เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๒
ช่วยเหลือจนตั้งเนื้อตั้งตัวได้
เขาออกหนังสือพิมพ์ทางหนองสองห้อง อำเภอพล เราไปกรุงเทพฯ เขาเอาหนังสือพิมพ์มาอ่าน พอกลับมาถึงวัดค้างคืนเดียวไปหนองสองห้อง คือเป็นคนทุกข์คนจนแล้วขับจักรยานไปเฉี่ยวคนแก่ ต้องเสียค่าเสียหายเขาหนึ่งหมื่น ทีนี้เงินหนึ่งหมื่นไม่มีก็ต้องไปกู้ยืมธนาคาร แล้วไม่มีเงินให้ธนาคาร เลยเอาลูกเรียนหนังสืออยู่ไปทำครัวทำอะไรเอาค่าจ้างนั้นมาใช้หนี้เขา พอเราอ่านนั้นเสร็จมาถึงวัด เราอ่านอยู่กรุงเทพฯ เสร็จ มาถึงวัดค้างคืนเดียวกลับไปเลย
ไปถึงนั่นเขาบอกบ้านเลขที่อะไรที่หนองสองห้อง เขาบอกบ้าน..ชื่อว่าอย่างนั้นๆ บ้านเลขที่เท่านั้นๆ แล้วไปเลย ไปก็ไปเจอจริงๆ เป็นไปตามความจริงที่เขาออกหนังสือพิมพ์ ไปกู้เงินเขาแล้วไม่มีเงินให้เขา ต้องให้ลูกไปทำงาน ออกจากโรงเรียนนะลูก ลูกผู้หญิงทั้งสามคนให้ออกโรงเรียนทั้งสามคนไปรับจ้างทำครัวทำอะไรให้เขา เราอ่านดูแล้วที่กรุงเทพฯสลดสังเวช เรากำลังจะกลับอยู่แล้ว มาปั๊บค้างคืนเดียวก็ไปหนองสองห้องเลย
ไปก็ดูลูกสามคนกำลังเรียนด้วยลูกผู้หญิง เรือนก็เท่ารังนก ไปดูจริงๆ นะ ไปดูทุกอย่าง แล้วตกลงกับพ่อกับแม่เขาเลย ให้รีบเอาลูกมาโดยด่วน ใครไปทำครัวอยู่ที่ไหนๆ ที่เอาออกจากโรงเรียนให้กลับมาเรียนตามเดิม เราจะจ่ายให้ทั้งหมด เราว่าอย่างนั้น ให้โดยด่วนนะ เอาเด็กออกจากโรงเรียนแล้วไปทำครัวเพื่อเอาเงินหนึ่งหมื่นบาทที่ยืมเขามานี่ เอาเงินนี่ไปใช้เขา มาก็เอากันเดี๋ยวนั้นเลย แล้วจับสดๆ ร้อนๆ ให้เรียกลูกกลับมาเดี๋ยวนี้เลย เราจะจ่ายเงินให้ทั้งหมด ขัดข้องอะไรๆ เท่าไรแล้วจ่ายให้หมด หลายหมื่น ให้เอาลูกๆ กลับมา ให้ไปเรียนหนังสือ เด็กเหล่านี้อนาคตจะอยู่กับใคร อยู่กับความรู้วิชา ไม่ได้อยู่กับการทำครัวนี่นะ
เรียกมาเลย เอาลูกมาทั้งหมดให้เข้าโรงเรียนโดยด่วน เราจ่ายให้ทั้งหมดเลย แล้วเด็กเหล่านี้เราจ่ายให้จนกระทั่งจบปริญญาโทเราถึงได้ปล่อยวาง หมดเป็นล้านๆ อยู่นะ ไม่ใช่น้อยๆ เด็กสามคน เรียนสูงขึ้นไปๆ ค่าอยู่ค่ากินค่าหลับนอนที่อะไรโรงรงโรงแรมที่ไปจ้างเขาอยู่เดือนหนึ่งเท่าไรๆ เราเสียให้หมด เลยเรียบร้อย พี่สาวเรียนถึงปริญญาโทเราเสียให้หมดเลย อย่างนั้นแหละเวลาจำเป็น
