เทศน์อบรมพระและฆราวาส ณ ศาลาใหญ่วัดป่าบ้านตาด
เมื่อบ่ายวันที่ ๑๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๑
รู้แจ้งโลกด้วยการภาวนา
วันนี้เป็นวันมหามงคลกับพี่น้องชาวพุทธเราทั้งหลายที่มารวมกัน ซึ่งมีทั้งพระและฆราวาสจำนวนมากมายอย่างนี้จะไม่ค่อยมี ประชุมกันนี่ศาลาหลังนี้กว้าง ๓๐ เมตร ยาว ๖๐ เมตร แน่นด้วยผู้คนพระเณร มีคราวนี้ละเป็นคราวที่คนมากที่สุด ศาลาหลังนี้เรียกว่าน้อยไป ไม่พอกับคนที่มานั่งชุมนุมอยู่นี้ ท่านทั้งหลายมาวันนี้เพื่อมุ่งอรรถมุ่งธรรมนำไปประพฤติปฏิบัติกายวาจาใจของตนให้เป็นคนดี พระดี สิ่งที่ดีนี้ใครก็ชอบ สิ่งที่ชั่วไม่มีใครชอบ แต่ชอบทำกัน ผลไม่ยอมรับในการกระทำของตนก็ผิด
การทำดีย่อมได้ดี การทำชั่วย่อมได้ชั่วเสมอมา ปัดไม่ออก ใครทำดีอยู่ที่ไหนก็ดี อยู่ที่แจ้งก็ดี อยู่ที่ลับก็ดี ใครทำชั่วอยู่ที่แจ้งที่ลับก็เป็นความชั่วตลอดไป ท่านว่า นตฺถิ โลเก รโห นาม ความลับย่อมไม่มีในโลก แม้จะลับหูลับตาใครแต่ก็ไม่ลับสำหรับผู้ที่ทำเสียเอง ทำอยู่ในที่มืดทั้งดีทั้งชั่วก็เป็นดีเป็นชั่วอยู่ในที่มืด ทำในที่แจ้งก็เป็นดีเป็นชั่วอยู่ในที่แจ้ง เพราะฉะนั้นจึงรักษาตนให้ดีอยู่ในสถานที่ทุกแห่ง ไม่ว่าที่แจ้งที่ลับดีอยู่กับเรา ไม่ได้ดีอยู่กับที่แจ้งที่ลับ ให้พากันตั้งใจประพฤติปฏิบัติ
แบบฉบับของชาวพุทธเรานี้ ก็เป็นแบบฉบับที่ถูกต้องเหมาะสมดีแล้วทุกอย่าง หาที่ต้องติไม่ได้ ผู้ที่มาแสดงแบบให้เราฟังก็คือพระพุทธเจ้า เป็นศาสดาเอกของโลกไม่มีใครเสมอเหมือน ว่าพระทัยคือใจก็บริสุทธิ์สุดส่วน ธรรมก็บริสุทธิ์ นำมาสอนโลกก็เป็นสวากขาตธรรมตรัสไว้ชอบแล้วทุกอย่าง ควรแก่การที่จะนำไปประพฤติปฏิบัติดัดกายวาจาใจของตนให้เป็นพระดี คนดี คนดีอยู่ที่ไหนก็ดี อยู่ที่แจ้งที่ลับดีทั้งนั้น ถ้าชั่วแล้วปิดไม่อยู่ อย่างไรก็ชั่ว อยู่ในที่ลับก็ชั่ว อยู่ในที่แจ้งก็ชั่ว ฉะนั้นจึงต้องได้ระวังอยู่ที่ตัวของเราเองโดยไม่มีที่ลับที่แจ้งนั้นละเหมาะสมดี
พระเราก็มาจำนวนมากวันนี้ ให้พากันตั้งอกตั้งใจปฏิบัติ พระดีนี้สำคัญมาก พระดีพระชั่วนี่สำคัญมาก ญาติโยมเขาเป็นผู้เดินตามพระ ถ้าพระวัดใดปฏิบัติดีปฏิบัติชอบบ้านนั้นเมืองนั้นย่อมชุ่มเย็น ให้คติตัวอย่างอันดีงามแก่ประชาชน ให้ความร่มเย็นแก่เขาเป็นอย่างดี ถ้าวัดไหนพระปฏิบัติเหลวแหลกแหวกแนวไม่เป็นท่าแล้ว วัดนั้นเหมือนบ้านร้างเมืองร้าง เป็นร้างไปหมด ประชาชนญาติโยม-พระเณรกลายเป็นคนร้างวัดร้างพระร้างไปหมด ไม่ดีเลย ถ้าตั้งใจปฏิบัติให้ดีงามอยู่แล้วอยู่ที่ไหนก็ชุ่มเย็น
เมืองไทยเราไปตั้งบ้านตั้งเรือนที่ไหนต้องสร้างวัดสร้างวาขึ้นเป็นคู่เคียงกัน ให้เป็นที่อบอุ่นสงบเย็นใจ พระเป็นผู้นำพาดำเนินในข้อวัตรปฏิบัติ ชี้แจงบอกสอนในสิ่งที่ดีงามทั้งหลาย เราก็ค่อยปฏิบัติตามท่าน พระเองก็ปฏิบัติตัวให้เป็นแบบฉบับตามหลักธรรมหลักวินัยของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าคืออะไร คือหลักธรรมหลักวินัย ใครปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามหลักธรรมหลักวินัยแล้ว ผู้นั้นเป็นผู้ตามเสด็จพระพุทธเจ้าทุกอิริยาบถความเคลื่อนไหวไปมา เป็นผู้จะได้ตามเสด็จพระพุทธเจ้าตลอดกาลไปเลย ถ้าออกนอกลู่นอกทางธรรมวินัยแล้ว แม้จะจับชายจีวรของพระพุทธเจ้าอยู่ก็ไม่เรียกว่าได้ตามเสด็จพระองค์นะ เพราะฉะนั้นจึงให้ดีอยู่ที่การประพฤติปฏิบัติ
พระเราสวยงามอยู่ที่ความประพฤติปฏิบัติ ศีลธรรมเป็นเครื่องประดับพระให้สวยงามที่สุด ในโลกนี้ไม่มีอะไรจะสวยงามยิ่งกว่าศีลธรรมเป็นเครื่องประดับตน การมีศีลธรรมเป็นเครื่องประดับตนย่อมงดงาม ตัวเองก็มีความสงบร่มเย็น ไปที่ไหนก็สงบร่มเย็น อยู่ในป่าในเขาในบ้านที่ไหน ตัวเองเป็นผู้ปฏิบัติตามหลักธรรมซึ่งเป็นของชุ่มเย็นอยู่แล้วก็มีความสงบเย็นใจ สบายไป
ดังพระท่านไปอยู่ในป่าในเขานั้นท่านไปภาวนานะนั่น ท่านไปสงบเย็นใจ ประพฤติตนชำระจิตใจให้มีความสง่างาม ใจก็จะสว่างไสวขึ้นมา นำธรรมนั้นละมาสอนโลก อย่างพระพุทธเจ้าของเราท่านก็ประทับอยู่ในป่ากรุงพาราณสี ๖ ปี สำเร็จเป็นศาสดาเอกขึ้นมาสอนโลกจนกระทั่งทุกวันนี้ เป็นพุทธศาสนาปรากฏแก่ชาวพุทธทั่วโลกดินแดน ก็เพราะการประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในที่สงบสงัด ดัดกายวาจาใจของตนให้ถูกต้องดีงามไปตลอด จนกลายเป็นศาสดาเอกของโลกขึ้นมา โลกได้กราบไหว้บูชาพระพุทธเจ้า ก็เพราะท่านประพฤติปฏิบัติองค์ท่านให้เป็นตัวอย่างอันดีแก่ชาวโลกต่อไป
เราเป็นลูกศิษย์ตถาคต เฉพาะอย่างยิ่งพระเณรเราอย่าโกโรโกโส โลเลโลกเลกใช้ไม่ได้นะ พระเรานี้ไม่มีอะไรสวยงาม ศีรษะก็โกนออกทิ้งหมด เขาแต่งเนื้อแต่งตัวมีโรงเสริมสงเสริมสวย พระเราไม่มี ให้สวยด้วยอรรถด้วยธรรม สวยด้วยกายวาจาใจ สวยด้วยศีลด้วยธรรม ด้วยพระวินัย พระเรามาสวยอยู่ตรงนี้ ไม่ได้สวยอยู่ด้วยเครื่องแต่งเนื้อแต่งตัวอะไรเหมือนโลกเขาสวยกัน พระสวยสวยด้วยศีลด้วยธรรม ให้พากันจำเอานะพระเรา งามด้วยศีลด้วยธรรม ชุ่มเย็นด้วยศีลด้วยธรรม จิตใจสว่างไสวด้วยศีลด้วยธรรม ไม่ได้สว่างไสวด้วยพระอาทิตย์พระจันทร์อะไร สว่างไสวด้วยธรรมในใจ ใจมีธรรมแล้วใจเป็นความสว่างไสวสงบร่มเย็น ไปที่ไหนก็เย็นตาเย็นใจ อย่าห่างเหินจากศีลจากธรรม
เฉพาะพระเรานี้การภาวนาเป็นสำคัญมากทีเดียว การภาวนาชำระใจของตนซึ่งมันวอกแวกคลอนแคลน ดีดดิ้นอยู่ตลอดเวลาหาความสงบไม่ได้ก็คือใจ ละครลิงอยู่ที่ใจนั้นแหละ ให้ชำระใจด้วยจิตตภาวนาโดยมีสติเป็นเครื่องยับยั้งอยู่ตลอด ใจจะไม่คึกไม่คะนอง ใจไม่คึกไม่คะนองเสียอย่างเดียวก็ไม่สร้างความชั่วช้าลามกให้เรา เราก็มีความอยู่เย็นเป็นสุข สบายกายสบายใจ ดังที่พระไปภาวนาอยู่ในป่า ไปทำใจให้สงบ ไม่ให้คึกคะนอง มีความสงบจิตก็เป็นสมถธรรม จากนั้นแล้วก็เป็นสมาธิธรรมขึ้นมา สมาธิแปลว่าความแน่นหนามั่นคงแห่งความสงบของใจ
จากนั้นก้าวออกสู่ปัญญา พินิจพิจารณาธาตุขันธ์ กฎอนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา อสุภะอสุภังในร่างกายของเราทั้งของเขาทั้งของเรา เป็นป่าช้าผีดิบไปด้วยกันทั้งหมด ท่านเรียกว่ากองวิปัสสนากรรมฐาน พิจารณาถือเอาป่าช้านอกป่าช้าในมาเป็นหินลับปัญญาพินิจพิจารณาให้มีความกระจ่างแจ้งภายในจิตใจ จิตใจเมื่อได้รับการอบรมศึกษาลับหินด้วยสติปัญญาด้วยแล้วก็จะมีความสง่างามขึ้นมาในใจ
พระกรรมฐานเรานั่นละสำคัญมาก พระนี่เป็นแนวหน้ามาก กรรมฐานๆ ก็คือว่าที่ตั้งแห่งการงานที่เลิศเลอทั้งหลายเรียกว่ากรรมฐาน กรรมฐานท่านแยกออกมีห้าประการ เกสา ผม โลมา ขน นขา เล็บ ทันตาคือฟัน ตโจคือหนัง อันนี้ละมันหุ้มห่อกระดูกให้หลง ภูเขาภูเรา หลงภูเขาไม่เหมือนกับหลงภูเรานะ หลงภูเรานี่พิลึก ภูเขาทั้งลูกไม่มีใครไปหลง แต่ภูเขาภูเราในตัวของหญิงของชายหลงกันเต็มบ้านเต็มเมือง เต็มโลกเต็มสงสาร เพราะไม่ได้พิจารณาตามหลักธรรมของพระพุทธเจ้าที่สอนไว้แล้วก็ไม่มีอะไรยับยั้งชั่งใจของเราห้ามไม่ให้คึกให้คะนองลงได้ มันก็คึกคะนอง จนจะตายจะเข้าโลงแล้วก็ยังไปหาร้องรำทำเพลงสนุกสนานอยู่ เป็นอย่างนั้นละจิต ความคึกความคะนองไม่อยู่กับร่างกาย ไม่อยู่กับวัย มันอยู่กับใจของเรา
ให้พากันตั้งใจประพฤติปฏิบัติ เอาให้กระจ่างแจ้งซิ กรรมฐานนี่ละเป็นสำคัญมากทีเดียว พิจารณาร่างกายของเราให้แตกกระจัดกระจาย จิตใจจะสว่างจ้าขึ้นมา มีสิ่งเหล่านี้ละมันปิดใจของเราให้มืดให้ดำ ขาวมันก็เป็นดำ ดำก็ยิ่งดำไปเรื่อยๆ คือจิตไม่มีธรรมซักฟอก ถ้าจิตมีธรรมซักฟอกแล้วจิตก็สง่างามเย็นสบาย นั่นละพระพุทธเจ้าสอนให้อยู่ในป่าในเขา เช่นป่าช้าเป็นต้น ก็คือให้ไปฟอกจิตฟอกใจในสถานที่เหมาะสมกับการประกอบความพากเพียร
รุกฺขมูลเสนาสนํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา ตตฺถ เต ยาวชีวํ อุสฺสาโห กรณีโย บรรพชาอุปสมบทแล้วให้ท่านทั้งหลายไปอยู่ตามรุกขมูลร่มไม้ ในป่าในเขา ตามถ้ำเงื้อมผา ป่าช้าป่ารกชัฏ ที่แจ้งลอมฟางอันเป็นที่ว่างเปล่า ภาวนาด้วยความสงบใจในสถานที่เช่นนั้น แล้วจิตใจจะสว่างกระจ่างแจ้งขึ้นมาภายในตัว ใจจะเบิกกว้างออกไปด้วยความรู้ความฉลาด ความโง่เขลาเบาปัญญาจะห่างออกจากตัวไปเรื่อยๆ จิตใจสว่างจ้าขึ้นมาก็กลายเป็นโลกวิทู รู้แจ้งทั้งโลกนอกโลกใน โลกผีโลกคน โลกนรกอเวจี สวรรค์ชั้นพรหม รู้ไปหมด นั่นละโลกวิทู เรียกว่ารู้แจ้งโลกด้วยการภาวนา
ถ้าไม่ได้มีการอบรมจิตใจเลยไม่เป็นท่านะ ไม่ว่าผู้หญิงผู้ชาย ต้องได้มีการอบรมจิตใจตัวคึกตัวคะนอง ผู้หญิงก็คึกคะนอง ฆราวาสก็นึกคึกคะนองได้ ไม่ว่าแต่พระคึกคะนอง กิเลสมีอยู่ที่ไหนตัวคึกตัวคะนองอยู่ที่นั่นแหละ ตัวดีดตัวดิ้น หาความสุขความสำราญบานใจไม่ได้ก็คือกิเลสยุแหย่ก่อกวนคนนั้นแหละ ให้พากันอบรมภาวนาบ้าง ตื่นขึ้นมาวันหนึ่งมีแต่มืดกับแจ้งเท่านี้มันมีอะไร มานี้ตั้งกัปตั้งกัลป์แล้ว มืดกับแจ้งๆ เราเกิดแล้วก็ตายๆ แต่การสร้างบาปสร้างกรรมนั่นสร้างไม่หยุดไม่ถอย ความดีไม่เหลียวแล อย่างนี้เป็นความผิดจากการเกิด เกิดมาเพื่อความสุขความเจริญ แต่การทำเพื่อความเสื่อมเสียมันเข้ากันไม่ได้ ตายลงไปแล้วก็ไปจมลงในนรก เขาขึ้นไปสวรรค์ชั้นพรหมจนกระทั่งนิพพานเราไม่ยอมไป บึกบึนลงไปนรกอเวจีให้เผาไหม้อยู่กี่กัปกี่กัลป์ก็ไม่โผล่หน้าขึ้นมาได้ เพราะตื่นในความชั่วช้าลามกทั้งหลายเห็นว่าเป็นของดี มันก็ชั่วไปเรื่อยๆ ละคนเรา
วันนี้เป็นวันโอกาสวาสนาอำนวย บรรดาพี่น้องทั้งหลายได้มาบำเพ็ญกองการกุศล แล้ววันนี้พลอยได้ฟังอรรถฟังธรรมนำไปประพฤติปฏิบัติตัวให้เป็นคนดีต่อไป อย่าเป็นคนคึกคนคะนองจนเกินเหตุเกินผลไม่ดีมนุษย์เรา เกิดขึ้นมาก็เกิดขึ้นมาด้วยอำนาจแห่งกรรมดีกรรมชั่ว บุญพาให้เกิด เกิดมาเป็นมนุษย์แล้วไปสร้างแต่บาปแต่กรรมมันก็ขัดกัน เกิดมาเป็นมนุษย์ด้วยอำนาจวาสนาแห่งบุญพาให้เกิดเป็นมนุษย์ แล้วก็สร้างธรรมของมนุษย์ขึ้นที่ใจด้วยการประกอบคุณงามความดี มีศีลมีธรรมประจำใจอย่างนี้จึงถูกต้องดีงาม ให้พากันบำเพ็ญนะ
โลกทุกวันนี้หนาแน่นเข้าโดยลำดับลำดา หนาแน่นด้วยกิเลสตัณหา มันพอกพูนหัวใจสัตว์โลก ไม่รู้จักบาปจักบุญคุณโทษประการใดเลย มีตั้งแต่ความดีดความดิ้น ความคึกความคะนอง หาความสงบเย็นใจไม่ได้ ก็คือจิตใจที่มีกิเลสเข้ายุแหย่ก่อกวนนั้นแหละให้สงบตัวไม่ได้ จงพากันทำใจให้สงบบ้างนะทุกคน เวลาจะหลับจะนอนก็ไหว้พระเสียก่อน แล้วนั่งทำความสงบใจ เจริญภาวนาด้วยคำพุทโธก็ได้ ธัมโมก็ได้ สังโฆก็ได้ หรือคำใดที่ถูกจริตจิตใจของตนนำมาบริกรรมพุทโธๆ ทีแรกอย่างน้อยให้ได้สัก ๕ นาที ต่อไปก็ก้าวเข้าสู่ ๑๐ นาทีด้วยคำบริกรรมภาวนา เลยจากนั้นไปแล้วจิตก็สงบเย็นๆ
จิตสงบเย็นนี้เย็นมาก ไม่เหมือนอะไรภายนอกเย็นนะ เย็นนี้มีความสุข ความสงบเย็นใจนะจิตเย็น ภายนอกมันเย็นดินฟ้าอากาศไม่เป็นประโยชน์อะไรแหละ ใครก็สัมผัสสัมพันธ์เหมือนกัน แต่เย็นภายในใจนี้ยากที่คนจะสัมผัสสัมพันธ์ พระพุทธเจ้าพระอรหันต์ท่านเย็นภายในใจ อยู่ที่ไหนเย็นหมด เทวบุตรเทวดาอินทร์พรหมเย็นเพราะท่านทั้งนั้นแหละ เพราะท่านมีธรรม ไปที่เย็น พระพุทธเจ้าเสด็จไปไหนเย็น
อย่างที่แสดงไว้ว่าพุทธกิจห้า พระพุทธเจ้าทรงมีภาระห้าประการที่ประจำพระพุทธเจ้าซึ่งสั่งสอนโลก ทำประโยชน์แก่โลกไม่มีประมาณตลอดมา พอบ่ายสามโมงสี่โมงก็เทศนาว่าการสอนประชาชน นับแต่พ่อค้าประชาชนจนกระทั่งถึงมหากษัตริย์มาฟังเทศน์ฟังธรรม พอตกค่ำเข้ามาก็ประทานโอวาทแก่พระสงฆ์ผู้ตั้งใจประพฤติปฏิบัติอรรถธรรมทั้งหลาย เพื่อเข้าสู่แดนมรรคผลนิพพาน จากนั้นพอหกทุ่มแล้วก็แก้ปัญหาเทวดา แนะนำสั่งสอนเทวบุตรเทวดาอินทร์พรหม มาหมดละมาฟังเทศน์พระพุทธเจ้าในเที่ยงคืน นี่เป็นวาระที่สามแล้วนะ
พุทธกิจห้าคืองานของพระพุทธเจ้าห้าประการ วาระที่สามทรงเล็งญาณ ภพฺพาภพฺเพ วิโลกานํ ทรงเล็งญาณดูสัตวโลกผู้ใดจะมาข้องตาข่ายคือพระญาณหยั่งทราบของพระองค์ ไม่สุดวิสัยพระองค์จะเสด็จไปโปรดคนนั้นให้ได้มรรคผลนิพพานต่อไป ตอนเช้าก็เสด็จออกบิณฑบาต ใครได้เห็นได้ยินเสียงพระพุทธเจ้าทรงเปล่งออกมาแต่ละคำ หรือแม้ได้มองเห็นเท่านั้นก็เป็นมหามงคล นี่ละ ปุพฺพเณฺห ปิณฺฑปาตญฺจ เวลาเสด็จออกบิณฑบาตเป็นประโยชน์ไปหมดเลย ไม่ว่าประชาชน-เทวบุตรเทวดาได้เป็นมงคลจากการได้เห็นได้ยินได้ฟังพระพุทธเจ้า นี่ละท่านผู้ทรงมหามงคลไว้ ไปที่ไหนก็เป็นแต่มงคลประจำพระองค์ แล้วก็เป็นมงคลแก่สัตว์โลกทั้งหลายที่ได้มาสัมผัสสัมพันธ์ได้พบได้เห็นได้ยินได้ฟังก็มีแต่ความสงบร่มเย็น ใจเป็นสิริมงคล นี่ละพระพุทธเจ้าท่านสอนโลก
พวกเราที่มานั่งเต็มศาลานี้มันมีพุทโธติดตัวไหมล่ะ หรือมีตั้งแต่เปรตแต่ผีแต่ยักษ์แต่มาร แต่ความทะเลาะเบาะแว้งชิงดีชิงเด่นกันนั่นเหรอ ไปที่ไหนมีแต่กิเลสตัวนี้ออกทำงานโลกจึงร้อนมากทีเดียว ธรรมไม่ได้ทำงาน ถ้าธรรมทำงานต้องมองดูกันกับผู้เกี่ยวข้องด้วยความเสมอภาค ด้วยความให้อภัยซึ่งกันและกัน ไม่ได้มองดูกันด้วยความยกโทษยกกรณ์จะกัดจะฉีกกันอย่างนั้น เรื่องนั้นเป็นเรื่องของกิเลส เรื่องหมากัดกัน เรื่องของธรรมแล้วเห็นกันย่อมมีความเมตตาสงสาร ให้อภัยซึ่งกันและกัน ไม่ถือสีถือสากันอย่างง่ายดาย นี่เรียกว่าธรรม มองกันโดยธรรมท่านมองอย่างนั้น
วันนี้ท่านทั้งหลายก็ได้มาได้ยินได้ฟังเสียงธรรม หลวงตาไม่ค่อยได้แสดงธรรมละ เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าทุกวันนี้ ไม่เหมือนแต่ก่อน พอเทศน์ไปๆ ก็เหนื่อยๆ แล้วก็หยุดเสีย ไม่เหมือนแต่ก่อน ขอให้ท่านทั้งหลายนำไปปฏิบัติ แต่ธรรมที่นำมาสอนนี้ถูกต้องแม่นยำ หาที่ผิดเพี้ยนไม่ได้ ออกมาจากใจที่ถูกต้องแล้วโดยสมบูรณ์ ไม่มีอะไรบกพร่องแล้ว การสอนโลกคราวนี้เราสอนด้วยความสุดสิ้นแห่งหัวใจที่ไม่มีกิเลส ไม่มีกิเลสตัวใดแฝงอยู่ภายในจิตใจแม้เม็ดหินเม็ดทราย สอนออกไปมากน้อยเป็นใจที่บริสุทธิ์สุดส่วน เต็มไปด้วยความแน่ใจทุกอย่างแล้วกับท่านทั้งหลาย จงนำธรรมะนี้ไปประพฤติปฏิบัติแก้ไขดัดแปลงสิ่งที่ขัดข้องยุ่งเหยิงวุ่นวาย เป็นข้าศึกต่อหัวใจนั้นให้จางออกไปๆ จิตใจจะได้มีความสงบร่มเย็นทั่วหน้ากัน
พระตั้งใจปฏิบัติให้ดีพระเรา คุณค่าของพระอยู่กับการประพฤติปฏิบัติศีลธรรม ไม่ได้อยู่ที่ไหน คุณค่าอย่างอื่นไม่มีกับพระ ไม่เกี่ยวกับพระ คุณค่าของพระคือศีลคือธรรมคือวินัย ปฏิบัติตนให้ดิบให้ดีแล้วไปที่ไหนจะงามตางามใจ อยู่ในร่มไม้ร่มไหนก็ชุ่มเย็นๆ นี่ละผู้มีธรรมในใจ จงพากันตั้งอกตั้งใจปฏิบัติ เอาธรรมที่สอนในวันนี้ไปเป็นคติเครื่องเตือนใจให้เป็นมงคลแก่บรรดาพี่น้องลูกหลานในบ้านในเรือน ในวัดในวา ในพระในเณร ท่านทั้งหลายจะทรงความเป็นมงคลอยู่ในหัวใจของตน อยู่ในบ้านเรือนครอบครัวของตน อยู่ในวัดในวา และอยู่ในตัวของเราเองทั่วหน้ากัน
การแสดงธรรมนี้ก็เห็นจะจบเพียงเท่านี้ แสดงมากกว่านี้ไม่ได้ เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า จึงขอความสวัสดีจงมีแก่บรรดาพี่น้องลูกหลานทั้งหลายโดยทั่วกันเทอญ
รับชมรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และทางสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
พร้อมเครือข่ายทั่วประเทศ
|