สายศาสนาราบรื่นดี
วันที่ 2 เมษายน 2552 เวลา 8:20 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๒

สายศาสนาราบรื่นดี

 

ก่อนจังหัน

        ระยะ ๒๕๐๔-๒๕๐๕ เทศน์กรรมฐานล้วนๆ พวกพระจะได้ฟังเทศน์เรากัณฑ์มีตั้งแต่นั้นละ ฟังไม่มีใครมายุ่ง มีแต่เทศน์สอนพระร้อยเปอร์เซ็นต์พุ่งๆ เทศน์แต่สมาธิ-ปัญญาอย่างเดียวมันคล่องตัวพุ่ง จากนั้นมาโรคอะไร ๒๕๐๖ ทรุดใหญ่ ถึง ๒๕๑๒ พูดได้บ้าง จากนั้นพูดทั้งพูดทั้งระวัง ๒๕๒๐ คุณเพาพะงามาพักที่นี่ เทศน์ได้พอธรรมดาๆ เร่งไม่ได้ มันกระเทือน แล้วก็ลดลงๆ จนกระทั่งทุกวันนี้ เดี๋ยวนี้ยังเหลือแต่สูหนี่ อย่างอื่นไม่มี เหลือแต่สูหนี่

          นี่ถ้าหากว่าไม่ได้สร้างความดีมาตั้งแต่ต้น รู้สึกระยะนี้จะเป็นระยะที่สร้างความเดือดร้อนแก่ตัวเอง แต่ที่นี้มาพิจารณามาลงในนี้โล่งหมด ว่างหมดโลกธาตุ ปล่อยวางด้วย ว่างในจิตด้วย หมดเลย สังขารร่างกายเดินโขยกเขยกก็ตาม จิตไม่ได้เป็น ไม่มีวิตกวิจารณ์การก้าวหน้าถอยหลังไม่มี ก้าวหน้าถอยหลังไม่มี ไม่วิตกวิจารณ์ ปัจจุบันเป็นอย่างไรเท่านั้นพอ พอๆใจ

          บวชพ.ศ.๒๔๗๗ มาถึงวันนี้ได้กี่ปี ดูเหมือนวันที่ ๑๒ พฤษภา ๒๔๗๗ คงจะ ๗๕ ไม่ได้นับนะ เราจำได้ ๒๔๗๗ วันที่ ๑๒ พฤษภา ๒๔๗๗ บวช จากนั้นมาจนกระทั่งป่านนี้เลยไม่ทราบว่ากี่พรรษา ๒๐ ปีกับ ๙ เดือน คือนับตั้งแต่วันตกคลอดออกมาเลย ๒๐ ปีกับ ๙ เดือน

ดี รู้สึกว่าสายศาสนานี้รู้สึกจะราบรื่นดีนะ ไม่เคยมีอะไรเลยนะ ตั้งแต่เริ่มบวชมาจนกระทั่งป่านนี้ไม่เคยมีอะไรมาขัดมาข้อง หรือเรื่องราวใดๆ มัวหมองไม่เคยมี มีแต่ระงับ ระงับเรื่องราวต่างๆ หรืออธิกรณ์ต่างๆ มักจะเด่นอยู่ เด่น อย่างวัดโพธินี้เกิดเรื่องอะไรจะต้องมาเอาไป เอาเราไป เรียบเลยนะ จนเจ้าคุณอุดรพูดออกมา ถ้าอยากเห็นฤทธิ์เห็นเดชอาจารย์ของเราแล้วให้มาดูเวลาขึ้นเวที วัดโพธิสมภรณ์ ท่านชื่อสวัสดิ์ เป็นเจ้าคุณอะไรนะอยู่ทางกุฏิตะวันตก ท่านเจ้าคุณ ถ้าอยากเห็นฤทธิ์เห็นเดชอาจารย์ของเราให้มาดูเวลาขึ้นเวที ดุใครไม่เป็น องค์นั้นดุใครไม่เป็น

