(ผู้ฟังเทศน์ นักเรียน ร.ร.ราชินูทิศ ๑๐๐ คน ประชาชน ๕๐๐ คน)
โรงพยาบาลอุดร โรงพยาบาลศูนย์เรา หลวงตาก็ได้พยายามช่วยเต็มเม็ดเต็มหน่วย คือเต็มความสามารถเลย ที่เป็นพื้นฐานจริง ๆ ก็คือ เครื่องมือทำตานี้ ก็ได้ตกลงกันเรียบร้อยแล้วกับคณะแพทย์ในโรงพยาบาลศูนย์อุดรฯ คือให้ได้ครบเลย การทำตานี้ให้ครบหมด หมอก็ครบ เครื่องมือทำตาก็ครบ อะไรบกพร่องเราเป็นผู้รับรอง ให้หมอเป็นผู้สั่งมาเอง เราเป็นผู้รับรองการจ่ายเงิน อันนี้เปิดโล่งไว้ร้อยเปอร์เซ็นต์ กับตึกเมตตามหาคุณนั้นก็เหมือนกันในบริเวณนั้น
คือตึกนี้ทีแรกเขาทำแปลนไว้เพียง ๒ ชั้น ทีนี้เวลาจำเป็นมากขึ้นที่จะเพิ่มอีกเป็นชั้นที่สาม เพิ่มไม่ได้ เพราะมาตรฐานของมันไม่มั่นคง ก็เลยตกลงบริเวณนี้จะต่อจะเติมอะไรออกไปให้ทำได้ เราเป็นคนจ่ายให้ทั้งหมด เป็นชั้นสามไม่ได้นะ แปลนเพียง ๒ ชั้น ถ้าหากต่อชั้นสามได้ โอ๋ย ต่อไปนานแล้วนะ ได้ถามพวกทำแปลนเขาบอกต่อไม่ได้ ตกลงก็ต้องเอาข้าง ๆ ต่อเติมที่ไหนก็ให้ทำได้ เราเปิดให้ อันนี้ก็ร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนกัน เครื่องมือทำตาก็ร้อยเปอร์เซ็นต์ บริเวณตึกนี้ก็ร้อยเปอร์เซ็นต์ แม้ที่สุดตึกชำรุดทรุดโทรมตรงไหนเราให้ซ่อมได้เลย เรียกว่ารับรองร้อยเปอร์เซ็นต์ ๆ เราก็พยายามช่วยเต็มเหนี่ยว
เงินพี่น้องทั้งหลายที่บริจาคมานี้จะเข้าทางด้านโรงพยาบาลเป็นอันดับหนึ่ง กรุณาทราบทั่วกัน พวกโรงร่ำโรงเรียนเป็นอันดับสอง สถานสงเคราะห์ ที่ราชการเป็นอันดับสามอันดับสี่ไป สำหรับโรงพยาบาลเป็นอันดับหนึ่งตลอดมาเลย โรงเรียน โรงพยาบาล นี้สร้างตลอดให้ตลอด เวลานี้ก็กำลังสร้าง ๒ ตึก ๓ ตึก โรงพยาบาล เพราะความจำเป็นมันบีบบังคับ ไม่มีที่ไหนไปก็ต้องวิ่งเข้ามาหาหลวงตาบัว ๆ หลวงตาบัวเลยจะตายเขาไม่ได้คิดนะ
เขาคิดเห็นความจนของเขามากกว่าความจะตายของเรา โห ไม่ไหวนะ เงินพี่น้องทั้งหลายบริจาคไม่ไปไหนเลย สำหรับหลวงตานี้พอทุกอย่างแล้ว ไม่เอาแม้ชิ้นเดียว เท่าเม็ดหินเม็ดทรายหลวงตาไม่ได้ถือมาเป็นสมบัติของตัวเองเลยนะ มีเท่าไร ๆ ไหลออกสู่ความจำเป็นที่เราคิดไว้เรียบร้อยแล้ว ความจำเป็นมีเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว พอของได้มาอะไรจำเป็นอันดับหนึ่ง อันดับสอง ก็เฉลี่ยกันไปทันที ๆ เลย หมดตลอด ๆ ได้มาเท่าไรหมดตลอด หมดแล้วยังอยากจะให้อีกของเล่นเมื่อไร
ช่วยพี่น้องชาวไทยคราวนี้เราช่วยอย่างเต็มที่จริง ๆ บางทีเราบอกแล้วเหมือนช่วยตัวเอง ช่วยตัวเองเป็นอันดับหนึ่ง อันนี้พุ่งเลย ช่วยตัวเอง ช่วยพี่น้องชาวไทยเป็นแกงหม้อใหญ่ ลากขนทั้งหม้อ เจ้าของเลยจะหลังหักมันหนัก สำหรับตัวเองมันพุ่งเลยละ ตายเป็นตายว่างั้นเลย นี่ได้ช่วยมาเต็มกำลังในชีวิตของเราคราวนี้ก็คือช่วยตัวเองก่อน พอช่วยตัวเองเรียบร้อยแล้ว ทีนี้ก็กลับมาช่วยพี่น้องชาวไทยเราทั่ว ๆ ไปเป็นธรรมดาเรื่อย ๆ การก่อการสร้างการบริจาคสงเคราะห์คนทุกข์คนจนมีมาดั้งเดิมตั้งแต่เราเริ่มสร้างวัด จตุปัจจัยมีมากน้อยก็ออก โรงร่ำโรงเรียนไปเสียก่อนเรื่อย จากนั้นก็กระจายไป ๆ
จนกระเทือนทั่วประเทศไทยในเรื่องความจะล่มจมของชาติไทยเรานี้ กระเทือนใจอย่างมากทีเดียว ถึงได้โดดออกเลย เอ้า เราจะนำหน้า ทีนี้เวลานำต้องนำจริง ๆ นำทุกด้านทุกทาง พูดให้เต็มหัวอกของเราที่หัวใจกับธรรมเป็นอันเดียวกันแล้วครอบโลกธาตุ ฟังซิพี่น้องทั้งหลายไม่เคยได้ยินเกิดมาในชาตินี้ หลวงตาเองก็ไม่เคยเห็นธรรมประเภทนี้ ได้ปรากฏขึ้นแล้วในหัวใจครอบโลกธาตุมาเป็นเวลา ๕๐ กว่าปีนี้แล้ว แต่พึ่งมาประกาศออกเวลานี้เท่านั้นเอง หากว่าหลวงตาไม่ได้นำพี่น้องทั้งหลาย ธรรมเหล่านี้จะไม่แสดงให้ใครเห็นเลย จะมีติดเทปบ้างที่เทศน์สอนพระ เรียกว่าแกงหม้อเล็ก หม้อจิ๋ว พุ่ง ๆ ส่วนปลีกย่อยอะไร ๆ แกงหม้อใหญ่จะไม่ไปละ ไปเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ
แต่นี้เผอิญอะไรก็ไม่ทราบนะ ดวงชะตาวาสนาของชาติไทยเราเหมือนว่าเกี่ยวโยงกันอย่างหนัก ทำให้ร้องโก้กเลยนะ ขึ้นเบื้องต้นก็ติดหนี้เขาเท่านั้น ๆ เอามาบรรยายซิ ลูกศิษย์ลูกหาเราเต็มอยู่ทุกแห่งทุกหน เอารายละเอียดออกมาอ่านให้เราฟัง ติดหนี้เขาเท่านั้น ๆ เรื่อยมา สุดท้ายก็มา เงินบาทของเรานี้ เขาดอลลาร์เดียวฟาดเงินบาทของเราเข้าไป ๕๖-๕๗ ต่อเหรียญ ฟังซิ เงินเขาดอลลาร์เดียวฟาดหัวเมืองไทยเราไป ๕๖ หัวนู่นน่ะ มันเหยียบเอาเห็นไหมอันนี้ก็ร้องโก้กทีเดียว อยู่ได้ยังไงเป็นอย่างนี้ มันเลย ๕๐ สตางค์ไปแล้ว บาทหนึ่งครึ่งหนึ่งก็ยังดี นี่มันล่วงล้ำเข้าไปแล้วมันจะไม่มีเหลือละชาติไทยเรา นี่อันหนึ่งก็ร้องโก้ก เอ้า เราจะเป็นผู้นำ ได้มากได้น้อยเท่าไรก็เอาสุดเหวี่ยง ชาติไทยของเราคราวนี้เราไม่ช่วยไม่มีใครช่วยละชาติไทยเรา เราต้องช่วยชาติไทยเรา เพราะฉะนั้นถึงได้ออก
ทีนี้เวลาออกก็ออกอย่างนี้ อย่างพี่น้องทั้งหลายเห็น ไม่ว่าการบริจาค ไม่ว่าการนำพี่น้องทั้งหลายด้วยวิธีการใด วัตถุเหล่านี้บริสุทธิ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ เราพูดได้อย่างเต็มเหนี่ยวเลย ไม่มีอะไรที่จะบกพร่องที่ว่าเป็นเจตนาของเราที่มัวหมอง แม้เม็ดหินเม็ดทรายไม่มี ออกอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยด้วยความเมตตาครอบตลอดเวลา นี่อันหนึ่ง เรียกว่าบริสุทธิ์ทั้งหมด ไม่ว่าทองคำ ดอลลาร์ เงินสด หมุนไปให้เป็นประโยชน์ทั้งนั้นเลยเทียว นี้อันหนึ่ง
อันที่สองก็เทศนาว่าการทั่วประเทศไทย เราก็เทศน์ทั่วไปหมดแล้วเวลานี้ ทุกขั้นทุกภูมิของธรรมเทศน์สอนไปเรื่อย ๆ จนเต็มภูมิ เวลานี้ออกเต็มเหนี่ยวแล้ว ให้พากันพิจารณานะ เราช่วยอย่างเต็มเหนี่ยว เวลานี้หมุนเข้ามาทางด้านศีลด้านธรรม ชาติไทยเรานี้รู้สึกว่าเหลวไหลมากทางด้านจิตใจ เราเป็นห่วงมากในจุดนี้นะ สิ่งทั้งหลายเต็มบ้านเต็มเมืองเต็มโลกเต็มสงสารไม่มีอะไรบกพร่อง แต่สิ่งที่ไม่พึงปรารถนาแต่เราไม่มองดูนะ ก็คือมันบกพร่องทางใจ ไม่มีใครปรารถนา แต่ไม่เคยมีใครมองหัวใจนั่นซิ เราจึงได้หมุนเข้ามาตรงนี้ ให้พากันมีศีลมีธรรม
เราอย่าหวังพึ่งกิเลสนะ กิเลสพาคนให้ล่มจมมามากต่อมากแล้วให้พากันจำเอาไว้ ไปที่ไหนตึกรามบ้านช่องถนนหนทางเต็มไปหมด แต่หัวใจของคนแห้งผาก ๆ จากความสุขความสงบเย็นใจ มีแต่ความเดือดร้อนวุ่นวาย ดูทุกหัวอก ไม่มีหัวอกใดที่จะเว้นได้เลย ว่าไฟความโลภ ความโกรธ ราคะตัณหา ตัวสำคัญ ๓ อันนี้ไม่เผาไม่มี เผาตลอดเวลา มหาเศรษฐียิ่งเผามากกว่าเพื่อน ผู้ใหญ่เท่าไรยิ่งเผามาก ๆ ไฟกิเลสตัณหามันลุกลามเข้าไปสู่หัวใจ แต่ภายนอกเอามาประดับกัน นี้ก็ประดับหลอกกิเลส ให้กิเลสมันฮือกันเป็นบ้า เขามีเราก็อยากมี เขาได้เราอยากได้ เป็นบ้าไปด้วยกัน เผาไปด้วยกัน ธรรมดูเห็นหมดจะว่าไง ไม่เห็นเอามาพูดได้ยังไง
หัวใจดวงไหนที่มีความชุ่มเย็นเป็นสุข นอกจากหัวใจผู้มีธรรม บำเพ็ญธรรมภายในจิตใจ ไม่ว่าเศรษฐี ไม่ว่าคนทุกข์คนจน ถ้าใจมีธรรมเย็นไปด้วยกัน ถ้าไม่มีนี้อย่าหวังที่จะหวังความสุขความเจริญเพราะอำนาจของกิเลสเหล่านี้ไม่เคยมีในโลกไหน ๆ ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา พาโลกให้ล่มจม หลอกลวงโลกไปตลอดเวลาก็คือกิเลสนี่แหละ มันหลอกไปตลอดเวลา นี้พากันตื่นตัวแล้วยัง กิเลสมันหลอกคนให้แหลกเหลวไปหมดเวลานี้ ยังไม่รู้ตัวอยู่เหรอ ยังจะดิ้นกันอยู่เหรอ นี้ละกิเลสให้รู้เอา มันเป็นภัยมาตลอด ธรรมะต้านทานกันไว้จึงพอเป็นผู้เป็นคนบ้างนะ ให้พากันเสาะแสวงหาอรรถหาธรรมเป็นเครื่องยับยั้งจิตใจนะ
อะไรมีก็ตามถ้าจิตใจล้มเหลวเสียอย่างเดียวหมดความหมาย ไม่มีความหมายอะไรเลย ขอให้ใจตั้งได้ด้วยศีลด้วยธรรม มีมากมีน้อยไม่สำคัญ ขอให้มีธรรมในใจ อย่างน้อยมีพุทโธติดหัวใจ ๆ ประการหนึ่งการทำบุญให้ทานอย่าให้ขาด อันนี้คือสมบัติอันล้นค่าของใจ ประจำไว้ทุกวัน หนุนไว้ทุกวัน แล้วจะมากขึ้นทุกวัน ๆ อันนี้ละจะพาเราให้หลุดพ้นจากทุกข์ เราจะคอยให้กิเลสพาหลุดพ้น มีแต่พาจมทั้งนั้น จำเอาให้ดี ไม่มีคำว่าพาใครให้หลุดพ้นมีความสุขความเจริญ มีแต่พาจม ใครโลภมากเท่าไรยิ่งจมมาก โกรธมาก ราคะตัณหามีผัวมีเมียมากเท่าไรยิ่งจมมาก ๆ นี่คือกิเลสพาสัตวโลกให้จม ส่วนธรรมนั้นตัดออกแล้วเบาหวิว ๆ เมียก็มีเมียเดียว ผัวเดียว เบาหวิว ๆ ความโลภมากเอาไปหาอะไร เวลาตายแล้วเขาเอาไฟเผานั้น สิ่งสมบัติเหล่านั้นไม่ได้มาเผา บุญกุศลนั้นละจะหนุนขึ้นไปสรรค์ พรหมโลก นิพพาน สิ่งเหล่านี้ไม่หนุนได้เลย มีเท่าไรหมดความหมายเมื่อเวลาหัวใจขาดลงไปเท่านั้น เราอาศัยเพียงวันหนึ่ง ๆ อย่าพากันตื่นบ้าจนเกินไปนะพี่น้องชาวไทยเรา มันตื่นมาก
หลวงตานี้สงสารมากจริง ๆ มองดูนี่ โอ๋ย มันพูดไม่ได้นะจะว่ายังไง ถ้าเป็นฟืนเป็นไฟนี้ นู่นน่ะเปลวมันจรดเมฆ ไฟกิเลสตัณหาเผาหัวใจสัตวโลกเรานี้เปลวมันจรดเมฆ ๆ นั่นเห็นไหม นี่ละไฟกิเลสตัณหามันเป็นยังไง น้ำดับไฟไม่ค่อยมี ๆ เพราะฉะนั้นโลกจึงมีแต่ร้อน ไปที่ไหนไปเถอะน่ะ อย่าเอามาอวดกันว่าไปประเทศนั้นประเทศนี้ ว่าเจริญ ๆ เจริญตั้งแต่อิฐแต่ปูนแต่หินแต่ทรายเหล็กหลาเหล่านี้ ถนนหนทางมาประดับหลอกกันเล่น ภายในหัวใจมันถูกไฟเผาตลอดเวลา ไฟกิเลสตัณหา ให้พากันจำเอานะ มันไม่มีที่ไหนเจริญละ ถ้าหัวใจไม่เจริญด้วยธรรมไม่มีหวัง พูดให้ชัดเจนอย่างนี้เลย ใครอย่าไปหวังความเจริญจากกิเลส นอกจากความล่มจม ไม่หวังก็ได้ถ้าวิ่งตามกิเลสแล้ว ถ้าวิ่งตามธรรมแล้วเอาเถอะว่างั้นเลย ตายแล้วไม่ต้องนิมนต์พระมากุสลาให้ลำบากพระ ให้ยุ่งพระนะ เอาเลยไปเลย
เราพูดจริง ๆ อย่างหลวงตาบัวตาย อย่านิมนต์พระมา ไปกวนท่านไม่ได้ เราจะไปของเราเอง เราพร้อมทุกอย่างพอทุกอย่างแล้ว เราจะดีดของเราเอง รอตั้งแต่เวลา ธาตุขันธ์นี้ใช้เป็นเครื่องมือทำประโยชน์ให้โลก เราไม่ได้เสียดายมันแม้เม็ดหินเม็ดทราย เวลานี้เราใช้มันอย่างนั้นนะ พอถึงกาลเวลาแล้ว ใช้ไม่ได้แล้วเหรอ ทิ้งปัวะเดียวผึงเลย ไม่งั้นมาสอนพี่น้องทั้งหลายได้ยังไง ความจริงมันเต็มหัวใจแล้วจะผิดความจริงไปไหน ให้พากันตั้งอกตั้งใจสร้างคุณงามความดี ประพฤติปฏิบัติตนให้ดี อย่าเหลวแหลกแหวกแนว
ปล่อยตามอำเภอใจนี้ละคือเรื่องของกิเลสล้วน ๆ จะทำคนให้เสียตลอดเวลา ไปที่ไหนเสียหมด คนที่ทำตัวให้เสียอยู่ที่ไหนเสีย ยืนเดินนั่งนอนเสียตลอดไป เสียตั้งแต่วันเกิดจนกระทั่งวันตายจมเลยนะ มีแต่ท่าเสีย ๆ ด้วยความชั่วของตัวเองที่ทำลงไป ๆ ด้วยความอยากความทะเยอทะยาน ให้พากันหักห้ามต้านทานเอาไว้
รถยนต์เขายังมีเบรกมีคันเร่ง คันเร่ง คือหน้าที่การงานที่เป็นผลเป็นประโยชน์ เอ้าเร่ง ให้มีความขยันหมั่นเพียร อันไหนที่เป็นฟืนเป็นไฟจะเผาไหม้ตนเองให้เหยียบเบรกทันที ห้าม อย่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับมัน นี่เรียกว่าการปฏิบัติตน ต้องมีฝืน ไม่ฝืนไม่ได้นะ อยากเป็นคนดีต้องฝืน ไม่ฝืนไม่ได้ จำให้ดี เอาละวันนี้เทศน์เท่านี้ละ ให้พร
วันนี้คิดว่าจะหยุดยาหวัด ฉันมาตั้งนานแล้วนะ เกือบสองอาทิตย์แล้วฉันยานี้ วันนี้รู้สึกสงบเงียบเลยจะพักยาละ พักสังเกตดูเสียก่อน เพราะฉันติด ๆ กันมามันแพ้เหมือนกันนะฉันยา ไม่มีกำลัง มันบีบ ฉันยาครั้งละ ๓ เม็ด ทีแรกฉันถึง ๔ ครั้ง ๔ เวลา ย่นเข้ามาเป็นวันละ ๓ เวลา ๓ เวลามา ๒-๓ วันละมั้ง วันนี้หยุดฉันละ มันเพลีย ยานี้มันบีบ
ใครจะแต่งมาก็ตามพระไตรปิฎกเราพูดจริง ๆ เราจะเอาอันนี้ออกกางไปเลยเทียว แต่งพระไตรปิฎกจะเป็นพระอรหันต์ประเภทไหน ๆ ก็ตาม อันนั้นเรารับทราบตามคำบอกเล่าหรือบอกมา แต่เราจะดูตัวจริงในเนื้อหาของธรรมที่เขียนไว้ในพระไตรปิฎก ลึกตื้นหยาบละเอียดเท่าไรมันจะประกาศตนของผู้จดจารึกมา ผู้จดจารึกเป็นคนประเภทใด เนื้อหาที่อ่านออกมานั้นจะบอกตัวเองของผู้จดจารึก มันเบาบางหรือเน้นหนักขนาดไหน จะบอกในตัว ๆ คือผู้จดจารึกนี้เป็นคนประเภทไหนมันจะบอก ประเภทที่มีกิเลสอยู่หรือประเภทที่สิ้นกิเลสแล้ว มันจะบอกในเนื้อหาของธรรม
พระอรหันต์ ๔ ประเภทตามที่ท่านแสดงไว้ในตำรา พระอรหันต์มี ๔ ประเภท
สุกขวิปัสสโก ผู้รู้อย่างเรียบราบ สงบไปเลยเงียบ ๆ สงบร่มเย็นไปเลย สุกขวิปัสสโก รู้แจ้งเห็นจริงอย่างสงบเงียบไปเลย
เตวิชโช ได้วิชชาสาม ปุพเพนิวาสานุสติญาณ จุตูปปาตญาณ อาสวักขยญาณ
อภิญญา ๖ เหาะเหินเดินฟ้าดำดินบินบน หูทิพย์ ตาทิพย์ นี่ประเภทที่สาม
ประเภทที่สี่ จตุปฏิสัมภิทาทั้งสี่ อัตถปฏิสัมภิทา ธัมมปฏิสัมภิทา นิรุตติปฏิสัมภิทา ปฏิภาณปฏิสัมภิทา ๔ ประเภท พระอรหันต์ประเภทนี้ได้ครอบหมด จึงเรียก จตุปฏิสัมภิทาญาณทั้งสี่
อัตถปฏิสัมภิทาญาณนี้ พูดมาเพียงย่อปั๊บ ตีความหมายออกได้กระจ่างแจ้งไปหมด อัตถ คือครอบเอาไว้ บวกไว้ ถ้าเป็นมัดก็มัดไว้ เขาเรียกกระทู้ แก้กระทู้คือว่าแก้มัด เช่นมัดเป็นกองอย่างนี้ พอแก้นี้ออก กระจายออกไป นี่อัตถปฏิสัมภิทา
ธัมมปฏิสัมภิทา ธรรมะแต่ละแขนง ๆ แตกออกอีก ๆ ที่แตกกระจายออกไปจากอรรถนี้เป็นธรรม ธรรมแตกกระจายออกไป
นิรุตติปฏิสัมภิทา แตกฉานในคำพูด วาจาการโต้การตอบ เทศนาว่าการ ไม่มีอัดมีอั้น กระจายไปหมด แตกฉาน
ปฏิภาณปฏิสัมภิทา ยังแตกฉานครอบ ๓ อัตถะ ธัมมะ นิรุตติ ครอบไปอีก เรียกว่า ปฏิภาณปฏิสัมภิทา พระอรหันต์ประเภทนี้เป็นประเภทที่เยี่ยมในวาสนาของท่าน
แต่เหล่านี้เป็นกิ่งก้านเครื่องประดับของท่านต่างหาก ที่ว่านี่นะ ส่วนความบริสุทธิ์นั้นเสมอกันหมด ไม่มีใครยิ่งหย่อนกว่าใคร ตั้งแต่พระพุทธเจ้าลงมา จนกระทั่งถึงสาวกองค์สุดท้าย เสมอภาคกันหมดเป็นอันเดียวกัน ไม่มีใครยิ่งหย่อนกว่ากัน นี้คือพื้นฐานแห่งธรรมธาตุ ที่แตกออกจากธรรมธาตุนี้ก็เป็น สุกขวิปัสสโก เตวิชโช ฉฬภิญโญ จตุปฏิสัมภิทัปปัตโต แตกฉานออกจากธรรมธาตุนี้ ต่างกันอย่างนี้นะ ที่ต่างกันตามอำนาจวาสนาของผู้บำเพ็ญบารมีมา กว้างแคบ ลึกตื้น หนาบาง ต่างกันในวาสนาอันนี้
เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร ทาง internet
www.luangta.com