เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๕๑
แสดงด้วยความรู้ความเห็นของธรรมแท้ๆ
สมัยก่อนไม่มีเสียงเทปอย่างนี้ เวลาเทศนาว่าการไม่ได้ยินนะ พึ่งมามีขึ้นเร็วๆ นี้ อย่างพ่อแม่ครูจารย์มั่นยังมีชีวิตอยู่ก็ไม่มี เสียดายครูบาอาจารย์ที่ท่านเทศน์เป็นอรรถเป็นธรรมฟังแล้วซึ้งๆ มากมันไม่มีอะไรอัด มันพึ่งมามีเมื่อเร็วๆ นี้ สมัยก่อนหน้านี้ท่านเจ้าคุณอุบาลี วัดบรมนิวาส ฟังว่าเทศน์เป็นประโยชน์มากมาย วัดบรมนิวาสท่านเจ้าคุณอุบาลี ประชาชนเขาเคยเล่าให้ฟังว่าเขาอยู่นู้นเลยพระโขนงไปนู้น เสียค่ารถเท่านั้นเท่านี้เขาเล่าให้ฟัง เขามาฟังเทศน์เจ้าคุณอุบาลี วัดบรมนิวาส เขาอยู่ทางพระโขนงฟากพระโขนง เขาเสียค่ารถเท่านั้นเท่านี้เขาเล่าให้ฟังนะ เขาเป็นคนมาฟังเอง
คือท่านเจ้าคุณอุบาลีท่านเทศน์อยู่ที่วัดบรมนิวาส เขาอยู่ฟากพระโขนงยังอุตส่าห์มา เสียค่ารถเท่านั้นเท่านี้เขาเล่าให้ฟัง ฟังที่ไหนมันก็ไม่จุใจ ว่าอย่างนั้นนะ มาฟังเทศน์ท่านเจ้าคุณอุบาลีแล้ว แหม ถึงใจ ไม่มีจืดจางอะไรเลย ฟังเมื่อไรถึงใจทุกครั้งๆ เขาอยู่ทางฟากพระโขนง เสียค่ารถมาวัดบรมนิวาส เขายอมเสียเขาไม่เสียดาย เงินไม่มีคุณค่าเท่าธรรม เขาพูดน่าฟังนะ เสียค่ารถเท่านั้นเท่านี้ เขาพูดเอง เขาอยู่ทางพระโขนงแล้วเสียค่ารถมาฟังเทศน์วัดบรมนิวาส เสียเท่าไรเขาก็พอใจ เงินไม่มีคุณค่าเท่าธรรม นี่ละจุดนี้สำคัญมากนะ เงินไม่มีคุณค่าเท่าธรรม ท่านเจ้าคุณอุบาลีเทศน์อยู่วัดบรมนิวาสเขามาฟัง เขาบอกว่าอยู่ทางฟากพระโขนงไปนู้น
เทศน์นี่ให้สมบูรณ์แบบสมกับศาสนาของเราเป็นศาสนาของศาสดาองค์เอก ให้ได้ทั้งภายนอกภายใน ภายนอกตีกระจายออกทั่วโลกดินแดน ภายในหมุนเข้าหาอวิชชาตัวก่อภพก่อชาติ เทศน์คุ้ยเขี่ยตลอดทั่วถึงทั้งภายนอกภายใน นั่นเรียกว่ารู้ธรรมเห็นธรรม เทศน์เป็นธรรมล้วนๆ แต่เทศน์ส่วนมากมันก็มักจะเป็นแกงหม้อใหญ่ ไม่ใช่แกงหม้อเล็กหม้อจิ๋ว คือแกงหม้อเล็กหม้อจิ๋วนั้นหมุนเข้าเลย ตั้งแต่นอกตีเข้าไปๆ ถึงเรือนรังของวัฏวนได้แก่อวิชฺชาปจฺจยา
นั่นผู้รู้จริงเห็นจริงเทศน์ถอดออกมาๆ ดังพระพุทธเจ้าและสาวกทั้งหลายท่านเทศน์ท่านจะดึงออกมาเลย รังแห่งภพแห่งชาติอยู่ที่ไหนท่านดึงออกมาๆ คือผู้เทศน์เทศน์ด้วยความรู้จริงๆ เห็นจริงๆ ถอดถอนกิเลสเหล่านี้ได้จริงๆ คุณค่าของธรรมที่เกิดขึ้นจากการถอดถอนกิเลสท่านจะนำออกมาเทศน์ทั้งหมดเลย นี่เรียกว่าเทศน์ถึงเหตุถึงผล ถึงกิเลสถึงธรรม ถึงทั้งกิเลสถึงทั้งธรรม
สมัยปัจจุบันนี้ไม่ค่อยมี มันก็มีตั้งแต่เป็นหนอนแทะกระดาษ เทศน์ตามคัมภงคัมภีร์ ในหัวใจไม่มีธรรม ธรรมไปอยู่ในคัมภีร์หมด ทีนี้มันก็ไม่มีรสมีชาติ ถอดออกจากหัวใจที่เป็นธรรมล้วนๆ นี้ออกที่ตรงไหนหมุนติ้วๆๆ อย่างนั้นซี นี่พูดจริงๆ นะนี่อยากให้มีผู้ฟังอย่างที่ว่าถึงพริกถึงขิง มันจะออกทันทีเลย ก็มีแต่ตีสะเปะสะปะไปตามพุ่มไม้อะไรๆ มันไม่ถึงใจ พูดเสียให้มันชัดเจน เทศน์ทางภาคปฏิบัติทางจิตตภาวนารื้อถอนอวิชชาออกจากใจนี้ ธรรมะโลกุตรธรรมจนถึงนิพพานพุ่งออกทันทีเลย
นั่นเทศน์ผู้ปฏิบัติธรรมรู้ธรรม เห็นธรรม นำธรรมออกมาเทศน์ ดังพระพุทธเจ้า และสาวกทั้งหลายท่านเทศน์ ท่านถอดออกมาจากหัวใจจริงๆ ท่านไม่ไปหาลูบคลำตามตำรับตำราซึ่งเป็นหนอนแทะกระดาษ ผู้ฟังก็ไม่ถึงใจ แม้ผู้เทศน์ก็ไม่ถึงใจ เพราะความจริงเจ้าของก็ไม่ได้ ถ้าความจริงก็ถอดออกมาจากหัวใจเจ้าของผู้ฟังจะไม่ถึงใจได้อย่างไร ธรรมของพระพุทธเจ้าเลิศเลอมาแต่ไหนแต่ไร ขอให้รู้ธรรมภายในใจเถอะมันจะออกหมดเลย
เอา ธรรมะขั้นใดๆ ท่านผู้รู้ธรรมเห็นธรรมท่านไม่ได้คำนึงถึงคนจำนวนมากน้อย ว่าจะเทศน์ประหม่าหรือพรั่นพรึงหวั่นไหว โลกคิดอย่างนั้นนะ คนมีจำนวนมากการเทศนาว่าการจะสมชื่อสมนามอะไร ดีไม่ดีเจ้าของไปขึ้นนั่งตัวสั่นอยู่บนธรรมาสน์ อย่างนั้นมันก็ไม่ได้ถ้อยได้ความอะไร ถ้าในหัวใจมีแต่ธรรมล้วนๆ นี้พุ่งออกเลย ให้มันถึงซี นี้เราพูดจริงๆ เอาจริง เมื่อถึงขั้นที่จะเอาอย่างนั้นมันออกเองของมัน พุ่งๆ เลย ไม่คุยมันจวนจะตายแล้วพูดเสียบ้าง ธรรมเต็มหัวใจมาได้ ๕๘ ปีนี้แล้ว เต็มหัวใจมาได้ ๕๘ ปีตั้งแต่ ๒๔๙๓ พูดได้จนกระทั่งถึงวันเวลา วันที่ ๑๕ พฤษภา ๒๔๙๓
นี่ละมันพุ่งออกเลย กิเลสแตกกระจายออกหมด ทีนี้จ้าขึ้นมาตั้งแต่บัดนั้นมา พูดให้ชัด มันจะตายเสียก่อนแล้วนี่น่ะ ตีพุ่มไม้พุ่มนั้นพุ่มนี้มันไม่ถึงใจนะ ตีตัวกิเลสๆ ต่างคนต่างชำระกิเลสนักจิตตภาวนาเทศน์นี่พุ่งๆ เลย ยกตัวอย่างอย่างพ่อแม่ครูจารย์มั่นเทศน์นี่ แหม ฟังแล้วเทศน์ ๔ ชั่วโมง ท่านเทศน์ทีแรก ๔ ชั่วโมง ยังเพลิน มันไม่ได้สนใจกับสกลกายนะ จิตมันลงผึงเลย ท่านตีเข้าๆๆ จิตมันว้าวุ่นขุ่นมัวไปกับเรื่องอารมณ์อะไรๆ ธรรมะตีเข้ามาๆ แน่วเลย