ในวัดโพธินี้มีเรื่องอะไรต้องเอาเราไปนะระงับ แต่เดชะนะเรียบทุกที ไม่เคยข้ามหัวเราไปไปตั้งก๊กใหม่ต่อสู้กับเราอีกอย่างนี้ไม่เคยมี พอลงแล้วหมอบ ยอมทั้งสองฝ่าย คู่กรณียอมเรา มันคงจะเป็นวาสนาอันหนึ่งอยู่ คืออะไรก็ตามระงับอะไรเรียบหมดๆ นะ อธิกรณ์ใหญ่ๆ เราเข้าปั๊บเรียบ เช่นอย่างวัดโพธินี่ฟาดกันตั้งสองวัน สามวันเราเข้า เขามาเอาเราไป คือไปเอากันอยู่ตั้งสองวัน เต็มอยู่ เจ้าคณะต่างๆ มา ไปไม่ได้สองวันเต็ม วันคำรบสามท่านเจ้าคุณจดหมายมาส่งให้เรา นิมนต์ไปดับไฟวัดโพธิให้ด้วย เวลานี้ไฟกำลังโหมไหม้วัดโพธิจะหมดแล้ว เอากันอยู่สองวัน มีแต่เขาโค้งๆ นะ โอ้ พระทะเลาะกันไม่ใช่เล่นๆ นะ เจ้าคณะๆ ทะเลาะกัน

คือแต่ก่อนรถมันลำบาก ถ้าเป็นหน้าแล้งมีแต่ทราย ต้องรถจี๊ปถึงจะไปได้ ถ้าเป็นหน้าฝนมีแต่ตมแต่โคลน เราก็เดินไปเลย ไปก็เอากันเลย ฟาดกันสองวันไม่ลง เอาเจ้าคณะไหนๆ มาชำระไม่ลง เลยตกลงมาเอาเจ้าคณะวัดป่าบ้านตาดไปเลย ๔๕ นาทีเห็นไหมละ เรียบ ยอมรับทั้งสองฝ่ายด้วยความพอใจ

          (ลูกศิษย์ป่วยในวัดมากราบถวายปัจจัยหลวงตา) หลวงพ่อก็อ่อนลงทุกวันๆ อ่อน สังขารร่างกายอ่อนๆ ลงทุกวัน เว้นแต่จิตใจ พูดตรงๆ จิตใจไม่มี จ้าอยู่อย่างนั้นเลย พูดให้มันชัดอย่างนี้ละมันจวนจะตายแล้ว ไม่มีอับเฉาเลย เรียกว่าจิตนี้ไม่มีอับเฉา จ้าตลอดเวลา เรียกว่าภูมิใจ การตายของเราไม่มีวิตกวิจารณ์ ภูมิใจ คือมันจ้าอยู่ในนี้ จึงว่าสมมักสมผลมาทางศาสนา ทางโลกขัดๆ ข้องๆ ขัดๆ ข้องๆ เรื่อย ไม่สะดวกๆ เราก็เป็นคนจะว่าทิฐิก็ถูก มันไม่ลงใครง่ายๆนะ ถ้าหากว่าเหตุผลไม่ลงไม่ลงนะนี่ นี่ถ้าเป็นทางโลกขัดๆ ข้องๆ เรื่อยมา พอทางธรรมปั๊บติดเลย สะดวกจนกระทั่งป่านนี้

จนป่านนี้ไม่เคยมีเรื่องมีราวอะไรทางศาสนา นอกจากระงับดับเรื่องทั้งหลายเท่านั้น ที่จะให้เกิดเรื่องเกิดราวเราไม่เคยมี มีแต่ระงับดับเรื่องของสงฆ์ของพระมีเรื่อยๆ ไปเลย มีมากนะ มันก็คงจะสายบุญสายกรรมไปทางนี้ละ ไปทางสายระงับดับเรื่องต่างๆ เพราะมันมากต่อมากนะเรา ใหญ่แทบทั้งนั้นละ ระงับได้เรียบๆ เลย ในตัวของเรารู้สึกจะทางด้านศาสนาทางด้านธรรมะโล่งกว่ากัน ทางโลกขัดๆ ข้องๆ ตลอด ถ้าทางธรรมราบรื่นเรื่อยตั้งแต่บวชจนป่านนี้ ไม่เคยมีเรื่องมีราวอะไรที่จะได้รับความหนักใจจากเราไม่เคยมี นอกจากเราช่วยๆ ยกตัวอย่างเช่นอย่างวัดโพธิ ถึงขนาดว่านิมนต์ไปดับไฟวัดโพธิให้หน่อย เวลานี้ไฟกำลังโหมวัดโพธิจะหมดแล้ว เราก็ไป แน่ะก็อย่างนั้น ไปก็ดับจริงๆ เรียบเลย

