มันเทศน์มากต่อมาก ลืม ไม่ทราบเทศน์ที่ไหนต่อที่ไหนบ้าง มากจริง ๆ นะ เทศน์ในประเทศไทยนี้มากจริง ๆ ดูจะไม่มีพระองค์ใดมากยิ่งกว่าเราที่เทศน์ในประเทศไทยเรานี้ มากจริง ๆ ในสามปีมานี้มาก แต่ก่อนก็เทศน์อยู่แล้วเทศน์อยู่ใต้ดิน คำว่าใต้ดินคือไม่ให้มี เช่น หนังสือพิมพ์อะไรก็ไม่ให้มี วิทยุ โทรทัศน์เทวทัตเหล่านี้ไม่มี อะไร ๆ ก็ไม่มี เช่นอย่างที่ว่าเขาถ่ายทอดสดหรืออะไรอย่างนี้ก็ไม่มี เราเทศน์อยู่ใต้ดินมาเป็นเวลานาน มันก็ดังอยู่ใต้ดินนั่นแหละ ดังอยู่ลึก ๆ ต่อจากนั้นมาก็โผล่ขึ้นมานี้ ไม่ทราบว่าดังแบบไหนละที่นี่ พอขึ้นมาบนดินแล้วนะ
รวมแล้วก็ร่วม ๕๐ ปีแล้วที่เราเทศน์ นับเอาตรงนี้ที่มาสร้างวัดป่าบ้านตาด เรียกว่าเริ่มต้นเทศน์ ออกใต้ดินก็เป็นใต้ดินที่เปิดเผย ก่อนหน้านั้นยังลึกอยู่อีก เพราะเทศน์สอนพระสอนเณรในป่าในเขา เณรไม่ค่อยมีแหละมีแต่พระ อยู่ในป่าในเขาจนกระทั่งได้ออกมาสร้างวัดป่าบ้านตาดเกี่ยวกับโยมแม่ จากนี้ก็เริ่มค่อยเปิดเผยอยู่ใต้ดินอีกเหมือนกัน พึ่งมาเหนือดินตอนออกช่วยชาตินี่ เทศน์มาเป็น ๓ วาระ วาระหนึ่งอยู่ในป่าในเขากับพระทั้งหลาย วาระที่สองก็ออกมาสู่ประชาชน โดยสร้างวัดป่าบ้านตาดขึ้นมา จากนั้นก็เรื่อย ๆ ละ วาระที่สามนี้ก็ออกทั่วโลก คราวนี้เป็นคราวที่เปิดเผยเทียว เปิดเผยทุกแห่งไปเลย โลกนอกเขาก็เห็น ออกทุกอย่าง ถ่ายทอดออกทางเมืองนอกก็มี เฉพาะอินเตอร์เน็ตนี้ออกตลอดเวลา เวลานี้อินเตอร์เน็ตทั่วโลกไปแล้วละ จึงว่าเป็น ๓ วาระ วาระนี้เป็นวาระที่เปิดเผยมากที่สุดออกทั่วโลกเลย
นี่ไม่นานก็จะเริ่มไปกรุงเทพอีกแล้ว เวลานี้หลวงตายุ่งมากนะไม่เหมือนแต่ก่อน ยุ่งมากจริง ๆ ยุ่งใกล้ยุ่งไกล ยุ่งหนักยุ่งเบายุ่งตลอดเวลานี้ อยู่เงียบ ๆ นี้ก็ต้องมีเรื่องอยู่นั้นให้ยุ่งอยู่เรื่อย ๆ เราเห็นแก่โลกแก่สงสารเราถึงอุตส่าห์พยายามบึกบึนนะ เรียกว่าบึกบึนเต็มที่แหละเพราะเห็นแก่ชาติไทยของเรา ปรกติแล้วเราไม่ยุ่งกับใคร เป็นนิสัยอาภัพไม่ค่อยจะยุ่งกับใคร ตั้งแต่ออกปฏิบัติมาก็ไม่ยุ่งกับใครตลอด การแนะนำสั่งสอนนี้ก็ค่อยมาเปิดเวลามาสร้างวัดป่าบ้านตาด ก็อยู่ในเกณฑ์ไม่ยุ่งอยู่นั้นแหละ ตอนสำคัญก็คือระยะนี้เป็นระยะที่ยุ่งมากทีเดียว
คือโลกนี้พูดให้ชัดเจนนะ เป็นโลกของกิเลส กิเลสหาความสะอาดภายในไม่มี มีแต่ความสะอาดภายนอก ตกแต่งหลอกลวงกัน นี่คือเรื่องของกิเลสให้พากันจำเอาไว้ เอาธรรมจับเข้าไปเลยเทียวจะกระจ่างหมด นอกจากท่านจะนำมาพูดหรือไม่พูดเท่านั้น เรื่องพิษของกิเลสนี้สกปรกฝังลึกอยู่ภายในใจของสัตวโลกทั่วไปหมด แต่มันชอบเอามาประดับประดาตกแต่งภายนอก เพื่อกลบของสกปรกของมันอยู่ภายใน ด้วยการประดับประดาตกแต่งทุกอย่าง ๆ มีแต่เรื่องตกแต่งปลอมแปลงทั้งนั้นหาความจริงไม่มี เรียกว่าตกแต่งประดับหน้าร้านเอาไว้ ภายในร้านมีแต่ความสกปรกเต็ม
ภายในร้านก็คือหัวใจของโลก ภายนอกร้านก็คือการไปมาหาสู่ การคบค้าสมาคมของคนทั่วโลก มีแต่เรื่องการประดับประดาตกแต่งหาความจริงไม่ค่อยมี พูดนี้ไพเราะเพราะพริ้งนิ่มนวลอ่อนหวาน แต่ยาพิษฝังอยู่ในกิริยาอันนั้น เรื่องของกิเลสเป็นอย่างนั้น แต่เรื่องของธรรมแล้วเปิดออกมายังไงเป็นคุณมาตลอด เป็นความจริงมาล้วน ๆ เพราะฉะนั้นภาษาของโลกกับภาษาของธรรมจึงต่างกัน คำว่าภาษาของโลกก็ได้แก่ภาษาของคนที่มีกิเลสซึ่งอยู่ในโลกนี้แหละ ภาษาของธรรมก็คือธรรมที่ฝังอยู่ในใจของผู้มีธรรม แล้วออกเป็นธรรมล้วน ๆ นี่ภาษาของธรรม จึงเปิดเผยตลอดเวลา
แล้วเห็นแจ่มแจ้งชัดเจนเรื่องกิเลสทั้งหลาย มีธรรมเท่านั้น นอกนั้นไม่มีใครมองเห็นเรื่องความสกปรกของกิเลส เพราะเขาก็สกปรกเขาก็ประดับประดา เราก็สกปรกเราก็ประดับประดา เราก็ปิดความสกปรกของเรา เขาก็ปิดความสกปรกของเขา เอาแต่สิ่งที่ไพเราะเพราะพริ้งนิ่มนวลอ่อนหวานมาหลอกกัน โลกจึงหลงเป็นบ้ากันเวลานี้เห็นไหมล่ะ ถ้าเราดูตามภายนอกนี้ไม่มีอะไรจะเย็นยิ่งกว่ามนุษย์เรา เพราะมนุษย์เรานี้ฉลาด ทุกสิ่งทุกอย่างตกแต่งหรูหราฟู่ฟ่าไปหมด ๆ ควรจะได้ความสุขยิ่งกว่าบรรดาสัตว์ทั้งหลายที่เขาตกแต่งไม่เป็นนะ
แต่นี้เรื่องความทุกข์ก็จมอยู่ในหัวใจของสัตว์ผู้ที่ตกแต่งเก่ง ๆ นั้นแหละ คำว่าฉลาดตกแต่งก็คือกิเลสพาฉลาดให้ตกแต่ง ปกปิดกำบังความสกปรกของมันเอาไว้ แล้วภายในก็ผลักดันออกมาแสดงความลึกลับต่อกัน เช่น ฉกลักปล้นจี้ขโมยรีดไถประเภทต่าง ๆ มีแต่ออกจากความลึกลับของกิเลสสั่งงานออกไป ภายนอกเห็นกันประจบประแจงเลียแข้งเลียขาไป นี่เรื่องของกิเลสมันปลิ้นปล้อนหลอกลวงแสนปลิ้นปล้อนทีเดียว เอาธรรมจับก็เห็นหมด พระพุทธเจ้ามาสอนโลก ไม่เอาธรรมมาจับโลกสอนโลกได้ยังไง สอนไม่ถูก
นี้สอนตรงไหนจับปั๊บตรงไหนเห็นแล้วถึงจับมา ๆ จึงเรียกว่า สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ชอบแล้วดีแล้ว คือไม่ผิดไม่พลาด ด้วยการจับดูด้วยธรรม ธรรมไม่มีคำว่าเอนเอียง เรื่องธรรม..อคติไม่มี ตรงเป๋งเลยเทียว เพราะฉะนั้นจึงเป็นชีวิตจิตใจของโลก ต้องอาศัยพึ่งธรรมตลอดมา ถ้าไม่มีธรรมเสียอย่างเดียว มีแต่กิเลสนี้เป็นไฟเป็นเถ้าเป็นถ่านไปหมดเลย นี่มีธรรมยับยั้งเอาไว้พอรู้เนื้อรู้ตัว คนดีเมื่อได้รับการเสี้ยมสอนหรือดุด่าว่ากล่าวก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ
ถ้าคนชั่วแล้วดุเท่าไรยิ่งเป็นภัย อย่างพระเทวทัต พระพุทธเจ้าแนะนำสั่งสอนเท่าไรก็เป็นภัยต่อพระพุทธเจ้าจนได้ แต่ก็ยังดีนะพระเทวทัตยังมารู้โทษในวาระสุดท้ายว่าไปไม่รอดแล้ว แตกแยกจากพระพุทธเจ้า เรียกว่าสังฆเภทอันใหญ่หลวงก็คือพระเทวทัต ทำสงฆ์ให้แตกกันกระจัดกระจาย แยกตัวเป็นศาสดาองค์หนึ่งแข่งพระพุทธเจ้า เมื่อไปแล้วก็ไปไม่รอด เพราะของปลอมไม่ใช่ของจริง บรรดาพระสงฆ์ที่ไม่รู้ภาษีภาษาแตกกระจัดกระจายไปตามพระเทวทัต ก็หลั่งไหลกลับมาหาพระพุทธเจ้าทั้งหมด สุดท้ายทราบในประวัติก็ว่า เห็นแต่พระโกกาลิก แล้วมีพระอีกสองสามองค์ที่ไม่ระบุชื่อ จากนั้นก็มาเด่นที่พระโกกาลิกเท่านั้น
แล้วกลับมายอมพระพุทธเจ้า นี่เรียกว่ามาเห็นโทษในวาระสุดท้ายจะเข้ามาเฝ้า พระพุทธเจ้าก็รับสั่งไว้อย่างตายตัวอีก โหย ถึงมาก็ไม่ได้พบเรา จะมาถูกแผ่นดินสูบที่หน้าพระเชตวัน มาตรงนั้นพวกบริษัทบริวารที่หามกันมานั้นก็ลงอาบน้ำอาบท่า นี้นั่งอยู่บนแคร่แล้วถูกแผ่นดินแยกจมลงไปเลย ยังเหลือแต่คางกรรไกร สุดท้ายก็เลยเอาคางกรรไกรนี้ถวายบูชาพระพุทธเจ้าในวาระสุดท้าย พระองค์ก็แย้มพระโอษฐ์รับ เออ เธอไม่เสียทีแหละ ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายของเธอที่ก่อกรรมก่อเวร สร้างบาปสร้างกรรมมานักหนา แล้วเวลานี้เธอได้เห็นโทษอย่างสุดขีดสุดแดน แล้วถวายคางกรรไกรในวาระสุดท้าย
ต่อไปนี้แม้เธอจะได้รับความทุกข์ทรมานขนาดไหน ตามกรรมของเธอที่ทำไว้มากนั้นก็ตาม แต่วาระสุดท้ายของเธอ คางกรรไกรของเธอจะเป็นคุณค่ามหาศาล เพราะเธอได้ถวายคางกรรไกรเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ต่อเราตถาคต แล้วต่อไปนี้พอพ้นจากนรกอเวจีซึ่งแสนสาหัสในการได้รับความทุกข์ความทรมานนี้มาแล้ว เธอจะได้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่งชื่อ อัฏฐิสาระ แปลว่า กระดูกเป็นแก่นสาร ถึงขนาดนั้นท่านยังรู้ตัวได้วาระสุดท้าย ไม่งั้นก็จมไปเลยเทียวไม่มีวันเวลา แต่นี้ท่านก็รู้โทษเสีย คางกรรไกรฉุดไว้ได้ จะได้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าในวาระต่อไปบอกเลยเทียว
พระพุทธเจ้ารับสั่งไม่ว่าพระองค์ใดจะไม่มีสองเลย นี่ละศาสดาของโลกเป็นที่ไว้ใจเป็นที่ตายใจของสัตวโลก ก็คือธรรมเท่านั้น ธรรมพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ทรงไว้เต็มพระทัย ๆ นำธรรมออกมาสอนโลกจึงเป็นความร่มเย็นแก่โลกตลอดมา เวลาตรัสรู้ธรรมขึ้นมาแล้วเท่ากับฝนตกฟ้าลงนั่นแหละ ชุ่มเย็นทั่วดินแดน นี่ละผู้ที่รู้ตัวว่าผิดแก้ก็แก้ได้อย่างนี้ ทำชั่วได้ทำดีก็ได้แก้กันก็ได้ ของสกปรกชะล้างด้วยของสะอาดก็สะอาดได้ นอกจากหลังหมีเท่านั้น หลังหมีถ้าดำมาแต่กำเนิดล้างมันก็ไม่ออก แต่ก็เป็นความสะอาดประจำชาติของมัน จะตำหนิว่ามันชั่วมันดีไม่ได้ด้วยสีของมันดำ ๆ นะ
แต่สีของคนทำชั่วนี้สีเป็นภัย ไม่ได้เหมือนสีหลังหมีหลังหมาดำนะ นั้นดำธรรมชาติของมัน อย่างพวกเรานุ่งมานี้ก็นุ่งดำห่มขาวก็เป็นธรรมชาติ ไม่มีอะไรชั่วอะไรดีเท่านั้น มีแต่สีเฉย ๆ หลังหมีหลังหมาเป็นอย่างนั้น แต่หัวใจของคนที่เทียบกับว่าเป็นหลังหมีนี้เป็นหัวใจที่เป็นพิษเป็นอันตรายแก่ตนเอง นี้จมไปเรื่อย ๆ ถ้าไม่รีบแก้ไขดัดแปลง ใครจะฝืนพระพุทธเจ้าก็เท่ากับฝืนตัวเอง ใครทำลายพระพุทธเจ้าเท่ากับทำลายตัวเอง ย้อนปั๊บ ๆ เพราะฉะนั้นใครอย่าฝืน เราเป็นลูกชาวพุทธขอให้ฟังอย่างถึงใจนะ
หลวงตาบัวมาสอนพี่น้องทั้งหลาย ไม่ได้คิดได้อ่านว่าจะได้นำธรรมประเภทนี้มาสอนพี่น้องทั้งหลาย แต่เมื่อมันจ้าขึ้นในหัวใจแล้ว เป็นพระพุทธเจ้าได้เพราะธรรมจ้าในหัวใจ เป็นสาวกได้เพราะธรรมจ้าในหัวใจ ตามภูมิของสาวก ตามภูมิของพระพุทธเจ้า เต็มภูมิทุกคน ๆ อาจหาญพูดให้เป็นไปตามหลักความจริงที่ทรงไว้ในหัวใจเต็มสัดเต็มส่วน นี่ละธรรมเป็นอย่างนั้น ใครจะมาเหยียบย่ำทำลายอะไร ธรรมเป็นธรรมวันยังค่ำ ไม่มีที่จะต่ำต้อยน้อยหน้าต่อผู้หนึ่งผู้ใด ภูเขาจะสูงขนาดไหนก็อยู่ใต้ฝ่าเท้าอยู่ดี เราไปซิภูเขามันสูงขนาดไหน ภูเขาลูกนี้สูง ๆ มันสู้ฝ่าเท้าคนไม่ได้ฝ่าเท้าสัตว์ไม่ได้ สัตว์เหยียบไปหมด สูงขนาดไหนก็เหมือนกัน
นี้ธรรมก็เหมือนกัน ใครจะตำหนิติเตียนว่าธรรมต่ำช้าลามกเลวทรามสกปรกอะไร ๆ ก็ตาม ธรรมก็คือฝ่าเท้าจะเหยียบภูเขาคือกิเลสกองเท่าภูเขา ๆ อยู่นั้นแลไม่เป็นอย่างอื่น ธรรมจึงไม่มีคำว่าต่ำ สูงตลอดเวลา
ใครอย่าลืมเนื้อลืมตัวทุกคนนะ เกิดมาด้วยกรรมทุกคน จะสูงจะต่ำอำนาจแห่งกรรมตกแต่งมาให้ทั้งนั้น เรื่องตกแต่งภายนอกประเดี๋ยวประด๋าวก็ล้มหายตายจากพลัดพรากกันไป ส่วนภายในเป็นนิสัยวาสนาดีชั่วนี้ไม่จากนะ ติดตัวไปเลย ให้พากันระมัดระวังอันนี้ให้ดี เรื่องธรรมพระพุทธเจ้าแล้วเอกไม่มีสองแต่ไหนแต่ไรมา และจะเป็นเอกต่อไปตลอด นี่คือศาสนาที่เป็นคู่โลกคู่สงสารคู่บ้านคู่เมือง คือพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ นอกนั้นเราไม่ได้ตำหนิ เพราะเป็นศาสนาของคนมีกิเลสเป็นคลังกิเลส คิดว่ายังไงว่าดีก็ว่าไปตามดีของตัวเองที่เป็นความสำคัญต่างหาก ๆ นะ ส่วนพระพุทธเจ้าพูดตามหลักความจริงไม่เข้านั้นออกนี้ ผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก ว่าอะไรเป็นอย่างนั้น เพราะดูแล้วรู้แล้วเห็นแล้วชัดเจนแล้วว่าผิดว่าถูก แล้วว่าออกไปตามนั้น จึงไม่มีคำว่าผิดพลาดไปสำหรับคำสอนพระพุทธเจ้า ให้พากันนำไปปฏิบัตินะ
มันจะจมกันทั้งโลกนะเวลานี้ ใครก็มีแต่อวดดีอวดเด่นชิงดีชิงเด่น มันชิงความเลวทรามต่างหาก ต่างคนต่างชิงกันไปเพื่อความเลวทราม โดยเข้าใจว่าตัวนี้ดีนี้เด่น ๆ มันมีแต่เรื่องจะจม ๆ ถ้าธรรมไม่แนบหัวใจมันบ้างแล้วจะไม่รู้ตัวนะ ผู้ไม่มีธรรมแล้วไม่รู้ตัว จะสูงจะส่งขนาดไหนไม่ลืมตัว ๆ รู้ตัวตลอดเวลา นั่นคือผู้มีธรรม สูงต่ำไปไหนเป็นความสวยงาม ไม่ว่าเด็กไม่ว่าผู้ใหญ่ ตลอดถึงพระถึงเณร เป็นผู้ใหญ่มีข้อวัตรปฏิบัติดิบดีเท่าไร เด็กก็น่ารักน่าสงสาร ผู้ใหญ่ก็น่าเคารพบูชา นี่ถ้าธรรมแทรกในใจ คือความดีมีอยู่กับเด็กกับผู้ใหญ่ มีอยู่กับพระกับเณร ถ้าตั้งใจประพฤติปฏิบัติให้เป็นคนดีเด็กดีผู้ใหญ่ดีพระเณรดีแล้วก็งามไปหมดนั่นแหละ
ธรรมไม่เฟ้อนะ แต่กิเลสนี้มันก็แบบของมัน มันไม่มีเฟ้อกิเลส แต่ธรรมเห็นว่ากิเลสนี้มันเฟ้ออยู่แล้ว พอปั๊บนิดหนึ่งไม่เป็นที่พึงปรารถนาของท่านผู้มีธรรมแล้วเรียกว่าเฟ้อแล้ว ธรรมจับปั๊บเฟ้อทันที ๆ แต่กิเลสไม่เคยจับตัวเองจึงไม่มีคำว่าเฟ้อ เป็นบ้าเท่าไรยิ่งหนักเข้าไป ตายจมลงนรกจนจะแตกก็ยังปฏิเสธว่านรกไม่มี ๆ ทั้ง ๆ ที่ตัวมันถูกเผาอยู่ในนรกจมไม่ทราบว่ากี่กัปกี่กัลป์ ฟื้นขึ้นมาแล้วก็ลืมภพลืมชาติของตัวเองว่าไม่เคยตกนรก ลบล้างนรกว่าไม่มีอีก ตกอีกด้วยการทำความชั่วไม่รู้ตัว ให้พากันจำเอานะ
ไม่มีใครจะมีญาณหยั่งทราบเด่นชัดยิ่งกว่าพระพุทธเจ้าแหละ ถ้าเราไม่เชื่อพระพุทธเจ้าแล้วหมด เกิดมาเป็นมนุษย์นี้สักแต่ว่ารูปว่าร่างเฉย ๆ หางก็ไม่มีเหมือนหมาสู้หมาก็ไม่ได้ พวกเราอย่าอวดเก่งนะ ว่าเราดีเราเด่น เวลาคว้าหางไม่มี หมานี่ลองไปคว้าซิ แม้แต่ไอ้หมีเราหางมันสองข้อมือยังมีนะมาอวด นี่หางข้าสองข้อมือ มันอวดได้นะ เรานี้อวดได้ที่ไหนไม่มีหาง พากันจำให้ดี วันนี้พูดเพียงเท่านี้แหละไม่พูดมาก เอาละพอ
วันนี้ดีละมาเยี่ยม ให้พากันพิจารณานะอรรถธรรมทั้งหลาย เราเปิดโลกธาตุอย่างชัด ๆ อย่างนี้ละ คือเราจวนจะตายแล้ว ธรรมประเภทนี้เราไม่เคยรู้เคยเห็น เกิดมาแต่โคตรพ่อโคตรแม่เราก็ไม่เคยเห็น แต่มันมาปรากฏในหัวใจหลวงตาบัวนี้ มันกระจ่างแจ้งขึ้นมาถึงอุทานทีเดียวนะ โอ้โห ๆ ขึ้นเลย แต่วันนั้นไม่ได้อุทานถึงโคตรพ่อโคตรแม่เราเท่านั้นเอง เราก็บอกเราไม่อุทาน
เดี๋ยวนี้จึงมาระลึกได้แล้วจึงมาอุทานว่า โคตรพ่อโคตรแม่หลวงตาบัวไม่เคยรู้ธรรมประเภทนี้ หลวงตาบัวรู้ได้ยังไง อยากว่าอย่างนี้แหละ คือว่าย้อนหลัง วันเวลาที่มันเป็นมันไม่ได้คิดถึง มีแต่อัศจรรย์พระพุทธเจ้า อัศจรรย์พระธรรม ว่าพระพุทธเจ้าประเสริฐอย่างนี้ละเหรอ ๆ ธรรมประเสริฐอย่างนี้ละเหรอ ๆ อยู่อย่างนั้น น้ำตาร่วง ๆ นอนไม่ได้เลยทั้งคืนฟังซิ มันเป็นเองของมัน เพลิน ไม่ทราบว่าอัศจรรย์ ไม่ทราบว่าอะไร เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น อะไรก็ว่าดิบว่าดีก็ดีมาเรื่อย ๆ แล้วธรรมเหนือขึ้นเหยียบไปเรื่อยๆ พับเสร็จ ทีนี้มาดูที่ว่ามันดีๆ มันเหมือนกับกองขี้ควายไปหมด กองมูตรกองคูถไปหมด อันนั้นเป็นยังไงถึงมาว่าอันนี้เป็นกองขี้ควาย แต่ก่อนเราก็อยู่กับกองขี้ควายทำไมไม่เห็นว่า ในขณะนั้นเวลานั้นทำไมว่าได้ มันไม่เต็มหัวใจในธรรมทั้งหลายว่าได้หรือมนุษย์เรา พิจารณาซิ นี่ละธรรมของพระพุทธเจ้าให้พากันพิจารณานะ นี้จวนจะตายเปิดออกเต็มเหนี่ยวๆ ไม่มีอะไรเสียดาย เพราะความเมตตาสงสารโลกนะ
อย่ามาเข้าใจว่าหลวงตาบัวโอ้อวดอย่างนั้นอย่างนี้ คำพูดนี้มันจะฟาดเจ้าของให้แหลกจมในนรกนะ เราสอนเพื่อมรรคผลนิพพานเราไม่ได้สอนเพื่อคนลงนรกนะ อย่ามาแย่งเอาไฟนรกไปเผาตัวเองด้วยคำสอนที่เป็นน้ำดับไฟนี้นะ ให้พากันจำคำนี้ก็ดี โห มันทุเรศนะ มองไปที่ไหนนี้พูดจริงๆ ถ้าหากว่ามันเห็นเหมือนอย่างโทรทัศน์นี้ โอ๋ย มันดูไม่ได้นะมนุษย์เราจะว่ายังไง มันเห่อเป็นบ้ากันอยู่ขนาดนั้น ธรรมดูมันดูไม่ได้ เหมือนกับคนดีเราดูคนบ้านั่นเองจะผิดอะไร ไม่ดูบ้าอย่างอื่นก็ดูบ้าเวลาเมาเหล้า เวลาไปนี้ดิบดีแต่งเนื้อแต่งตัวหรูหราฟู่ฟ่า พันตรี พันโท พันเอก เอกตาเดียวก็มี เอกเลยตาเดียวแล้วก็เป็นตาบอดก็มี มันก็ยังฟู่ฟ่าๆ ธรรมจับเข้าไป
แล้วคนดีดูคนเป็นบ้าเป็นยังไงดูได้ไหม เมาเหล้าเมาสุราอ้อแอ้ๆ แล้วมีเมีย ๓ คนยังไม่พอ ยังอยากจะได้ ๕ คน แต่เวลาพูดอย่างนี้อย่าไปพูดให้แม่อีหนูฟังนะ ทั้งๆ ที่พูดแล้ว นั่นละบ้ามันขนาดนั้นเข้าใจไหม อย่าไปพูดให้แม่อีหนูฟังนะเดี๋ยวแม่อีหนูตามขนาบเรานะ แล้วมันพูดแล้วเข้าใจไหม กลับไปนี้จะไปส่องดูที่ไหนสาวสวยๆ งามๆ แล้วเราจะเอาผู้นั้นมาอวดแม่อีหนู เวลาพูดนี้เราพูดกระซิบกันนะ ฟังซิ คนบ้าเหล้าเข้าใจไหม เราพูดกระซิบกันนะทั้งที่มันพูดวากๆ อยู่ มันก็บอกว่ามันกระซิบเข้าใจไหม นั่นละเป็นอย่างนั้นนะ แล้วอย่าไปบอกเขานะ นี่ละบ้าอย่างนี้คนดีฟังได้ไหม ฟังคนบ้ามันพูดอย่างนั้น อันนี้เรื่องของธรรมทั้งหลายดูกิเลสคลุกเคล้าเผาหัวใจคนก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน ให้พี่น้องทั้งหลายทราบเสีย เราเปิดเต็มเหนี่ยวนะ
ไม่นานเราก็จะตายเราบอกแล้ว นั่นเมรุเราก็ทำไว้แล้ว แต่ไม่ทราบว่าจะได้เผาที่นี่หรือไม่เผาที่นั่น ไปที่ไหนก็ไม่ทราบละเรื่องราวเหตุการณ์มันหากมี ที่เป็นเหตุที่กีดขวางกันอยู่นี่นะ ถ้าธรรมดาเรากบเขียดตายยังไงเราตายแบบกบเขียด ฝังหรือไม่ฝังก็ช่าง โยนเข้าป่าเราไม่สนใจกับซากกระดูกอันนี้ ธรรมธาตุอันนั้นไม่ใช่ซากกระดูกมาเสียดายมันหาอะไร เท่านั้นเราพอแล้ว แต่นี้เราพูดเพื่อพี่น้องทั้งหลาย จิตใจเป็นนักสมบุกสมบันนะ ร่างกายเราตายใจนี้ไม่ตาย สั่งสมความดีความชั่วไว้ในใจ อันนี้ไม่เคยตาย จะติดแนบตลอดไป ใครทำชั่วติดแนบ บาปไม่มีบุญไม่มีก็ตามติดแนบอยู่แล้ว มีแต่ลมปากเฉยๆ ว่าบาปไม่มี มันมีอยู่แล้วในหัวใจของผู้ที่ทำบาป ผู้ทำบุญก็มีอยู่แล้วในนั้น อันนี้ละจะพาไปลงนรกหมกไหม้ขึ้นสวรรค์ชั้นพรหมตลอดถึงนิพพาน ก็คือบุญนี้แหละจะพาไป แล้วบาปนี้แหละจะพาลงนรกให้จำไว้ ไม่มีผู้ใดนะ
พวกเราฟังกันทุกคน ให้ฝังใจทุกคนนะ เรานี้เป็นผู้จะรับเคราะห์ทั้งบาปทั้งกรรม รับสิริมงคลทั้งบุญทั้งกุศลที่เราสร้างขึ้นมา ให้รู้เนื้อรู้ตัวตั้งแต่บัดนี้นะ ตายแล้วจะกุสลา ธมฺมา อกุสลา ธมฺมา ยายคนนี้ตายแล้วไปไหนนา เราจะบอกว่าไปสันพร้านี่ฟาดหัวคน ตั้งแต่เวลามีชีวิตอยู่ไม่สนใจกับอรรถกับธรรม เวลาตายแล้วมานิมนต์ ไปหากว้านพระมาทั่วประเทศไทยมา กุสลา ธมฺมา มันเกิดประโยชน์อะไร สร้างเสียซิผลบุญผลกุศลเวลายังมีชีวิตอยู่นี้ เรานึกว่าเราจะไม่ตายหรือ นี่กองตายด้วยกันอยู่เต็มศาลา ตายด้วยกันทั้งนั้นนะ ให้ประมวลเข้ามาทุกคนไม่มีใครเกินใคร ตายเหมือนกัน ต่างกันแต่ก่อนหลังเท่านั้น
เวลาไม่ตายนี้เราจะหาอะไร จิตนี้มันไม่ตาย มันกำลังจะแบกจะหามทั้งดีทั้งชั่วมันจะเอาเข้าสู่จิตหมด อันนี้จะไป ไอ้ร่างกายนี้ไม่เป็นบุญเป็นบาป นรกมันก็ไม่ลง สวรรค์ก็ไม่ขึ้น ตัวจิตนี้แหละตัวที่จะไปนรกด้วยการสร้างบาปสร้างกรรม จิตนี้แหละตัวที่จะไปสวรรค์ด้วยการสร้างคุณงามความดี ตัวนี้เป็นตัวคอยรับบาปรับกรรมให้ฟังเสียให้ถึงใจนะ ตายแล้วอย่ามานิมนต์ กุสลา ธมฺมา นะไม่เกิดประโยชน์อะไร กุสลา ธมฺมา แปลว่าอะไร แปลว่าความฉลาดแหลมคมในคุณงามความดีทั้งหลาย อกุสลา โง่สุดบัดซบ สร้างตั้งแต่ฟืนแต่ไฟเผาไหม้ตัวเอง เราจะเอาแบบไหนให้เลือกเฟ้นเสียตั้งแต่บัดนี้ ตายแล้วมา กุสลา ธมฺมา ไม่เกิดประโยชน์อะไร นี่เป็น ๒ กัณฑ์แล้วเหรอ โฮ้ เอาไปเอามาเป็น ๒ กัณฑ์ ๓ กัณฑ์ เอาละพอ
เมื่อวานนี้ได้ทองหนัก ๑ บาท ๘๐ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๑๑๒ ดอลล์ เมื่อวานตอนบ่ายๆ เขาก็เอามาให้อีกเราก็ลืมเสียไม่ทราบว่าเท่าไร ถึงอ่านไม่อ่านมันก็เข้าของมันเรื่อยๆ ละไม่มีสอง ที่จะมัวหมองที่จะเป็นมลทินถูกลักถูกลอบไม่มี มีแต่หัวใจของเราเท่านั้นที่มาเกี่ยวข้องกับเรา เฉพาะอย่างยิ่งทองคำ พวกดอลลาร์เหล่านี้เหมือนกัน เงินสดเหล่านี้เหมือนกันหมด และทองคำที่มีคุณค่ามากเป็นอันดับหนึ่งเป็นที่รักสงวนมาก แล้วผู้เก็บก็เก็บแบบรักแบบสงวนมากพอๆ กันนะ ไปคราวนี้อาจจะได้หลอมทองก็ได้ อันนี้แล้วแต่โอกาส ถ้าหากว่าโรงหลอมเขาไม่ว่างก็ไม่ได้หลอม ต้องพิจารณากัน ไปปรึกษาหารือกันให้เรียบร้อย เราหลอมเมื่อไรก็ได้ไม่ยาก
ลูกกระต่ายเป็นยังไง ใครทราบว่าไงที่ว่ามันคลอดลูกที่นั่น เราไปดูที่ไหนไม่เคยเห็นมันอยู่ที่ไหน มันอยู่ในนั้นหรือเอาไปไหนกัน ลูกกระต่ายที่มุมสระที่ว่ามันคลอดลูกอยู่ที่นั่นมันไปไหน ใครว่าอยู่ในรูน่ะ เห็นไหม นั่นซีเราไปดู เมื่อวานซืนนี้ก็ไป ไปดูก็ไม่เห็นเลย แต่ทีนี้แม่มันมาอยู่ทางนี้นะเดี๋ยวนี้มี ๓ ตัว มันมาป้วนเปี้ยนอยู่กุฏิเราได้ ๓ วัน ๔ วันนี่แล้ว แสดงว่ามันปล่อยลูกมัน แต่ก่อนไม่เห็นมาเป็นอาทิตย์ๆ กว่า ทีนี้เริ่มเห็นแล้วได้ ๓ วันแล้ว มาป้วนเปี้ยนๆ อยู่หัวจงกรม ๒-๓ ตัว กลางคืนมันก็ออกมาอยู่นั้น เดินจงกรมอยู่มันก็มา กลางวันมันก็มา แม่มันกับเพื่อนของมัน ๒-๓ ตัวรวมกันมาอยู่นั้น ทีนี้เห็นทั้งกลางวันทั้งกลางคืนเดี๋ยวนี้นะ มันขาดไปประมาณสักอาทิตย์หนึ่งหายเงียบไปเลย ไม่ทราบว่ามันมีลูกทางโน้น จากนั้นมาเราก็เงียบ เรามีแต่นึกว่าลูกมันจะโตแล้ว แต่ยังไม่เคยเห็นลูกมันนะ มันเป็นยังไง
ใครไม่เห็นมาบอกเป็นสักขีพยานบ้างว่าลูกมันกี่ตัว ถ้าว่าเห็นบอกมาซิไม่เห็นใครพูดเลย ไปนี้ลองไปค้นหาดูนะใครก็ดี ให้ได้ทราบวันหลังถามอีกนะ มันเป็นยังไงลูกกระต่ายมันอยู่นั้นจริงๆ หรือมันมีแต่ลมแต่แล้งมาโกหกกัน ไอ้เราก็โกหกต่อไปเรื่อยๆ อย่างนี้เอง ฟาดออกนอกโลกแล้วนะนี่ๆ มันออกไม่ใช่เล่นนะ มันโกหกมันออกได้นอกโลก ไปนี้ไปดูนะมันเป็นยังไง เรานี้โกหกมาหลายวันแล้วนะ โกหกโลก เรายังไม่เคยเห็น เมื่อวานซืนนี้ก็ไปส่องหาก็ไม่เห็น มันเป็นยังไง แล้วว่ามันมีลูกๆ มันยังไงกัน (หมามันเข้าไปขุดรูไม่ทราบว่ามีลูกกระต่ายหรือเปล่าค่ะ) วันนี้ดูให้ดีนะ เปิดให้หมดแถวนั้น ถ้าหากว่ามันไม่มีกระต่ายตรงนั้นให้เอาอะไรไปถมรูให้หมดนะ ต่อไปนี้อย่าให้ยุ่งอีก เราโกหกโลกมาหลายวันแล้ว วันนี้ไปตามดู ดูให้ดีนะวันนี้ เอาให้เห็นดำเห็นแดงกันวันนี้ เอาเท่านั้นแหละไปเลิก
โฮ้ มันยังไงกันนี่ ว่ากระต่ายมีลูกๆ มันไม่มีสักตัวก็ไม่รู้นะ พวกเรามันเป็นบ้าอะไร โกหกกันเปล่าๆ วันนี้ต้องไปดูให้เห็นเหตุเห็นผลนะรื้อออกดูจริงๆ เมื่อไม่มีแล้วให้ใครต่อใครขนดินมาถมให้หมดเลยที่เป็นรูนะ แล้วเลิกออกให้หมด นี่ยุ่งกันหลายวันแล้ว ไอ้หมีเราก็เลยจะเกิดเรื่องกับพระ เข้าไปทีไรพระขู่เอา ๆ ไอ้หมีมันก็เลยรับเคราะห์ด้วยกระต่ายลมๆ แล้งๆ ไม่มีกระต่าย ไอ้หมีเรานี่เห็นไหม มันเข้าไปข้างในไล่ขนาบออกมา มันก็เลยจะเกิดเรื่องกับเราไอ้หมีน่ะ
(หลวงตาเจ้าขามีคนเห็นจ้ำหลอดกับไอ้หนึ่งไอ้สองมันไล่กระต่ายเจ้าค่ะ) จ้ำหลอดมันเข้าไปเหรอ (เมื่อวานนี้ค่ะ) เข้าไปขนาบออกมาซิ คนอยู่นั่นตั้งแสนคนบักจ้ำหลอดตัวเดียวไล่ไม่ได้ มันควรไล่คนให้หนีจากวัดหมดเลยนะ คนตั้งแสนคนอยู่นั่นไล่จ้ำหลอดตัวเดียวนี้ไม่ได้แล้วไล่คนออกให้หมดเลย ให้จ้ำหลอดเข้าไปอยู่แทน พวกนี้ไม่เป็นท่าไม่ควรให้อยู่ จำเอานะ ลงเวทีแล้วยังเอากันฟ่อ ๆ อยู่ เรานี่สงสัยกลัวจะมีแต่รูเปล่าๆ เดี๋ยวนี้น่ะ มันมาโกหกยังไงก็ไม่รู้นะ แล้วก็เอาตาข่ายอะไรไปครอบรูเปล่าๆ ไว้อีกด้วย ทำหรูหราเหมือนมีของจริงอยู่นั้นนะ วันนี้จึงต้องตามให้เห็นของจริงว่ามันเป็นยังไง โธ่ๆ ไม่ไหวๆ อย่างนี้
เมื่อวานนี้ก็ไปเยี่ยมธรรมลี ไปครู่เดียว เอาของไปเยี่ยมธรรมลี อู๊ย ของหนักนะ จนจะเอาไปไม่ได้นะเมื่อวานนี้ ก็เราเป็นคนสั่งเอง คือตอนเช้าเรานวดเส้นอยู่นี้เราก็บอกให้เขาไปตลาด ให้เอาของดีๆ พวกอาหารสดๆ ของดีๆ มาเอาให้เต็มรถเลย กะว่าน้ำหนักพอดีแล้วค่อยมา คือให้ซื้อสิ่งของขนาดนั้นละให้เต็มรถ กะว่ามีน้ำหนักพอดี จะไปแล้วค่อยมา ครั้นเวลาเขาใส่มาเต็มรถก็อย่างที่ว่านั่นแหละ คือพอดีมาเลย ครั้นมานี้อันนั้นมีหรือยังเราถาม ว่าไม่มีขนขึ้นมา นี่อยู่ในโกดังนะ อันนั้นมีหรือยัง มีแต่ของหนักๆ นะ เช่น น้ำตาลมีหรือยัง ยัง เอามา แน่ะ เอาอีก อันนั้นมีหรือยัง เอามามีแต่ของหนักๆ ฟาดนี้เลยจะได้คลานไปรถนะเมื่อวาน เลยเราต้องกำชับเพราะน้ำหนักเขาบรรจุมาจากโน้นพอดีแล้ว อันนี้เป็นส่วนเพิ่มเติมของเรา อันนั้นก็จะเอา อันนี้ก็อยากได้ สุดท้ายฟาดเสียเต็มประทุนรถเลย
ไปก็เลยสั่งตลอดทางนะ พอรถจะเร็วนี้ห้ามเรื่อย อย่าให้เร็ว ๖๐-๗๐ พอ วิ่งขนาด ๖๐-๗๐ พอ ไม่ให้เลยกว่านั้น เพราะมันหนักจริงๆ เมื่อวานนี้ จากนี้ไปผาแดงไม่ไกล ประมาณชั่วโมงนึง หนักก็ทนเอาขออย่าให้กระทบกระเทือน หนักมากไปมันจะเสียการงาน รถวิ่งขนาด ๖๐-๗๐ เราดูเข็มไมล์เรื่อยนี่ เลยนั้นไม่ได้เพราะมันหนักขนาดนั้นนะ เราไปถึงก็เทปั๊วะเลย โห บทเวลาเทใครไม่ได้ดู ศาลาหลังนี้เข้าไปหมอบกราบของอยู่ในรถเรา ศาลาหลังนี้เล็กไป ของอยู่ในรถเรามันใหญ่กว่านี้ เราอยากว่าอย่างนั้นนะ ขนออกแล้วกองพะเนินเทินทึก โอ้โห มันก็เอามาได้ว่าอีกละ ขนาดนี้มันก็เอามาได้ มีแต่ของหนักๆ นะเมื่อวานนี้ ไปครู่เดียว
เหตุที่เราจะได้เห็นชัด คือตอนนั้นคนไม่มี พอรถจอดปั๊บให้เขาเอาของขนลงมา ก็มีเณรอยู่ ๒-๓ เณรมาขน เราก็เลยดูกับเณร จึงได้เห็นของมาก แล้วมีแต่ของหนัก ๆ เสียด้วย พอขึ้นไปก็ไปกราบพระนั่งอยู่ประมาณดูเหมือนจะไม่เลย ๑๕ นาที ธรรมลีมาหาพูด ๒-๓ ประโยคแล้วกลับมาเลย เมื่อวานไปผาแดงเพราะเป็นห่วงพระ พระดูว่า ๓๑ องค์ เณร ๕ เณร มีมากขนาดนั้น ดูเหมือน ๓๖ องค์ที่ผาแดง
เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร
www.luangta.com