ท่านเทศน์ถึง ๔ ชั่วโมงยังเพลิน ยังอยากฟังต่อไปอีก นั่นเห็นไหมล่ะ ธรรมออกจากใจแท้ๆ ผู้ฟังก็มุ่งธรรมแท้ๆ แล้วเพลินไปตามๆ กัน พ่อแม่ครูจารย์มั่นเทศน์นี้ แหม เรายังไม่เห็นที่ไหน เสียงท่านธรรมดาท่านพูดเป็นเสียงบรรจง ไม่ช้าไม่เร็วนัก เป็นเสียงบรรจง แต่เวลาท่านเทศน์ธรรมะที่ถึงพริกถึงขิงจริงๆ นี้หมุนติ้ว เป็นปืนกลไปเลย ไม่ทราบว่าลมท่านมาจากไหน ไหลออกเหมือนปืนกลเลย นั่นละอำนาจของธรรมพุ่งๆๆ ออกมา
นั่นละรู้ธรรมเห็นธรรมแสดงด้วยความรู้ความเห็นของธรรมแท้ๆ แล้วไม่ติดไม่ข้องอะไรเลย ดังที่โลกทั้งหลายเขาคำนึงคำนวณกันว่ามีคนมามากๆ นี้ผู้เทศน์จะเป็นอย่างไรๆ ถ้าเทศน์แบบโลกก็เป็นอย่างนั้น ถ้าแบบธรรมแท้ๆ ไม่มี มีจำนวนมากน้อยเพียงไรจะควรเทศนาว่าการขนาดไหน จะเป็นผลประโยชน์แก่ผู้มาฟังทั่วถึงกัน ท่านคิดอย่างนั้นนะ ท่านไม่ได้คิดว่าคนมากคนน้อยจะพรั่นพรึงหวั่นไหว ท่านไม่ได้มี
ธรรมเหนือโลกเรียกว่าโลกุตรธรรม ธรรมเต็มอยู่ในหัวใจนี้อัดอั้นที่ไหน พุ่งเลยเชียว ท่านมีธรรมประเภทต่างๆ ขึ้นมาๆ ตั้งแต่เรือบินเหินฟ้าขึ้นจากสนามพุ่งๆๆ เลย ธรรมะสูงเท่าไรท่านเทศน์นี้เป็นปืนกลไปเลย เป็นอย่างนั้นธรรมะอยู่ในหัวใจ ไม่ได้ติดไม่ได้อั้น พุ่งๆ เลย ธรรมะในตำราเป็นอีกอย่างหนึ่ง ถ้าธรรมะในหัวใจนี้เป็นอีกอย่างหนึ่ง คนละโลกนะ พุ่งๆ ออกเลย ผิดกันมาก ธรรมกับใจเป็นอันเดียวกันออกมามีแต่ธรรมล้วนๆ พุ่งๆ เลย
ผู้ที่ปฏิบัติธรรม รู้ธรรมเห็นธรรมอย่างนั้นมันไม่ค่อยมี สมัยปัจจุบันนี้ไม่ค่อยมี ก็มีแต่อ่านกระดาษเป็นหนอนแทะกระดาษ เทศน์สู่กันฟังด้วยหนอนแทะกระดาษ ผู้ฟังก็ฟังแบบหนอนแทะกระดาษเหมือนกัน มันก็ไม่ถึงใจ ถ้าผู้เทศน์เทศน์ด้วยธรรมแท้ๆ ออกมาจากใจนี้พุ่งเลยเชียว มันผิดกันมาก ธรรมออกจากหัวใจเทศน์กับธรรมออกจากตำราเทศน์ผิดกันมาก ธรรมออกจากหัวใจนี้มันพุ่งๆ เลย แล้วใครปฏิบัติธรรมให้รู้ธรรมภายในหัวใจมันไม่ค่อยมีนะ ไม่ว่าท่านว่าเรามันพอๆ กันหมด
วันนี้เราจะไปละ ให้ศีลให้พรแล้วก็ไป
รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
และเครือข่ายทั่วประเทศ
|