มาถึงวัดแล้วกลับไปอีก ไปก็ไปดูถิ่นฐานบ้านเดิมของเขาน่าสลดสังเวชเป็นความจริงตามหนังสือพิมพ์เขาออก ให้พ่อกับแม่มาคุยกันเดี๋ยวนั้น เรียกลูกมาให้ไปเรียนหนังสือ เท่าไรเราจ่ายให้หมดให้เด็กไปเรียนหนังสือ จ่ายให้หมดเลย เด็กจนได้ถึงปริญญาโทเด็กสองคนจ่ายให้เหมือนกัน จ่ายทั้งสามคน ลูกสาวสามคนจนตรอกทุกคน พ่อก็มีแต่ฝ่ามือเท่านั้น พึ่งปล่อยเมื่อเร็วๆ นะ อย่างนั้นละช่วยโลก
พออ่านหนังสือปั๊บเราดูแล้วตามไปเลย เรียบร้อยแล้ว ลูกเรียนจนกระทั่งถึงปริญญาโทเราถึงปล่อยมือ ช่วยน้องๆ ได้ว่าอย่างนั้น เอามาถามชัดเจนก่อนจะปล่อยมือ ว่าช่วยน้องๆ ได้แล้วทีนี้ ช่วยได้ทีนี้เราปล่อยนะ ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่ได้เห็นหน้าจนกระทั่งป่านนี้ ตอนลูกอยู่โรงเรียนแม่ยังมาวัดอยู่ มาทีไรเราเอาเงินให้ๆ เป็นอย่างนั้นละช่วยโลก เขาคงจะมีฐานะพออยู่พอกินแล้วแหละ มานี้จะถึงสิบปีแล้วมั้งตั้งแต่ไปพบเขามา เรียกเขามาติดต่ออะไรๆ จะช่วยเหลือเขา ก็ช่วยจริงๆ เรา ดูว่าหมดเป็นล้านนะไม่ใช่ธรรมดา นี่ละอำนาจแห่งความเมตตา มีอยู่ที่ไหนติดตามไปๆ
อย่างลพบุรีที่เขาว่าตะกี้นี้เราก็ไปช่วยนะนั่น มีลูกสาวคนเดียวตัวเล็กๆ เสียด้วย ดูเหมือนเมียทิ้ง ผัวป่วย เมียทิ้ง เราสลดสังเวช พอมาอ่านหนังสือพิมพ์แล้วตามไปเลยนะ ไปก็เป็นความจริง นี่ก็เราจ่ายให้หมดเลย ที่อยู่ที่บ้านยังขัดข้องอะไรอยู่บ้างซื้อให้เลย ซื้อบ้านให้เลยแล้วให้เงินให้ทองไว้เรียบร้อยหมด โอ๊ย แกยกมือแล้วยกมือเล่า ตอนนั้นแกไม่สบายไปอยู่โรงพยาบาล เราตามเข้าไปโรงพยาบาลโคกสำโรง ไปวันนั้นกลับวันนั้นนะ อยู่โคกสำโรง ไปก็เข้าไปอยู่ในโรงพยาบาล โอ้ น่าสงสาร
ตามไปโรงพยาบาลนะ ถามหาแล้วแม่เป็นอย่างไรๆ แม่นับว่าเป็นอัปมงคล พ่อเลี้ยงลูกคนเดียว ลูกอายุ ๘-๙ ปี โอ๊ย น่าสงสาร เราเอาเงินไปยัดใส่มืดพ่อไม่ให้ใครเห็นนะ ให้คนของเราเอาเงินไปยัดใส่มือพ่อหลายหมื่นอยู่นะ อะไรที่ขาดเขินจำเป็นในเวลานั้นเราจ่ายให้หมดเลย นอกจากนั้นเอาเงินใส่มือให้ ไม่ให้ใครรู้ จับยัดใส่มือลับๆ เป็นหมื่นๆ นะ นั่นแกก็พอเป็นไปได้ อย่างนั้นละความเมตตาสงสาร ที่ว่าลพบุรีเราก็ไปอย่างนั้นละ อำเภอโคกสำโรง กลับวันนั้นนะ หลายอย่างลพบุรีมีหลายอย่าง แกก็ยกมือแล้วยกมือเล่า แกบอกว่าไม่มีที่พึ่ง เมียก็ทิ้ง ลูกตอนนี้อยู่ในความดูแลของพ่อ เราก็เอาเงินไปให้ด้วย แล้วช่วยอะไรอยู่ตรงไหน ความเกี่ยวข้องของแกอยู่ที่ไหนให้หมดเลย ความเมตตาเป็นอย่างนั้นละ
