วันที่ ๔ ธันวา ๔๓ ทองคำได้ ๓๕ บาท ๖๑ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๖๔๙ ดอลล์ ทองคำที่ต้องการมอบเข้าคลังหลวงคราวนี้ ๔,๐๐๐ กิโล ที่ได้ฝากและมอบไว้ในคลังหลวงแล้วเวลานี้ ๒,๐๖๒ กิโลครึ่ง ทองคำที่ได้หลังจากฝากและมอบแล้วนั้นแต่ยังไม่ได้หลอมเวลานี้จำนวน ๒๘๐ กิโล ๒๖ บาท ๙ สตางค์ นี่เป็นจำนวนทองคำที่ยังไม่ได้หลอม รวมทองคำทั้งหมดได้ ๒,๒๗๑ กิโล ยังขาดอยู่อีก ๑,๗๒๙ กิโลจะครบจำนวน ๔,๐๐๐ กิโลในการช่วยชาติในครั้งนี้ ซึ่งหลวงตาได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้ที่เราช่วยชาติไทยของเราคราวนี้ อย่างน้อยทองคำต้องไม่ต่ำกว่า ๔,๐๐๐ กิโล หรือ ๔ ตัน
ใน ๔ ตันนี้นั้นเราขอบิณฑบาตจากพี่น้องชาวไทยเราทั่วทั้งประเทศเลย ให้รวมกันเป็นเนื้อเป็นหนังขึ้นมา เป็นตนเป็นตัวขึ้นมาแล้ว ทีนี้ทองคำที่จะได้ส่วนพิเศษจากนั้นนับตั้งแต่เงินสด ๘๐๖ ล้านนี้จะต่อยอดนะ จำนวน ๔,๐๐๐ กิโลนี้ให้พี่น้องทั้งหลายรวมกันสร้างเป็นเนื้อเป็นหนังเป็นตนเป็นตัวขึ้นมา แล้วก็ของพี่น้องทั้งหลายนั่นแหละ แต่ต้องยกหลวงตาบัวเป็นหัวหน้า หลวงตาบัวขึ้นจอมเลย จะไปต่อยอดให้ คือเอาทองคำจำนวนเงินอย่างน้อยนะ ๘๐๖ ล้านนี้เป็นอย่างน้อย จะซื้อทองคำเข้าต่อยอดไปเลย ๘๐๖ ล้านนี้ก็คงไม่ต่ำกว่า ๒ ตัน ส่วน ๔,๐๐๐ กิโลนี้ก็เรียกว่า ๔ ตัน อันนี้เป็นพื้นฐานไว้ ขาดสตางค์หนึ่งไม่ได้ นี้เด็ดนะ
ขอให้พี่น้องทั้งหลายทราบว่า เด็ดนี้เด็ดเพื่อชาติไทยของเรา เด็ดดีเด็ดเท่าไรยิ่งดี นี่จะนำพี่น้องทั้งหลายเชิดชาติไทยของเรา เพราะกำลังจะล่มจมด้วยวิธีการต่าง ๆ ของเปรตของผีกินบ้านกินเมือง กินตับกินปอดของประชาชนชาวไทยเรานั้นแหละ ทีนี้ประชาชนชาวไทยเราก็มีตับมีปอด ก็ต้องหวงตับหวงปอดตัวเอง แล้วพยายามหามาซ่อมแซมตับปอดเข้าไปอีก โดยบริจาคในวิธีการต่าง ๆ เฉพาะทองคำนี้อย่างน้อยต้อง ๔,๐๐๐ กิโลเป็นพื้นฐานแห่งการบริจาค เพื่อช่วยชาติของเราคราวนี้
แล้วต่อจากนั้นทองคำก็จะเพิ่มขึ้นไปอีก เงินสดเวลานี้ที่หลวงตาได้เจียดออกไปเรียบร้อยแล้ว ประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบไว้แล้วเวลานี้ ๘๐๖ ล้าน นี้เป็นอย่างน้อย นี่ตั้งไว้แล้ว ๘๐๖ ล้านนี้เคลื่อนไปไม่ได้เลย แม้หลวงตาตายแล้วก็ตาม ๘๐๖ ล้านนี้จะต้องเป็นไปตามที่สั่งเสียไว้แล้วทุกอย่าง แล้วนอกจากนั้นเราก็จะเพิ่มขึ้นอีก เงินบริจาคทั้งหลายที่หลวงตาได้เรียนให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบ คือพวกเงินสด ไม่ได้นับดอลลาร์นะคำว่าเงินสด คือดอลลาร์กับทองคำนี้เราจะหมุนเข้าคลังหลวงล้วน ๆ เลย ไม่ให้อะไรมาแตะ หลวงตาเป็นผู้สั่งเอง จัดการดูแลความรับผิดชอบทุกอย่างเองแต่ผู้เดียว บัญชีทั้งหมดทั้งทองคำทั้งดอลลาร์ เงินสด นี้หลวงตาเป็นผู้รับผิดชอบแต่ผู้เดียว เพื่อกันการรั่วไหลแตกซึม เป็นตายหลวงตาจะเป็นผู้ตัดคอรองพี่น้องทั้งหลาย ด้วยความบริสุทธิ์ใจทุกอย่าง ขอกรุณาได้ทราบตามนี้
ที่ว่าทองคำกับดอลลาร์นั้น จะเข้าคลังหลวงทั้งหมด ส่วนเงินหมุนเวียนคือเงินสดนี้เราได้ประกาศแล้วตั้งแต่ต้นว่า ส่วนเงินสดนี้ทีแรกเราบอกว่าเราจะไม่เข้าคลังหลวง เงินสดนี้เราจะแยกออกไปช่วยพี่น้องชาวไทยเราทั่วประเทศ คือเป็นกิ่งก้านสาขาดอกใบ ต้นลำก็คือคลังหลวงของเรา ที่นำทองคำและดอลลาร์เข้าไปมอบไว้แล้วเป็นต้นลำ เงินสดนี้เป็นกิ่งก้านสาขา เพื่อจะเฉลี่ยเผื่อแผ่ไปทั่วประเทศไทย โดยการสงเคราะห์สงหาคนทุกข์คนจนที่มีความจำเป็น สมควรแก่การได้รับการสงเคราะห์นี้ แล้วจากนั้นก็สถานสงเคราะห์ โรงร่ำโรงเรียน ที่ราชการต่าง ๆ จนกระทั่งโรงพยาบาล
อันนี้เราช่วยทั่วประเทศไทยตลอดมานะ เฉพาะเงินที่เราช่วยนี้เราบอกก็ได้ หรือเปิดเผยก็มี ไม่เปิดเผยก็มี เพราะเรารักษาศักดิ์ศรีของผู้มาติดต่อขอร้องความช่วยเหลือจากเรา ถ้าเป็นรายบุคคล ๆ แล้วเราจะให้ผ่านไป ๆ นี้เรียกว่าทั่วประเทศนะ ขอให้พี่น้องทั้งหลายทราบไว้อย่างนี้ หลวงตาทำนี้ไม่ต้องการชื่อเสียงอะไรทั้งนั้น ต้องการแต่ที่จะหนุนกันให้บรรเทาทุกข์กันไปโดยลำดับ ๆ เท่านั้น เพราะฉะนั้นเราจึงให้ทุกภาคทั่วประเทศไทย เฉพาะเงินสงเคราะห์ที่ว่าคนทุกข์คนจน
คือคำว่าคนทุกข์คนจนมีหลายประเภท เราไม่อยากพรรณนามากไป แต่ว่ารายใดก็ตาม ต้องเป็นความจำเป็นสมควรที่จะได้รับความช่วยเหลือจากเรา เราไม่ได้ให้สุ่มสี่สุ่มห้านะ ต้องสืบสอบถามจนเรียบร้อย จำนวนมากน้อยเพียงไร เราจะเข้าถึงต้นตอ ๆ เลย เมื่อเหตุผลพร้อมแล้วควรที่จะสงเคราะห์ทางนั้นเราก็สั่งเลย ๆ บางทีก็ติดต่อทางธนาคารไปเลย เงินเป็นล้าน ๆ ก็มีนะ นี่เราไม่บอกเลยนะ ติดต่อเฉพาะ ๆ นี่ คือว่าจำเป็น ถึงเงินเป็นล้าน ๆ ด้วยความเห็นใจอย่างยิ่ง
ที่ว่าเป็นคนดีแต่ถูกคดถูกโกง คนซื่อแล้วเลยตายใจ เรียกว่าเซ่อก็จะไม่ผิด นี่ละพวกเปรตพวกผีมันคดมันโกงกันแบบนี้ โห บางคนเป็นล้าน ๆ นะไม่ใช่ธรรมดา บ้านเรือนนี้ธนาคารเขาจะมายึดเอาเลย สิ้นท่า ๆ มีหลายแห่งนะไม่ใช่แห่งเดียว ที่เป็นล้าน ๆ นี่ ระบุเฉพาะอย่างนี้ต่างหากแต่เราไม่ระบุเรื่องบุคคล เมื่อจำเป็นเข้ามาถึงตัวแล้วก็ต้องวิ่งเข้ามา บางทีเจ้าของไม่รู้ตัวเลย คนอื่นสงสารต้องมากระซิบทางเรา บอกอย่างนั้น ๆ เขามีเบอร์(บ้านเลขที่) อย่างนั้น ๆ เขียนเบอร์ถามไป ๆ จนกระทั่งติดต่อถึงตัวเลย เป็นที่แน่ใจแล้ว ทีนี้ก็ติดต่อทางธนาคาร จ่ายปึ๋ง ๆ ให้ขาดสะบั้นไปเลย บ้านเรือนอะไรให้เป็นปรกติ เพราะคนนี้เขาเป็นคนดี เสวยกรรมของตัวเองในบางครั้ง ทีนี้กรรมดีของเขาที่เป็นคนดีนั้นมีอยู่ ก็มีผู้สนองให้อีก ตอบแทน เราจึงช่วยแบบนี้เรื่อยมา ขอพี่น้องทั้งหลายทราบอย่างนี้นะ
เรื่องเงินเรื่องทองนี้ การจ่ายเงินสงเคราะห์สงหาคนทุกข์คนจนไม่ใช่น้อย ๆ นะ อู๊ย มากต่อมากไม่ใช่เล่น ๆ นะ เราจนจะตายว่างั้นเถอะน่ะ นี่เรียกว่าการสงเคราะห์แบบที่ว่าเงียบ ๆ มีมากต่อมากนะ ถ้ารายไหนที่เขาออกทางหนังสือพิมพ์ ประกาศออกมาแล้วเราก็ให้ไปสืบดู ถ้าเขาออกทางหนังสือพิมพ์แล้วเขาจะมีบ้านเลขที่มาพร้อม เราก็ถามไปทางโน้น พอได้ความชัดเจนแล้ว บางทีให้คนไปติดต่อดูอีก นู่นน่ะไม่ใช่เล่น จนเป็นที่แน่ใจแล้วทีนี้ก็ตกลงกัน อย่างนี้ก็มีเรื่อยมา อย่างนี้เราจะพูดก็ได้ไม่พูดก็ได้ เพราะเขาออกทางหนังสือพิมพ์แล้ว
แต่ถ้าเป็นเรื่องของบุคคลเราไม่พูด เราสงวนศักดิ์ศรี รักษาศักดิ์ศรีดีงามซึ่งกันและกัน เมื่อได้รับการสงเคราะห์สงหาแล้วประกาศความไม่เป็นมงคลแก่ผู้รับการสงเคราะห์เรานั้นไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะเราทำประโยชน์ เพราะฉะนั้นเราจึงไม่พูด นี่เรียกว่าทั่วประเทศไทยนะ ไม่ใช่ธรรมดา ทุกภาคที่เราช่วยอย่างนี้ ช่วยเรื่อยมาอย่างนี้เอง ช่วยแบบนี้แบบเงียบ ๆ เหมือนไม่ช่วย นี่เราก็ทำอย่างนี้มา ขอให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบ ด้วยอำนาจแห่งความเมตตานี้แหละ
เราไม่มีไอ้เรื่องเอาชื่อเอาเสียงอย่างนั้นอย่างนี้ กิตติศัพท์กิตติคุณ อยากชื่อเสียงโด่งดัง เราไม่ต้องการทั้งนั้น เราพอทุกอย่าง เราไม่มีอะไร มีแต่ความเมตตาต่อโลก เพราะฉะนั้นเราจึงสงเคราะห์เต็มความเมตตาของเรา จากวัตถุไทยทานที่พี่น้องทั้งหลายบริจาคมานี้ เรายืนยันรับรองได้เลยว่าเราไม่มีมลทิน เราเป็นผู้รับผิดชอบในการเงินการทองการจับการจ่าย เราเป็นผู้สั่งเองทั้งหมด ให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ๆ หมดมากหมดน้อยหมดไปด้วยความบริสุทธิ์ใจทั้งผู้ให้ทั้งผู้รับเรื่อยมาอย่างนี้
ทีนี้ก็ย้อนเข้ามาหาเงินที่ว่า เงินสดทีแรกเราบอกว่าเราจะเอาออกเป็นเงินหมุนเวียนดังที่ว่านี่แหละ แต่ทีนี้เราก็เป็นห่วงใยทางทองคำซึ่งเป็นส่วนของคลังหลวงมาก เห็นว่าเงินนี้พอสมควรที่จะหนุนเข้าคลังหลวงได้ เราก็เลยตัดสินใจ เงินจำนวนที่ฝากไว้ในคลังหลวงเวลานี้เป็นเงินสดเรานั้น ๘๕๐ กว่าล้าน ในจำนวนเงิน ๘๕๐ กว่าล้านนั้น เราได้เจียดเงินอีกจำนวนหนึ่ง ๘๐๐ ล้านนี้อยู่ในคลังหลวงเรียบร้อยแล้ว อีก ๖ ล้านนี้เป็นเงินจำนวนของพี่น้องที่บริจาคผ่านมาทางกฐินช่วยชาติ คือกฐินทองคำเพื่อชาติ ได้เงินจำนวนสองบัญชีธนาคารนั้นมาเป็นเงินประมาณ ๖ ล้าน ไม่ต่ำกว่า ๖ ล้านละ มีสองธนาคาร ดูเหมือนธนาคารละ ๓ ล้าน กว่านั้นบ้างแต่เรานับเอาหัวใหญ่เลย เป็นเงิน ๖ ล้าน
เงิน ๘๐๖ ล้านนี้ เราได้ประกาศแล้วว่าเราจะเอาซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวงอย่างเดียวเท่านั้น นอกจากนั้นเงินที่ว่าเศษไปอีก ๕๐ กว่าล้านนั้น เราก็ได้หักออกมาซื้อทองคำเป็นเครื่องนำกฐินเพื่อชาติของเรานี้ ๑๕ กิโลเป็นเงิน ๕,๗๐๒,๒๘๐ นี้ซื้อทองคำเข้ามา หักจากเงินจำนวน ๕๐ กว่าล้านนี้ออกมา ส่วน ๘๐๐ ล้านไม่แตะ นี้เรายังจะหักเงินนี้เข้าไปเรื่อย ๆ การช่วยชาติเราก็ช่วยแบบที่ว่าเจือจานทั่ว ๆ ไป เรียกว่าเงินหมุนเวียนนั้นเราก็หมุนเวียนไป
ทีนี้เราพิจารณาทางด้านทองคำก็พิจารณาไม่หยุดนะ อันนี้หนักมากอยู่ในหัวใจของเรา เพราะฉะนั้นพอได้เจียดเข้ามาทางนี้เมื่อไร เราจะตีเข้ามาทางทองคำ แม้จะเป็นเงินหมุนเวียนก็ตาม เงินหมุนเวียนก็อยู่ในความรับผิดชอบของเรา เพราะเรารับผิดชอบประเทศทั้งประเทศนี่ ทั้งสองอย่างนี้มีความจำเป็นเท่าเทียมกัน เราจึงต้องแยกต้องแยะ เพราะฉะนั้นเงินจำนวนที่ว่าเงินหมุนเวียนจึงไม่ค่อยแน่นัก แล้วจะหมุนเข้ามานี้เรื่อย ๆ เมื่อมากเข้าก็จะตีเข้ามาทางทองคำ ๆ ถ้าทางโน้นจำเป็นสำหรับเงินหมุนเวียนเราก็แยกออกไป ๆ ดังที่ว่านั่นแหละ
ที่เราช่วยดังที่ว่ามานี่ สถานสงเคราะห์ ที่ราชการงานเมืองทั่วไปหมด อันนี้เป็นเงินหมุนเวียนของเรา แล้วก็พยายามจะตีเข้ามาทองคำ ๆ เรื่อย ๆ อย่างนี้ ขอให้พี่น้องทั้งหลายทราบตามนี้ จะไม่เคลื่อนคลาด หลวงตาได้พูดคำไหนแล้วไม่มีเคลื่อน ขอให้พี่น้องทั้งหลายทราบ เวลาจริง-จริงจริง ๆ นะ ถ้าเอาคมลงนี้ขาดสะบั้นไปเลย ถ้าเอาสันลงก็ตุ๊บ ๆ ไปเลย คำว่าคมลงคืออะไร เวลาจริงไม่มีอะไรที่จะมาเล่นได้เลย ถ้าเวลาเล่นหาความจริงไม่ได้ เข้าใจไหม เวลาเล่นก็เล่นจริง ๆ เวลาจริงก็จริงจริง ๆ เป็นอย่างนั้นแหละนิสัยหลวงตาบัว พลิกสันเป็นสันไปเลย พลิกคมเป็นคมไปเลย
อันนี้ประกาศพี่น้องทั้งหลายนี้เรียกว่าเป็นความตายตัว ลงเราประกาศคำไหนแล้วจะไม่เคลื่อนคลาดเลยแหละ ขอพี่น้องทั้งหลายได้ทราบเอาไว้ เงินของพี่น้องทั้งหลายบริจาคทุกบาททุกสตางค์ตลอดทองคำนี้ หลวงตาจะเป็นผู้ติดตามเหตุการณ์ทั้งหมดเลย เวลานี้หัวใจของชาติจะเรียกว่าอยู่กับหลวงตาบัวก็ได้ เกี่ยวกับเงินสมบัติเหล่านี้นะ ไม่อยู่กับใคร เราจะเป็นผู้รับผิดชอบ จะติดตามให้ถึงเหตุถึงผลทุกอย่าง ไม่ว่าจะเข้าคลังไหน ๆ ธนาคารไหน เราจะติดตามให้ได้ทั้งหมดเลย ไม่ใช่ว่าจะมาสุ่มสี่สุ่มห้านะ เราทำอย่างนั้นไม่ได้
เพราะเราช่วยชาติช่วยด้วยสละชีวิตจริง ๆ เราก็เคยประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบแล้วว่า การสละชีพของเรานี้สละ ๒ ครั้งในชาตินี้ ครั้งที่หนึ่ง เราสละฆ่ากิเลส ฟาดจนขาดสะบั้นลงไปจากหัวใจ ประกาศป้างขึ้นมาด้วยวิสุทธิธรรมเต็มหัวใจเป็นธรรมธาตุ ตั้งแต่ปี ๒๔๙๓ บอกจนกระทั่งสถานที่ เราโกหกพี่น้องทั้งหลายเมื่อไร เรามาสอนโลกนี้สอนด้วยความเมตตาล้วนๆ ทุ่มออกมาจากธรรมที่เราได้สละชีวิตถึงเป็นถึงตายมาครั้งที่หนึ่ง แล้วบำเพ็ญสู้กับกิเลสอยู่นั้น จนกระทั่งฟาดกิเลสขาดสะบั้นลงไปแล้วเป็นเวลา ๙ ปีเต็ม จึงได้ลงจากเวที วันลงจากเวทีวันที่เท่าไรก็บอกไว้หมด
ทำความดีเราได้ความดี เราทำไมพูดความดีไม่ได้ เราได้ของจริงทำไมพูดของจริงไม่ได้ ไอ้ของเหลวไหลโลเลโลกเลกที่มันต้มตุ๋นบ้านเมืองให้แหลกเหลวอยู่เวลานี้ ทำไมออกตีตลาดอย่างไม่มีใครสะทกสะท้าน ไม่มีใครสะดุดใจบ้างเลยว่ามันเสียหายขนาดไหน จึงพากันกล้าหาญชาญชัย เป็นบ้าหน้าด้านกับมันอยู่ตลอดเวลาด้วยกิเลสประเภทสกปรกโสมมนี้น่ะแต่เวลาธรรมของจริงที่จะเอาเป็นน้ำดับไฟ เป็นน้ำที่สะอาดชะล้างสิ่งสกปรกมาแสดงเล็กๆ น้อยๆ ตามที่เกิดที่มีตามความเป็นจริงนั้นทำไมจะพูดไม่ได้ ถ้าพูดไม่ได้ศาสนาก็หมดแล้ว โลกนี้มีแต่ศาสนาของกิเลสแหลกเหลวไปหมดเลย
เพราะฉะนั้นเราจึงพูดได้ตามความสัตย์ความจริง ปลอมพูดได้ว่าปลอม จริงพูดได้ว่าจริง นี่เราปฏิบัติมาเอาชีวิตเข้าแลกเลยนะ การปฏิบัติในชีวิตครั้งนี้ ชีวิตของพระเป็นชีวิตที่หนักมากที่สุดในชีวิตแห่งฆราวาสทั้งพระรวมกันแล้ว เป็นชีวิตของพระที่หนักมากที่สุด เราถึงขั้นสละตายต่อการฆ่ากิเลสก็ได้ผลเป็นที่พึงพอใจ จากการเอาจริงทำจริงในความดีทั้งหลาย ความดีก็เป็นความจริงขึ้นมารับแทน เป็นที่พอใจในหัวใจของเราไม่มีอะไรบกพร่องแล้ว สามแดนโลกธาตุนี้เราปล่อยหมดโดยสิ้นเชิง ไม่มีอะไรเหลือเท่าเม็ดหินเม็ดทรายไม่มีในหัวใจของเราเลย มีตั้งแต่ความเมตตาสงสารเท่านั้นที่ท่วมท้นในโลกสงสาร เฉพาะอย่างยิ่งชาติไทยของเรา
เราจึงต้องเสียสละประกาศออกมาเต็มเม็ดเต็มหน่วยทุกชิ้นทุกอัน นี่เราได้ช่วยโลกมาครั้งแรก เป็นครั้งที่สละชีวิตได้ผลเป็นที่พอใจแล้ว เวลานี้เราจะมาช่วยพี่น้องชาวไทยเราเป็นครั้งที่สอง ก็เรียกว่าสละชีวิตเช่นเดียวกัน เราอยู่ในท่ามกลางสงคราม สงครามคือความจน เอามาท่าไหน พอศอกงัดเราจะงัด พอเตะ-เตะ พอยัน-ยัน พอถีบ-ถีบ ฟาดทางหัว-หัว ถ้าหัวไม่ล้านฟาดมันอีก เข้าใจไหมถ้าหัวล้านก็ถอย ถ้าตีเข้าไปอีกเดี๋ยวหัวเลือดแตก เข้าใจไหมล่ะ นี่ละเอาอย่างนั้นนะช่วยพี่น้องทั้งหลาย ขอให้เห็นใจก็แล้วกัน
เราไม่มีอะไรจริงๆ เท่าเม็ดหินเม็ดทรายที่จะมาติดจิตติดใจของเราว่า เพื่อแบ่งสันปันส่วนจากสมบัติเหล่านี้ ไม่มีบอกตรงๆ เลย มีแต่ความเมตตาล้วนๆ ท่านผู้ใดได้มาเราก็ภูมิใจๆ ว่าชาติไทยของเรานี้ยังมีผู้เอื้อเฟื้อ มีผู้มองเหลือบมองหรือเหลียวแลอยู่ ก็มีทางที่จะเจริญรุ่งเรืองแน่นหนามั่นคงขึ้นไป และเป็นผู้ฟังเสียงครูเสียงอาจารย์ เสียงศาสนา นี่ละเป็นเรื่องสำคัญมากนะ พุทธศาสนาของเราไม่เคยทำโลกให้เสียหายล่มจมแม้แต่เม็ดหินเม็ดทราย นอกจากทำความเจริญรุ่งเรืองอย่างเดียว เราก็นำธรรมะอันนี้มาประกาศสอนพี่น้องทั้งหลาย พร้อมทั้งการชักจูงทุกแบบทุกฉบับที่สามารถที่จะทำได้ตามกำลังของเราและผู้รับไป เราก็ทำอย่างนี้เรื่อยมา เรียกว่าศาสนาเป็นผู้นำ
เราเป็นลูกชาวไทยและเป็นลูกชาวพุทธแล้ว ขอให้ฟังเสียงอรรถเสียงธรรม ให้ต่างคนต่างแก้ไขดัดแปลงตนเอง ไอ้เรื่องความโลภนั้นมันไม่พาคนไปสวรรค์ไปนิพพาน ไปพ้นจากทุกข์ที่ไหนละ มันจะพาโลกให้ล่มจมด้วยความโลภได้ไม่พอๆ ตื่นยศ ตื่นลาภ ตื่นรายได้รายรวย ตื่นทรัพย์สมบัติเงินทองตื่นบริษัทบริวาร ตื่นเหล่านี้ผิด เพื่อจะให้ลืมตัวแล้วก็ล่มจมๆ ไม่มีทางที่จะฟื้นฟูตัวขึ้นไปได้ ถ้าเป็นเรื่องของธรรมแล้วไม่ตื่น คำเดียวเท่านั้นพอ ยศก็ไม่ตื่น ได้ก็ไม่ตื่น เสียก็ไม่ตื่น มียศถาบรรดาศักดิ์สูงต่ำขนาดไหนไม่ตื่น จะมุ่งแต่ความสัตย์ความจริง นี่เรียกว่าผู้มีธรรมไม่ตื่น ผู้นี้เป็นผู้จะไม่ล่มจมแน่นอน เป็นผู้จะขึ้นโดยถ่ายเดียว
แต่ผู้ที่ตื่นนั้นจมตลอดเวลา จะภูมิใจขนาดไหนว่าเราได้เงินทองข้าวของมาด้วยที่ลับที่แจ้ง ด้วยคดด้วยโกงรีดไถ ว่าเป็นผู้เชี่ยวฉลาด ผู้นี้เป็นผู้ที่โง่ที่สุด ที่จะสังหารตนเองให้ล่มจมลงโดยไม่ต้องสงสัย แล้วผู้ที่ปฏิบัติตามอรรถตามธรรม ผู้นี้เป็นผู้ฉลาดทางด้านที่จะเอาตัวรอดเป็นยอดบุคคล คือยอดของตัวของเราเอง ขอให้พี่น้องทั้งหลายจำเอานะ นี่ศาสนาเป็นผู้นำ-นำอย่างนี้แหละ ขอให้เชื่อขอให้ฟังเสียงศาสนา ถ้าไม่ฟังจมได้ เราอย่าท้าทายธรรม ท้าทายพระพุทธเจ้า ท้าทายศาสดาองค์เอก เราอย่าท้าทาย
เราเป็นคนมีกิเลส ตาก็บอดหูก็หนวก ทุกสิ่งทุกอย่างการไปมาของเรานี้ไม่มีความแน่นอน มาเกิดนี้ก็มาเกิดด้วยกรรม ใครทราบไหมมาเกิดจากสกุลใด มาเกิดจากนรกหลุมใด จากสวรรค์ชั้นใด จากเปรตจากผีสัตว์ตัวใดมาเกิดนี้ไม่มีใครทราบได้ นี้เวลาเราอยู่ปัจจุบันนี้เราก็ยังไม่แน่ใจเราเลยว่า เราตายนี้เราจะไปที่ไหน ถ้าไม่สร้างคุณงามความดีเพื่อเป็นที่มั่นใจแก่ตัวเองแล้ว ยังไงก็ไม่มีหวังเหมือนกัน เรามาก็หาหลักเกณฑ์ไม่ได้ อยู่ก็หาหลักเกณฑ์ไม่ได้ รวนเรๆ คว้านั้นคว้านี้ แล้วจะพาให้จมตลอดเวลาสุดท้ายก็จม ถ้าไม่รีบตั้งเนื้อตั้งตัวเสียตั้งแต่บัดนี้ ให้รีบแก้ไขดัดแปลง
ไม่มีอะไรเลิศกว่าธรรม ถ้ากิเลสเลิศกว่าธรรมแล้ว กิเลสนี้จะพาคนเลิศไปหมด หลุดพ้นจากทุกข์ไปหมด นี้กิเลสพาคนจมทั้งนั้น ฟัง และธรรมเลิศพาคนให้หลุดพ้นจากทุกข์ทั้งนั้น แล้วฝ่ายไหนวิเศษจำเอา ธรรมกับกิเลส กิเลสนั้นมีมากน้อยพาคนให้จมได้ทั้งนั้น ถ้าธรรมมีมากน้อยพาคนให้ฟื้นฟู จนกระทั่งถึงความพ้นทุกข์ได้ไม่สงสัย สองอย่างนี้ ธรรมเลิศหรือกิเลสเลิศ ให้ไปเทียบในหัวใจตัวเองซึ่งมีทั้งกิเลสและธรรมอยู่ภายในใจ แล้วก็ให้รีบแก้ไขดัดแปลงเสียตั้งแต่บัดนี้
ตายแล้วอย่ามายุ่งกับพระนะ กุสลา ธมฺมา กุสลา ธมฺมา เกิดประโยชน์อะไรเจ้าของไม่แก้ตัวเอง กุสลาแปลว่าอะไร แปลว่าความเฉลียวฉลาด อะไรเป็นประโยชน์เฉลียวฉลาดเสาะแสวงหามาซิ อันไหนเป็นโทษปัดออกๆ จึงเรียกว่าคนฉลาด นี่สำหรับ กุสลา ธมฺมา ตายแล้วนิมนต์พระมา กว้านเอามาทั่วประเทศไทย ครั้นมาแล้วคนนั้นก็ กุสลา คนนี้ก็กุสลา กุสลาก็เอาแต่กล้วยหอมไปแล้วเรา หลวงตาบัวไม่สนใจกับใครแหละ ถ้ากล้วยหอมแล้วเอามา เอาหมด กุสลา ธมฺมา เราจะไปหากุสลากล้วยหอม เข้าใจไหมพวกนี้ หรือจะให้ไป กุสลา ธมฺมา นิมนต์หลวงตามากล้วยหอมนา เจ้าของจมลงนรกก็ไม่ว่าอย่างงั้นเหรอ พิจารณาซิ ให้รีบแก้ไขตั้งแต่บัดนี้นะ
ธรรมเป็นของเลิศของเลอมาดั้งเดิม อย่าคัดค้านต้านทานถ้าไม่อยากจม ให้ฟังเสียงศาสนาฟังเสียงธรรม ทั้งคนดีคนชั่วมีหัวใจด้วยกัน เป็นผู้รับผิดชอบในหัวใจดวงนั้นเหมือนกัน ถ้าใครทำความชั่ว พิษภัยจะอยู่ในหัวใจดวงนั้น ถ้าทำความดี คุณงามความดีจะเข้าอยู่ในหัวใจดวงนั้น หนุนหัวใจดวงนั้นให้หลุดพ้นไปโดยลำดับ ถ้าใครไม่เชื่อธรรมเห็นว่ากิเลสเป็นของดีเลิศๆ มันก็ชั่วเลิศๆ จมลงไปไม่สงสัยเลย จำเอานะ ธรรมข้อนี้น่ะ ศาสนานำมนุษย์สัตวโลก เช่นอย่างชาวพุทธในเมืองไทยเราขึ้นไม่ได้แล้ว ไม่มีทางใดขึ้นได้นะ ให้รีบพากันแก้ไขดัดแปลงตั้งแต่บัดนี้
วันนี้พูดไปพูดมาก็เหนื่อย เลยไม่ทราบว่าพูดไปถึงไหน ลืมไปแล้ว (ศาสนาช่วยโลกครับ) เออ ศาสนาช่วยโลกจำเอานะ พูดไปวันละเล็กละน้อยเจ้าของผู้พูดเลยจะตายละนะ วันนี้ก็ขออนุโมทนากับบรรดาคณะที่มาจาก มหาวิทยาลัยขอนแก่น มาทำบุญให้ทานเพื่อหนุนชาติไทยของเรา หลวงตาจึงขอขอบคุณกับพี่น้องทั้งหลายเป็นอย่างมากพร้อมนี้ด้วย
โครงการธรรมศึกษาสัญจรครั้งที่สอง มหาวิทยาลัยขอนแก่น ขอกราบน้อมถวายผ้าป่าช่วยชาติวันที่ ๕ ธ.ค. ๒๕๔๓ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนม์พรรษาเงินดอลลาร์ ๒,๔๐๒ ดอลลาร์ ทองคำ ๑ สลึง รวมกับที่ถวายเมื่อวันที่ ๔ ธ.ค.นั้นเป็นเงินไทย๑๖, ๓๓๐ บาท ดอลลาร์ ๕๒๘ ดอลล์ ๒๕ เซ็นต์ กรุณาอนุโมทนาพร้อมหน้ากันด้วยนะ
เป็นยังไงล่ะฟังเทศน์วันนี้น่ะ ไปใหญ่เลยจนเจ้าของจะสลบ แล้วเหยียบเบรกอย่างด่วนเลย ไม่งั้นมันจะตาย เหนื่อย ทองคำเราอย่างน้อยก็ต้องไม่ต่ำกว่า ๖ ตันแหละ แต่นี้เราได้เคยเกริ่นกับพี่น้องทั้งหลายไว้เป็นระยะ ๆ พื้นเพเดิมนี้ก็คือ ๔ พันกิโล จากนั้นขยับขึ้นไป ถ้าหากให้เป็นที่พอใจ สมกับเราได้เสียสละชีวิตทุกอย่างเพื่อชาติไทยของเราแล้ว ทองคำนี้ถ้าได้ถึง ๑๐ ตันนี้หลวงตาบัวจะนอนหลับแล้วใหลไปเลยก็ตาม ไม่ต้องมีใครมากุสลา ทองคำ ๑๐ ตันกุสลาให้เราพอตัวแล้วเข้าใจไหม นี้เราเกริ่นเอาไว้ แล้วขยับไปเรื่อยๆ อย่างนี้
แต่ให้พอใจจริง ๆ ตามที่เราได้สละชีวิตทุกอย่างเพื่อพี่น้องชาวไทยเราแล้ว ถ้าได้ทองคำถึง ๑๐ ตันแล้ว เราพูดจริงๆ นะ เราหลับแล้วใหลไปเลยเราก็พอใจ เต็มภูมิของเราที่ยกพี่น้องชาวไทยทั้งชาติ ขึ้นถึง ๑๐ ตันแล้วเต็มภูมิ เต็มวาสนาของเราแล้ว นี้เราก็แน่แล้วว่าจะไม่ต่ำกว่า ๖ ตัน ๔ พันนี้แน่ไว้แล้วถึงไม่พอก็จะได้ทีเดียว กับ ๒ ตันกว่าจาก ๘๐๐ ล้านนี่นะ เรากะว่าจะไม่ต่ำกว่า ๖ ตันแล้วละ จะค่อยขยับเข้าไปๆ เรื่อยๆ จะให้พรนะ