เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๑
ความดีที่สร้างมา
ดูจำเป็นเหลือเกิน ตั้งแต่เกิดมาถ้าอยู่สะดวกสบายมันไม่เดินไปเหยียบไปเยี่ยมแหละโรงพยาบาล เวลาจะตายเข้านั้นปุ๊บหมดนั่นแหละ แม้ที่สุดยังจูงสัตว์เข้าไปด้วยเข้าไปโรงพยาบาล เราเห็นความจำเป็นอย่างนี้สรุปแล้ว
เวลานี้กำลังหมุนติ้วๆ การเงินการทองไม่ทัน ทางนั้นก็จะขึ้นทางนี้ก็จะขึ้น ตึกอุดรเท่าไรชั้น ตึกโรงพยาบาลศูนย์น่ะ (๘ ชั้น ๑๑๕ ล้านบาทครับ) อยู่ในนี้หมด เราเป็นหัวหน้าเลยตรงนั้น เพื่อพี่น้องทั้งหลายนั่นละ ไม่ได้เพื่อใคร หนักทุกด้านนะเรา เราหนักแบกหมดเลย อย่างนี้ละสร้างตึกที่นั่นที่นี่ เราเป็นหัวหน้าหมุนติ้วเลย
นี่ละฟังนะพี่น้องทั้งหลาย ที่จะสร้างนั้นสร้างนี้เหล่านี้อาศัยเงินพี่น้องทั้งหลายนะ หลวงตาไม่มีเงินสักสตางค์ เป็นแต่ผู้นำ นี่ก็จะขึ้นแล้วตึกโรงพยาบาลศูนย์อุดร กำลังเริ่มขึ้น นี่ก็เราเป็นหัวหน้าหาเงิน แล้วทางไหนบ้างก็ไม่รู้นะ ติดหนี้ติดสินเขาพะรุงพะรังเราก็ดี พระบวชมาไม่น่าจะติดหนี้ ติดหนี้นะนี่ ติดเรื่อยให้เรื่อยติดเรื่อย เป็นอย่างนั้น
(โยมเข้ามากราบถวายปัจจัยหลวงตา) เอามาเรื่อยๆ เข้ามา เท่าไรเป็นของเราทั้งหมด ประกาศชื่อไม่ชื่อเป็นของเราทั้งนั้น อยู่ในป่าในรกในที่ไหน นตฺถิ โลเก รโห นาม ที่ลับไม่มีในโลก สว่างแจ้งไปหมดสำหรับผู้ทำ ใครทำอยู่ที่ไหนที่มืดที่แจ้ง ความดี-ความชั่วจะประกาศออกจากผู้ทำละ
งานเราหมุนตัวตลอดเวลา โรงพยาบาลศูนย์อุดรนั่นก็ ๘ ชั้น ๑๑๕ ล้าน เราเป็นหัวหน้าแบกหามละ (ทองคำ ๑๑,๘๗๕ กิโลกรัมครับ) นี่ขึ้น ๗๕ แล้วนะ ๗๔ ทีนี้ขึ้น ๗๕ นี่ทองคำจะเอาเข้าคลังหลวง ได้ ๑๑,๘๗๕ กิโลทองคำที่ได้มาเรียบร้อยแล้ว เราก็เหนื่อยไม่ทราบจะวิ่งทางไหนๆ เพื่อโลกทั้งนั้นละ เราไม่ได้เพื่อเรา แต่เวลานี้กำลังหมุนเพื่อโลก ช่วยโลกทางนั้นทางนี้ สำหรับเราเองเราไม่มีอะไร ไม่เอาอะไร
โลกมันกำลังร้อนเวลานี้ มันร้อนจากหัวใจคน อยู่ที่ไหนก็กัดกันแหลกเลย ไม่มีใครว่าความรู้สูงรู้ต่ำไม่มี ประมวลลงมาหาวิชาหมากัดกันหมดเลย อยู่ในกรุงเทพก็ร้อนเป็นฟืนเป็นไฟ มีแต่ว่าตัวว่าสูงๆ รู้ๆ นั่นละ พวกนี้พวกหัวหน้าหมากัดกัน กัดกันแหลกๆ เลย เราละสลดสังเวช แผ่เมตตาให้นี่มันไม่ยอมเอา ปัดออกหมด เหลือแต่เขี้ยวแต่ฟันกัดกันแหลกหมดละ เวลานี้น่าทุเรศมาก โลกกำลังร้อน ใครอยู่ที่ไหนหาความชุ่มเย็นไม่ได้
หมุนเข้ามาในวัดในวาถามพระถามเณรเป็นอย่างไรจิตตภาวนา ไม่ได้เรื่อง เราอยากโดดหนีไปอยู่คนเดียวเรา คือมันทำให้อ่อนใจไปเสียหมด ไปทางไหนๆ ก็เหมือนกัน แม้ที่สุดย่นเข้ามาในวัดของตนเองถามเรื่องภาวนาของพระเป็นอย่างไรภาวนา ไม่ได้หน้าได้หลัง นี่ละที่มันจะตาย อ่อนใจมากนะ เราอ่อนใจ การภาวนาไม่ได้งานได้การอะไรเลย มีแต่ภาวนาทั้งนั้น ไม่มีการมีงานสำหรับวัดนี้เราไม่ให้มี ให้มีแต่การภาวนาเข้มงวดกวดขันมากเรื่องภาวนา แต่ครั้นแล้วมันก็ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร ถามคนไหนก็เหลวไหลๆ เรื่องภาวนาไม่เป็นท่านะ
คือการไม่เป็นท่าก็ออกจากความเพียรไม่เป็นท่า ภาวนาไม่เป็นท่า ผลไม่มี ก็คือความเพียรไม่เป็นท่า ทีนี้เวลาจะเอานำมาพูดให้หมู่เพื่อนฟังในเรื่องความเพียรของหัวหน้าเช่นเรานี่นะ มันรอดตายมาเลยนะ เวลาประกอบความเพียรไม่มองเห็นหน้าใครละ อยู่แต่ในป่าในเขา อดอยากขาดแคลนขนาดไหนยิ่งอยู่ยิ่งดี ภาวนา ข้าวไม่กิน จนมันจะตายจริงๆ ถึงออกมากินสักคำหนึ่งสองสามคำหยุด จากนั้นก็มีแต่เร่งภาวนา
ครั้นเวลามาถามดูลูกศิษย์ลูกหาทางด้านจิตตภาวนาไม่เป็นท่าๆ เลยทำให้จิตใจอ่อนลงๆ อยากหนีไปอยู่คนเดียวไปอย่างนั้น เลยไม่อยากอยู่กับหมู่กับพวก ถามหาผลงานที่ต้องการและสั่งสอนให้ได้รับผลเป็นที่พึงพอใจมันไม่ได้เรื่อง แต่ที่เหลวไหลมันเต็มบ้านเต็มเมือง นี่ละมันอ่อนใจมากนะเราอ่อนจริงๆ คนนั้นก็มาอาศัย คนนี้มาอาศัย เวลาถามถึงผลไม่ได้เรื่องได้ราว
โอ๊ ทุกฺขํ เหมือนกันนะเราก็ดีอยู่กับหมู่กับเพื่อน เวลาที่สบายที่สุดของเราคือเราอยู่คนเดียว กลางคืนกลางวันถ้าอยู่คนเดียวแล้วเป็นเราเต็มตัว ถ้ามีแยกมีแยะเข้ามา คนนั้นเกี่ยวคนนี้เกี่ยว แบ่งออกๆ สุดท้ายเจ้าของก็ขาดทุน เลยจะจมไปกับเขา มันไม่ได้เรื่อง ใครเข้ามาหาแล้วถามเรื่องถามราวไม่ค่อยได้เรื่องๆ เด้นๆ ด้านๆ อย่างพระก็เหมือนกันภาวนาก็เด้นๆ ด้านๆ ไม่มีสัตย์มีจริง
ถ้ายกพระพุทธเจ้าขึ้นมาแล้วก็พอที่จะมีแก่ใจบ้าง พระพุทธเจ้าสลบ ๓ หน ฟังซิน่ะ นั่นผู้นำของพวกเราสลบ ๓ หน เพราะความทุกข์ความลำบากทรมาน ทุกรกิริยา จนกระทั่งก้าวเข้าสู่การภาวนาจึงสำเร็จเป็นศาสดาเอกของโลก เรียกว่าผ่านมาหมดในวงงานต่างๆ อันไหนผิด อันไหนถูก สอนไว้หมด ให้มาเลือกเอาสิ่งที่ถูกต้องดีงามมันก็ไม่ได้เรื่อง โลเลไปตามๆ กันหมด เลยสุดท้ายเราอยากหลบหนีไปอยู่คนเดียว คือมันเป็นในจิต
ถามลูกศิษย์ลูกหาที่เข้ามาอาศัย ถามจุดสำคัญนั่นละ จุดที่ต้องการ ความเลิศเลอก็คือจิตบริสุทธิ์หลุดพ้น ถามหาอะไรมีแต่มูตรแต่คูถเต็มคำปากคำพูด เต็มน้ำลายออกมา หาอรรถหาธรรมที่จะออกมาให้เป็นที่ชื่นใจไม่ค่อยมี นี่เราอ่อนใจตรงนี้ เรื่องความพากความเพียรก็กินไปวันหนึ่งๆ พอแล้วไป กินแล้วนอนกอนแล้วนินไปอย่างนั้นไม่ได้เรื่อง งานเป็นอย่างนั้นแล้วผลจะให้เลิศเลอที่ไหน ไม่เลิศนะ นี่ละทำให้อ่อนใจๆ
นักภาวนาไม่มีการมีงาน สำหรับวัดนี้เราไม่ให้ทำงานการอะไรเลย ให้มีแต่ภาวนา จะใช้สอยอะไรก็ไม่ใช้ สงวนที่ไว้ มีใครมาให้มาอยู่แค่นี้ออกๆ ข้างในเราสงวนไว้หมดให้เป็นสถานที่ทำงานการภาวนา เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนาของผู้มาอาศัยเรา แล้วเราก็สอนอย่างเด็ดขาด สอนอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยตามที่เจ้าของได้บืนมา นี้บืนจริงๆ นะการภาวนา ก่อนที่จะได้ธรรมมาพูดให้เพื่อนฝูงทั้งหลายฟัง ทุกอย่างๆ มีแต่แบบบืน เรียกว่าเดนตายมาๆ
ครั้นมาถามดูพระที่มาภาวนาด้วยไม่ได้เรื่องได้ราว มันก็ท้อใจๆ มันไม่มีแก่ใจนะผู้เป็นหัวหน้าก็ดี พี่น้องทั้งหลายให้หนักแน่นในทางความดีงามทั้งหลาย อย่าไปหนักแน่นมั่นคงไปด้วยกับความชั่วช้าลามกไม่ใช่ของดีเลย แต่โลกชอบ เพราะโลกมีแต่โลกเลว ของดีโลกรับไม่ได้ ถ้าเป็นของเลวเข้ากันติดเร็ว ปุ๊บปั๊บๆ ติดๆ พากันจำเอานะ
เราก็อ่อนลงทุกวัน ธาตุขันธ์อ่อนลงทุกวัน ไปที่ไหนๆ ก็ลำบาก ไปคอยแต่จะล้ม จะหกล้ม พอลุกออกมาเดินโซซัดโซเดี๋ยวล้มโครมๆ ไม่มีกำลัง แต่ถึงจะอะไรไม่มีกำลังก็ตาม ทุกอย่างเราทำไว้เพื่อเราเรียบร้อยหมดแล้ว ไม่มี เช่นพญามัจจุราชมาเอาก็เอาได้แต่กองกระดูก ความดีเราขวนขวายของเราเต็มกำลัง ไม่มีที่บกพร่องแล้วในหัวใจ เกิดมาในชาตินี้เราบอกได้ชัดๆ ว่าเกิดมาล้างป่าช้า ไม่มีอะไรสัตว์ตัวใด ภพใดชาติใด นรกอเวจีถึงชั้นพรหมลบหมด
ฟังเสียนะพี่น้องทั้งหลาย เรามาสร้างความดีตั้งแต่วันบวชมาวันที่ ๑๒ พฤษภา ๒๔๗๗ นั่นละเราบวช เริ่มทำความดีจริงๆ ตั้งแต่บัดนั้นมา ตั้งแต่เป็นฆราวาสอายุ ๒๐ ปีกับ ๙ เดือน ไม่เป็นท่า ตามประสา พอหมุนเข้ามาหักชีวิตทั้งหมดเหลือนั้นออกมาทางด้านปฏิบัติธรรม นี่ก็ได้ ๗๐ กว่าปีแล้ว สร้างแต่ความดีงามทั้งนั้น แล้วผลสุดท้ายก็มาพอใจกับความดีงามของตัวเอง ร่างกายมันจะเป็นอะไรๆ เป็น ทางจิตใจแน่นหนามั่นคงทุกอย่าง หาที่ต้องติไม่ได้แล้ว เราพอใจแล้ว เรียกว่าเกิดมาในชาตินี้เป็นชาติที่ล้างป่าช้า ว่าอย่างนั้นเลย
ความเกิดตายทั้งหลายในภพน้อยภพใหญ่ ตั้งแต่นรกอเวจีถึงชั้นพรหมลงมานี้เราลบหมด ไม่มี ชาตินี้เกิดมาลบป่าช้า ความเกิดแก่เจ็บตายของตัวเองเรียกว่าหมดในชาตินี้ไม่มีอะไรเหลือแล้ว ก็มีแต่ร่างกายเหลือ ส่วนความดีเราทำเต็มกำลัง จิตใจก็สว่างจ้าครอบโลกธาตุ ให้ฟังนะ จิตใจไม่มีความเศร้าหมอง มีแต่ความสว่างจ้าตลอด ใครจะว่าอะไรเป็นอะไร ใครเดือดใครร้อนอะไรนี่ไม่เดือดไม่ตาม สง่างามอยู่ตลอดเวลา นี่ละความดีที่ได้สร้างมา
ถึงเวลาจะตายก็ไปได้อย่างง่ายดาย ไปอย่างพร้อมแล้วๆ ไม่มีวิตกวิจารณ์อันนั้นยังไม่เสร็จ อันนี้ยังไม่พอไม่มี ธรรมพอในหัวใจแล้ว ไปเมื่อไรไป เท่านั้นละ เรียกว่าชาตินี้เป็นชาติที่สมบูรณ์เต็มที่แล้ว หมด ชาตินี้เราประมวลมาลงในชีวิตจิตใจอันนี้หมดเลย ความเกิดแก่เจ็บตายก็มาม้วนเสื่อกันลงที่นี่ สวรรค์ชั้นพรหมนรกอเวจีม้วนเสื่อลงจุดนี้หมดเลย นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ ไม่ถามหา
พอในหัวใจที่บริสุทธิ์ ใจกับธรรมเป็นอันเดียวกันแล้วไม่ต้องถามหาพระนิพพาน ไม่ต้องถามหาพระพุทธเจ้าว่ามีกี่องค์ ดูความสว่างจ้าของจิตดวงนี้กับพระพุทธเจ้าทั้งหลายเป็นอันเดียวกันเท่านั้นพอ ไม่ต้องไปถามหาพระพุทธเจ้า ดูใจตัวเองว่าเป็นอย่างไร อันนี้อันนั้นแล้วก็อันเดียวกัน เรียกว่าไม่ต้องหาต้องเลือกเอามาฟัดมาเหวี่ยงมาเทียบมาเคียงกันไม่มีบรรดาพระพุทธเจ้าทั้งหลาย บริสุทธิ์เหมือนกันหมด นี้ฉันใดนั้นฉันนั้น เป็นแบบเดียวกัน
ชาตินี้เรียกว่าเป็นชาติที่สุดขีดของเราละ ไม่หา พอ เต็มแล้วที่นี่ คนว่างงาน คนหมดงาน มาหมดในชาตินี้ทั้งนั้นแหละ คนว่างงาน งานทุกอย่างที่เคยทำมาหมด งานแก้กิเลสตัณหาหมด วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ กตํ กรณียํ พรหมจรรย์ได้อยู่จบแล้ว การประพฤติสมบูรณ์แบบเต็มที่แล้ว ไม่หาที่จะมาเพิ่มเติมหรือเอาออกอีกแล้ว หมด นั่นละ วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ ผลแห่งการปฏิบัติในพุทธศาสนาถึงคำว่าสิ้นเสร็จแล้วเรื่องงานการทั้งหลายในการท่องเที่ยว เกิดแก่เจ็บตายก็หมดไปด้วยกันกับกิเลสสิ้นซากลงไปจากใจ พอแล้ว พร้อมแล้ว เรียกว่าพร้อมแล้วในชาตินี้ เราพร้อมทุกอย่างแล้ว ไม่มีอะไรบกพร่อง
ก็เพราะการทำมาแทบเป็นแทบตาย นั่งภาวนาจนก้นแตก ฟังซิน่ะ นั่นละเหตุที่เราก่อขึ้นมา นั่งภาวนาฟาดตลอดรุ่งๆ จนก้นแตก ก้นแตกก้นเลอะไปหมด ขนาดนั้นละ เอาหนัก เพราะนิสัยนี่เป็นนิสัยจริงจังผาดโผน ถ้าได้ลงใจในจุดใดแล้วเอาตายเข้าว่าเลย นี่ก็แบบนั้นละ ผลที่ได้ขึ้นมาก็คือว่าลบหมด ป่าช้าตั้งแต่นี้ต่อไปจะไม่กลับมาเกิดอีก สุดสิ้นไปหมดแล้ว เรียนโลกเรียนธรรมจบในชาตินี้ชาติเดียวพอ ไม่หาอะไรอีก
เดินเพ่นๆ พ่านๆ ไปตามนู้น เราก็คิดเหมือนกัน เรียกว่าเป็นคนว่างงาน คนหมดงาน เดินไปอย่างนั้นละ ดูโลก ไม่ได้เดินเฉยๆ นะ ดูโลกดูสงสาร ดูสัตว์ทั้งหลาย ตั้งแต่นรกอเวจีขึ้นมาหาสัตว์ธรรมดาในน้ำบนบก ประมวลมาแล้วมีแต่หาความสุขด้วยกัน แต่ก็ไปเจอตั้งแต่ความทุกข์เต็มตัวๆ มาเป็นอย่างไร เทียบสัตว์ เทียบเขาเทียบเรา เทียบหัวใจเขาหัวใจเรา เทียบความเศร้าหมองกับผ่องใสกับความบริสุทธิ์ เอามาใส่กันปั๊บ จ้าอยู่อย่างนั้นละ นี่ละการปฏิบัติธรรม เรียกว่าจ้าสุดขีดแล้ว ชาตินี้เป็นชาติที่หมดความมัวหมอง มีแต่จ้าตลอดเวลา นี่ได้นำมาสอนบรรดาลูกศิษย์ลูกหา ไม่ทราบมันฟังหรือไม่ฟังก็ไม่รู้ นี่สอนสอนจริงๆ ด้วย
เอาละเท่านั้นละ เมื่อวานนี้เขาไสล้อเข้าไปข้างใน ได้ทราบว่าคุณอุไร ห้วยธาร ก็หนักมาก เราเลยให้เขาไสล้อเข้าไปเมื่อวานไปเยี่ยมคุณอุไร ห้วยธาร อันนี้จวนเต็มที่แล้ว ไปทางไหนก็เป็นอย่างนั้น โลกอันนี้โลกอย่างนี้ละโลกกองทุกข์ เมื่อวานเข้าไป เอาล้อไสเข้าไป นี่ก็หมดเราไม่มีคำว่าเสียใจ บกพร่องตรงไหน ในหัวใจของเรามีอะไรว่าบกพร่องเราจะได้เสริมเสียให้เต็มเหนี่ยว หมด ไม่มีคำว่าบกพร่องในหัวใจนี้ สว่างจ้าอยู่อย่างนั้นตลอดเวลา ฟังเสียชัดๆ อยากฟังให้ฟังเสียนะ อย่ามานั่งอ้าปากอยู่เฉยๆ ทั้งง่วงเหงาหาวนอน
๙ โมงแล้ว ทุกวันออกแล้วนะ วันนี้ยังไม่ลุกจากที่ สายกว่าทุกวัน ไปก็ไปทำประโยชน์ให้โลก เอาของไปเทลงโรงพยาบาลนั้นโรงพยาบาลนี้วันละรถๆ ไปเทให้ตามโรงพยาบาล เพราะอดอยากขาดแคลนมากทีเดียว ต้องได้ช่วย ของเราอยู่ในโกดังขนเข้ามาเต็มขนออกๆ ขนเข้ามาขนออกไปทำบุญให้ทานแจกโลกสงสาร
รับชมรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และทางสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
พร้อมเครือข่ายทั่วประเทศ
|