การสร้างบุญเมื่อพอแล้วพอที่ใจ
วันที่ 14 ตุลาคม 2551 เวลา 8:10 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๑

การสร้างบุญเมื่อพอแล้วพอที่ใจ

       นี่เราก็พูดแล้วเราทำพินัยกรรมไว้เรียบร้อยแล้ว พอเราตายเท่านั้นของที่เข้ามาให้ทานทั้งหมดนี้จะเอาเงินจำนวนนี้ซื้อทองคำเข้าคลังหลวงเรา สำหรับเราจะเผาด้วยไฟเท่านั้นพอ เป็นอันตายตัวแล้วที่ว่าเราทำพินัยกรรมไว้ด้วยปากของเราเอง บอกว่าเวลาเราตายนี้สมบัติเงินทองข้าวของที่เขามาถวายในงานศพของเรานี้ จะตั้งคณะกรรมการขึ้นเก็บรักษาให้หมด พอเสร็จเรียบร้อยแล้วจะเอาเงินจำนวนนี้ไปซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวงทั้งหมดเลย เราไม่เอาอะไร

         เราเคยพูดกับพี่น้องทั้งหลายเรียบร้อยแล้วว่า เวลาเราตายแล้วนี้มีศรัทธาญาติโยมเขามาถวายปัจจัยทั้งหมดเราจะให้คณะกรรมการเก็บรักษา เรียบร้อยแล้วเงินจำนวนนี้จะเอาไปซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวง นี่พูดตายตัวไว้แล้วเรียกว่าพินัยกรรม เราตายแล้วมีจตุปัจจัยไทยทานเขาเอามาถวายแล้ว เราจะเอาเงินจำนวนนี้ไปซื้อทองคำเข้าคลังหลวงเรา เราจะเผาด้วยไฟเท่านั้นละ ว่าอย่างนั้นเถอะ

       ปัจจัยทั้งหลายเหล่านี้ในเวลาเราตายแล้วเป็นวาระสุดท้าย บอกว่ามีท่านผู้มีศรัทธามาถวายในงานศพเรานั้น เงินจำนวนนี้ทั้งหมดให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นเก็บรักษาเรียบร้อยแล้ว ยกเงินจำนวนนี้ไปซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวงทุกบาททุกสตางค์ เราไม่เอาอะไร กรุณาทราบไว้ (ทองคำได้ ๑๑,๘๓๒ กิโล) ๑๑,๘๓๒ กิโล นี่เข้าส่วนรวม ไม่ไปไหนละ

สำหรับเราเราไม่เอาอะไร เราพอทุกอย่างแล้วในสามโลกธาตุนี้เราพอทุกอย่าง พอในหัวใจเรา ไม่มีอะไรที่จะบกพร่องในหัวใจ ที่พาพี่น้องทั้งหลายทำบุญให้ทานก็ หนึ่งเป็นบุญกุศลในปัจจุบัน อันที่สองก็เรียกว่าผลบุญของเราจะส่งต่อเราไปเรื่อยๆ จนถึงนิพพานนั่นละ เราได้ทำเหมือนว่าพินัยกรรมไว้ทุกอย่างแล้ว เช่นอย่างเราตายนี่เงินจำนวนเท่าไรๆ เขามาบริจาคในงานศพของเรานี้ เราจะตั้งคณะกรรมการขึ้น เก็บรักษาให้หมดเลย พอเก็บเรียบร้อยแล้วจะเอาเงินจำนวนนี้ทั้งหมดไปซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวงของเราให้หมดเลย เท่านั้นแหละ เราก็เผาด้วยไฟ ไปเลย ไม่กลับมา

พูดให้ชัดเจนเสียว่าชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา ในการเกิดการตายทับถมกันมาตลอดตั้งกัปตั้งกัลป์มีแต่เกิดกับตายเต็มไปด้วยกองทุกข์ นี่จะโละกันในชาตินี้ให้หมดเลย ไม่ให้มีอะไรเหลือ ไอ้เรื่องศพนี้เขาจะเผาก็ได้ เขาไม่ทำอะไรก็แล้วแต่เขา แต่เราไม่เอาอะไร เราพอ พอทุกอย่างแล้ว หมดทุกอย่าง เราพอในหัวใจเรา ไม่เอาอะไร การทำบุญให้ทานก็เพื่อพี่น้องทั้งหลายจะได้เป็นอุปนิสัยปัจจัยในกาลต่อไป

การสร้างบุญสร้างกุศลนี้เวลามันเต็มแล้วเต็มจริงๆ การสร้างบุญสร้างกุศลเวลามันเต็มมันพอแล้วเต็มจริงๆ พอจริงๆ พออยู่กับหัวใจ หัวใจพอแล้วปล่อยหมดโดยสิ้นเชิง ไม่มีอะไรเหลือ ทำให้หัวใจพอ นี้ได้บำเพ็ญมาตั้งแต่วันบวชจนกระทั่งป่านนี้สร้างแต่ความดิบความดีตลอดมาเลย เวลาตายแล้วก็ดังที่ว่าละ มอบให้เป็นมรดกของพี่น้องทั้งหลายหมดเลย แล้วปัจจัยจำนวนมากน้อยนี้เอาไปซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวง เราไม่เอาอะไร เราพอทุกอย่างแล้ว เกิดมาในชาตินี้เรียกว่าเป็นชาติที่พอของเรา เราพอทุกอย่าง ไม่มีอะไรขาดเหลือในหัวใจเลย พอ

นี่ละการสร้างคุณงามความดี สร้างตั้งแต่ทีแรกตะเกียกตะกายทุกวิถีทางที่จะให้เป็นบุญเป็นกุศลแก่ตัวเองและส่วนรวม นี่เราก็ได้สร้างเต็มกำลังแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเกี่ยวข้องกับพี่น้องทั้งหลายเราไม่เอาอะไร อะไรที่จะเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมเราจะยกให้เป็นผลประโยชน์แก่ส่วนรวมเท่านั้น เช่นอย่างเวลาเราตายนี้เขามาถวายปัจจัยมากน้อย เราจะตั้งคณะกรรมเอาปัจจัยจำนวนนี้ทั้งหมดซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวงเรา นอกนั้นไม่มี สำหรับเราจะเผาด้วยไฟ นี่เป็นพินัยกรรมแล้วเรียบร้อย

การสร้างตัวเองนี้เวลาเต็มแล้วให้พี่น้องทั้งหลายทราบ มาเต็มอยู่ที่หัวใจ อะไรๆ ก็บกพร่องๆ ในโลกธาตุนี้ไม่มีอะไรบกพร่องนะ เต็ม แต่มันบกพร่องอยู่ที่หัวใจของสัตว์โลก ทีนี้เวลาชำระอันนี้ให้เต็มที่แล้วใจพอเสียอย่างเดียวปล่อยหมดโดยประการทั้งปวง ในชาตินี้เรียกว่าเป็นชาติมาปล่อยหมดละ ชาติของเราชาตินี้เป็นชาติที่ปล่อยหมดโดยสิ้นเชิง เรียกว่ามาล้างป่าช้าก็ได้ จะมาเกิดมาตายกองกันอยู่นี้เท่าที่เป็นมาเท่านั้น หลังจากนี้แล้วจะไม่มี

ดังที่พระพุทธเจ้าท่านแสดงไว้แก่เบญจวัคคีย์ทั้งห้าว่า ญาณญฺจ ปน เม ทสฺสนํ อุทปาทิ ความรู้ความเห็นอันเลิศเลอได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราตถาคต อกุปฺปา เม วิมุตฺติ การหลุดพ้นโดยสิ้นเชิงของเราไม่มีการกำเริบอีกแล้ว อยมนฺติมา ชาติ ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา นตฺถิทานิ ปุนพฺภโว ตั้งแต่นี้ต่อไปเราจะไม่กลับมาเกิดเอากำเนิดจากสัตว์ต่างๆ อีกต่อไปแล้ว เป็นอันว่าสิ้นสุด นี่พระพุทธเจ้าท่านประกาศให้เบญจวัคคีย์ทั้งห้าทราบ

นี่ละการสร้างบุญสร้างกุศลเมื่อพอแล้วมาพอที่ใจนะ เพราะใจเป็นดวงแสวงหาเสาะๆ อยู่อย่างนั้นตลอด พอใจพอความดีทั้งหลายแล้วปล่อยหมดโดยสิ้นเชิง ให้พากันสร้างนะความดี มีวันเต็มวันพอได้ ถ้าสร้างแต่กิเลสแล้วไม่มีวันพอ เดินไปตามถนนหนทางก็เห็น ไปที่ไหนหรูหราฟู่ฟ่าเวลาตายแล้วก็ทิ้งเกลื่อน ไม่เห็นมีอะไรติดเนื้อติดตัวไป ถ้าเป็นฝ่ายสร้างเป็นกุศลแล้วตายแล้วติดไปเลย ติดเจ้าของไปเลย ถ้าเป็นเรื่องของโลกๆ สร้างด้วยความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม ให้เขายกยอปอปั้นอย่างนี้แล้วก็เป็นโมฆะไม่เกิดประโยชน์อะไร สร้างให้เป็นบุญเป็นกุศลจริงๆ ได้พอแล้วพอ ไม่เอาอะไรแหละ

ให้พี่น้องทั้งหลายอุตส่าห์พยายามบำเพ็ญกองการกุศล วันนี้วันออกพรรษาแล้ว วันปวารณา คนเต็มศาลา นี่มาสร้างเพื่อหัวใจให้พอกับความดีทั้งหลาย อะไรพอไม่เหมือนหัวใจพอ อะไรหิวโหยไม่หิวโหยยิ่งกว่าใจ พอใจพอเสียอย่างเดียวพอหมดเลย พากันจำเอาไว้ ใจที่จะพอพออะไร พอบุญพอกุศล เมื่อพอนี้แล้วก็เลิกกันละ ความทุกข์ทั้งหลายก็หมด ทุกอย่างหมด ท่านว่าไปนิพพานๆ นี่ละนิพพานเที่ยง เที่ยงอยู่ที่ใจ พอทุกอย่างแล้วนะ  ให้พากันจำเอา

ต่อนี้ไปจะให้พรเท่านั้นละ มันเหนื่อยมาได้ ๗ วันเต็มแล้ว อ่อนตลอด ไม่ทราบเป็นอย่างไร (ทองคำวันนี้ได้ ๑๒ บาท ๒๓ สตางค์) ทองคำวันนี้ได้ ๑๒ บาท ๒๓ สตางค์ ของเล่นเมื่อไร นี่เราก็ขนไว้เพื่อส่วนรวมๆ นั่นแหละ ทีนี้จะให้พร

 

รับชมรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th

และทางสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz

พร้อมเครือข่ายทั่วประเทศ

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก