เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๕๑
พระอรหันต์สมัยปัจจุบัน
(คณะกรรมการชมรมพระพุทธศาสนา บริษัท เอ.ไอ.เอ จำกัด กราบนิมนต์องค์หลวงตาไปแสดงพระธรรมเทศนาและรับผ้าป่าสงเคราะห์โลก วันศุกร์ที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๑ เวลา ๑๗.๓๐ น. ณ ศูนย์ฝึกอบรมตัวแทนบริษัท เอ.ไอ.เอ จำกัด ชั้น ๖ อาคารสาทรซิตี้ ถ.สาทรใต้ กรุงเทพฯ) นี่ก็ไปเทศน์ที่ปทุมธานีวันที่ ๒๓-๒๔ ใช่ไหม เราไปเทศน์ที่ปทุมธานีพึ่งกลับมานี่ ไปเทศน์ที่จังหวัดปทุมธานีแล้วก็เข้าเขาใหญ่ จากเขาใหญ่ก็พึ่งมาถึง นี่ก็จะเอาไปไหนอีก (เดือนเมษาไปกรุงเทพฯครับ) นั่นซี
แก่เท่าไรยิ่งงานหนักนะ หลวงตานี่แก่เท่าไรยิ่งงานหนัก ส่วนมากเกี่ยวกับเรื่องการเทศน์ แก่เท่าไรยิ่งงานหนัก หนักก็หนักไปทางเทศนาว่าการ อย่างอื่นก็ไม่ค่อยเท่าไร แต่เทศน์เอะอะเอาแล้วๆ นี่ไปปทุมธานีก็ไปเทศน์งานอะไร (งานทำบุญทดแทนบุญคุณแผ่นดิน) ก็อย่างนั้นละ พึ่งกลับมา กลับมาแล้วก็ถูกนิมนต์เข้าไปเขาใหญ่อีก คนก็รวมกันอยู่ที่นั่นก็ได้เทศน์ที่นั่น ค้างคืนหนึ่ง พอฉันเสร็จแล้วก็ออกเดินทาง พึ่งมาถึง
เราก็เห็นใจบรรดาลูกศิษย์ลูกหาของพระตถาคต ผู้นำเป็นสำคัญมากนะ ผู้นำสำคัญมาก ทางวัดก็ต้องมีหัวหน้าคือพระเป็นผู้นำ มาอยู่ด้วยกันอย่างนี้ให้ดู จะต้องเป็นกฎเป็นระเบียบเดียวกันตามหลักธรรมหลักวินัยเคลื่อนคลาดไม่ได้ ผิดนิดหน่อยก็เรียกมาเตือนแล้วๆ สามครั้งไล่เลย เรียกว่าเนื้อร้าย เพราะฉะนั้นอยู่ด้วยกันมากน้อยพระเณรต้องมีกฎมีระเบียบเดียวกัน ไม่แสลง แม้องค์เดียวไม่ได้ สำหรับวัดป่าบ้านตาดเป็นอย่างนั้น นี่เฉพาะพระนะ อยู่ในความปกครองของเราร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ส่วนนั้นก็บริษัทบริวารเต็มไปอยู่นั้น แยกออกพวกลูกพวกหลานพวกเหลนพวกอะไร ลูกแท้ๆ คือพระ ต้องได้แนะนำสั่งสอนถูกต้องแม่นยำ นี่ละหัวหน้าๆ สำคัญมาก
