อยเปลี่ยนท่านอนใหม่ พอตื่นขึ้นมามองดูทิศทางเรียบร้อยแล้วค่อยลุกขึ้น ไม่ได้นะพอตื่นดีดผึงเลย ดึดผึงเลย นานค่อยได้นะ บทเวลาได้เป็นขอนซุงแล้วเราก็กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่นั้นไม่ลุก เวลาฝึกหัดได้ที่แล้วกลิ้งไปกลิ้งมาไม่ยอมลุกนะ เวลาฝึกทางหนึ่งก็แบบดีดผึงไปถึง ๑๘ ปี ดีดผึง
นั่นละเราฝึกอะไรให้เป็นอย่างนั้น ไม่ให้เคลื่อนคลาดนะฝึกเจ้าของเอง เป็นอย่างนั้น นี่ก็ถึง ๑๘ ปีถึงมาเปลี่ยนท่านอนใหม่ ไม่เช่นนั้นมันดีดผึงเลยนะ ท่านอนท่าอะไรจริงจังมาก ดัดเจ้าของให้ได้อย่างใจ ไม่ได้อย่างใจดัดจนได้ว่าอย่างนั้นเลย นี่ ๑๘ พรรษาถึงเปลี่ยนท่านอนใหม่ นี่ละการฝึกเจ้าของเป็นอย่างนั้น ฝึกฆ่ากิเลสก็ฆ่าเสียจนกระทั่งไม่มีอะไรเหลือในใจ จิตว่างงาน กิเลสเท่านั้นเป็นงานใหญ่โตของจิตนะ ถ้ากิเลสขาดสะบั้นลงไปแล้วก็เป็นคนว่างงาน จิตว่างงาน ไม่มีอะไรเป็นข้าศึก
นี่ทำมาแล้วนะ ไม่ใช่มาคุยเฉยๆ เพราะจริงจังมากทุกอย่าง ดัดเจ้าของต้องให้ได้อย่างนั้น ไม่ได้อย่างนั้นไม่ได้ ต้องเอาให้ได้อย่างใจๆ แก่เข้ามาก็เลยปล่อยละ เดี๋ยวนี่ปล่อยนะ ปล่อยแล้ววิธีการเหล่านั้น ปล่อยหมดเลย ปล่อยตามบุญตามกรรม ขอนซุงเลย กลิ้งทางนั้น พลิกทางนี้ ไม่ลุกนะ ตื่นทางนี้พลิกทางนี้ พลิกทางนั้น เดี๋ยวนี้ได้ขั้นนี้นะขั้นขอนซุงกลิ้งไปกลิ้งมาไม่ยอมลุก แต่ก่อนดีดผึงๆ ฝึกอะไรให้ได้อย่างนั้น ให้ได้อย่างนั้นนะ ความจริงใจของจิต ความเด็ดขาดของจิตฝึกเจ้าของ เราก็ฝึกเราก็เหมือนกันทุกคน ถึงไม่ได้อย่างนั้นก็ให้ได้ลดกันลงมาก็ยังดี แบบนอนเหมือนตายเลยๆ มันเกินไปนะ
ให้พากันฝึกบ้าง นี่ได้ฝึกมาแล้ว ทางการบวชนึกว่าบวชแล้วจะสะดวกสบาย ไม่ได้ทำไร่ทำนาซื้อขายเหมือนโลกเขาจะสะดวก ไม่สะดวกหนา กิเลสตัวยุ่งงานมันมีอยู่ในนั้น มันต้องได้ฟัดกับกิเลส ต้องเอาอย่างหนัก ถ้ากิเลสหนักเราต้องหนัก ไม่หนักไม่ได้ นี่ก็ถึง ๑๘ พรรษาพลิก นอนลุกตามสบาย ๑๖ พรรษาขาดสะบั้นไปหมดแล้วเรื่องกิเลส เป็นจิตว่างงาน ไม่มีงานอะไรทำ กิเลสตัวเดียวเท่านั้นมันทำให้มีงาน ยุ่งที่สุด กวนที่สุดคือกิเลส พอตัวนี้ขาดสะบั้นลงไปแล้วไม่มี จิตว่างงาน ว่างตลอดไปเลย
จำไว้นะพี่น้องทั้งหลาย พูดนี้ถอดออกมาจากหัวใจมาพูด ไม่ได้มาโม้มาคุย พูดเอาความจริงมาพูด ถึง ๑๘ พรรษาละเปลี่ยนท่านอน ถึง ๑๖ พรรษาหนักมาก พอผ่าน ๑๖ พรรษาไปแล้วถึง ๑๘ ทีนี้เปลี่ยนท่านอนละ จากนั้นมาก็เลยเปลี่ยน ทุกวันนี้เปลี่ยนแบบไหนไม่รู้ แบบขอนซุง ตื่นแล้วกลิ้งทางนี้ กลิ้งทางนี้ ไม่ลุก เดี๋ยวนี้อยู่แบบนี้นะ อยู่ขั้นนี้ เขาเรียกว่าขั้นอะไร ขั้นว่าตายทั้งเป็นนะ กลิ้งทางนู้น กลิ้งทางนี้ไม่ยอมลุก เป็นอย่างนั้นละ
