เมื่อเช้านี้ได้ไปดูที่เมรุแล้ว ตรงบริเวณเมรุน่าจะได้รื้อแหละ เพราะเขาเทหินมามุม เททางนี้มามุม ตรงมุมมันไม่สมบูรณ์ ให้สมบูรณ์ต้องรื้อตรงนั้นออกเลย เมื่อเช้าเราไปดูแล้ว รั้วเล็ก ๆ รอบเมรุเอาไว้ นอกนั้นรื้อ อย่างน้อยรื้อ ตัดทางนี้ตัดออกหมดเลย รื้อ รถมาศาลาให้ตรงแน่วมานี้ มุมนี้ไม่เต็มจึงต้องรื้อนี้ออกเพื่อให้เต็มของมุมศาลา อย่างน้อยก็ต้องรื้อข้างหน้าของรั้วเล็ก ๆ รั้วเมรุนั้นออกหมดเลย มากกว่านั้นรื้อหมด ยังเหลือตั้งแต่รั้วเมรุเล็ก ๆ กับตัวเมรุเท่านั้น ไอ้พวกที่ไปปลูกอะไรต่ออะไร แหม ยุ่งมากนะพวกนี้น่ะ ไปทำอะไร นั่นก็โลงผีเผาศพ มันเอาดอกไม้ธูปเทียนอะไรต้นนั้นต้นนี้ประดับประดาศพ ทำอะไรไว้มันไปประดับประดาหมด
นี่เราพูดกับท่านปัญญาแล้วเมื่อเช้านี้ มอบให้ท่านหมดเลยแล้วแต่ท่านจะพิจารณา คือพิจารณารื้อเฉพาะด้านหน้านี้ออกหมด ทางหน้านี้ออกหมดเต็มด้านเลยก็ได้ หรือรื้อไปหมดรอบข้างหลังข้างหน้า รื้อรอบนอกนั้นหมดก็ได้ เว้นแต่รั้วเล็ก ๆ ที่รอบเมรุอยู่เท่านั้นก็ได้ คือมอบให้ท่านพิจารณาเอง ท่านก็เคยมาถามเราหนหนึ่งแล้วแต่เราไม่มีเวลาพูดกับท่าน แล้วค่อยพิจารณาทีหลังเราว่าอย่างนั้น พอเย็นเมื่อวานนี้ด้อม ๆ ออกไปดู ตรงนั้นจะได้รื้อเลย นี่บอกหัวหน้างานเขา ตรงนี้เมื่อมาถึงนี้แล้วให้รื้อได้เลยมุมนี้ ส่วนนั้นจะรื้อทีหลัง อันนี้ไม่ให้เสียเวลา งานนี้พอรื้อ ๆ ไปเลยให้ทำอันนี้ให้สมบูรณ์เราบอก มุมนี่ เขายังเทหินเทอะไรเข้ามา อันนี้ยังทำไม่ได้ เราบอกรื้ออันนี้แล้วทำให้สมบูรณ์ได้เลย รื้อเมื่อไรก็ได้เราบอก ส่วนนอกจากนั้นแล้วเราจะพิจารณารื้อทีหลังเราว่างั้น คือไม่ให้เขาเสียเวลา
รถต้องผ่านได้ศาลา เรากะไว้ว่ารถต้องผ่านหน้าศาลาไปมุมนี้ได้เลย ผ่านไปผ่านมาได้ เรากะว่าพอรื้อนี้เสร็จแล้วรถก็ผ่านได้สบาย ๆ ไม่มีอะไรขัดข้อง ไปดูแล้ว เมื่อเช้านี้ไปดู ถ้าไม่รื้อไม่ได้ ศาลาทั้งหลัง รถจะวิ่งผ่านศาลารอบไปนี้ไม่ได้ เสีย รื้อออกหมดเลย มันยังเหลืออยู่นั้น รั้วเล็ก ๆ ที่รอบเมรุนั้น เหลือเท่านั้นพอ นอกนั้นรื้อออกหมดเลยก็ได้เราบอกอย่างนี้ นี่เขาก็จะเร่งงาน เมื่อคืนนี้ดูไม่เร่งงานนะ เมื่อวานตั้ง ๔ ทุ่มยังมองเห็นไฟสว่างจ้าอยู่ เขาราดซีเมนต์ราดพื้นศาลาข้าง ๆ รอบ ๆ เมื่อคืนนี้เงียบ เมื่อเช้าเราก็ออกไปดูยังเหลืออยู่เล็กน้อย ก็เป็นปัญหาอยู่มุมนั้น เขาคงพิจารณาในวันนี้ท่า บอกหัวหน้าเขาแล้วรื้อเมื่อไรได้ พอทำมาถึงนี้แล้วรื้อได้เลยเราบอก ส่วนนอกจากนั้นเราจะสั่งรื้อทีหลัง ส่วนที่ให้ทันกับกาลเวลานี้ให้รื้อได้เลย เราบอกอย่างนี้
วันนี้วันที่ ๒๘ ยังอีก ๓ วัน ๔ กับวันนี้นะ เราเคยไปขู่หัวหน้าใหญ่เลย ตั้งปัญหาขึ้นทันทีเลยอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ถ้าเป็นนักมวยก็เจอกันต่อยเลยไม่ต้องหาเวที หัวหน้าใหญ่เขานาน ๆ เขามาทีหนึ่ง เสี่ยธเนศ ส่วนหัวหน้ารองลงมานั้นมาแทบทุกวัน ทุกวันนี้ดูเหมือนมาทุกวัน เขามาดูของเขา หัวหน้าใหญ่มาเราตั้งปัญหาขึ้นเทียวแบบให้หลบไม่ทัน ไอ้ศาลาหลังเท่ากำปั้นนี้ ทำมาได้ ๕ ปี ๖ ปีแล้วเมื่อไรจะเสร็จ มันจะทันวันที่ ๑๒ สิงหาไหม เขาก็ตอบ อู๊ย ทัน ขึ้นทันทีเลย ทันเหรอ ศาลาหลังนั้นละบทเวลาตั้งปัญหาขึ้น หลังเท่ากำปั้นนี่แล้วสร้างมาได้ ๖ ปียังไม่สำเร็จจะว่ายังไงกัน แล้วจะไปเสร็จเมื่อไร จะทันวันที่ ๑๒ ไหม เขาตอบทันทีเลย โอ๋ย ทัน จากนั้นเขาก็เร่งตามวันของเราที่พูดไปเรียบร้อยแล้ว วันที่ ๑๒ เพราะฉะนั้นเขาจึงเร่ง กลางคืนเขาก็เทราดซีเมนต์ เอาให้ทัน ดูจะเสร็จวันนี้ละมั้ง ยังไม่มากนะ เราไปดูยังเหลือเล็กน้อย วันนี้คงจะเสร็จ ราดซีเมนต์เรียบร้อย จากนั้นเขาก็ทำความสะอาดรอบ ๆ นั้น ไม่นาน เขากะไว้ถูกต้องหมดแล้วนี่
คนงานของเขามีทุกแผนก พวกไฟฟ้ามี พวกขัดพวกถูที่ต่าง ๆ มีคนละแห่งละหน เขาทำแยกกันทุก ๆ แห่งไม่มีใครว่างมือแหละ ไปมุมไหนมีแต่งาน เขาทำตามความจำเป็นของหน้าที่ของแต่ละคน ๆ พวกไฟฟ้าก็ไฟฟ้า พวกรางน้ำก็รางน้ำ พวกไหนก็พวกนั้น ๆ ทำ เขากะไว้เรียบร้อยแล้วว่าทัน ความยาวมัน ๖๐ เมตร ความกว้าง ๓๐ เมตร ทีแรกเจ้าของเขากำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว สั่งไม้มาตามกำหนดนั้นด้วยเรียบร้อยแล้ว ดูว่าสั่งไม้มาตั้ง ๒ ปีกว่าว่าจะมาทำ ไม่กล้ามารบกวน ทีนี้ดูประชาชนที่เข้ามาเกี่ยวข้องหนาแน่นเข้าทุกวัน ๆ แล้วงานช่วยชาติก็เป็นงานใหญ่โตด้วย ไม่มีกำหนดกฎเกณฑ์ว่าจะยุติเมื่อไร เป็นงานของชาติ ทีนี้ทนเห็นความลำบากของประชาชน ทนมาตลอด ขอให้พิจารณาซื้อไม้มาได้ ๒ ปีกว่าแล้ว คราวนี้ทนไม่ไหวแล้วมาขอรบกวน เขาพูดว่าอย่างนั้น อยากจะมาสร้างศาลาที่นี่ ไม้เตรียมมาพร้อมหมดแล้ว เตรียมมาตั้ง ๒ ปีกว่าแล้ว เขาก็ให้เหตุผลทุกอย่าง เราก็ฟัง
เราก็เริ่มพิจารณาบ้างแล้วแหละ คือเรากีดกันเรื่องการก่อการสร้างเป็นภัยมาก อันนี้มาสะเทือนหัวใจเราอยู่เสมอ ๆ วัตถุจึงไม่ค่อยให้มีแหละวัดนี้ อย่างผ่อน ๆ ไม่ค่อยให้มี ตามปรกติไม่ให้มี เพราะฉะนั้นวัดนี้จึงไม่ให้มีงานแต่ไหนแต่ไรมา ไม่เคยมี ก็มามีเอาตอนงานช่วยชาติ เอะอะก็งานวัดป่าบ้านตาด ๆ ช่วยชาติ ๆ เราก็อ่อนลงทันที ๆ ถ้าว่าช่วยชาติ เพราะฉะนั้นจึงได้อนุโลมสุ่มสี่สุ่มห้าข้างนอกข้างในเหล่านี้ โอ๊ย เป็นอะไรไม่ทราบ มองไปนี้มีแต่ส้วมแต่ถานรอบไปหมดเลย ออกไปนอกก็ส้วมใหญ่อยู่นู้น นี่ละอนุโลม ๆ เหลวไหล ๆ ยังเหลือแต่เกาะเดียวนี่ใครมาแตะไม่ได้นะ จากบริเวณศาลานี่เข้าไปไปหาที่ภาวนาของพระ ไปยุ่งไม่ได้ เอาจริง ๆ นะเรา เพราะอนุโลมมาเต็มเหนี่ยวแล้ว ยังจะทะลึ่งเข้าไปอีก ไม่ได้ว่างั้นเลย นี่เรียกว่าอนุโลมเต็มที่แล้ว ขัดในหัวใจ ขัดต่อธรรม