พอพูดเรื่องนี้ก็ทำให้ระลึกถึงพ่อแม่ครูจารย์มั่น ที่เราไปถึงทีแรกเลยละที่วัดบ้านโคกนามน เราไปถึงที่นั่นกลางคืน โยมเขาบอกต้นทางตามหมู่บ้าน ทางก็เป็นทางเป็นด่านๆ ไปวัด ท่านพึ่งมาสร้างวัดใหม่ๆ ที่บ้านโคก เราไปถึงกลางคืน โยมเขาก็บอกให้จับทางนี้ คือมันรกรุงรัง ท่านไม่ปล่อยท่านจะถึงวัด วัดพึ่งมาสร้างยังไม่มีหนทาง พอไปถึงพ่อแม่ครูจารย์มั่น มันก็เข้ากันได้กับที่เรามาหาท่านไม่ทัน จำพรรษาโคราช ออกพรรษาแล้วจะรีบมา แต่กฐินก็มัดคออยู่นั่นละ พอเสร็จกฐินออก ท่านไปสกลนครได้สามวันแล้ว ไม่ทัน เราเลยไปหนองคายก่อนแล้วย้อนกลับมา
ไปหาท่านแหละ ไปกลางคืน ไปเดินซุ่มซ่ามๆ ไปก็ดู เราพิจารณาดูสถานที่อยู่ของท่าน เข้าไปกุฏิ ท่านเดินจงกรมอยู่ข้างศาลาเล็กๆ เราไม่เห็น เดินซุ่มซ่ามๆ ไปกลางคืน ขบขันดีนะ ไปก็ไปดูศาลา เป็นศาลากรรมฐาน เฉพาะหลวงปู่มั่นเรานี้รู้สึกจะเล็กไปสักหน่อยหนึ่ง เพราะนามของท่านกระเดื่องทั่วประเทศไทย แต่เพราะท่านมาพักใหม่ ศาลาหลังเล็กๆ เราก็ดู ถ้าว่าเป็นกุฏิก็จะใหญ่ไปสักหน่อย ถ้าเป็นศาลาก็จะเล็กไป ไปยืนดู ท่านเดินจงกรมอยู่นี่ข้างๆ ใครมานี่ ท่านว่าอย่างนั้นนะ บอกว่ากระผม พอว่ากระผมแล้วเสียงลั่นเลย นั่นเห็นไหมธรรม
คือเงียบๆ ไม่ใช่เงียบๆ อะไรนะ ถ้าท่านเดินจงกรมเงียบ วัดเหมือนวัดร้าง กฎระเบียบของท่านผู้จะครองอรรถครองธรรมเข้าสู่ใจเป็นอย่างนั้น นี่นำเรื่องคติอันดีมาเล่าให้พี่น้องทั้งหลายฟัง พระ ๘ องค์ ๙ องค์เหมือนวัดร้าง มืดนะนั่น ท่านกำลังเดินจงกรม พ่อแม่ครูจารย์เองก็เดินอยู่นี่ ท่านว่าใครมานี่ บอกกระผม พอว่ากระผม อันว่าผมๆ ตั้งแต่คนหัวล้านมันก็มีผม ท่านว่า เสียงลั่นขึ้นเลย ตั้งแต่คนหัวล้านมันก็ยังมีผมตรงที่มันไม่ล้าน เอา แย้งซิ ตรงที่มันไม่ล้านมันมีผมจริงๆ ใช่ไหม ตั้งแต่คนหัวล้านมันก็มีผม เสียงดังขึ้นเลย พระเดินจงกรมอยู่ เสียงลั่นขึ้นพระก็หลั่งไหลมา เราก็บอกว่ากระผมชื่อพระมหาบัว เอ้อ ก็ว่าอย่างนั้นซี นี่ผมๆ ท่านแหย่เอาด้วยนะ ตั้งแต่เด็กมันก็มีผม เอาอีกแหละ
โอ้ ถึงใจนะ แทนที่เป็นผลลบไม่นะ เป็นผลบวก สมกับเจตนาของเรามุ่งใส่ท่านอย่างแรงกล้า มุ่งมรรคผลนิพพานไม่ใช่มุ่งอะไร ท่านคือตลาดแห่งมรรคผลนิพพานพ่อแม่ครูจารย์มั่น ไม่มีที่สงสัย คือพระอรหันต์สมัยปัจจุบันนั่นแหละพูดง่ายๆ ท่านพระอาจารย์มั่นคือพระอรหันต์ในสมัยปัจจุบัน จากนั้นก็เลยอยู่กับท่านมาตลอด ก็เดชะอยู่นะ ตั้งแต่ไปอยู่เป็นเวลา ๘ ปีท่านก็ล่วงไป ถึงจะออกไปเที่ยวก็ไปใกล้ๆ แล้วกลับเข้ามา เรียกว่าบ้านเกิดบ้านตายของเราอยู่กับท่าน ถึงเวลาออกเที่ยวก็เที่ยว เป็นเวลา ๘ ปี ท่านเมตตารับไว้
เรื่องกฎระเบียบนี้เรียบหมดเลย นั่นน่ะดูเอา ทีนี้เราไปดูทีแรกดูพระ เณรไม่มีนะมีแต่พระ ดูเหมือน ๙ องค์ ออกมาศาลามององค์ไหนๆ เหมือนผ้าพับไว้ๆ ประหนึ่งว่าพระเหล่านี้ท่านเป็นพระอรหันต์ทั้งหมด เพราะเชื่อหลักใหญ่ได้แก่พ่อแม่ครูจารย์มั่น เราชี้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่าคือพระอรหันต์ ทีนี้มองดูพระที่ลงมาศาลาตอนเช้าครั้งแรกนะนี่ มองดูองค์ไหนเหมือนผ้าพับไว้ๆ เรียบไปหมดเลย เราก็ดู โอ้ พระเหล่านี้ท่านเป็นพระอรหันต์ไปหมดแล้วเหรอ ก็มีพระโกโรโกโสแต่เราองค์เดียวเท่านี้หรือที่มาขวางวัดอยู่นี่น่ะ นึกในใจนะ ท่านเรียบขนาดนั้นละ เป็นผ้าพับไว้หมดเลย จนกระทั่งว่า เอ้อ พระเหล่านี้ท่านเป็นพระอรหันต์ไปหมดแล้วเหรอ จะเป็นพระเทวทัตขวางโลกขวางศาสนาแต่เราองค์เดียวนี้เหรอ นึกในใจนะ ครั้นอยู่ไปๆ ก็ค่อยรู้เรื่องรู้ราวกันไป นี่พูดถึงเรื่องความเรียบร้อย ทุกสิ่งทุกอย่างงามหูงามตาไปหมด นั่นละผู้ใหญ่เป็นธรรมเป็นอย่างนั้นละ
เราไม่ลืมนะไปอยู่ทีแรกจนกระทั่งถึง ๘ ปี ท่านล่วงลับไป อยู่กับท่านตลอดมา จนกระทั่งวาระสุดท้ายเราเลยกลายเป็นผู้อุปัฏฐากของท่านเสียเอง เจ็บไข้ได้ป่วยจะเป็นเราเท่านั้นอยู่ในมุ้งกับท่าน ครั้นเวลาสุดท้ายเสียจริงๆ พอท่านเคลิ้มหลับไปบ้างกลางคืน เป็นวัณโรค พอตกกลางคืนหนาวๆ นี้ไอ ท่านไม่ได้นอนเราก็ไม่นอน เราติดกับท่านอยู่นั้นตลอด บางทีท่านเคลิ้มหลับไปบ้าง พอลืมตาขึ้นมาท่านไม่เห็นเรา ท่านมหาไปไหนๆ พระทั้งวัดไม่ถามหานะ ท่านมหาไปไหน
ก็คือท่านเมตตานั้นเอง เพราะเรามอบทุกอย่างแล้วกับท่าน จะโง่จะฉลาดเท่าไรเรามอบหมดให้ท่านสับท่านเขก อะไรที่เหลือออกมาจะเป็นอรรถเป็นธรรมเป็นเงินเป็นทอง อันไหนที่ไม่ดีท่านจะสับเขก เรียกว่าถากออกหมดเลย อยู่กับท่านเป็นเวลา ๘ ปี โอ้ถึงใจนะ ปฏิบัติกับพ่อแม่ครูจารย์มั่นเราปฏิบัติอย่างถึงใจจริงๆ ทุกสิ่งทุกอย่าง ท่านเอะอะก็ท่านมหาไปไหน ก็คือท่านเมตตาไว้ใจนั่นเอง กลางคืนก็อยู่กับท่านตลอด ถ้าท่านนอนไม่ได้คือไอ เราก็นอนไม่ได้เราก็อยู่นั้น กลางวันถ้าอากาศไม่ค่อยหนาวนักท่านก็สบาย ไม่ค่อยไอ พอตกกลางคืนเย็นๆ นี้ไอมาก นั่นละเป็นเวลาที่หนักมาก ท่านหนักมากเราก็ประจำอยู่นั้นเลย
เราอยู่กับท่านเป็นเวลา ๘ ปีท่านก็มรณภาพไป ถึงใจทุกอย่างสำหรับเราที่ปฏิบัติอุปถัมภ์อุปัฏฐากท่าน ตัดคอรองเลย เอา โง่ฉลาดเท่าไรก็ทุ่มไปหาท่าน อะไรไม่ดีท่านจะสับจะเขกออก จะให้เหลือแต่ของดี เราจึงมอบเลยเชียวกับท่าน เป็นตายไม่ว่า เราเคารพขนาดนั้นละพ่อแม่ครูจารย์มั่นคือพระอรหันต์ในสมัยปัจจุบัน สมัยปัจจุบันพระอรหันต์ดูเอา ธรรมวินัยที่ท่านสอนไว้แล้วว่าสวากขาตธรรมตรัสไว้ชอบแล้ว ชอบตลอดกาลสดๆ ร้อนๆ
เอา ใครปฏิบัติให้ถูกต้องตามหลักธรรมหลักวินัยนี้ มรรคผลนิพพานจะอยู่ในเงื้อมมือของผู้นั้นโดยแท้ๆ เพราะเป็นสวากขาตธรรมท่านตรัสไว้ชอบแล้ว ไม่ได้หลอกลวงสัตว์โลก เป็นแต่พวกเรามันหลอกลวงตนเอง ท่านสอนอย่างนี้มันแฉลบไปทางนี้ ท่านสอนอย่างนี้มันเถลไถลไปนี้เสีย มันก็ไม่ได้เหตุได้ผลหลักเกณฑ์อะไร สุดท้ายศาสนาก็กลายเป็นตุ๊กตาเป็นเครื่องเล่นของเด็ก ของพวกลิงพวกค่างชาวพุทธเรานี้ไปเสีย อย่างนั้นละ
ให้พากันพิจารณาทุกคนนะ ศาสดาองค์เอกเป็นผู้สอนไว้ สวากขาตธรรมตรัสไว้ชอบทุกอย่าง ไม่มีผิดมีพลาดไปไหน ขอให้ปฏิบัติตามนั้นเถอะมรรคผลนิพพานจะเป็นเจ้าของครองได้ไม่สงสัย ถ้าจะเอาแบบโกโรโกโสวัดก็เลยกลายเป็นส้วมเป็นถาน พระเณรก็กลายเป็นมูตรเป็นคูถไปทั่วทั้งวัดป่าวัดบ้านมันแบบเดียวกันหมด มีแต่ส้วมแต่ถานมีแต่มูตรแต่คูถ ส้วมถานคือวัด มูตรคูถคือพระเณรอยู่ในวัดปฏิบัติโกโรโกโส ไม่ได้ศัพท์ได้แสง ไม่ได้เรื่องได้ราว แล้วจะให้เขาเคารพอะไร เจ้าของก็หาที่เคารพเจ้าของอบอุ่นใจเจ้าของไม่ได้
ถ้าลงปฏิบัติเจ้าของให้แน่เถอะน่ะ ไปอยู่ที่ไหนแน่อยู่ภายในใจ ใครเห็นตามันตาคน มันรู้ หูคนใจคนมันรู้ดีชั่ว แม้แต่ตาหมามันก็รู้เข้าใจไหม ให้พิจารณาอย่างนั้น ศาสนานี่สอนโลกให้เรียบที่สุดไม่มีอะไรเกินศาสนา ตั้งแต่กิริยาส่วนหยาบๆ ความเคลื่อนไหวไปมาของธาตุขันธ์เรียบ แล้วยิ่งภายในใจก็เรียบ นั่นธรรมะท่านสอน สุดท้ายกิเลสไม่มีในใจ กลายเป็นพระอรหันต์ขึ้นมาสดๆ ร้อนๆ ตามทางของสวากขาตธรรมที่ตรัสไว้ชอบแล้วๆ ไปเรื่อยอย่างนั้นละ ถ้าตั้งใจปฏิบัติ อันนี้มันไม่ตั้งใจปฏิบัติเลยถือศาสนาเป็นของเล่นไปหมด โอ่อ่าฟู่ฟ่า ถ้าเป็นพระยิ่งเป็นมหาเปรียญเป็นเจ้าฟ้าเจ้าคุณแล้วบ้าไปหมดเลย พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนมาหายศหาลาภ ท่านสอนมาหาอรรถหาธรรมต่างหาก
ขอให้มีธรรมภายในจิตใจเจ้าของเถอะไปไหนเย็นหมด ถ้าธรรมไม่มีแล้วอย่างว่าใช้ไม่ได้เลย ให้พากันจำเอานะลูกหลาน เราเป็นลูกชาวพุทธ อยู่ในบ้านในเรือนให้มีศาสนาติดตัว ผัวกับเมียอย่าทะเลาะกัน ส่วนมากผู้หญิงนั่นละมันปากเปราะ มันคอยทะเลาะกับผัวพ่อบ้านเสมอ เดี๋ยวหยิกนั้นข่วนนี้ ที่มาเหล่านี้ใส่เสื้อใส่ผ้ามานี้คือผู้หญิงมันข่วนเอาหลัง เข้าใจไหม มองข้างหลังไม่ได้มันมีแต่รอยข่วน ต้องปิดเอาไว้ถึงพอดูได้ พวกแมวมันข่วน เป็นอย่างนั้นนะ ให้ลงกัน ใครพูดผิดพูดถูก อย่าเอาความเป็นใหญ่ในความเป็นผัวเป็นเมียมาใส่กัน อย่าถือสิทธิ์ว่าเราก็เป็นเมีย เราก็เป็นผัว เอาสิทธิ์ต่อสิทธิ์ สิทธิ์ทิฐิมานะไม่ลงกัน ทะเลาะกันได้ จากนั้นกัดกัน ถ้าต่างคนต่างเอาอรรถเอาธรรมเข้ามาเป็นเครื่องปกครอง ใครพูดผิดถูกชั่วดียอมรับกันทันทีๆ อยู่ด้วยกันได้จนกระทั่งวันตาย เข้าใจไหมล่ะ เอาละพูดเท่านั้นละวันนี้
สำหรับวัดนี้ก็รู้สึกว่าจะเป็นวัดใหญ่อยู่มาก ในภาคอีสานวัดนี้เป็นวัดหลักวัดใหญ่ ขึ้นต้นก็คือหลวงปู่มั่น เขาก็เลยถือเอาเราเป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่น วัดนี้เลยกลายเป็นวัดใหญ่ขึ้นมา สร้างดูเหมือน ๕๐ ปีแล้วมัง ๒๔๙๙ เริ่มสร้างวัด ได้ ๕๐ กว่าปีที่สร้างวัดนี้ ก็อย่างนี้แหละพอดี ให้อยู่พอดีวัตถุที่อาศัยเพียงอาศัยเท่านั้น ไม่ให้หรูหราฟู่ฟ่า มันกลายเป็นโลกไป ให้หรูหราฟู่ฟ่าภายในใจ ข้อวัตรปฏิบัติศีลธรรมภายในใจไปที่ไหนงามหมด งามภายนอกไม่เป็นท่าเป็นทาง ตกแต่งนั้นตกแต่งนี้ ถือวัตถุภายนอกเป็นของเลิศเลอยิ่งกว่าธรรมที่พระพุทธเจ้าประทานให้เสียอีก มันเป็นอย่างนั้น เอาละที่นี่ให้พร
รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
และเครือข่ายทั่วประเทศ
|