แต่นิสัยเรามันจริงนะ เรื่องนิสัยนี่จริงจังมาก ถ้าว่าจะเอาอย่างไรต้องให้ได้อย่างนั้น ไม่ได้ไม่เอา ต้องฝึกให้ได้อย่างนั้น แล้วมันก็ได้จริงๆนะ เวลานอนกำหนดเวลาไว้จะตื่นเวลาเท่านั้น พอได้เวลาแล้วดีดผึงเลย เพราะอย่างนั้นถึงจะหลับอยู่ก็ตามเถอะน่ะกำหนดได้นะถ้าตั้งใจฝึก เราจะตื่นเวลาเท่านั้นพอถึงนั้นปั๊บดีดผึงเลย ดีดผึงเลย ไม่เคลื่อนคลาดนะ ตั้งแต่ก่อนเวลาหนุ่มน้อยกำลังศึกษาอบรมอยู่เป็นอย่างนั้นนะ แต่ทุกวันนี้เอาเรื่องไม่ได้นะ เหมือนคนตายแบบมีลมหายใจอยู่ทุกวันนี้ เหมือนคนตาย ไม่มีราค่ำราคาอะไร เฉย ไม่สนใจกับอะไร เรียกว่ามันปล่อย เรียกว่ามันปล่อยแล้ว ปล่อยทางด้านธรรมะขั้นสูง สูงสุด ปล่อยเลยตลอด
ทีนี้มันก็ว่างงาน จิตว่างงานแล้วปล่อย นั่นละกิเลสเป็นตัวสร้างงาน ถ้ากิเลสสิ้นไปแล้วก็ไม่ได้สร้าง สะดวกสบายจิตว่างงาน พากันจำเอานะ นี่เอาจนขนาดนั้นให้ได้เห็นประจักษ์ใจนะ ทำอะไรทำให้ได้อย่างนั้น ให้ได้อย่างใจ ที่ว่าจิตว่างงานเอาถึงขั้นจิตว่างงาน กิเลสขาดสะบั้นไปหมดแล้วไม่มีอะไรมาสร้างงานให้ เป็นจิตว่างงานตลอดไปเลย เอาล่ะไปล่ะ ให้พรนะ
ความเมตตาตั้งแต่ก่อนกับเวลานี้ผิดกันมากนะ ราวฟ้ากับดิน แต่ก่อนมันมุ่งมั่นแต่ตัวเองนะ มันรุนแรงกับตัวเอง อะไรๆมุ่งเพื่อตัวเอง เพื่อตัวเอง มันรุนแรงเหมือนกันนะ รุนแรงทางความเพียรเพื่อประโยชน์สำหรับตัวเอง เดี๋ยวนี้อันนี้ขาดไป ทีนี้เกี่ยวกับโลกไป กระจายออกทั่วโลกอีกละ เป็นอย่างนั้นละความเมตตา ความเมตตาตัวเองไม่ได้คิดนะ มีแต่จะเอาให้พ้น เอาให้พ้น สำหรับประชาชนทั่วๆไปแล้วเมตตาทั่วไปหมด เอาสุดกำลังว่าอย่างนั้น นี่จะไปสุดกำลังเอาของไป (เขาใหญ่)
ให้พรแล้วนะ ถ้ามีผู้บอกว่ายังแล้วเอาอีก ก็มันจำไม่ได้ ให้พรหรือยัง ถ้าเขาว่ายังทั้งๆที่ให้แล้วนะ ถ้าเขาว่ายังซัดอีก มันหลงมันลืมไม่เป็นท่าๆ ไปมาแล้วเอ๊ะวันนี้เราไปไหน ฟังซิน่ะ ไปมาแล้วนะวันนี้เราไปไหนนะ ความจำมันหดเข้ามา หดเข้ามา เหลือแต่ความรู้ตั้ง ความรู้นี่เที่ยงเป๋งเลยนะ ไม่เคลื่อนเลย สำหรับความรู้เป็นหลักเดิม ไม่เคลื่อนเลย แน่วตลอด แต่กิ่งก้านของมันเหมือนต้นไม้ กิ่งนั้นหัก ใบนั้นหล่น ใบนี้ล่วง นั่นกิ่งไม้ แต่ต้นมันก็อยู่ของมัน อันนี้จิตก็เหมือนกัน จิตมันเที่ยงตรงของมัน แต่ความจดความจำเหลวไหล
พากันจำนะพวกญาติโยมลูกหลาน ใครก็ดี ทางบุญเป็นทางราบรื่นนะ ไม่มีอะไรราบรื่นยิ่งกว่าทางบุญ ทางบุญไปที่ไหนไม่มีใครบอกทางบุญทางบาป การทำดีทำชั่วของเจ้าของบอกเจ้าของเอง จูงเจ้าของเองนะ ถ้าทำความชั่วช้าลามกตูมลงท่าเดียว ไม่เคยเห็นก็ช่างเถอะนรก บาปมันจูงเอง ทีนี้บุญกุศลก็เหมือนกัน เราสร้างบุญสร้างกุศลไม่ต้องไปหาดูสวรรค์ ถามไปสวรรค์ละ บุญพาไปเอง จนกระทั่งทะลุถึงนิพพานบุญพาไป ไปทางความดี เวลาความดีเข้ามาหมุนจริงๆ นะ
ทำความเพียร..แต่ก่อนได้ยินตำราท่านพูดไว้ว่า พระโสณะประกอบความเพียรจนฝ่าเท้าแตก ท่านว่า เราก็อ่านไป เชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามประสาคนดื้อ วางไว้เสียก่อน ท่านว่าพระโสณะประกอบความเพียรจนฝ่าเท้าแตก บทเวลามาถึงขั้นของเราเข้าเชื่อ ใครไม่เชื่อก็ตาม เราเชื่อคนเดียวเรา เป็นแล้ว แต่ไม่ถึงแตก ถ้ากิเลสไม่แตกอันนี้จะแตก นี่กิเลสแตกเสียก่อน มานั่งนี่ออกร้อนเหมือนไฟรน คือมันเหนื่อยจนก้าวขาไม่ออกเดินจงกรม ฝ่าเท้าออกร้อนเหมือนไฟรน เอ๊ฝ่าเท้าเรามันแตกเหรอ ดูจริงๆ เราดู เอ๊มันทำไมแตก เวลาลูบ โอ๊ยเสียว นี่มันกำลังจะถึงเนื้ออ่อนนะ หนังหยาบห่อเนื้อฝ่าเท้าเรานี่ละ กัดเข้าไปๆ พอจะถึงเนื้อแล้วเรียกว่าฝ่าเท้าแตก ไม่ใช่แตกอย่างนี้นะ มันทะลุเข้าไปถึงเนื้อ นี่เป็นแล้ว เลยจับฝ่าเท้าเจ้าของมาดู เอ๊ไม่เห็นแตก มันออกร้อน เวลามานั่งอยู่นี้ออกร้อนเหมือนไฟรนจึงได้เอาฝ่าเท้ามาดู เอ๊มันก็ไม่แตก แต่พอเวลาลูบมันเสียว เสียวแปลบๆ ๆ เสียวเจ็บนะ
เราก็เชื่อพระโสณะ อันนี้ถ้าหากว่ากิเลสไม่แตกก่อนอย่างไรฝ่าเท้าต้องแตก ถ้าได้ลงทางจงกรมมันไม่รู้จักขึ้น นี่ละท่านว่าเพลินในความเพียร เพลินในความเพียรที่จะพ้นจากทุกข์มันก็แบบเดียวกัน ผู้ที่มันเพลินในทางโลกทางสงสารไม่มีวันอิ่มพอ แต่อันนี้ถ้าไม่หลุดพ้นไม่อิ่ม ยิ่งหมุนติ้วๆ ๆ เลย นี่เป็นแล้ว เอาเจ้าของออกพูดเลยเชียว เพราะนี้มันจริงจังทุกอย่าง ถ้าลงทางจงกรมแล้วจนจะก้าวขาไม่ออกหยุดละ ไม่เช่นนั้นมันหยุดไม่เป็น คือทางนี้หมุนอยู่ภายใน กิเลสกับธรรมมันฟัดกันภายใน เพลินกันอยู่ภายใน เดินจงกรมบางทีนู่นเข้าป่า คือจิตมันตีกันอยู่ภายในกับกิเลส ตามันก็ฝ้าฟางเดินไปเดินมาโซซัดโซเซเข้าป่า อ้าวเข้าป่าถอยออกไปอีก เอาอีก
นี่ฟังเสียท่านทั้งหลาย นี่ละความเพียร ความเพียรอัตโนมัติ ไม่ใช่ความเพียรบังคับนะความเพียรอัตโนมัติ ถ้าลงได้ก้าวลงทางจงกรมแล้วไม่รู้จักขึ้น จนก้าวขาไม่ออกมันถึงจะลุก ถึงจะออกจากที่ จิตใจมันดูดมันดื่ม มันดูดดื่มๆ ตลอดนะ มันไม่มีคำว่าเกียจคร้านไม่มี ถึงขั้นนี้แล้วไม่มี มีแต่จะพุ่งให้ถึงนิพพาน แต่นี้ถึงหรือไม่ถึงก็ไม่ทราบ พูดโม้ไปอย่างนั้นละ ถึงนิพพานหรือไม่ถึงเลยไม่กล้าพูด
นี่พูดให้ฟังเฉยๆ เวลาจิตมันได้เพลินธรรมะแล้วเป็นอย่างนั้น ไม่เหมือนกันกับเพลินทางโลกนะ เพลินทางธรรมะหมุนติ้ว กลางคืนนอนไม่หลับตลอดรุ่งเลย มันหมุนกันอยู่อย่างนี้ ออกมาเดินจงกรมก็ว่าทำงานนะ ส่วนนอนว่าจะนอนให้หลับไม่หลับ บางคืนตลอดรุ่งเลย มันเพลินความเพียร
รับชมรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และทางสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
พร้อมเครือข่ายทั่วประเทศ
|