ก็พิจารณาเห็นโลกนั่นแหละ โลกก็พึ่งธรรม ถ้าไม่มีธรรมพึ่ง โลกจม แน่ะ อันนี้ที่มันหย่อนยานลงไปหากัน เลยอนุโลมไป ทีนี้เวลาตกลงให้เขาแล้วเลยถามว่า ศาลาหลังนี้กว้างขนาดไหน ยาวขนาดไหน เขาว่าความกว้าง ๑๕ เมตร ความยาว ๕๕ เมตร เวลาตอบ โอ๊ย แคบไป แน่ะเห็นไหม เอาอย่างนี้นะความกว้าง เอา ๓๐ เมตรเลย คือแต่ก่อนมัน ๑๕ เมตร ทีนี้ความกว้างเอา ๓๐ เมตร ความยาวเอา ๖๐ เมตร เพิ่มไปอีก ๕ เมตร เขากำหนด ๕๕ เมตร เราบอกเอา ๖๐ เขาก็สาธุขึ้นทันทีเลย นั่นละที่เรื่องมันช้านะ ไม้ที่กำหนดไว้พอดีนั้นเราเพิ่มเข้าอีก จึงต้องไปสั่งไม้มาจากทางฝั่งลาว
เฉพาะต้นเสาสำคัญมาก ช้าอยู่กับต้นเสาแหละ ที่ขึ้นได้ยาก ๆ คือไม้ยังไม่ข้ามมาจากฝั่งโน้น รอกันอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งต้นเสามาเมื่อไรก็ขึ้นเลย ถึงได้ช้า ส่วนไม้ที่เขาสั่งมานั้นเรียบร้อยหมดแล้ว สำหรับที่เขากำหนดไว้นะ ที่เราเพิ่มเข้าอีกเกือบเป็น ๒ คูณ ส่วนด้านกว้าง ๒ คูณเลย ๑๕ เป็น ๓๐ ๕๕ เพิ่มเข้าอีก ๕ เมตร เหล่านี้เพิ่ม ทุกสิ่งทุกอย่างต้องเพิ่มหมด จึงช้าอันนี้เองไม่ใช่อะไรนะ ช้าเพราะสั่งเครื่องก่อสร้างมาเพิ่มให้เต็มตามจำนวนที่สั่งใหม่นี้ เลยต้องช้า อย่างไรมันก็ทันแล้ว
เรื่องจิตใจของชาวพุทธเรานี้เหลวไหลมากจริง ๆ นะ ขอพูดให้พี่น้องชาวไทยทราบทั่วหน้ากัน เราเป็นเจ้าของพุทธศาสนา เมืองไทยเราเป็นเมืองแห่งชาวพุทธอย่างน้อย ๘๐% นับถือพุทธศาสนา แต่กิริยาของศาสนาที่จะออกยิบแย็บ ๆ เท่าแสงหิ่งห้อยไม่ค่อยมี มีแต่มืดแปดทิศแปดด้านครอบหัวใจสัตวโลก แล้วทำให้ดีดให้ดิ้นเป็นบ้ากัน หาแต่สิ่งหาสาระไม่ได้ ซึ่งเป็นการส่งเสริมกิเลสโดยถ่ายเดียวเท่านั้น ที่จะส่งเสริมธรรมภายในจิตใจให้มีค่ามีราคาขึ้นมาไม่ปรากฏในชาวพุทธของเราเลย มันเป็นยังไงชาวพุทธของเรา มันเหลวไหลขนาดนั้นนะเวลานี้
แล้วบ้านเมืองเดือดร้อนอยู่นี้เพราะอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะกิเลสตัวกินไม่พอ ตัวโลภไม่พอได้ไม่พอ อะไรไม่พอ ถ้าเป็นสิ่งที่จะทำตัวและส่วนรวมตลอดชาติบ้านเมืองให้ล่มจมแล้วไม่พอทั้งนั้น นี้เรื่องของกิเลสทั้งหมดมันกำลังเผาเมืองไทยเราอยู่เวลานี้ พี่น้องทั้งหลายพากันทราบแล้วยัง เอาความพอดิบพอดีเข้าไปใส่บ้างซี ไม่มากก็น้อยให้ลดลง อย่าเหยียบแต่คันเร่ง ให้เหยียบเบรกบ้าง มันเลยเถิดนะเวลานี้ มันข้ามฝั่งไปแล้ว แม่น้ำมหาสมุทรไม่ได้ข้ามฝั่งนะ มีมากขนาดไหนก็อยู่ในกรอบของฝั่งอยู่ในฝั่ง แต่ความโลภของกิเลสตัณหาแห่งชาวพุทธเรานี้มันเป็นน้ำล้นฝั่งแล้วนะ ไม่มีอะไรพอดีถ้าเป็นเรื่องของกิเลสตัณหา