(คุณ...มาจากบริษัท...กรุงเทพมาจัดประชุมอยู่ที่โรงแรม อยากมากราบหลวงตา) ตั้งใจมากราบเหรอ เพราะเหตุไรจึงได้ตั้งใจมากราบไกลนัก (หลวงตาเป็นพระผู้ใหญ่ที่ปฏิบัติธรรม ยึดมั่นในหลักธรรม รู้สึกเคารพนับถือ ตั้งใจมากราบนานแล้วครับ) กิตติศัพท์เราใกล้ความจริงอยู่ เพราะเราช่วยโลกด้วยความสงสารดังที่ว่านี่ละ รับหนังสือพิมพ์ที่ไหนติดตามไปช่วยๆๆ นับไม่ได้นะ อันนี้มีความจริงอยู่
พูดถึงเรื่องความเมตตาเป็นอย่างนั้นละเรา ติดตามจนถึงที่ๆ เลย อย่างที่ว่าหนองสองห้อง อ่านหนังสือพิมพ์อยู่กรุงเทพฯ พอมาถึงนอนค้างคืนเดียวกลับไปอีก ไปอำเภอหนองสองห้องไปช่วยเหลือจนเด็กตั้งเนื้อตั้งตัวได้ สงเคราะห์ให้ลูกเขามาเรียนหนังสือ เอาลูกไปทำกับข้าวทำอาหารในครัวได้เงินเดือนแล้วเอาไปจ่ายให้เขาที่ติดหนี้เขา พ่อติดหนี้เขา ขับรถจักรยานไปเฉี่ยวคนแก่ เขาปรับหมื่นบาทแล้วไม่มีเงินให้เขา ต้องไปกู้เงินธนาคาร ได้เงินมาแล้วต้องหาเงินไปให้ธนาคารเขา จะเอาเงินที่ไหนไปให้ ก็ต้องให้ลูกไปทำงานทำครัว เรียกมาจากโรงเรียน
โอ้ เราสลดสังเวช ลูกสามคนเอามาจากโรงเรียนหมด ให้ได้ใช้เงินหนึ่งหมื่นให้เขา พอเราทราบเราก็ตามไปเลย ไปก็เป็นอย่างว่า เรียกมาโดยด่วน เด็กขาดโรงเรียนไม่ได้ เด็กอนาคตอยู่กับการเรียน เอามาทั้งสามคนเลย ให้เรียนหนังสือตามเดิม เงินขาดเหลือเท่าไรเราให้ๆ นอกจากนั้นยังเสียค่าเล่าเรียน อย่างนั้นละเรา มากนะ ที่ว่านี่มีมาก เด็กพ่อแม่ดึงออกมา มันจนตรอกอย่างว่าละ เราทราบที่ไหนเราตามไปแก้ๆ
บ้านหนองสองห้อง เมืองพล ลูกตั้งสามคนเราเลี้ยงดูหมด คือพ่อแม่หมดปัญญาแล้วเอาลูกมาจากโรงเรียนแล้วไปเป็นคนทำครัวให้เขา พอได้เงินมาให้พ่อ พ่อเอาไปจ่ายให้เขาที่ว่าเงินหมื่นหนึ่ง ขี่รถจักรยานไปเฉียดคนแก่ อันนี้ได้ทั้งสามคนนะ เราเลี้ยงดูตลอด ให้เรียนหนังสือ ค่าศึกษาเล่าเรียนเราให้หมดเลย เด็กคนหนึ่งดูได้ปริญญาโท เราปล่อยเขาเพราะเขาพอใจแล้ว นี่เลี้ยงดูกันได้แล้วเขาว่า เราก็ปล่อย พึ่ง ปล่อยมาไม่กี่ปี มันสงสาร..เรา นิสัยเป็นอย่างนั้น สงสาร
สำหรับวัดท่านวันชัย ไปแต่สร้างวัดใหม่ๆ จากนั้นไม่ได้ไปอีกเลย ท่านวันชัย ภูสังโฆ ตั้งแต่สร้างวัดใหม่ๆ เราไป จากนั้นมาไม่ได้ไป ทางนู้นก็ไม่ได้มา ไกลอยู่นะภูสังโฆ เราไปตั้งแต่แรกๆ ที่สร้างวัดใหม่ จากนั้นไม่ได้ไปอีก
อันนี้ยอดเงิน ๑๔๙ ล้าน (๑๔๙,๔๘๔,๙๖๔ บาท คิดเป็นกองได้ ๗๔,๗๔๒ กอง สร้างตึกสงฆ์อาพาธ) ทองคำละ (ทองคำได้ ๑๑,๙๓๔ กิโลกรัม) ทองคำต้องไปหลอมเสียก่อน เรามอบให้ชายปั๋มไปหลอมทองคำ ได้เยอะอยู่นะช่วยชาติคราวนี้ทองคำได้เยอะอยู่ ดูหลายกิโลนะทองคำ ๑๑,๙๓๔ กิโลที่ได้มาแล้ว ดอลลาร์ได้ ๑๐ ล้าน
เมื่อวานไปสุทธาวาส ไปกราบพ่อแม่ครูจารย์มั่น สุทธาวาสดูด สุทธาวาสคือพ่อแม่ครูจารย์มั่นอยู่ที่นั่น สร้างวัดสุทธาวาสก็หลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่นสร้างที่นั่น เริ่มปฐมฤกษ์ จากนั้นมาวัดท่านเลยเป็นวัดส่วนรวมของกรรมฐาน วัดสุทธาวาสดูดเลยเพราะองค์ท่านเองอยู่ที่นั่น อัฐิของท่านกลายเป็นพระธาตุ..หลวงปู่มั่น ที่อัฐิกลายเป็นพระธาตุมีอยู่หลายองค์นะปัจจุบัน องค์ไหนบ้าง ลองนับดูซิน่ะ (หลวงปู่ขาว หลวงปู่แหวน หลวงปู่พรหม) หลวงปู่คำดี (หลวงปู่ฝั้น หลวงปู่ตื้อ ประมาณ ๒๘ องค์) ท่านสิงห์ทอง นี่ล้วนแล้วแต่อัฐิกลายเป็นพระธาตุ ถ้ากลายเป็นพระธาตุแล้วแน่นอนต่อสายตาประชาชน เชื่อถือได้เลย อัฐิกลายเป็นพระธาตุๆ มีหลายองค์นะ
หลวงปู่เขียน นี่ก็กลายเป็นพระธาตุ ท่านอยู่ธรรมดาท่านเงียบนะ ท่านลาออกมาอยู่ภาวนา ท่านส่งพระเณรมาหาเรา ส่งองค์นี้มาแล้วขอองค์นั้นกลับคืนไปส่งองค์นี้มาอีก เราก็ไม่ทราบเหตุผลกลไกอะไร ที่ไหนได้เวลาตายอัฐิท่านกลายเป็นพระธาตุ เราสืบถามเพราะเหตุไร โอ๋ย เทปเราอยู่ในนั้น กลางคืนท่านฟังเทศน์ใครไปยุ่งได้เมื่อไร ไปยุ่งไม่ได้นะ พอตกค่ำเข้ามาท่านจะเอาเทปเราละไปฟังอ๊อดๆๆ อยู่คนเดียว จึงมารู้ได้ อ๋อ อย่างนี้เอง ท่านส่งพระเณรท่านมาวัดนี้ แล้วเอาองค์นี้ไปเอาองค์นั้นมาอยู่อย่างนั้นละเรื่อยๆ เราไม่ทราบเหตุผลต้นปลายอะไร เวลาทราบทีหลังว่าอัฐิท่านกลายเป็นพระธาตุ เป็นอย่างไรบทเวลาถามดูจริงๆ โอ๋ เทปเราเต็มอยู่ในกุฏิท่าน พอค่ำท่านจะเปิดเทปฟังตลอด เราจึงว่า โอ๋ย ท่านสนใจปฏิบัติมาตั้งแต่นั้น อัฐิของท่านกลายเป็นพระธาตุนะเจ้าคุณเขียน ถ้าอัฐิกลายเป็นพระธาตุแล้วแน่นอน แน่นอนในสายตาประชาชน
อย่างหลวงปู่ตื้อก็เป็นพระธาตุ สวยงามมากนะหลวงปู่ตื้อ นี่เราไปเห็นเอง สวยงาม ที่เป็นแล้วคือท่านสิงห์ทอง ท่านจวน แล้วองค์ไหนอีก หลวงปู่หลุยก็เป็น หลวงปู่ชอบ (ลูกศิษย์ตรงๆ พ่อแม่ครูจารย์ก็มี หลวงปู่ตัน หลวงปู่บัวหนองแซง) หลวงปู่ตันเก่งอยู่นะภาวนา ท่านมาเป็นตาปะขาวกับเราอยู่ห้วยทราย..หลวงปู่ตัน มาเล่าเรื่องภาวนาให้ฟังเออน่าฟัง เราเลยจัดคนไปบวชให้เลย.หลวงปู่ตัน จัดที่ห้วยทรายไปบวชที่มุกดาหาร ท่านภาวนาดีอยู่ เราเลยจัดบริขารอะไรให้พร้อมเลยเสร็จทุกอย่าง นี่ละองค์หนึ่ง ท่านมาเล่าภาวนาให้ฟังน่าฟัง
ในงานศพอาจารย์อะไรนะอยู่ทางหนองหลวง หลวงปู่ตันนี่ก็มารออยู่นั่นละ มาในงานนี้ถืองานเป็นเหตุ แต่แกมุ่งว่าท่านอาจารย์ต้องมาในงานนี้ มาก็รอเราอยู่ ไปเล่าภาวนาให้ฟังละเอียดครบโดยลำดับ เออเข้าท่า เราก็อธิบายต่อไป ถ้าได้ฟังกับหูกับตากับปากกันแล้วเราลงร้อยก็ร้อยเลยละ ใครจะว่าท่านเป็นสังฆา ปาราชิก..ไม่ฟังเสียง เป็นอย่างนั้นละ คือเชื่ออันนั้น เชื่อหลักใหญ่ จิตที่บริสุทธิ์เต็มที่แล้วตายแล้วอย่างนั้นละเป็นพระธาตุ
แต่เป็นพระธาตุนี่ช้าเร็วต่างกันนะ ถ้าผู้เป็นขิปปาภิญญาอัฐิกลายเป็นพระธาตุจะช้าหน่อย คือผู้รู้เร็วปฏิบัติไม่นาน อบรมใจผึงผังได้เลยไปเลย ขิปปาภิญญา ผู้นี้อัฐิจะกลายเป็นพระธาตุช้าหน่อย ผู้ที่อบรมจิตใจค่อยบ่มค่อยอะไรไปเรื่อยๆ เวลาตายเป็นพระธาตุเร็วอยู่ เพราะอบรมเป็นลำดับ อันนั้นปึ๊บปั๊บได้แล้วเป็นเลย นี่เป็นช้า คือจิตที่บริสุทธิ์นี่ละมันฟอกธาตุขันธ์ให้บริสุทธิ์ตามส่วนหยาบของธาตุนะ เพราะฉะนั้นจึงกลายเป็นพระธาตุได้ ถ้าอัฐิธรรมดาแล้วไม่เป็น ถ้าอัฐิของท่านผู้สิ้นกิเลสแล้วความบริสุทธิ์ของจิตมันซักฟอกอยู่ภายใน ยิ่งเข้าทางภาวนาสงบแล้วยิ่งฟอกร้อยเปอร์เซ็นต์ ธรรมดามันก็ฟอกอัตโนมัติหากช้า ถ้าเข้าสมาธิสมาบัติแล้วผู้นี้เป็นได้เร็ว อัฐิกลายเป็นพระธาตุได้เร็ว เอาละให้พร
รับชมรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และทางสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
พร้อมเครือข่ายทั่วประเทศ
|