เอ๊ มันก็แปลกอยู่นะ เดชะอันหนึ่งอยู่ ไปเป็นลูกศิษย์ครูบาอาจารย์องค์ใดไม่ว่าฝ่ายปฏิบัติไม่ว่าฝ่ายปริยัติรักทั้งนั้นนั้นรักเรา เมตตามาก ทางฝ่ายปริยัติก็เมตตามาก ทางฝ่ายปฏิบัติก็เมตตามาก ยกตัวอย่างพ่อแม่ครูอาจารย์มั่นรักเมตตาอยู่ลึกๆนะ ไว้ใจ ทุกอย่างไว้ใจ ถามนู้นถามนี้อะไรๆ ถ้าอะไรที่ยังไม่ลงกันแล้วท่านมหาว่าอย่างไร ท่านถามมาแล้วนะ เอาเราเป็นข้อสรุป ท่านมหาว่าอย่างไร ท่านว่าอย่างนั้นๆ พอว่าอย่างนั้นเรียบ เอาล่ะถูกต้องแล้วตามที่ท่านมหาพูด แน่ะอย่างนั้นนะ ไม่เคยค้าน ทางศาสนานี่โล่ง ทางโลกขัดๆข้องๆ เรื่อยไป ทางศาสนาปุ๊บเลย ทะลุๆ เลย

อายุดูเหมือน ๙๖ แล้วมัง จะเต็มวันที่ ๑๒ สิงหา นั่นละ ๙๖ สิงหาข้างหน้า แต่เจ้าของมันจะไปไม่ไหวล่ะ โซซัดโซเซ เดินมาระยะนี้ลำบากมาก แต่เวลาเด็ดนี้เด็ดมากนะ พูดจริงๆ นะ เวลาเด็ดขาดๆ มากทีเดียว พระด้วยกันไหลเข้ามาอยู่นี้ เด็ดจริงๆ พอขับขับเลย ไล่เลย เวลาอ่อนก็อ่อน อ่อนธรรมดา  ถ้าเวลาแข็งแข็งก็ด้วยเหตุด้วยผล เอาล่ะทีนี้ใครค้านไม่ได้ เอา..มา ว่าอย่างนั้นเลย เป็นอย่างนั้นนิสัยเรามันไปทางนั้น คบค้าสมาคมกับครูบาอาจารย์เรียกว่าเข้าขั้นดีมาก ทางฝ่ายปริยัติก็ตาม ครูบาอาจารย์รักทั้งนั้น ทางฝ่ายปฏิบัติเช่นพ่อแม่ครูอาจารย์มั่นไว้ใจเลยทุกอย่าง ก็ดี เป็นผู้น้อยคอยดูแลอุปถัมภ์อุปัฏฐากครูบาอาจารย์ผู้ใหญ่ที่ท่านไว้ใจๆ เอาละทีนี้นะ หิวข้าวแล้ว

 

