เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๑
อานิสงส์เกิดจากความเพียร
ลูกบังอร ที่จังหวัดชลบุรีแม่ของท่านพฤกษ์ ได้ไถ่ชีวิตจำนวนโคจำนวน ๑๖ ตัว ตัวผู้ ๓ ตัว ตัวเมีย ๑๓ ตัว ถวายแด่พ่อแม่ครูอาจารย์ใหญ่ ด้วยอานิสงส์นี้ขอให้พ่อแม่ครูอาจารย์ใหญ่อายุยืนยาวนานตลอดกาลนานเทอญ
การทำบุญให้ทาน-การเสียสละเป็นเส้นทางเดินที่เบิกกว้างโล่งโถงไปสะดวกสบาย อยู่สบาย นี่ละทางออกจากการเสียสละ ไปที่ไหนไม่ตีบตันอั้นตู้ คนมีใจกว้างขวางเบิกบาน เห็นแก่เพื่อนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายด้วยกัน เฉลี่ยเผื่อแผ่ ไปที่ไหนเบิกกว้างสะดวก ผิดกันกับคนตระหนี่ถี่เหนียวเป็นไหนๆ คนตระหนี่ถี่เหนียวนี้ไปไหนตีบตันอั้นตู้ ตัดขวากตัดหนามขวางทางตนเองไปในตัว เพราะความตระหนี่ถี่เหนียวนั้นแหละมันเป็นขวากเป็นหนามขวางตัวเอง การเสียสละนี้ถูกต้องแล้ว มีมากมีน้อยเฉลี่ยเผื่อแผ่กัน อย่าเห็นแก่ตัว ความเห็นแก่ตัวนี้เรียกว่าปิดทางตัวเอง ความสะดวกสบายการคบค้าสมาคมกับใครต่อใครตีบตันไปหมด คนมีจิตใจอันกว้างขวางนี้เบิก ไปไหนโล่งไปเลย
(โรงพยาบาลอำนาจเจริญที่หลวงตาได้เมตตาสงเคราะห์เครื่องมือตา เขาได้บริการผู้ป่วย ๔,๘๐๘ คน และผ่าตาให้ ๔๕๘ คน แล้วทางโรงพยาบาลได้นำปัจจัยมากราบถวายหลวงตา ๒๓,๘๙๙ บาทครับ) ตานี้ก็มากอยู่นะ ตาที่เราช่วยโลกมาก ไม่ใช่น้อยๆนะ เท่าไรหนึ่งร้อยเท่าไรล้าน (๑๘๕,๕๒๐,๐๐๐ บาทครับ) เฉพาะตานะกว้าง ตานี่ดูว่าจะไปทุกภาคเหมือนกันละมัง (ที่ให้ไปทั้งหมด ๒๓ แห่ง) เรียกว่าทั่วประเทศไทย เรียกว่าทุกภาค ตาไม่ใช่ของเล่น คือเครื่องมือตานี้จะมีแต่ของนอกทั้งนั้นนะ
เรานี้สงวนเนื้อหนังในชาติของตน อยากจะได้ผลิตขึ้นในชาติของตน แต่ครั้นทำแล้วเอามาประกอบการงานเพื่อประโยชน์ในชาติของตนมันก็ไม่ทันเขา คนเจ็บคนป่วยมันจะตาย ก็ต้องหาของดี มันลบล้างในตัวนะ เราเลยกลายเป็นเอามือเขียนตีนลบ เราสงวนเนื้อหนังชาติไทยของตัวเอง นิสัยเป็นอย่างนั้น คิดดูซิผ้าอะไรๆ ถ้าแม่ทอให้แล้วเรานุ่งหมด ซื้ออื่นไม่ซื้อเครื่องนุ่งห่ม อะไรที่แม่ทอให้แล้วเอาทอมา ถ้าเป็นของแม่แล้วใช้หมดเลย ไม่ซื้อของนอก เป็นนิสัยอย่างนั้น จึงเรียกว่าไม่ฟุ้งเฟ้อ แม้แต่เป็นคนหนุ่มก็ไม่ฟุ้งเฟ้อ
จนท่านพระครู เราไม่ลืม แม่มาเล่าให้เราฟัง เดินกึ๊กๆ มา เราเป็นนาคจะบวชในวันนั้น เขาแต่งตัวโก้หรูเต็มยศ ไอ้เรานี่ซอมซ่อๆ อยู่ในนั้น อีแพงบักทองดีสูจนเอานักหนาเหรอ ถ้าสูจนนักหนากูจะหามาให้ เห็นไหมนาคทั้งหลายเขาแต่งตัวเต็มยศเขาจะบวชวันนี้ แล้วนาคบัวดูซิซอมซ่อๆ อยู่ในท่ามกลางหมู่เพื่อน โยมแม่เอาตะกร้าเครื่องแต่งตัวของเราตั้งแต่เป็นฆราวาสและใหม่มาเพิ่ม นี่ละเอามาไม่สนใจเลย เอามาให้ก็บอกว่า ถ้าอย่างนี้ใครจะมาจับ ว่าอย่างนั้นแล้วไปเลย เออๆ เอาล่ะดีกูเห็นด้วยสู ไอ้นี้ละผู้นี้ละผู้จะทรงศาสนา เราไม่ลืมนะ ผู้นี้ละผู้จะทรงศาสนา เดินกลับกึ๊กเลยด้วยความยิ้มแย้ม พอใจๆ ทีแรกมาใส่อีแพงบักทองดี เอาใหญ่ ให้ไปดูนาคทั้งหลายแล้วไปดูนาคบัวเป็นอย่างไร โยมแม่เอาตะกร้าเครื่องแต่งตัวมาวาง เอามาแล้วมันไม่มามองดูเลย บอกให้มาดู นุ่งอย่างนี้แล้วจะเป็นอะไร ใครจะมาจับ แล้วไปเลย เออๆ กูเห็นด้วยแล้วว่าคนนี้ละคนจะทรงศาสนา แน่ะเราไม่ลืมนะ คนจะทรงศาสนาคนนี้ละ ไม่ฟุ้งเฟ้อ
ถ้าเป็นของแม่ทอละใช้หมด ที่อื่นจะสวยงามสู้ของแม่ทอไม่ได้ เป็นอย่างนั้นนะเรา ไม่ได้ใช้ของดิบของดีอะไรนะ ตั้งแต่เป็นฆราวาสเป็นอย่างนั้นละ ไม่ได้ใช้ของดิบของดี เป็นหนุ่มธรรมดาเขาจะแต่งตัวเต็มยศ นี่ไม่ ไม่ทำ จนท่านพระครูเดินกึ๊กๆ มา อีแพงบักทองดีสูไม่มีอะไรเลยเหรอ สูดูซิพวกนาคทั้งหลายเขาแต่งตัวเต็มยศของเขาจะบวชวันนี้ แล้วดูนาคบัวซิมันเป็นอย่างไร แต่งตัวแบบเราล่ะ เลยยกตะกร้ามานี้เครื่องแต่งตัวทั้งหมด ทั้งใหม่ทั้งเก่าอยู่นี้เอามาให้ เรามองดูแพล็บ นุ่งอย่างนี้ใครจะมาจับแล้วไปเลย เออเอาละกูเห็นด้วยแล้ว คนนี้ละจะทรงศาสนา แน่ะไปอย่างนั้นนะ ท่านพระครูมาดุ
ชอบสงวนเนื้อหนังของตัวเองเรา ไม่จำเป็นไม่ซื้อไม่หาที่อื่น ให้ใช้ของเราเมืองไทยเรา ใช้ไม่หยุดไม่ถอยก็ชำนาญขึ้นๆ แข่งเขาได้ นั่นเป็นเนื้อหนังของตัวเองขึ้นมา อะไรมาอันนั้นก็ดีอันนี้ดีเจ้าของเลวลงตลอดไป วิ่งตามเขาต้อยๆ ใช้ไม่ได้เลย ดูของเขาแล้วเออเขาเป็นอย่างนั้นเราจะเป็นอย่างนี้ซัดแข่งกันไป มันก็ดีได้คนเรา นี่อะไรก็มีแต่ของเขาดีหมดๆ ของเจ้าของไม่เป็นท่า วิ่งต้อยๆ ตามหลังเขาไป ไม่มีวันที่ออกแซงหน้าเขา อย่างนั้นใช้ไม่ได้
นี่ไม่เป็นนะ ตั้งแต่เป็นฆราวาสก็ไม่เป็น มาเป็นพระยิ่งแล้ว แต่ก็ดีอย่างหนึ่งน่ะล่ะไปอยู่กับครูบาอาจารย์องค์ใดท่านเมตตามากอยู่นะ อย่างสมเด็จมหาวีรวงศ์เหมือนกัน มาเผาศพพ่อแม่ครูอาจารย์มั่นพรรษา ๑๖ จิตกำลังหมุนติ้วๆ ทั้งวันทั้งคืน ท่านจะเอาเรากลับไปกรุงเทพอีก เราก็เอ๊ทำอย่างไร แต่ไปนี้ไปไม่ได้แล้ว เพราะจิตมันหมุนตลอดเวลา มันจะออกแล้ว แล้วจะลากไปส้วมไปถานอะไรอีก แล้วจะแก้วิธีไหนจะไม่เสียความเคารพ เสียความงาม เราก็คิดเต็มหัวใจ ทางนั้นมีแต่เอาท่าเดียว เป็นอำนาจใส่เลย เพราะเราเป็นลูกศิษย์ก้นกุฏิของท่าน ดูแลทุกสิ่งทุกอย่างอยู่กับเราหมด ทีนี้เวลาเรามาตั้งพรรษา ๑๖ แล้ว เผาศพพ่อแม่ครูอาจารย์มั่น ท่านก็มาเผาศพแล้วจะเอาเรากลับไป
พอดีท่านเจ้าคุณศรีวรคุณ ท่านว่า จะเอาเขาไปไหน ถ้าเป็นผู้ใหญ่มันก็มีครอบครัวเหย้าเรือนไปแล้ว นี้มันไม่ใช่เป็นเด็กจะเอาเขาไปไหน เวลานี้เขากำลังหาตักตวงเอาคุณงามความดี เราจะเอาเขาคืนไปหาอะไร ว่าอย่างนั้นนะ ท่านเป็นเพื่อนกัน นี่พรรษาก็มากแล้ว อยากให้ท่านถามพรรษา ท่านก็ถามมาจริงๆ เราอยากตอบ เดี๋ยวนี้บวชได้กี่พรรษาท่านมหา ได้ ๑๖ พรรษา นู่นน่ะเป็นอุปัชฌาย์ก็ได้แล้ว ช่วย รอดตัวได้ คือท่านเมตตา ไปอยู่กับครูบาอาจารย์องค์ใดท่านเมตตาทั้งนั้น
เพราะตอนนั้นจิตกำลังหมุนตลอดเวลา อยู่กับใครไม่ได้แล้วละ ตอนเผาศพพ่อแม่ครูอาจารย์มั่นจิตนี้หมุนตลอด กลางคืนกลางวันนอนไม่หลับ นี่มันจะไปแล้วนะนั่น ไม่อยู่ล่ะ พุ่งๆๆ ๆ พอดีท่านเจ้าคุณจะเอากลับไปวัดพระศรีมหาธาตุ มันก็คับหัวอกจะตาย จะหาอะไรมาแก้ พอดีท่านเจ้าคุณศรีวรคุณท่านแก้ช่วยเลยผ่านไปได้ เป็นอันว่าไปได้เลย นั่นละความเมตตากัน เราอยู่กับท่าน อะไรเรารับผิดชอบทั้งหมดในคณะนั้นเป็นเราทำหน้าที่แทน
พรรษา ๑๖ ละเผาศพหลวงปู่มั่นเรา พรรษานั้นเองเป็นพรรษาที่ตัดขาดสะบั้นกันกับวัฏวน เพราะฉะนั้นมันจึงหมุนของมัน หมุนเพื่อจะตัดให้ขาด แล้วจะลากไปนู้นอีก โอ๊ยมันไปไม่ได้ละ เรื่องไปไปไม่ได้ หากจะหาทางออกด้วยความสวยงามเคารพไม่ให้เสียนี้ลำบากมาก พอดีเจ้าคุณศรีวรคุณท่านช่วยเสียก็เลยผ่านไปได้ ในพรรษานั้นเองฟาดกิเลสขาดสะบั้นในเดือนพฤษภา นี่ก็เดือนอะไรเผาศพท่านมั่น เดือนมกรา นี่ละท่านจะเอาเรากลับไป พอเดือนพฤษภามันก็ผ่านของมันได้ พรรษา ๑๖ นั่นก็ดีไม่ลืมนะ
การทำอะไรเรามันจริงจังทุกอย่างนั่นละ ไม่ว่าการประกอบความเพียรจะฆ่ากิเลสนี้ก็เอาเลย จับติดเลย พอถึงเรื่องนิพพานใครแสดงเรื่องมรรคผลนิพพานว่ายังมีอยู่เท่านั้น เราจะกราบครูบาอาจารย์องค์นั้นเสร็จเรียบแล้วเราจะเอาชีวิตเข้าแลก เป็นกับตายเพื่อพระนิพพานอย่างเดียว พอดีไปหาหลวงปู่มั่นท่านก็ใส่เปรี้ยงๆ แล้วถึงใจ จากนั้นมาก็ฟัดกันเลยละกับกิเลส เอาจนไม่มีอะไรเหลืออยู่ในหัวใจ บอกชัดๆ มันจวนจะตายแล้ว หมด กิเลสนี้หมดแล้ว ในหัวใจไม่มี บอกชัดๆ อย่างนี้เลย
อำนาจแห่งความพากเพียรที่เราปฏิบัติมา ตั้งแต่ออกปฏิบัติเอาจริงเอาจังมากทีเดียว เวลาเรียนก็เรียนเพื่อปฏิบัติ เวลาออกปฏิบัติก็เพื่อมรรคผลนิพพาน มรรคผลนิพพานเหมือนว่าอยู่ชั่วเอื้อมๆ ทำความเพียรไปคนเดียวๆ หนักมากความเพียร ๙ ปี ออกประกอบความพากเพียรเพื่อฆ่ากิเลส ๙ ปีจึงลุล่วงไปได้นะ ไม่ใช่เล่นๆ นะ เอาหนักมากอยู่ความเพียร แต่แล้วมันก็สบายหายห่วง เราหายห่วงทุกอย่างแล้ว บรรดาสอนพี่น้องทั้งหลายไม่ได้สอนแบบงูๆปลาๆ นะ บรรจุไว้ในนี้หมดแล้ว ที่มาสอนจึงไม่อัดไม่อั้นในการสอน
พูดตรงๆอย่างนี้ ใครจะว่าโอ้ว่าอวดว่าไป เราไม่มี เรามีแต่ความเมตตาสงสารฉุดลากบรรดาพระลูกพระหลาน-ประชาชนไปเท่านั้นละ คุณค่าหรืออานิสงส์เกิดขึ้นจากการประกอบความพากเพียรนะ ไม่ได้เกิดจากความขี้เกียจขี้คร้านท้อแท้อ่อนแอ เกิดขึ้นจากความขยันหมั่นเพียร นี้เอาจริงเอาจังทุกอย่าง ออกปฏิบัติก็ซัดเลย ไปคนเดียว จะครองนิพพานให้ได้ จับติดนี่ก็ดี ก็จับได้จริง ก็เป็นอย่างนั้น
แต่มันก็หายห่วง เรียกว่าหายหมดทุกอย่างแล้ว พี่น้องลูกหลานทั้งหลายให้ฟังเสียนะ การประกอบความเพียรของเรานี้เอาเป็นเอาตายเข้าว่าทุกด้านทุกทาง เวลาเรียนก็เรียนเพื่อปฏิบัติ พอออกจากเรียนแล้วเข้าปฏิบัติจริงเรื่อย เข้าหาพ่อแม่ครูอาจารย์มั่นเลย ท่านก็ใส่เปรี้ยงๆ จากนั้นมาก็เอาล่ะทีนี้จับติด จับนิพพาน จะให้ได้นิพพานในชาตินี้ ให้ได้เป็นพระอรหันต์ว่าอย่างนั้นเลย มันเป็นอยู่ในจิต มันมั่นอยู่ในนั้น จะทุกข์ยากลำบากขนาดไหนความมุ่งมั่นนี้มีกำลังมากกว่าทุกอย่าง ทุกข์ยากขนาดไหนไม่สนใจ มีแต่จะเอาให้ได้ๆ ทีนี้ก็ซัดเต็มเหนี่ยวละ
นี่ก็จวนจะตายแล้วอายุจะ ๙๕ วันที่ ๑๒ สิงหานี่ละที่จะครบ ๙๕ ปีเต็ม เพื่อนฝูงทั้งหลายก็ตายไปมากแล้ว ก็ยังเหลือแต่เราเดินโซซัดโซเซ กำลังวังชาอ่อนมากแล้ว แต่จิตใจไม่ต้องถาม มันนอกสมมุติไปแล้วจิตใจ ไม่ถามถึงป่าช้าที่เกิดแก่เจ็บตายที่จะไปแบกหามภพใดชาติใดอีกแล้ว บอกว่าไม่มี หมดโดยสิ้นเชิง เพราะความเพียร เรียกว่าสมมักสมหมายแล้วชาตินี้ ไม่หมายป่าช้าไม่หมายที่เกิดที่ตาย ทองทั้งแท่งหรือธรรมธาตุเต็มในหัวใจหมดแล้วไม่ถามหาอะไร พออยู่กับนั้นหมด ธรรมกับใจเป็นอันเดียวกันเรียกว่าพอ พอทุกอย่าง อยู่นั้นหมดเลย เอาล่ะจะให้พร
กุฏิเน้นแล้วนะกับพระอย่ามาแตะอีกนะ ไม่ได้นะ พอแตะเสร็จแล้วเราจะเอาไฟตำเข้าไปนั้นเลย เราบอกไม่ฟัง อาจารย์สอนลูกศิษย์ลูกศิษย์ไม่ยอมฟังเสียง ยังจะมาทำกุฏิของเราให้หรูหราฟู่ฟ่าอีก พอทำเสร็จแล้วเราจะเอาไฟตำเข้านั่นเลยแล้วเราหนีเลย ไม่อยู่ อ้าวจริงนะนี่ เราทำอะไรไม่เล่นนะ ถ้าลงได้เด็ดอะไรเด็ดจริงๆ ยังไม่ฟังยังจะมาซ่อมกุฏิเราอีก ซ่อมเสร็จแล้วเราก็จะเอาไฟตำเข้าเลยแล้วหนีเลย ไม่อยู่
รับชมรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และทางสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
พร้อมเครือข่ายทั่วประเทศ
|