มันเป็นบ้ากันขนาดนั้นนะ อยากพูดให้เต็มหัวใจ เพราะเราพิจารณามารู้เต็มหัวใจ จะไม่มาพูดได้เต็มปากได้ยังไง ก็พิจารณามาแล้วทั้งด้านอรรถด้านธรรม ด้านธรรมก็สุดหัวใจเราแล้ว ด้านกิเลสก็ครอบโลกธาตุ พิจารณาหมด แต่เรื่องธรรม มีเหมือนไม่มี รู้เหมือนไม่รู้ ไม่ได้กดถ่วงบังคับบัญชาให้ดีดให้ดิ้นเป็นบ้า มีจึงเหมือนไม่มี รู้เหมือนไม่รู้ แต่ถึงเวลาที่จะทำประโยชน์ให้โลกดังที่กล่าวนี้ ท่านทั้งหลายมาเข้าใจเหรอว่าหลวงตาบัวดุด่า ทำความพินาศแก่บ้านแก่เมือง อะไรทำความพินาศเวลานี้ กำลังรื้อฟื้นด้วยอะไร เสียงนี่เสียงอะไร ถ้าไม่ใช่เสียงอรรถเสียงธรรมรื้อฟื้นชะล้างสิ่งสกปรกรกรุงรังเต็มบ้านเต็มเมืองเรา จนกระทั่งถึงเมืองไทยจะให้ล่มจม เพื่อชะล้างให้มันสะอาดขึ้นมาจะเป็นอะไรไป ถ้าไม่ใช่ธรรมจมนะ
ขอให้พากันรู้เนื้อรู้ตัวบ้าง อย่าเป็นบ้ากันทั้งบ้านทั้งเมืองเถอะ มันพิลึก แล้วอวดหน้าอวดตาพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ซึ่งเป็นศาสดาของเราทุกหัวใจ มันไม่ได้มองดูศาสดานะ มองดูแต่ความโลภ ความโกรธ ความหลง ราคะตัณหา เป็นศาสดาองค์เอกเต็มหัวใจ ทั้งสัตว์ทั้งบุคคลยั้วเยี้ยไปหมด นี้ละก่อฟืนก่อไฟเผาโลกเวลานี้ เราเห็นว่าอะไรเผา มีอันนี้แหละ ต้องให้ระงับดับมัน ให้มีการยับยั้งชั่งตัว ให้พอดิบพอดีการประพฤติตัว อย่าเป็นน้ำล้นฝั่ง ๆ
เป็นบ้ากันหมดนะเวลานี้ไม่มีธรรมนะ โห เมืองไทยเรานี่เหลวไหลมากจริง ๆ หาหลักหาเกณฑ์ไม่ได้ มองดูที่ไหนมีแต่เรื่องน้ำล้นฝั่ง ๆ คว้ามับ ๆ ยิ่งกว่าลิง อะไรผ่านเข้ามาไม่ได้ผ่านเข้ามาเมืองไทย ลิงในเมืองไทย ๖๒ ล้านตัวนี้คว้ามับ ๆ เลย หลวงตาบัวเป็นเบอร์หนึ่งนำหน้าคว้ามับ ๆ แล้วทีนี้มาสอนโลกเขาก็ไม่อยากฟังล่ะซี เขาเห็นหลวงตาคว้ามับแล้วมาสอนโลกไม่ให้คว้ามับ จะสอนได้ยังไงก็อาจารย์ใหญ่คว้ามับ ก็ไม่น่าจะผิดนะเขาว่าก็ดี
มันไม่มีหลักมีเกณฑ์เลยทำยังไง ศาสนามีหลักมีเกณฑ์ทำคนให้ดี มีหลักมีเกณฑ์ตลอดไปนะศาสนา นี่เครื่องกีดกันความชั่วช้าลามกไม่ให้ผ่านเข้ามา ปัดออก ๆ เรียกว่าศาสนา คือสิ่งที่ปลอดภัย นำไปชะล้างสิ่งที่สกปรกทั้งหลาย อันนี้มันเลอะเทอะไปหมด ดูอะไรดูไม่ได้นะ แบบหูหนวกตาบอด พูดจริง ๆ ผ่านไปไหนมันอดไม่ได้ละเรื่องจิตนี้ยิ่งเป็นธรรมจักร พูดให้มันเต็มยศเสียนะ มันจะหมุนตัวของมันโดยหลักธรรมชาติ มันทนไม่ได้ ใจเป็นนักรู้ แต่กิเลสครอบหัวมันอยู่มันยังทนรู้ไม่ได้นี่ว่าไง มันรู้อยู่ภายในกิเลสครอบหัวมันนั่นแหละ พอเปิดกิเลสออกแล้วมันก็จ้าของมันออกเต็มที่ เพราะความรู้อันนี้มันเด่นอยู่ในหัวใจ แต่กิเลสครอบเอาไว้มันก็รู้อยู่ในวงจำเพาะ พอเปิดกิเลสออกมากน้อยมันจะกระจายออกไป ๆ เปิดกิเลสออกหมดแล้วมันจะไม่โล่งได้ยังไง ก็มันนักรู้อะไรจะเกินใจ ใจมีขอบเขตที่ไหนความรู้ ไม่มี นอกนั้นมีขอบเขตทั้งนั้น
นี่ดูไปที่ไหนมันเลอะเทอะขนาดนั้นนะ พูดแล้วก็ท่านทั้งหลายจะเป็นเสียงเดียวกันนะว่าหลวงตาบัวดุด่าว่ากล่าว เหมือนหนึ่งว่าหาเรื่องหาราวใส่เมืองไทย เมืองไทยตั้งมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์กาลไหน ๆ ก็ไม่เห็นมีใครมาตำหนิเขาก็จะว่าอย่างนั้น หลวงตาบัวพึ่งเกิดมาได้สองสามปี มาดุฟ่อ ๆ ยังไงกัน เขาก็จะว่าอย่างนั้น เวลาเรายกมานี่ พระพุทธเจ้าของหลวงตามีกี่พระองค์น่ะ ท่านอิดหนาระอาใจเต็มที่แล้ว ท่านเลยปล่อยให้หลวงตาบัวมาฟาดหัวพวกนี้หน่อย ยังถือว่าเจ็บอยู่หรือนี่ นี่ฟาดเล็กน้อยนะ ว่างั้นจะว่าไง โห ท่านทนดูไม่ได้ ดูความเลอะเทอะของชาวพุทธเรา มันเลอะเทอะจริง ๆ
ไม่ว่าการอยู่การกิน การหลับการนอนใช้สอย การนุ่งการห่ม หาประมาณไม่ได้เลยนะเวลานี้ ดูไม่ได้ หลักศาสนามีขอบมีเขต ทำคนให้สวยงาม พระที่ตั้งอยู่ในหลักของพระจริง ๆ แล้วสวยงามมาก นอกจากพระไปแล้วมันก็เป็นลิง หัวโล้นโกนคิ้ว ผ้าเหลือง อวดตัวว่าเป็นพระหากิน ทิฐิมานะใครจะเกินพระ อยู่ลึก ๆ นะใครไม่กล้าแตะกล้าต้องเขาเห็นแก่ผ้าเหลืองหัวโล้น เราก็โอ่อ่าฟู่ฟ่าเป็นบ้าไปทั้ง ๆ ที่เป็นพระหัวโล้น ๆ ไม่มีศีลสักตัวก็อาจมีว่าไง พระเราองค์หนึ่ง ๆ น่ะ มันเลอะเทอะไปหมด เอาผ้าเหลืองมาครอบไว้เฉย ๆ ก็มี จะไม่มีได้ยังไง ความจริงมันมี กิเลสมีอยู่ที่ไหน อันตรายมีอยู่ที่ตรงนั้น มันลืมเนื้อลืมตัวขนาดนั้น
อย่าว่าแต่ภายนอก พระเราก็ลืมเนื้อลืมตัว ฟาดหลวงตาบัวนี่ตีลงไปซิ ก็เป็นพระเหมือนกันสูงไปที่ไหน ธรรมพระพุทธเจ้าเหนือเรานำมาสอนไม่ได้เหรอ สอนทั้งเขาทั้งเรา มันเลอะเทอะขนาดนั้นนะเวลานี้ ไปที่ไหนเห็นแต่พวกเราทำลายศาสนา พระก็ทำลายแบบหนึ่งของพระเต็มวัดเต็มวาเต็มพระเต็มเณร เป็นส้วมเป็นถานไปหมดในวัดในวา โอ่อ่าฟู่ฟ่าด้วยผ้าเหลือง ตำแหน่งนั้นตำแหน่งนี้ ชั้นนั้นชั้นนี้ชั้นขี้หมามันอะไร มีแต่ชื่อ ตั้งฟากจรวดดาวเทียมก็ได้ ถ้าตัวไม่ดีเสียอย่างเดียวจม หาความเจริญไม่ได้ ต้องปฏิบัติตัวให้เป็นคนดีพระดีถึงจะดีได้นะ มีแต่ชื่อเฉย ๆ
เวลานี้กำลังเป็นบ้าตั้งชื่อกัน โหย เกิดมานี่ตั้งชื่อนี่หยดย้อยนะ ชื่อนี่ยาวได้ ๕ กิโล คนหนึ่ง ๆ ตั้งชื่อนะ พอถามว่านี่ชื่อว่ายังไง เราอย่าไปฟังเสียงอยู่นี่นะ ให้ไปรอฟังอยู่ฟากจรวดดาวเทียม เสียงชื่อของเขาจะขึ้นนู้นจรวดดาวเทียม แต่คนจมลงในนรก นั่นฟังซิ มันไปเอาดิบเอาดีกับชื่อกับเสียงกับกระดาษดินสอไปอย่างนั้นนะ เอาชื่อเอานามไปเป็นของดิบของดี ตัวเองเลวขนาดไหนมันไม่ได้ดู เพราะเหตุนั้นโลกมันถึงร้อน มันไม่ได้ร้อนอยู่กับชื่อกับเสียงนะ ไม่ได้ร้อนอยู่กับกระดาษดินสอตำแหน่งหน้าที่อะไรนะ มันร้อนอยู่ที่หัวใจคนผู้ทำผิด จมก็หัวใจคนจะจม จะเป็นคนดีก็คนผู้รู้เนื้อรู้ตัวนั้นแหละ
เดี๋ยวนี้มันร้อนไปหมดเพราะอะไร เราไม่ได้ดูสาเหตุที่มันร้อนคืออะไร เพราะคนมันเป็นบ้า พระเรามันเป็นบ้าด้วยกันนั่นซี ทั้งเขาทั้งเราไม่ทราบจะไปตำหนิใคร ก็มันบ้าทั้งเมืองไทยของเรา ไปที่ไหนดูโยมก็ดูไม่ได้ ดูพระก็ดูไม่ได้ ดูเขาก็ดูไม่ได้ ดูเราก็ดูไม่ได้ เลยไม่มีเกาะมีดอนที่จะน่าดูบ้างนะเวลานี้ มองไปที่ไหนเลอะเทอะไปหมด ยิ่งกว่าส้วมกว่าถานไปอีก พวกเรานี่พวกทำลายศาสนา แล้วก็จะทำลายชาติบ้านเมืองให้จมไปด้วยอำนาจของศาสนาป่า ๆ เถื่อน ๆ ที่มันมาทำลายเรานี่แหละ ตัวมหาภัยคือกิเลสไม่ใช่เหรอ จะทำลายศาสนานี้เป็นอะไร ก็คือกิเลสนั่นเอง ตัวเป็นภัยมากมาย
ให้พากันเข้มงวดกวดขันบ้างนะ ไม่มีอะไรที่เป็นหลักเป็นเกณฑ์เลย ดูไม่ได้นะ นี้ก้าวเข้ามาในวัดนี้เราก็ได้เคยเตือนแล้วนะ อย่ามาจุ้น ๆ จ้าน ๆ นะ นุ่งซิ่นนุ่งผ้าวับ ๆ แวม ๆ ปล่อยหีปล่อยควยมานี้ ไม้เราจะไล่ตีมันหลงทิศไปนะ มันดื้อมันด้านมันพิลึกกึกกือ มันหาญทุกอย่าง ๆ ไม่มีที่สูงที่ต่ำเลย นี่ละกิเลสถ้ามันลงหน้าด้านจริง ๆ แล้วเป็นอย่างนั้น ต่อไปนี้มันจะเข้ามาวัดป่าบ้านตาด ไม่นุ่งซิ่นนุ่งผ้า จะปล่อยไอ้หมีไล่ขนาบให้มันหลงทิศ ไอ้หมีมันตื่นหรือยัง ปลุกมันออกมาฟาดพวกที่มันนุ่งวับ ๆ แวม ๆ เปิดหีเปิดควย นั่นละให้ไอ้หมีไปฟาด ควยกูมีไม่เห็นมีอะไร สูเป็นบ้าเหรอมันจะว่างั้น แล้วก็จะไปหาเอาตัวเมียมาเป็นคู่มันอีก หีกูก็มี สูเป็นบ้าเหรอมาอวดกูทำไม ให้มันไล่ฟาดให้มันแตกกระจัดกระจายในวัดนี้
มันพิลึกขนาดนั้นนะ มันหมดยางอายนะเดี๋ยวนี้ เมืองไทยเรานี้ตัวหมดยางอาย ตัวหน้าด้านที่สุดไม่มีศีลธรรมในใจ ความประพฤติ แล้วการแต่งเนื้อแต่งตัวนี้มันพิลึกกึกกือนะ โอ๋ย อยากเลิศอยากเลอ อยากให้เขามองหีนิดหนึ่งก็เอา มองหำนิดหนึ่งก็เอา ประสาหำประสาหีมันวิเศษวิโสอะไร ปิดไว้อย่าให้มันอายมาก เราเป็นมนุษย์ไม่ใช่สัตว์ก็นุ่งให้สวยงามพอดิบพอดี ตามเรื่องของมนุษย์ที่มีศีลมีธรรมมีสูงมีต่ำ มีที่แจ้งที่ลับบ้างพอประมาณ อันนี้มันพิลึกกึกกือ เห็นหน้ากันจะเปิดหีให้กันดูแล้ว เปิดหำให้กันดูแล้ว มันวิเศษวิโสอะไรหำหี
ต่อไปนี้เราเดินไปตามทางเราก็จะเอาไฟ ใครไปหาจุดไฟมาให้เราหน่อยนะ เอาฟางมัดแล้วจุดไฟไว้นี้เราจะถือไพล่หลังไปนี้นะไม่ให้เห็น คนใดมาวับ ๆ แวม ๆ เราจะไฟนี้ตำหีมันเลย ตำหำมันเลย เข้าใจไหม เอามันขนาดนั้นละ มันดื้อต้องทำอย่างนั้นซีไม่งั้นไม่ทันกัน เราจะเอาไฟไพล่หลังเราไม่ให้เห็นนะ พอไปเห็นหน้าใส่ปั๊วะโลด แล้วเรียกไอ้หมีให้มันช่วยอีก ฟาดให้มันกำแพงแตกเป็นไรวะ มันพิลึกจริง ๆ มันหน้าด้านจริง ๆ นะเวลานี้เมืองไทยเราเป็นเมืองหน้าด้าน การนุ่งการห่มนี้มันหน้าด้านยิ่งกว่าหมาไปแล้วนะ ได้ยินหรือยังเมืองไทยเราเวลานี้ ท่านถือศาสนาอะไร นี้เอาศาสนามาสอนพี่น้องทั้งหลาย ให้มีขอบเขตมีสูงมีต่ำมีที่เคารพยำเกรงสวยงาม ตามหน้าที่ของมนุษย์เรา ซึ่งเป็นชาวพุทธเสียด้วย ให้มีความสวยงามน่าดู สงบเสงี่ยมงามตา สมกับธรรมเป็นของงามตางามใจมาตลอดเวลา ให้พากันจำเอานะ มันเลอะเทอะมากจริง ๆ
เราไม่มีอะไรกับโลกนะ เราสอนโลกที่สกปรกเราไม่ได้สกปรก เราสอนโลกที่สกปรกให้พอน่าดูบ้างเท่านั้น เราไม่ได้มีอะไรกับพี่น้องชาวไทยนะ สอนด้วยความเมตตาสงสาร ไม่งั้นมันจะเลอะเทอะไปหมดนะเวลานี้ ไม่มีใครกล้าสอนอย่างนี้ เราไม่ว่าแต่กล้าเลยกล้า ธรรมนี้ไม่มีอะไรเหนือธรรมไปได้ ไม่มีคำว่ากล้าว่ากลัว ธรรมคือความจริง ออกตรงไหนจะออกตรงนั้นทันทีชะล้างไปเรื่อย ๆ ผู้ที่ตั้งใจเอาความสัตย์ความจริงเอาอรรถเอาธรรมก็ให้ยึดไปปฏิบัติกำจัดสิ่งชั่วช้าลามกของตัวเอง ให้พอดูกันบ้างซิ นี่มันเลอะเทอะไปหมดนะ โหย จนจะดูไม่ได้นะเวลานี้ ไม่ว่าแบบไหนฉบับไหนเข้ามา คือลืมตัวเลย มันเคยมันหน้าด้านพอแล้ว ลืมตัวอะไร เข้ามาในวัดนี้ก็ลืมตัวนะ เพราะมันหน้าด้านมาแล้วมันเลยลืมเนื้อลืมตัวไปหมด โหย จนจะดูไม่ได้นะ
เราก็อุตส่าห์พยายามช่วยบ้านช่วยเมืองก็ช่วยทุกด้านทุกทางก็เคยพูดแล้วว่า เราช่วยชาติคราวนี้ด้านวัตถุไม่ใช่เป็นที่หนึ่งนะ ด้านจิตใจนี้เป็นที่หนึ่ง เพราะจิตใจเป็นรากฐานแห่งความเสื่อมและความเจริญทั้งด้านวัตถุและหัวใจคน ถ้าจิตใจได้เสื่อมแล้วไม่มีอะไรดี เหมือนกับเอาเพชรเอาพลอยไปประดับประดาตกแต่งโลงผี มันสวยงามยังไง เพชรพลอยราคาเท่าไร ๆ ไปประดับโลงผีเหลืองอร่าม ว่างามตาแต่หัวใจเป็นยังไง มันโศกเศร้าอะไรถึงผู้ตายในโลงผี นี่มันเป็นยังไง อันนี้ก็เหมือนกันนั่นแหละ เอามาตกแต่งของไม่เป็นท่า ๆ นะ หูย น่าทุเรศจริง ๆ นี่นะ ใจถ้าเสียเสียอย่างเดียวไม่มีอะไรดีเลย นี่เป็นอันดับหนึ่ง
การสั่งสอนโลกเราจึงเน้นหนักทางด้านจิตใจมาก เฉพาะอย่างยิ่งทำใจให้มีความสงบเย็นบ้างด้วยการภาวนา จะเป็นคำใดบทใดแห่งคำบริกรรม เช่น พุทโธ ธัมโม สังโฆ เป็นต้น ตามแต่จะถูกจริตนิสัยของตัวเอง แล้วมาบังคับใจ เอาสติบังคับไว้อย่าให้มันคิดไปหาฟืนหาไฟ มันเผาไหม้ตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งหลับแล้วทุกวัน ๆ มันไม่เข็ดไม่หลาบหรือ เอา พุทโธ ธัมโม สังโฆ บทใดก็ตาม บังคับเป็นน้ำดับไฟแล้วมันจะสงบตัวลงไป พอสงบตัวลงไปมันจะเห็นโทษแห่งความวุ่นวายทั้งหลายโดยลำดับลำดา ยิ่งสงบมากเท่าไรยิ่งเห็นโทษแห่งความคิดความปรุงของโลกที่มันวุ่นวาย เข้าโดยลำดับภายในหัวใจของเรา นั่น ธรรมแก้กันเห็นสด ๆ ร้อน ๆ ธรรมสด ๆ ร้อน กิเลสสด ๆ ร้อน ๆ แก้กันได้สด ๆ ร้อน ๆ ทำไมจะแก้ไม่ได้ นี่มันพิลึกนะ สอนจิตใจนี้เป็นสำคัญ
วัตถุนี้ได้เท่าไรก็ตามกำลังศรัทธาน้ำใจของพี่น้องชาวไทยเรา หนุนเข้าชาติไทยของเรานี้เป็นอันหนึ่ง ส่วนจิตใจถ้าไม่ได้รับการบำรุงแล้วสิ่งเหล่านี้มีกองเท่าภูเขาก็พินาศไปไม่กี่วันนะ ถ้าจิตใจมีอรรถมีธรรมแล้ว มีมากมีน้อยทะนุถนอมบำรุงรักษากันไป เป็นความสงบร่มเย็นทั่วประเทศไทยของเรา เพราะใจเป็นผู้มีหลักมีเกณฑ์เป็นผู้รักษาสมบัติทั้งหลาย มีความสงบร่มเย็นไปอย่างนั้น ให้พากันจำเอานะ
เราสอน ๆ ทางด้านจิตใจเป็นสำคัญนะ จิตใจนี้เลอะเทอะมากไม่ใช่ธรรมดา เลอะเทอะจนประหนึ่งว่าไม่มีศาสนาเลยชาวพุทธเรา ถ้าเวลาถามถือศาสนาอะไร พุทธ ๆ เด็กมีกี่คนอยู่ในท้องแม่ดันกันออกมาพูด แย่งปากแม่ปากเดียว เช่น ลูกแฝดมี ๒ คน ๓ คนหรือ ๔ คน คนนั้นก็ถือพุทธ คนนี้ก็ถือพุทธ แย่งกันออกมาพูดในท้องแม่ท้องเดียวกันนั่นแหละ แม่มีปากเดียวไม่ทราบจะพูดว่ายังไง เลยปล่อยให้ลูกพูดหมด ลูกเป็นลูกแฝด ๕ คนแย่งกันพูดออกมาถือพุทธ ๆ บัดตัวของเขาเองเป็นยังไง ตั้งแต่แม่มันลงไปหาลูกมันถือผีทั้งนั้นแหละ มันไม่มีพุทธ มีแต่ทำปากเฉย ๆ ความประพฤติเหลวแหลกแหวกแนวเอาพุทธมาจากไหน จำเอานะ เทศน์เท่านี้วันนี้
สรุปทองคำและดอลลาร์วันที่ ๒๗ เมื่อวานทองคำได้ ๓ บาท ๓ สตางค์ ดอลลาร์ ๑๖๐ ดอลล์ ทองคำที่ต้องการมอบเข้าคลังหลวง ๔ พันกิโลมอบเข้าคลังหลวงแล้ว ๒,๕๐๐ กิโล เวลานี้ยังขาดอยู่อีก ๑,๕๐๐ กิโลจะครบจำนวน ๔ พันกิโล นี่พักหนึ่ง พักที่สองทองคำต่อยอดจากเงิน ๘๐๖ ล้านบาทนั้น ซื้อทองคำแล้ว ๒๐๐ ล้านบาท ได้ทองคำ ๕๐๐ กิโลเท่ากับ ๔๐ แท่ง มอบเข้าคลังหลวงแล้ว ๒๕๐ กิโล รวมทองคำที่มอบเข้าคลังหลวงแล้วเวลานี้ ๒,๗๕๐ กิโล ทองคำหลังจากมอบเข้าคลังหลวงแล้วได้ดังนี้ ที่หลอมแล้วได้ ๒๕๐ กิโล ที่ยังไม่ได้หลอม ๑๔ กิโล ๕๓ บาท ๕๓ สตางค์ รวมทองคำทั้งหมดได้ ๓,๐๑๔ กิโลครึ่ง
(หลวงตาซื้อใหม่อีก ๑ ตัน ๔๐๐ ล้าน กำหนดรับมอบวันที่ ๑ กับวันที่ ๓ ครั้งละ ๕๐๐ กิโลครับ)เงินที่โอนไปแล้วซื้อทองคำ ๔๐๐ ล้าน ได้ทองคำ ๑,๐๐๐ กิโลหรือ ๑ ตัน ถ้าทางนู้นแน่นอนแล้วเราก็พิจารณา แต่ยังไงก็ตามจะต้องให้วันที่ ๑๒ ผ่านไปก่อนแล้วเราถึงจะไปได้ คือพอวันที่ ๑๒ ผ่านไปแล้วเราถึงจะไปมอบทองคำ คงจะได้ประมาณ ๑๐๐ แท่ง ยังไงก็แน่นอนละนะ เพราะ ๔๐๐ ล้านกับ ๑ ตันนี้เรียกว่าตรงลงกันเรียบร้อยแล้ว เขาจะมอบวันที่ ๑ และวันที่ ๓ นะ (พวกเศษ ๆ มีอีก) เศษก็เศษไป แต่ฟังว่าขาดนี้เราไม่อยากฟัง
นี่เราก็บอกไว้ว่าถ้าได้ทองประมาณสัก ๖๐ แท่งขึ้นไปแล้ว เราอาจจะได้ลงไปมอบกรุงเทพ ถ้าต่ำกว่านั้นเราไม่ได้แน่ใจ อันนี้มันปาเข้าไปถึง ๑๐๐ แท่งแล้วมันก็น่าจะได้ลงไป ถ้าลงไปก็หลังจากงานชาติของเราวันที่ ๑๒ ผ่านไปเรียบร้อยแล้วเราถึงจะไป พอจะไปเราต้องกำหนดว่าเราไปถึงนั้นวันที่เท่านั้นและมอบทองวันที่เท่านั้น จะต้องมีกำหนดตายตัว ไปก็ไปตามกำหนด เพราะไปในพรรษานี้ก็ไปได้เพียง ๗ วัน สัตตาหะไปได้ ๗ วันตามพระวินัย แล้วก็ไปมอบคลังหลวงภายใน ๗ วันแล้วก็กลับคืนมา เพราะฉะนั้นจึงต้องกำหนดวันให้แน่นอนไว้เลย เช่น ไปวันที่ ๑ วันที่ ๗ ก็มา ไปตามหลักพระวินัยได้ภายใน ๗ วัน เรียกว่า สัตตาหกรณียกิจ
เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร
www.luangta.com