เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๑
หลักใจคือหลักธรรมไม่มี
เทศน์อบรมหมอ เราไม่ได้เป็นหมอแต่ไปอบรมหมอมันอาจเอื้อมมากนะเข้าใจไหม เรื่องไปเทศน์โรงพยาบาลเทศน์อบรมหมอ เทศน์อบรมพยาบาล อบรมอย่างไร เราก็ไม่เคยเป็นหมอ ไม่เคยเป็นพยาบาล แต่เวลาเทศน์นี่เอาไม่เป็นหมอนี่แหละไปเทศน์สอนพวกหมอพวกพยาบาล คือหมอต้องเป็นผู้มีความอดทนมาก แสดงกิริยาอาการยิ้มแย้มแจ่มใสต่อคนไข้เสมอ พวกหมอพวกพยาบาลต้องใช้ความอดทน กิริยามารยาท คนเราเมื่อมันลำบากลำบนวุ่นวายมากต่อมากเพราะคนไข้เข้ามาอาศัยก็ต้องแสดงกิริยาไม่ดีออก สอนหมอให้ทน ต้องอดทนหมอ-พยาบาลต้องอดทนมากทีเดียว เป็นกรณีพิเศษ เพราะคนไข้จะไม่ขาดวรรคขาดตอน มีแต่จะมาพึ่งหมอพึ่งพยาบาล
หมอกับพยาบาลที่จะออกใช้ยาขนานแรกก็คือมารยาท ออกต้อนรับคนไข้ ทั้งหมอทั้งพยาบาลเอามารยาทออกต้อนรับ นี่เป็นยาขนานแรกแหละ ถึงคนไข้ก่อน อย่างนี้ก็ได้สอนเหมือนกันนะสอนหมอ เราไม่ได้เป็นหมอมันน่าหัวเราะไหมล่ะ เวลาสอนสอนอย่างนั้นละสอนหมอ ไม่อย่างนั้นอา น้า น้อง อะไรก็ว่า มารยาทต้องนิ่มนวล เพราะคนไข้เขามาพึ่งหมอ หมอต้องให้ที่พึ่งเต็มที่ด้วยกิริยามารยาทนิ่มนวลอ่อนหวาน ไพเราะเพราะพริ้งเป็นโอสถขนานแรกมาก่อนยา เราว่าอย่างนั้นนะ เมื่อคนไข้ได้รับยาขนานเอกชนิดนี้แล้วโรคภัยไข้เจ็บมันเบาลง เพราะโรคภายในใจมันสงบเย็น สำคัญตรงนั้นละ
ไข้หวัดก็ยังไม่หายนะ ยังเป็นอยู่ ตอนเย็นมาเป็นไข้ ยังไม่หายนะ พอตกเย็นมาจะเป็นไข้ตัวร้อน ประมาณสักหกโมงล่วงไปแล้วละเริ่มเป็นไข้ลึกๆ นะ หวัดคราวนี้รู้สึกว่าหนักมากอยู่ เราเคยเป็นมาเท่าไรตั้งแต่เกิดมาจนบัดนี้กี่ครั้ง ก็ไม่เห็นเป็นภาระอะไร จนกระทั่งพูดไม่ออก แต่หน้าที่การงานทุกสิ่งทุกอย่างไม่บกพร่อง แต่เวลามาเฒ่าแก่นี้เป็นเท่านั้นแหละมันก็หนักมากอยู่นะ เมื่อวานก็ไม่ไปไหนละ ไม่สบายระยะนี้ไม่ไปไหนละ นอนแน่วอยู่กุฏิ ทั้งฝนตกด้วยมันก็เพิ่มเข้าไปอีก
แต่อันนี้เราพูดตามเรื่องธาตุเรื่องขันธ์ต่างหากนะ นี่ละใจที่ได้รับการอบรมมาเรียบร้อยและสมบูรณ์แบบ อะไรจะแสดงตามอาการของร่างกายส่วนต่างๆแสดงไป แต่จิตไม่หวั่น เป็นอย่างนั้นนะ ไม่เอนไม่เอียง ถ้าจิตไม่มีหลักแล้วเป็นไข้เพียงเล็กน้อยแต่โรคหัวใจหนักมากกว่า ความกังวลทุรนทุรายวุ่นวายไปหมดในหัวใจ ถ้าใจได้รับการอบรมแล้วไม่หวั่น อะไรเป็นก็รู้ อาการของมันเป็นอย่างนั้นๆ แน่ะเป็นอย่างนั้นเสีย
เวลานี้เราได้ทองคำเข้าสู่คลังหลวงเท่าไรแล้ว ๑๑,๗๑๐ กิโล ได้มาก ของเล่นเมื่อไร ฟังแต่ว่าหมื่นกิโลขึ้นไปมาก ได้ตั้ง ๑๑,๗๑๐ กิโลได้มาก มันก็มาเรื่อยๆ ประการสำคัญก็คือผู้รับบริจาคทานของท่านทั้งหลายนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์ เป็นที่ตายใจกับผู้บริจาคได้หรือไม่นี่สำคัญอันนี้นะ แต่สำหรับนี้เปิดโล่งไม่มีอะไรเลย เพราะรับด้วยความเมตตาเพื่อจะได้ทำประโยชน์ ไม่รับเพื่อตัวเอง แม้เม็ดหินเม็ดทรายเราไม่มี เรารับเพื่อโลกสงสาร ไปที่ไหนก็เพื่อโลกทั้งนั้น เราไม่ได้เพื่อเรา
มันพอทุกอย่างแล้วในหัวใจนี้ พูดให้ชัดๆ เพราะจวนจะตายแล้วนะ มันไม่มีในหัวใจไม่มีอะไรเลย ขึ้นชื่อว่าสมมุติหมดโดยสิ้นเชิง เหลือแต่ธรรมชาตินอกสมมุติไปเท่านั้น นี่ชำระให้เต็มที่แล้วเป็นอย่างนั้น เรียกว่าเป็นธรรมธาตุในร่างกาย ธรรมธาตุคือจิตที่บริสุทธิ์นั้นละปกครองร่างกายอยู่ ธรรมชาตินั้นเป็นธรรมธาตุเรียบร้อยแล้ว นั่นละจิตที่ได้ฝึกฝนอบรมดีแล้วเป็นอย่างนั้น แต่คำว่าฝึกฝนอบรมจิตใจนี้ไม่มีใครสนใจนะ ถ้าส่งเสริมใจให้มันคึกคะนอง เป็นบ้าไม่รู้จักวัยเจ้าของจนจะตายจะเข้าโรงมันก็ยังไม่รู้นะ เพราะไม่มีธรรม ถ้ามีธรรมก็มีเบรกห้ามล้อก็ไปพอดีพองาม ไม่เตลิดเปิดเปิง
ธรรมจึงเป็นเบรกสำคัญ เป็นคันเร่งสำคัญ อะไรที่จะเป็นประโยชน์ธรรมเป็นคันเร่งเลย เร่งหน้าที่การงานทุกสิ่งทุกอย่าง ความดิบความดีเร่งเข้าไป นี่เรียกว่าธรรม อะไรไม่ดีเราก็เหยียบเบรกห้ามล้อๆไปเรื่อยๆ อย่างนั้น นี่ท่านเรียกว่าเหตุผล ใครไม่มีเหตุผลเอาแต่ความอยากเป็นประมาณไม่ได้นะ ความอยากมันอยากทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีประมาณความอยาก เหตุผลว่าควรหรือไม่ควร ใส่จับปั๊บเข้าไปไม่ควรก็หักห้ามทันที มันข้ามไปไม่ได้ถ้าผู้ยอมฟังเหตุผล ถ้าไม่ยอมฟังแล้วเตลิดเปิดเปิงจนกระทั่งวันตายไม่มีหลักมีเกณฑ์นะ
อย่างที่เห็นเขามาเด้นด้านๆ อยู่ในวัดในวาเราพิจารณาหมดนะ ไม่ใช่ไม่พิจารณา พึ่งมาพูดวันนี้เท่านั้น เข้ามาไม่มีหลักเกณฑ์ ไม่มีหลักเกณฑ์เลย เร่ๆ ร่อนๆ ไม่มีอะไรเป็นหลัก หลักใจคือหลักธรรมไม่มี หลักใจก็ไม่มี มีแต่เรื่องของกิเลสตัณหา ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมไปตามโลก เขาก็หลงเราก็หลง เขาก็ฟุ้งเฟ้อเราก็ฟุ้งเฟ้อ เป็นไปตามกันหมด หาผู้ที่จะยับยั้งซึ่งกันและกันไม่ค่อยมี เพราะไม่มีคนดี คนดีมีน้อย คนเลวมันมีมากต่อมาก ความเลวมันเลยทับความดีให้ล้มเหลวไปหมด เลยไม่มีความดีเป็นที่ยับยั้งช่างตัวได้เลยมนุษย์เรา ทั้งๆที่เมืองไทยเราเป็นเมืองพุทธนะ แต่มันไม่มีอะไรพกติดเนื้อติดตัวเลยนะ
แม้แต่เข้ามาในวัดนี้ดูมันก็ดูไม่ได้นะ เราไม่ได้ประมาท เราเอาธรรมจับดู เพ่นๆ พ่านๆ มาดูนั้นดูนี้ไป เพลินไป คือจิตไม่มีหลัก ไปที่ไหนก็แบบนั้นละ ถ้าจิตมีหลักไปไหนตั้งตรงแน่วๆ เลย นั่นละจิตมีหลักเป็นอย่างนั้น ถ้าจิตไม่มีหลักเร่ๆร่อนๆ ไขว่คว้าตลอดเวลา หาหลักหาเกณฑ์ไม่ได้ วันหนึ่งก็เพลินไปตามกิเลสไม่รู้ตัว ตั้งแต่ตื่นนอนถึงหลับวันนี้เราได้เราเสียอะไรไม่ได้คำนึงตัวเองนะ ปล่อยเนื้อปล่อยตัวไปตลอดจนกระทั่งวันตายเลยไม่มีอะไรติดตัว มีแต่ความชั่วเต็มตัวแทน เอาล่ะวันนี้พูดเพียงเท่านี้
รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
สถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
และเครือข่ายทั่วประเทศ
|