หลังจังหัน

(กราบเรียนถามปัญหาทางอินเตอร์เน็ตค่ะ ทุกครั้งที่ภาวนาจิตอยากจะบวชอย่างเดียว การปฏิบัติถูกต้องหรือไม่) เขาพิจารณาอะไร (พิจารณาอวัยวะภายในกลับไปกลับมา ขณะจิตที่จะถอนออกรู้สึกว่าไม่มีตัวตน แต่จิตจะคิดตลอดว่าอยากจะออกบวช ทุกครั้งที่ภาวนาจิตจะติดอยู่ตรงนี้ค่ะ ปฏิบัติถูกต้องไหมค่ะ) ถูกต้อง ถ้ามีเหตุมีผลประจำ คือมีสติปัญญาประจำเช่นอยากออกบวช ใคร่ครวญพินิจพิจารณาเรียบร้อย  ย้อนหน้าย้อนหลังเป็นที่แน่ใจแล้วออกไม่ผิด ออกก็อยากออก อยากไปก็ไป อยากอะไรๆ พรวดพราดๆ ไม่เหมาะ

ที่ว่าเขาอยากออกบวช (นั่งบริกรรมพุทโธ เวลาพิจารณากลับไปกลับมาจะไม่มีตัวตน แต่จิตคิดตลอดเวลาอยากจะบวชค่ะ) ความอยากบวชเอาไว้เสียก่อน อยากรู้อยากเห็นสิ่งที่เป็นหลักความจริงอยู่กับตัวของเรานี้ให้มันรอบคอบก่อน การออกที่เป็นธรรมขั้นสูงกว่านี้ไปมันออกได้ง่ายนิดเดียว ไม่พรวดพราด ออกปุ๊บปั๊บกลับมาปุ๊บนี่ใช้ไม่ได้ ทำอะไรให้พิจารณาเสียก่อน ท่านสอนว่า นิสมฺม กรณํ เสยฺโย ทุกสิ่งทุกอย่างให้พิจารณาก่อนแล้วค่อยทำ ต้องใช้ปัญญานำเสมอ สตินำเสมอ

เรื่องสตินี้สำคัญมากนะ สติเป็นอันดับหนึ่งของปัญญาด้วยซ้ำ สติรอบคอบอยู่ การพิจารณาอะไรๆ สติต้องมีประจำ จนกระทั่งถึงขั้นสติปัญญาอัตโนมัติ อันนั้นไม่ต้องบอก คือสติปัญญาอัตโนมัตินี้ก้าวไปเลยเชียว ไม่รอ ก้าวเรื่อยๆๆ ที่ว่าไม่มีวันมีคืน บางคืนนอนไม่หลับ ต้องทอดสมอกันด้วยพุทโธเข้าใจไหม คือมันหมุนของมัน เพลินที่จะออก หมุน งานการทำเอาได้แต่ร่างกายเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ามันก็ต้องพักให้ อันนี้สติปัญญาพิจารณาได้ ต้องพักจิตเข้าสู่สมาธิเช่นพุทโธเป็นต้น ต้องมีพัก ไม่พักไม่ได้

ธรรมพระพุทธเจ้าสอนนี้ไม่ผิด สมศาสดาองค์เอก สอนโลกไม่ผิด จึงว่า สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม เรียกว่าสวากขาตธรรมตรัสไว้ชอบแล้ว ไม่มีบกพร่องขาดเขินอะไร เสมอ ถูกต้อง ผู้ภาวนาขอให้ใช้ปัญญา สติและปัญญาแนบกันไป เวลามันปล่อยหมดแล้วอะไรจะไปโล่งยิ่งกว่าจิต เวลามันปล่อยมันวางหมดโดยประการทั้งปวง ปล่อยหมดร่างกายอะไร จิตตัวเองก็ไม่ยึด ถ้าอย่างนั้นแล้วโล่งหมดเลย พิจารณาให้มันเห็นซิ นี่พระพุทธเจ้ารู้แล้วเห็นแล้วจากการพิจารณาภาวนาจึงมาสอนพวกเรา การทำนี้นักปราชญ์ทั้งนั้นพาเดิน เราอย่าเอาคนพาลสันดานหยาบเข้าไปขวางท่าน ให้ใช้สติปัญญาความพากความเพียรความอดความทนมันถึงถูกต้อง เท่านั้นละวันนี้สายแล้ว

 

  รับชมรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th

           และทางสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz

             พร้อมเครือข่ายทั่วประเทศ

 

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก