จะแสดงออกอะไรควรดูหัวใจตนเองก่อน
วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา 8:20 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๕๑

จะแสดงออกอะไรควรดูหัวใจตนเองก่อน

จะถึงเดือน ๔ ยังหนาวอยู่นะ หนาวมาเรื่อย ตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกาหนาวมาตลอด ธันวา จะขึ้นกุมภาแล้ว หนาวนานปีนี้ เราไม่ค่อยได้เรียนอะไรนะ แต่มักจะได้เป็นดอกเตอร์ๆ เรื่อย เรียนจบ ป.๓ นี่นักเรียน ป.๓ คือแต่ก่อนไม่มี ป.๔ ในโรงเรียนไม่มี ป.๔  จากนั้นแล้วเขาก็มี ป.๔  หรือ ป.ไหนก็ไม่รู้ละ แต่ตอนที่เราเรียนจบแค่ ป.๓ ครูก็ ป.๓ เราจบ ป.๓ ออกมาเร่ร่อนอยู่ยังไงไม่รู้ฟาดขึ้นดอกเตอร์เลย ดอกเตอร์รามคำแหง ดอกเตอร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น ของเล่นเหรอ มีแต่ดอกเตอร์เต็มตัวแต่ ก.ไก่ ก.กาไม่ได้เรื่อง ไปที่ไหนมีแต่ดอกเตอร์เต็มตัว หนังสือตัวเดียวก็ไม่ได้

รามคำแหงเขาก็ตั้งให้เป็นดอกเตอร์ เอาดอกไม้ธูปเทียนมาตั้งจริงๆ เขาเอามาเองทางมหาวิทยาลัยขอนแก่น เราเลยตกลงได้เป็นดอกเตอร์รามคำแหง ดอกเตอร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น มันเป็นด้วยเหตุผลกลไกเป็นยังไงก็ไม่รู้นะ เขาขอตั้งให้เป็นดอกเตอร์รามคำแหง ดอกเตอร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น เขาเอาธูปเทียนบูชา เครื่องอะไรต่ออะไรมาทั้งสองมหาวิทยาลัยนั่นละ เขาเอามาเลยมาขอถวายให้เป็นดอกเตอร์ ทางรามคำแหงก็เอามา ทางมหาวิทยาลัยขอนแก่นก็เอามา ให้เป็นดอกเตอร์ เขาเอามาบูชา มีเครื่องไทยทาน มีทุกอย่างเครื่องหมายเป็นดอกเตอร์ว่างั้นเถอะ

อยู่ข้างบน ดอกเตอร์ๆ อยู่ข้างบน(ศาลา) ทั้งนั้น เจ้าคุณบัวก็อยู่ข้างบน เจ้าคุณบัวถึงขั้นธรรมนะ ตั้งมาทีแรกเป็นพระครูสัญญาบัตร เราก็บอกไม่เอา เอาคืนทั้งพัดยศ พระครูสัญญาบัตรมีพัดยศมาพร้อม เราก็เอาคืน บทเวลาจะตั้งคราวนี้ไม่ได้ตั้งเจ้าคุณขั้นธรรมดา ขึ้นชั้นราชเลย ตั้งคราวนี้ขึ้นชั้นราช พอออกจากชั้นราชแล้วชั้นเทพไม่อยู่ ฟาดขึ้นชั้นธรรมเลย เดี๋ยวนี้ชั้นธรรม ไม่ได้เรียนนะแต่ได้ตำแหน่งเรื่อยๆ ได้ยศเรื่อยนะ ทำไมเป็นอย่างนั้นเราน่ะ รามคำแหงก็ได้ดอกเตอร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นก็ได้ดอกเตอร์ แปลกอยู่นะ

         โรคเรานี้มันน่าพิจารณาอยู่นะ คงดวงชะตาของชาติไทยเราอุ้มขึ้น ตอนนั้นเราจะไปละ ดูเหมือนจะไปในชนพรรษาเลยละ โรคอะไร แล้วยาหม้อเติ้งเราไม่ลืมนะ เอายาหมอเติ้งนะ เราก็บอก ตัดสินใจออกมาเป็นคำพูดคำจาเลยว่ายานี้เป็นครั้งสุดท้าย ถ้าถูกก็ถูก ไม่ถูกปัดเลยยาเราไม่เอา เราจะตั้งหน้าตายโดยถ่ายเดียว เอายาหม้อเติ้งมาใส่ปุ๊บหยุดปุ๊บเลย เทิดตัวขึ้น นั่นละถึงได้ช่วยชาติมาจนกระทั่งทุกวันนี้ ยานี้เป็นยาอัศจรรย์อยู่นะ เราเองก็รู้สึกว่าเป็นงงๆ ในจิตเหมือนกัน เป็นโรคมะเร็งในลำไส้ เขาบอกว่าไม่หาย ว่าอย่างนั้นเลย มะเร็งในลำไส้

มันพลิกได้อย่างไรก็ไม่รู้  เอายาหมอเติ้งมาใส่ พอฉันถ่าย แต่เขาอธิบายให้ฟังชัดเจน การฉันนี้ฉันด้วยอำนาจของยานี้จะถ่ายเช่นเดียวกันกับฉันด้วยอำนาจของโรค เขาว่าอย่างนั้น แต่ไม่ต้องตกใจ เวลาโรคมันหนัก มันจะถ่ายมากแต่ไม่เหนื่อย ไม่เพลีย ไม่เหมือนถ่ายด้วยอำนาจของโรค นี่ด้วยอำนาจของยาไม่เป็นไร แล้วพลิกเป็นจริงๆ ถ่ายปุ๊บๆ หมดจากนั้นแล้วเป็นปรกติเรื่อยมาเลย นี่ก็แปลกอยู่เหมือนกัน

นี่ละตอนที่เราช่วยชาติเรามันก็พอดีๆ บันดลบันดาลพลิกตัวได้ๆ ตอนนั้นก็เรียกว่าจะไปละ ไม่อยู่ อยู่ได้นะ แปลกอยู่ เรามันพลิกหลายครั้งหลายหนอยู่นะที่จะไปๆ แต่พลิกตัวได้ๆ มาตลอด ก็ได้ช่วยชาติบ้านเมืองมาเต็มกำลังของเรานั้นแหละ ทุกอย่างเราช่วยทั้งนั้น ช่วยโลก เราไม่เอาอะไร บอกจริงๆ ไม่เอา เช่นอย่างงานอะไรๆ เหล่านี้ทั้งหมดนี้ออกช่วยโลกทั้งหมด เราไม่เอา ก็ได้อยู่ช่วยโลก ดีอยู่

อย่างงานข้าวปล่งข้าวเปลือกอะไรนี่ออกหมดเลย ช่วยโลก คือเราไม่เอาอะไร เราพูดจริงๆ บอกว่าเราพอแล้วทุกอย่าง เกิดมาในชาตินี้เราหายสงสัยเรื่องการเกิดการตาย สถานที่อยู่ของเราที่จะเคลื่อนจากขันธ์อันนี้ไปนี้เราหายสงสัยหมด ฟังไหมดอกเตอร์ นี่ดอกเตอร์ธรรม เข้าใจไหม พูดเรื่องดอกเตอร์ธรรม เราหายจริงๆ หายสงสัย แล้วก็บอกชัดๆ ด้วยว่าตายแล้วนี้เราจะไม่กลับมาเกิดอีก บอกชัดๆ ประจักษ์ในหัวใจ มันขาดไปหมด เรื่องสมมุติที่ระโยงระยางเข้าสู่หัวใจนี้ขาดสะบั้นไปหมด เหมือนว่าเป็นเกาะเลย เกาะในมหาสมุทร เกาะนี้เกาะไม่เกิด เกาะไม่เกิดไม่ตาย ประจักษ์ เหมือนเรามองลงไปน้ำมหาสมุทรมันเป็นเกาะอยู่กลางมหาสมุทร มองไปก็เห็นชัดๆ อันนี้มันก็ชัดเจนอย่างเดียวกัน บอกว่าขาดหมด ไม่มีอะไรเหลือ ก็เหลือแต่ลมหายใจเท่านั้น

นี่ละการปฏิบัติธรรมมันชัดเจนประจักษ์ใจ สนฺทิฏฺฐิโก รู้ผลงานของตนมาโดยลำดับลำดา ตั้งแต่ต้นล้มลุกคลุกคลานเรื่อยมา จนกระทั่งถึงขั้นพังทลาย วัฏจักรวัฏจิตพัง วิวัฏฏธรรมขึ้นแล้ว เราจึงสอนโลกด้วยความไม่สะทกสะท้านกับสิ่งใด เรียนโลกก็เรียนจบ เรียนธรรมก็จบ มาจบในหัวใจดวงเดียวกัน ธรรมกับโลกก็เรียกว่าขาดเป็นคนละฝั่งเลย ธรรมก็เป็นเกาะ โลกก็เป็นเหมือนแม่น้ำมหาสมุทร ธรรมเป็นเหมือนเกาะ ประจักษ์อยู่ในหัวใจท่านเรียกว่า สนฺทิฏฺฐิโก รู้ผลงานของตนที่บำเพ็ญมาโดยลำดับลำดา จนกระทั่งถึงที่สุดก็รู้ประจักษ์สุดยอดเลย หายสงสัย เราบอกชัดๆ

เราจึงสอนบรรดาลูกศิษย์ลูกหา ใครจะมาตำหนิติเตียนอะไรเรา อย่ามาขนบาปขนกรรมใส่เจ้าของนะ เราพูดจริงๆ เราไม่มีอะไรในโลกแล้ว ผ่านหมดโดยสิ้นเชิง ไม่มี มีแต่กิริยาที่เป็นสนามแห่งโลกธรรม จะตำหนิติเตียนท่านั้นท่านี้ ควรชมอย่างนั้นชม ควรติอย่างนี้ติ มันจะมีอยู่ตลอดขันธ์แตกอันนี้นะ ส่วนธรรมชาตินั้นผ่านหมดแล้ว ไม่มีเหลือเลย บอกตรงๆ อย่างนี้ประจักษ์ในหัวใจเรา โลกนี้ก็อยู่ด้วยธาตุด้วยขันธ์เท่านั้นเอง สภาพอันนั้นผ่านไปหมดแล้ว ไม่มีเหลือแล้วภายในใจ

นี้ผลแห่งการปฏิบัติธรรม เอาตั้งแต่ล้มลุกคลุกคลาน น้ำตาร่วงบนภูเขาสู้กิเลสไม่ได้ นี่เราก็ไม่ลืม เอาเสียจนกระทั่งกิเลสหงายเลย ไม่มีอะไรเหลือ การเทศนาว่าการก็ยังเหลือแต่ธาตุขันธ์ที่เต็มไปด้วยความเมตตา แต่เมตตานี้ไม่ปฏิเสธนะ เต็มครอบโลกธาตุไปเลยเรื่องเมตตา จิตทั้งดวงนั่นน่ะเวลาเข้าถึงขั้นบริสุทธิ์เต็มที่แล้วกลายเป็นเมตตาอ่อนนิ่มไปหมดเลย เป็นอย่างนั้นละ ใครจะว่าอะไร ใครจะมาติมาชมมันเข้าไม่ถึง ตำหนิก็ดีชมก็ดีอันนั้นเหนือกว่าแล้ว

เพราะฉะนั้นการติการชมจึงอยู่ในขั้นสมมุติๆ อันนั้นขั้นวิมุตติพ้นไปหมด ไม่มีอะไรติด ขึ้นไปก็แค่สมมุติเท่านั้น ไม่เลยสมมุติไป อันนั้นเป็นวิมุตติธรรม วิมุตติจิต ธรรมธาตุ แน่ะต่างกันอย่างนั้น จิตถ้าลงได้ชำระถึงขั้นความหลุดพ้นในทางใจเรียบร้อยแล้วก็เป็นธรรมธาตุอยู่ในขันธ์ นี่เรียกว่าธรรมธาตุอยู่ในขันธ์

เราอยู่นี้ก็ฟังตั้งแต่เรื่องสกปรก ทางในครัวละมาก สกปรกมาก พระนี่เงียบไม่มีเลย พระเต็มวัด ทางนั้นเต็มครัว เรื่องราวเต็มครัว เราจะตายเพราะเรื่องราวในครัวนะ ในพระของเราไม่มี มันเป็นอย่างไร ในครัวนี้มีแต่ผู้หญิง นั่นละโรงงานใหญ่อธิกรณ์ใหญ่เกิดอยู่ที่นั่นตลอด มองดูกันมองนี้มีแต่จะคอยยกโทษยกกรณ์กัน ผู้ปฏิบัติธรรมจะไม่มองอย่างนั้น มองด้วยความเป็นจริง มองด้วยความเมตตา ให้อภัยซึ่งกันและกัน อย่างนั้นถึงถูก

นี้ไปที่ไหนมีแต่เรื่องแต่ราวเต็มหัวใจ เพราะในหัวใจไม่มีธรรม มีแต่โลกมีแต่ฟืนแต่ไฟ กระจายออกไปที่ไหนก็เผากันไปเรื่อย พอเข้าหากันปากนี่มับๆ ติฉินนินทาซึ่งกันละกัน ตัวเองไม่ตำหนิติเตียนตัวเองให้สมกับมาปฏิบัติธรรมบ้าง ดูไม่ได้เลย ผู้ปฏิบัติธรรมจะดูหัวใจ-ความเคลื่อนไหวของตัวเองไปทางไหน ไปทางถูกทางผิด ยกโทษยกกรณ์ใครต่อใครเป็นอย่างไร หัวใจดวงนี้มันมีแต่ไฟ ออกไปมันก็เป็นไฟกระเทือนไปหมด ให้พากันจำเอา มีแต่เรื่องอย่างนี้ละ เฉพาะในครัวนี้มาก เราปกครองในครัว

แต่เรานี่พูดตรงๆ มันเหมือนแผ่นดิน หัวใจอันนี้มันไม่มีอะไร มันเหมือนแผ่นดิน ใครจะว่าอย่างไรๆ ก็ตามสักแต่ว่าฟังผ่านปุ๊บๆ ไม่เข้า หากสนุกฟัง หากสนุกเอามาพิจารณาถึงเรื่องโลกมันสกปรกอยู่ในหัวใจ ออกมาทางกายทางวาจากิริยาอาการต่างๆ เป็นฟืนเป็นไฟออกมา เป็นมูตรเป็นคูถออกมาเต็มไปหมดเลย มันดูไม่ได้นะ นี่พูดจริงๆ มันหมดทุกอย่าง กับโลกสมมุติอันนี้หมดโดยสิ้นเชิงภายในใจ ไม่มีเหลือ เหลือแต่กิริยาที่อยู่ในสนามโลกธรรม อากัปกิริยานี้เป็นสนามโลกธรรม เขาติได้ เราติได้ เขาชมได้ เราชมได้ ชมกันอยู่นี่เรียกว่าสนามโลกธรรม ส่วนจิตไม่มีทางที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องได้เลย นั้นละจิตที่บริสุทธิ์สุดส่วนแล้วเป็นธรรมธาตุภายในจิต จะไม่มีอะไรเข้าไปถึงเลย กิริยาอาการนี่ตำหนิติชมได้วันยังค่ำ แต่จิตที่ผ่านพ้นไปแล้วไม่มีอะไรเข้าไปถึง

อยู่ด้วยกันให้อภัยซึ่งกันและกันซิ อย่าคอยตำหนิติเตียนกันเรื่องนั้นเรื่องนี้ ถ้าพูดธรรมดาเราก็ไม่ว่า ส่วนมากผู้หญิงมักปากเปราะยิ่งกว่าผู้ชาย เก็บความรู้สึกไว้ได้ยาก เราก็พูดว่า ส่วนมากผู้ชายมักเก็บความรู้สึกได้ดีกว่าผู้หญิง ผู้หญิงนี่เปาะแปะออกแล้วๆ เร็วที่สุด แต่เราไม่ได้ตำหนิผู้หญิงทั่วไป แต่ส่วนมากเป็นอย่างนั้น ผู้ชายส่วนมากเก็บความรู้สึกไว้ไม่ค่อยแสดง ต่างกันตรงนี้ มีความหนักแน่นต่างกัน

เรามาอยู่จุดศูนย์กลางเป็นผู้ปกครองทั้งทางนู้นทางนี้ ออกทางไหนๆ เอามาพิจารณาๆ เราเองเราก็ไม่เคยว่าสิ่งเหล่านี้จะเข้ามาถึงใจ แต่ก็ต้องเอามาพิจารณา เพราะการปกครองหมู่เพื่อน ทั้งทางนู้นทางนี้เราปกครองทั้งหมด ผิดถูกดีชั่วจะออกมาๆ เราอยู่จุดศูนย์กลางจะได้ฟังทั้งสอง เอามาพินิจพิจารณา ให้พากันรักษาให้ดีปากน่ะ อย่าให้มันเปาะแปะๆ เร็วเกินไปใช้ไม่ได้ ปากผู้หญิงนี้เปราะกว่าปากผู้ชาย แต่เราไม่ตำหนิผู้หญิงทั่วๆ ไป ส่วนมากผู้หญิงปากเปราะเก็บความรู้สึกไว้ไม่อยู่ ผู้ชายยังเก็บความรู้สึกไว้ได้ดีกว่าผู้หญิง แต่เราไม่ได้ชมผู้ชายไปทุกคนนะ ส่วนมากมักจะเป็นอย่างนั้น

เอะอะผู้หญิงละขึ้นก่อน ผู้ชายไม่ค่อยขึ้นละ ผู้หญิงมักขึ้นก่อน เปาะแปะ ถ้าว่าชมก็ชม ส่วนมากมีแต่ตำหนิละมาก มากกว่าการชม เพราะความตำหนิมันเต็มอยู่ในหัวใจเป็นฟืนเป็นไฟอยู่ในนี้ น้ำคือธรรมไม่ค่อยมี เพราะฉะนั้นจึงไม่ค่อยออกเป็นธรรม ออกเป็นฟืนเป็นไฟไปทั้งนั้น ให้พากันจำเอาพวกนี้ ความตำหนิกันนี่เร็ว ความชมกันมีน้อย ความตำหนิมีมาก เพราะฉะนั้นความเดือดร้อนมันจึงมาก เพราะการตำหนินี่เป็นฝ่ายฟืนฝ่ายไฟมักเผาไหม้กันตลอด ส่วนธรรมเป็นน้ำเป็นท่า เห็นใจเขาใจเรา เฉลี่ยเผื่อแผ่ ใจเขากับใจเราก็ใจอย่างเดียวกัน ต่างคนต่างรับผิดชอบในหัวใจตนเอง จะแสดงออกอะไรก็ควรดูหัวใจตนเองเสียก่อน ก่อนที่จะไปดูหัวใจคนอื่น ตำหนิคนอื่น ให้ดูหัวใจตนเอง ตำหนิตนเองเสียก่อน เรื่องจะไม่ค่อยลุกลามออกไป จะสงบระงับได้ พากันจำเอา

รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th

และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน  FM 103.25 MHz

และเครือข่ายทั่วประเทศ

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก