ธรรมมีในใจ
วันที่ 17 ตุลาคม 2551 เวลา 14:00 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อบ่ายวันที่ ๑๗ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๑

ธรรมมีในใจ

 

          เวลามีงานร่างกายไม่ดี พูดอย่างนี้มันออกนี้นะ ออกหู ไม่ได้ออก.. เสียงลั่น เดินโซซัดโซเซ ได้ระวังมาก ไม่ระวังล้ม มันวิงมันเวียน เอนไปเฉยๆ บทเวลามันจะเป็นเอนลงจะล้มนะ เอนลงทางนี้จะล้ม แต่สำคัญที่สติเท่านั้นละ ใครอย่าไปสตินะ สตินี้ให้พายับยั้งตัวได้ ถ้าสติไม่มีนี้โครมเลยๆ นี่ก็นับว่าดีน ไม่เคยล้มนะ เพราะสติมันดี แย็บมันรู้ทันทีๆ ถึงอย่างนั้นก็ต้องได้ระวัง สติดีนี่มันรู้ทันๆ ถ้าสติไม่ดีล้มเลย เป็นอย่างนั้น

          บรรดาพี่น้องลูกหลานทั้งหลายมาในงานนี้ก็งานเกี่ยวกับตัวของเราทุกคนนั่นแหละ งานบุญงานกุศล งานบุญงานบาปงานฟืนงานไฟมันเผาไหม้แต่เราละ ถ้างานบุญงานกุศลจิตใจมันยิ้มแย้มแจ่มใสเบิกบาน ให้พากันระวังอันนี้ละ นี่พูดจริงๆ พูดให้พี่น้องทั้งหลายฟัง เทศน์ทั่วประเทศไทย กี่ปีมาแล้วตั้งแต่เราออกช่วยชาติ แต่ก่อนหน้านั้นก็เทศน์มาเยอะ ยิ่งเทศน์สอนพระล้วนๆ อยู่บน..ยิ่งเผ็ดยิ่งร้อน หมุนติ้วๆเลย จากนั้นมาธาตุขันธ์ก็อ่อน เป็นโรคหัวใจ แล้วก็อ่อนลงๆ จนกระทั่งทุกวันนี้เทศน์ไม่ค่อยได้ มันเหนื่อย เราก็ทนเอา ทนเทศนาว่าการ

          สำหรับเราเองแล้วประกาศตนออกเลยให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบทั่วหน้ากัน ว่าพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งที่เป็นศาสดาองค์เอก โกหกสัตว์โลกมีพระองค์ใด พระพุทธเจ้าอย่าพูดว่าล้านๆ มากกว่านั้น พระองค์ใดก็ตรัสออกมาด้วยสวากขาตธรรมตรัสไว้ชอบหมด เป็นศาสดาองค์เอก สว่างกระจ่างแจ้งไปหมดทั่วโลกดินแดน ท่านจึงเรียกว่าโลกวิทู รู้แจ้งทั้งโลกนอกโลกในโลกผีโลกคน โลกนรกอเวจี สวรรค์ชั้นพรหมนิพพานรู้หมด..พระพุทธเจ้า ท่านจึงได้ประกาศองค์ท่านสอนสัตว์โลกทั้งหลายไม่มีสะทกสะท้านเลย ไอ้เราจะฟังเฉยๆ ก็ขี้เกียจ นี่ละมันไม่เอาไหนนะ ถ้าจะหมุนไปทางศีลทางธรรมก็ขี้เกียจ เพราะกิเลสมันหนามันดึงลงๆ ถ้าจะฉุดลากขึ้นไม่อยากขึ้น กิเลสมันหนาแล้วมันหนัก แล้วก็หนักไปเรื่อยๆ ถ้ากิเลสมันเบาบางธรรมหนาแน่นขึ้นมา กายเบาทุกสิ่งทุกอย่างเคลื่อนไหวไปมา ความคิดความอ่านจะมีเหตุมีผลบังคับตนเสมอ นั่นละธรรมมีในใจเป็นอย่างนั้น

          เรื่องร่างกายของใครมันก็มีเหมือนกัน แต่สำคัญที่ใจบรรจุบาปหรือบุญอยู่ในนั้นสำคัญนะ ถ้าบรรจุตั้งแต่บาปหาบแต่ความชั่วช้าลามกตายแล้วจมเลย ใครอย่าไปท้าทายต่อพระพุทธเจ้านะ ศาสดาองค์เอกมาตรัสรู้แต่ละพระองค์นี้ทรงสวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบแล้วมาสอนโลก เรียกว่าโลกวิทู รู้โลกนอกโลกในโลกผีโลกคน โลกนรกอเวจี นิพพาน ท่านรู้หมดแล้ว  แต่พวกเรากำดำกำขาว ยิ่งเพิ่มความขี้เกียจไปอีกมากมาย อย่างนี้ไม่ดีเลยละ ให้อุตส่าห์พยายาม

          นี่ก็จวนจะตายแล้วนะ ท่านทั้งหลายก็เห็นร่างกาย นี่อายุกำลัง ๙๖ นานไหม อายุกำลังก้าวเข้า ๙๖ ปี พฤษภา มิถุนา กรกฎา จะเข้าสิงหา เต็ม ๙๖ กำลังก้าว นี่ก็ทนเอาอย่างนั้น บวชมานี้ ๗๔ ๗๕ ปี เพศฆราวาสตัดทิ้งตั้งแต่วันบวช มีแต่เพศของพระ ความเคลื่อนไหวของพระทั้งนั้นๆ ติดตัวๆ ตลอดเวลา อุตส่าห์พยายามมาจนชิน เวลาไปนี้จะระวังอะไรไม่ระวังอะไรมันระวังของมันเองนะ ผ่านอะไรนี้มันจะขัดต่อพระธรรมวินัย มันจะพลิกปั๊บๆ ๆ ความเคยชินของจิต ชินต่อการรักษาความดีชำระความชั่ว เป็นอย่างนั้น

นี่ให้พากันระมัดระวังบ้างนะ ใครไม่มีอยากไปชั่วสักคนเดียวละ อยากไปดีทั้งนั้น อยู่ดีกินดี ทุกสิ่งทุกอย่างมีแต่ของดีๆ เข้ามาเกี่ยวข้องกับตัวเรามีแต่ของดีๆ นั่นละคนเราไม่อยากได้ของชั่ว ของชั่วคือกองทุกข์ มันเผาเราตลอดเวลา ไม่ดี ให้พากันอุตส่าห์พยายาม เวลานั่งรถนั่งราไปนี้ว่างๆ จิตกับพุทโธอย่าให้ว่างจากกัน ไปที่ไหนคนเต็มรถให้พุทโธเต็มรถอยู่ในหัวใจของคน นั่นละสง่างาม ไปที่ไหนรถเต็มแต่คน คนก็เลยกลายเป็นขอนซุงไปเสีย เต็มรถมีแต่ขอนซุง ไม่มีอรรถมีธรรมแทรกเลย ไม่เป็นประโยชน์

ให้พากันคิดถึงพุทโธ ธัมโม สังโฆ ธรรมเหล่านี้ไม่มีใครมาสอนได้นะ สอนได้แต่พระพุทธเจ้าพระองค์เดียว ธรรมที่ว่านี่ พุทธศาสนาพระพุทธเจ้าเท่านั้นสอนโลกได้ นอกนั้นก็หูหนวกไปตามๆกันหมดนั่นแหละ เลยไม่ทราบว่าจะพึ่งใคร เขาก็หนวกเราก็บอด แล้วเขาก็ดื้อเราก็ด้าน เลยมีแต่พวกหูหนวกตาบอดดื้อด้านแข่งกับอรรถกับธรรมไปเสีย สุดท้ายเราก็เป็นข้าศึกต่อธรรมซึ่งควรอยู่ในหัวใจของเราตลอดไปใช้ไม่ได้นะ ให้พากันพินิจพิจารณาบ้าง

จิตเป็นของฝึกได้ ฝึกไม่ได้พระพุทธเจ้าไม่มีในโลก เกิดไม่ได้ในโลก พระธรรมมีอยู่แล้ว พระพุทธเจ้าเป็นผู้คุ้ยเขี่ยขุดค้นนะธรรมมาสอนโลกนี่ เราเพียงแต่ล้างมือเปิบเฉยๆ ก็ขี้เกียจขี้คร้านใช้ไม่ได้นะ ให้พากันอุตส่าห์พยายาม คำว่าพุทโธ หรือธัมโม หรือสังโฆ คำเดียวเท่านั้นกระเทือนโลกธาตุ ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยนะ มีฤทธิ์มีเดชมาก ให้พากันตั้งใจปฏิบัติเอา นี่การสร้างบุญสร้างกุศลคือการส่งเสริมหัวใจที่มันต่ำให้สูงขึ้นๆ ที่มันมืดตื้อให้มันสะอาดขึ้นไปๆมันถึงดี จิตที่ฝึกได้

พระพุทธเจ้าเป็นจอมฝึกจิต ฝึกได้แล้วก็มาเป็นจอมศาสดาของโลก อะไรที่พระพุทธเจ้าทางผ่านมาแล้วถูกต้องหมด เพราะไม่มีทางหูหนวกตาบอดอยู่ในนั้น โลกวิทูๆแจ้งโลกตลอด โลกนอกโลกในโลกผีโลกคนโลกนรกอเวจี ไม่มีใครจะเห็นยิ่งกว่าพระพุทธเจ้านะ พระพุทธเจ้าเห็นทุกองค์ ชัดแจ้งทุกพระองค์ มาสอนเป็นคำเดียวกัน ไม่มีที่ว่าสอนผิดพลาด เราก็ให้พากันตั้งใจปฏิบัติ อย่าตื่นลืมตื่นแล้งตื่นดินฟ้าอากาศเกินไป มืดกับแจ้งมีมาตั้งแต่เรายังไม่เกิด พอตายไปแล้วมันก็มีมืดกับแจ้งของมัน แต่จิตใจไม่มีมืดมีแจ้ง ถ้ามีบาปจมตลอด ถ้ามีบุญถึงจะกลางคืนก็ตามสว่างตลอด ใจมีธรรมแล้วเป็นอย่างนั้น ให้พากันอุตส่าห์พยายาม

นี่แทนที่จะตายอย่างเราที่ว่านี่ อายุถึง ๙๖ ปีแทนที่จะห่วงใยเจ้าของ พูดตรงๆบอกไม่มี เราเองเราไม่มี มีแต่ห่วงใยโลกมากหนักเข้าทุกวันๆ มองดูความเคลื่อนของใจดวงใด ของกิริยาอาการใดของใคร มีแต่ไล่เจ้าของจมลงๆ ที่จะลากขึ้นมีน้อยมากนะ อันนี้ที่น่าวิตกมากนะ ให้พากันลากเจ้าของขึ้นด้วยความดีงามทั้งหลาย ตั้งแต่เกิดมาก็สร้างตั้งแต่ความชั่วช้าลามก บางรายเกิดมาตั้งแต่ต้นจนตายไม่มีการสร้างบุญสร้างกุศลกับเขาเลย อย่างนี้มีมาก ผู้ที่สร้างบุญสร้างกรรมเรื่อยๆไปตั้งแต่วันรู้จักเดียงสาภาวะมาแล้วก็ดีขึ้นทุกวันๆ

บางรายเป็น ตโมตมปรายโน เกิดมากับความมืด อยู่กับความมืด ตายไปกับความมืด ใช้ไม่ได้แบบนี้ อย่างที่ว่า ตโมโชติปรายโน เกิดขึ้นมามืดบอด ครั้นชำระสะสางด้วยอรรถด้วยธรรมแล้วก็ค่อยสว่างไสวไปเรื่อยๆ แบบที่ว่า โชติปรายโน นี้ยิ่งแล้วนะ เกิดมาทีแรกก็พอรู้เดียงสาภาวะ พอมันโตขึ้นมามากกิเลสตัณหามันหนาเข้าๆ ลากเจ้าของลง อันนี้ลำบากมาก ให้ระวังให้ดีทุกคน

วันนี้ก็รู้สึกว่าเสียใจ ไม่เทศนาว่าการให้พี่น้องทั้งหลายฟังเต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะธาตุขันธ์ไม่อำนวยมาตั้งแต่คืนนี้แหละ วันนี้ก็โซซัดโซเซทั้งวัน ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย

ขอให้พยุงใจของเราให้ดีนะ สิ่งเหล่านี้ธาตุขันธ์ดินน้ำลมไฟมันมีอยู่กับทุกคน อยู่เวลานี้มันก็เป็นธาตุสี่ดินน้ำลมไฟ ตายไปแล้วมันจะเป็นธาตุอะไร มันก็เป็นธาตุเดิมของเรา แต่ใจมันเป็นอย่างไร เป็นธาตุมูตรธาตุคูถ ธาตุมูตรธาตุคูถคือสร้างแต่ความชั่วช้าลามกถ่ายเดียว ความดีไม่สนใจ เรียกว่าทรงไว้ซึ่งส้วมซึ่งถาน ซึ่งฟืนไฟเต็มหัวใจ ผู้พลิกอย่างนั้นแล้วแก้ตัว ตโมโชติปรายโน ให้มีความสว่างไสวไปเรื่อยๆ เฒ่าแก่ชรามาเท่าไรจิตใจยิ่งรักใคร่ใฝ่ใจต่ออรรถต่อธรรมมากเข้าทุกวันๆ ยิ่งดีนะ จำให้ดีนะ วันนี้ไม่เทศน์อะไรมากนัก เหนื่อย พูดลำบากนะ

ท่านทั้งหลายมาสร้างการกุศลต่างท่านต่างมาสร้างเพื่อตัวเองๆ เป็นแต่เพียงว่ารวมความสามัคคีกันสร้าง ส่วนความดีจริงๆ ใครสร้างได้มากได้น้อยเป็นสมบัติของคนนั้นสร้างเอง ได้สำหรับเจ้าของเองนะ วันนี้พูดเพียงเท่านี้ เหนื่อยลำบากมาก ต่อไปนี้จะให้พรนะ

 

รับชมรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

       www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th

      และทางสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz

    พร้อมเครือข่ายทั่วประเทศ

 

 

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก