เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๑
พรรษา ๑๑ หนักมากเรื่องความเพียร
เราได้ประมวลความเพียรของเรา มาจำพรรษาบ้านโคก บ้านนามน นี่เป็นสถานที่ที่พ่อแม่ครูจารย์มั่นพักนานอยู่นะ เข้าพรรษาแต่ละปีๆ มันมีเครื่องระลึกเรื่องความเพียร ธรรมดามันก็หนักของมันอยู่แล้วๆ พอเข้าพรรษายิ่งเพิ่มความหนักเข้าไป เช่นอย่างบ้านนามนเป็นต้น บ้านนามนนี้นั่งภาวนาก้นแตกเราไม่ลืม ดูจะเป็นพรรษา ๑๑ ละมัง บ้านโคกพรรษา ๑๐ บ้านนามนพรรษา ๑๑ บ้านนามนนี้เป็นบ้านที่ความเพียรหนักมากในพรรษานั้น คือกลางวันไม่นอนเลย ถ้าเราไม่นั่งตลอดรุ่งแล้วกลางวันไม่นอน ถ้านั่งตลอดรุ่งแล้วกลางวันพักให้
บ้านนามนนี้เป็นบ้านหนึ่งที่เป็นบ้านความเพียรเด็ดที่สุด คือเด็ดทั้งร่างกาย ทรมานทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ คือความเพียรมันไม่ได้หนักเสมอกันนะกายกับใจ บางกาลเวลานี้มันจะหนักทางใจมาก ทางกายก็พอทำเนา บางเวลานี่ทั้งกายทั้งใจหนักไปพร้อมกันเลยทำความเพียร บ้านนามนดูว่าเป็นพรรษา ๑๑ เป็นความเพียรที่หนักมากทีเดียว คือหนักด้วยกันทั้งใจและกาย นั่งภาวนานี่ก้นแตก ขนาดนั้นละฟังซิ เหตุที่จะแตกมันไม่ได้แตกในวันนั้นนะ พอคืนวันนี้นั่งตลอดรุ่งมันออกร้อนก้น มันไม่ได้แตกนะ ออกร้อนก้น ทีนี้นั่งมันไม่ถอยละ เอาๆ เวลาเอาอีกนั่งอีก ร้อนมากเข้ามันก็พอง ก้นพอง ทีนี้นั่งไม่หยุดไม่ถอยก้นก็แตก เอาเรื่อยฟาดเรื่อย จากแตกก็เลอะ เป็นแล้วเราเป็น ประจักษ์
นั่นละขนาดนั้นพอดีกันกับกิเลส เรื่องความเพียรกับกิเลสหนัก หนักมาตลอดนะเรา ได้คิดย้อนหลังไปว่าทั้งที่ล้มลุกคลุกคลาน จิตใจไม่เป็นท่า แต่ความเพียรอืดๆอาดๆ เนือยๆ ไม่มีนะนี่ ไม่มี พูดตรงๆ นะ มันจะล้มลุกคลุกคลานมันก็ล้มลุกคลุกคลานไปด้วยกันนั่นแหละ กิเลสหยาบ ใจวุ่นวายทรมานก็หยาบ ที่จะปล่อยให้กิเลสเหยียบหัวจริงๆ ไม่ละ ต้องอย่างนั้นๆ ความเพียร พรรษาที่ ๑๑ อยู่บ้านนามนนี่ความเพียรกล้ามาก พร้อมทั้งกาย พร้อมทั้งใจ ความเพียรหนักมาก หนักเท่าๆ กัน กลางวันไม่ให้นอนเลย เว้นแต่กลางคืนนั่งตลอดรุ่ง ถ้าวันไหนนั่งตลอดรุ่งกลางวันก็พักให้ ถ้าไม่ตลอดรุ่งกลางวันไม่พัก เวลาง่วงก็เข้าป่า หรือไปอาบน้ำบ้างอะไรบ้าง เข้าป่า
นั่นละวิธีฝึกทรมานตนเองเราไม่ลืมนะ พรรษา ๑๑ นี้เป็นพรรษาที่หนักมากในเรื่องความเพียรของเรา มันหนักทางกายทางใจด้วยกัน ทีนี้เวลาใจละเอียดเข้าไปมันหนักทางจิต จิตนี้หมุนติ้วๆๆ ร่างกายดูเหมือนไม่หนักแต่มันก็หนักไปด้วยกันนั้นแหละ เป็นแต่เพียงว่าใจนี้เด่น มันหมุนของมันเรื่อยๆ ท่านแสดงไว้ในตำราว่าพระโสณะประกอบความเพียรจนฝ่าเท้าแตก เราก็อ่านในตำรา มันยังไม่เป็นสักขีพยานกันมันก็ไม่ลงกันนะ ในตำราท่านบอกว่าพระโสณะประกอบความเพียร เดินจงกรมจนฝ่าเท้าแตก ว่าอย่างนั้น เราก็อ่านฟังไปธรรมดา
พอมาถึงวาระของเราเข้าเป็นได้ ยอมรับเลย คือมันเดินไม่รู้จักหยุด ถ้าลงได้ก้าวเข้าทางจงกรมจนกระทั่งจะก้าวขาไม่ออกมันถึงจะออกจากทางจงกรม คือความเพียรมันหมุนของมันอยู่ตลอด ทีนี้กลางคืนก็เดิน กลางวันก็เดิน เวลาไหนก็เดิน ฝ่าเท้าไม่แตกได้อย่างไร แตก บางทีได้เอามาดูนะ เอาฝ่าเท้ามาดูจริงๆ มันแตกเหรอ ทำไมมันออกร้อนนัก ไม่แตก แต่เวลาเรามาลูบนี้มันเสียว มันกำลังจะเข้าถึงเนื้อ เดินจงกรมไม่รู้จักหยุดอย่างนั้นละ
เรื่องความเพียรนี้หนักมากอยู่ นิสัยของเรามันไม่ค่อยเบาละอะไรก็ดี ถ้าลงได้ทำแล้วมันไม่เบาสักอย่างละ มันนิสัยอย่างนี้จริงจังทุกอย่าง มันไม่ได้เบา เหลาะๆ แหละๆ เก้งๆ ก้างๆ แบบไม่มีสตินี้ไม่มี มองดูพระปั๊บเราจับปุ๊บนะ เพราะเราเคยมาเท่าไรแล้ว มานี่เผลอหรือไม่เผลอ มันดูแล้ว คือมันจ่อๆ ตลอดเวลา เหมือนเจ้าของเคยจ่อเจ้าของแต่ก่อน นี่ละความเพียรฆ่ากิเลสหนักมากนะ ไม่ใช่เล่นๆ หนักมากอยู่ สตินี่จับติดเลย สติสำคัญมากทีเดียวเรื่องความเพียร ตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งหลับไม่เผลอเลย นั่นฟังซิน่ะตั้งสติ ตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งหลับไม่ยอมให้เผลอเลย
นี่ละเอาสตินี้บังคับกิเลส กิเลสก็ออกเพ่นพ่านไม่ได้ ถ้าเผลอเมื่อไรกิเลสออกทำลายเจ้าของ เมื่อสติดีสังขารของกิเลสก็ไม่เกิด ใจก็ประคองตัวไปได้ๆ สติครอบอยู่ตลอดเลย ประคองตัวได้ก็ค่อยตั้งรากตั้งฐานขึ้นมาได้อย่างนั้น ถ้าความเพียรหย็อกๆแหย็กๆ ไม่จริงไม่จังเหลาะๆ แหละๆ โอ๊ย ไม่ได้เรื่องนะ จริงทุกอย่างมันถึงได้เรื่องนะ นั่งตลอดรุ่งก็จนพ่อแม่ครูจารย์ท่านรั้งเอาไว้ คือวันไหนได้นั่งตลอดรุ่งแล้วจะได้มาเล่าธรรมอัศจรรย์ในเวลาจนตรอกจนมุมให้ท่านฟังทุกวัน ถ้าว่างๆ เช่นตอนเช้าจังหันแล้วว่างๆ พูดตอนนี้ก็พูด หรือตอนบ่าย ถ้าวันไหนได้นั่งตลอดรุ่งวันนั้นละเป็นวันเอาจริงเอาจัง เหมือนว่าโลกธาตุไหวความเพียรนะ มันหนักของมัน จิตก็หนักของจิต ความเพียรหนัก สติทุกอย่างหนักหมด
นั่นละได้ความอัศจรรย์ขึ้นมา มาเล่าให้ท่านฟัง ท่านได้ยับยั้งเอาไว้ ท่านยกม้า พูดเท่านั้นเราก็ไม่นั่งตลอดรุ่งอีกนะ ม้าตัวไหนมันคึกมันคะนองมากสารถีฝึกม้าเขาฝึกทรมานอย่างหนัก ไม่ควรกินหญ้าไม่ให้กิน ไม่ควรกินน้ำไม่ให้กิน แต่การฝึกหนัก เอาจนกระทั่งม้านี่ลดพยศลงๆ การฝึกทรมานเขาก็ลดลงๆ จนกระทั่งถึงม้าใช้การใช้งานได้การฝึกเช่นนั้นเขาก็พักไปหยุดไป เท่านั้นละเราก็เข้าใจแล้ว ท่านพูดเพียงเท่านั้น
คือเราไปเล่าให้ท่านฟัง เวลาขึ้นไปนี้เหมือนผ้าพับไว้ ขึ้นไปหาท่านเคารพ บทเวลาธรรมะออกนี่ โหย มันเหมือนแชมเปี้ยนพุ่งๆๆ ท่านก็นั่งฟัง บ้ามันขึ้นท่านก็จะว่าละ ท่านนึกในใจบ้ามันขึ้น มันเอาจริงๆ พูดนี้เสียงลั่น พลังของใจมันพุ่งๆ มันเป็นมาแต่กลางคืน เวลามาเล่าให้ท่านฟังมันก็พลังอันนั้นออก มันก็พุ่งๆ เล่าให้ท่านฟัง เอาขนาดนั้นละกิเลสถึงได้ม้วนเสื่อลงไป เอาหนักขนาดนั้นละ เฉพาะความเพียรเรานี้ ๙ ปีเต็ม ความเพียรอย่างหนักหน่วงมากทีเดียว ไม่ใช่ความเพียรธรรมดา เป็นเวลา ๙ ปี ตั้งแต่พรรษา ๗ ถึงพรรษา ๑๖ เก้าปีเต็ม อันนี้หนักมากทีเดียว ไม่ได้ลืมหูลืมตากลางวันกลางคืน ตื่นนอนนี้ดีดผึงๆ เลย ใครนอนอยู่ด้วยกันเวลาเราตื่นนอนพระจะรู้นะ สมมุติว่าพระนอนด้วยกันจะตื่นนอน คือมันไม่ตื่นธรรมดา ดีดผึงเลย ดีดผึงๆ เลย
๑๖ พรรษาผ่านได้ ผ่านได้โดยสิ้นเชิงกิเลสม้วนเสื่อหมดพรรษาที่ ๑๖ พอพรรษาที่ ๑๘ ก็มาฝึกนอนเสียใหม่ คือนอนนี่มันเหมือนแม่เนื้อตื่นนายพรานนะ ดีดผึงๆๆ เลย ถึงพรรษา ๑๖ เต็ม นั่นละจะว่าลงเวทีก็ว่าได้ พรรษา ๑๖ ลงเวที พอพรรษา ๑๘ ฝึกหัดการหลับการนอนใหม่ คือการหลับนอนในเวลาขึ้นเวทีมันไม่ได้หลับนอนธรรมดา มันตื่นตัวตลอดพุ่งๆๆ ตื่นนอนนี้ดีดผึงเลยเชียว ไม่ได้ตื่นนอนธรรมดา ตื่นแบบดีดผึงๆ เรามาฝึกเรื่องตื่นนอนให้รู้จักทิศทางอะไรก่อนแล้วค่อยลุกขึ้นธรรมดา มันก็ยังไม่ได้ง่ายๆ นะ พอรู้สึกมันดีดแล้ว พอรู้สึกมันดีดก่อนแล้วๆ
พากันตั้งใจนะเข้าพรรษาภาวนาให้ดีนะ ตั้งใจภาวนาเข้าพรรษา ไม่มีงานมีการอะไรให้ดูหัวใจตัวมันดีดมันดิ้น หัวใจละดิ้นที่สุด บังคับมันให้ดี อาหารนี่ละสำคัญ เรื่องอาหารกับความเพียรมีส่วนเกี่ยวข้อง ถ้าเรารับประทานอิ่มๆ อย่างนี้ภาวนาไม่เป็นท่านะ ต้องให้อาหารน้อยลงน้อยอยู่เสมอ การภาวนาก็ค่อยดีดๆ การฟื้นใจฟื้นยาก การฟื้นกายไม่ยาก เดินมาจนจะไม่ถึงหมู่บ้าน พอฉันเสร็จแล้วเหมือนม้าแข่ง กำลังทางร่างกายมันรวดเร็ว กำลังทางใจขึ้นยาก เพราะฉะนั้นจึงฟื้นทางใจขึ้นให้มากทีเดียว เอาละทีนี้ให้พร
รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
พร้อมเครือข่ายทั่วประเทศ
|