เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๕๑
พุทธศาสนาไม่มีคำว่าดูถูกกัน
(แม่บังอร ชลบุรี ส่งต้นไม้มีมะขามป้อม สมอ เป็นต้นมาครับ) มะขามป้อม สมอนี้ ในทางพระวินัยก็มี ฉันได้ในเวลาวิกาล แต่เวลาอดอาหารใครอย่าไปฉันไม่ได้นะ ถ่าย เพราะธาตุขันธ์มันอ่อนมากอยู่แล้วพอไปเจอเปรี้ยวๆ อะไรเข้าไปนี้มันถ่าย ถ่ายอย่างรวดเร็ว แทนที่จะฉันมะขามป้อม สมอ ได้ดีในเวลาอดอาหาร อย่านะ เราเคยมาพอแล้ว ยิ่งอดไปหลายวันเท่าไรมะขามป้อม สมอ มาแตะไม่ได้นะ จะไม่มีอะไรเข้าไปยุ่งเลย อย่างมากก็มีแต่น้ำเท่านั้น น้ำก็ไม่สิ้นเปลือง ถ้าอดอาหารน้ำก็ไม่สิ้นเปลือง
เมื่อวานนี้ไปบ้านแพง เอาของไปลงที่วัดบ้านแพง ก็พอดีมีคนอนาถาอะไรอยู่ในบ้านแพงนั่นแหละ ทุกข์จนไม่มีที่อยู่ที่อาศัย ก็อาศัยนอนอยู่ตามนั้นแหละ เราไปเขาเล่าให้ฟัง แล้ววันนี้เป็นวันจะเผาศพคนนั้นละคนที่ว่าอนาถา เราถามเหตุถามผลดูเป็นอย่างไร ก็คนในบ้านแพงนี่แหละแกไม่มีหลักมีเกณฑ์ ไม่มีญาติมีวงศ์ อยู่ไปกินไปวันหนึ่งเท่านั้น ทีนี้แกก็มาตายเมื่อวานนี้ว่างั้น แกตายเมื่อวานคือวานซืน แล้วบอกว่าวันนี้จะเผา แล้วมีใครเป็นเจ้าของคอยดูแลศพของแกล่ะ ก็ไม่มีใคร ชาวบ้านเขาจะมาเผาวันพรุ่งนี้ เราก็เลยมอบเงินให้แสนหนึ่ง ให้ท่านเซียงเป็นผู้จัดการนิมนต์พระมาสวดมาติกาบังสุกุล เป็นพิธีสงฆ์ นั่นเหมาะสมกับเราเป็นลูกชาวพุทธ เรามอบเงินให้หนึ่งแสนแล้วก็มา ให้ท่านเซียงเป็นคนพิจารณาเอง
เราไม่ได้เอาอะไรติดตัวไป ถ้าทราบจะเอาไปเท่าไรก็ได้ ผ้าก็อยู่ในโกดังเยอะผ้าขาวผ้าไม้ผ้าอะไร พวกขนมเต็มอยู่ในนั้น เพราะไปไหนเรื่องการทำบุญให้ทานนี้เราพูดจริงๆ เราไม่มีอัดมีอั้นเลย ความตระหนี่แม้เม็ดหินเม็ดทรายไม่เคยปรากฏในใจ มีแต่ความเมตตาสงสารเปิดโล่งหมด มีเท่าไรความเมตตาสงสารปัดออกหมดเลย ที่จะให้เป็นความตระหนี่ถี่เหนียวเราบอกจริงๆ ในหัวใจเราไม่มี มีแต่ความเมตตาล้วนๆ เมื่อวานก็เลยมอบเงินให้แสนหนึ่ง แต่เราไม่มีอะไรติดตัวไป แสนหนึ่งนี้ก็เอาแหละ ให้นิมนต์พระท่านมามาติกาบังสุกุล ตามประเพณีของลูกชาวพุทธ เชื่อบุญเชื่อกรรม เราว่าอย่างนั้นละ
แล้วก็มาเลยเมื่อวาน ไม่ไปอยู่นาน เพราะไปสายๆ ไปก็ทราบเรื่องนี้เลยละ ถามกันไปถามกันมา แล้วอยู่นั้นก็ประมาณสัก ๓๐ นาทีเท่านั้นเมื่อวานนะ ถามนั้นถามนี้ได้ความทุกอย่างแล้วก็มอบเงินให้หนึ่งแสนบาท ให้ท่านเซียงพระเจ้าอาวาสวัดนั้นเป็นเจ้าภาพแทนเรา วันนี้เป็นวันที่เขาจะเผา ได้เท่านั้นก็เอาละ เขาจะจัดนิมนต์พระมามาติกาบังสุกุล โดยที่ท่านเป็นเจ้าภาพเอง เพราะวัดนั้นก็เป็นวัดของท่านเอง เราก็สั่งเสียเท่านั้นแล้วกลับเลยเมื่อวาน ไปสายๆ ไปรีบๆ ด่วนๆ เสียด้วยเมื่อวาน ไปอยู่นั้นประมาณ ๓๐ นาที พอเสร็จแล้วกลับเลย
เมื่อคืนนี้ฝนตกเล็กน้อย อย่างนี้ละไปที่ไหนแบบเดียวกัน เราเที่ยวไกลอยู่นะจังหวัดลงจังหวัดเลยไปทางนี้ ฟ้าฝนแบบเดียวกัน ตกอย่างนี้แหละ มันจะเป็นแบบฝนฝอยๆ ละ สามปีผ่านมานี้แบบฝนฝอย ตกฝอยๆ ปีนี้ก็ดูเริ่มต้นแบบนั้นแล้ว ตกอย่างนี้แหละ แซะๆ เป็นฝนฝอย ไม่เป็นน้ำเป็นเนื้ออะไร น้ำฝนไม่ค่อยมี
วันหนึ่งๆ เราไม่ได้อยู่นะ มีแต่ไปเพื่อประโยชน์แก่โลกทั้งนั้นแหละ ไปที่นั่นไปที่นี่ กำหนดกฎเกณฑ์ไว้เรียบร้อยพอออกนี้ปั๊บ เตรียมของปุ๊บไปเลยๆ ของก็เตรียมไว้ๆ เรียบร้อยแล้วไปเลย วันนี้วันเขาจะเผาคนอนาถาคนนั้นละ เพราะเมื่อวานเราไปเขาบอกว่าจะเผาวันพรุ่งนี้ ว่าอย่างนั้น แต่เราไม่มีอะไรติดตัวไปเพราะเราไม่ทราบ ถ้าเราทราบแล้วของในโกดังขนไปทำบุญ
การทำบุญให้ทานนี้เรียกว่าเราทำเต็มเม็ดเต็มหน่วยนะ เพื่อเป็นคติตัวอย่างแก่บรรดาพี่น้องลูกหลานทั้งหลายต่อไป ว่าศาสนานี้ให้ความร่มเย็นแก่โลก ไม่ได้ให้ความอดอยากขาดแคลน ใจเหี่ยวใจแห้ง มองเห็นหน้ากันพึ่งกันไม่ได้ อย่างนั้นไม่ใช่พุทธศาสนา พุทธศาสนายิ้มแย้มแจ่มใสรับกันตลอด ไม่มีคำว่าคนทุกข์คนจน ฐานะสูงต่ำ ดูถูกเหยียดหยามกันอย่างนั้นไม่มีในชาวพุทธ อย่าพากันเอาไปใช้นะ เสียศักดิ์ศรีของพระพุทธเจ้าที่เป็นศาสดาองค์เอกประทานโอวาทแก่สัตว์โลกว่า สพฺเพ สตฺตา อันว่าสัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันหมดทั้งสิ้น อย่าดูถูกเหยียดหยามซึ่งกันและกัน อย่าก่อกรรมก่อเวรซึ่งกันและกัน ให้มีความเสมอภาค มีเมตตาต่อกันเป็นพื้นฐานของชาวพุทธ ให้พากันจำเอานะที่พูดนี่
นี่ละพุทธศาสนาไม่มีคำว่าดูถูกกัน เพราะเกิดมาแต่ละคนๆ ใครอยากเกิดต่ำๆ อย่างนี้เมื่อไร แต่ทำไมมันถึงมาเกิดอย่างนี้ ก็เพราะอำนาจแห่งกรรมของสัตว์แต่ละรายๆ ไป กมฺมํ สตฺเต วิภชติ ยทิทํ หีนปฺปณีตํ กรรมย่อมจำแนกแจกสัตว์ให้ประณีตเลวทรามต่างกัน คือกรรมที่เจ้าของทำลงไปแล้วนั้นแหละ มาจำแนกแจกตัวเองให้มีความประณีตเลวทรามต่างกัน เพราะฉะนั้นท่านจึงไม่ให้ประมาทกัน สัตว์เกิดมานี้เกิดมาด้วยกรรมทั้งนั้น ไม่ได้เกิดมาจากอะไร
พอกิเลสขาดสะบั้นไปจากใจหมดแล้วนั่นละทีนี้ขาดละ เรื่องกรรมไม่มีเครื่องสืบต่อ จะเสวยผลเฉพาะปัจจุบันชาตินี้เท่านั้น ที่จะเสวยผลต่อไปข้างหน้าไม่มี ท่านผู้สิ้นหมดเรื่องสมมุติทั้งปวงไม่มีเหลือภายในใจแล้ว ก็เรียกว่ากรรมดีกรรมชั่วก็ขาดไปพร้อมกันเลย เสวยแต่ชาติสุดท้ายเท่านั้นละ ให้พากันหันหน้าเข้าวัดเข้าวา อยู่ในบ้านก็เป็นวัด ถ้าจิตใจเราเป็นศีลเป็นธรรม อยู่ที่ไหนก็เป็นวัดเป็นวา เป็นเครื่องวัดเครื่องตวงตัวเอง ทดสอบตัวเอง นั่นละที่เรียกว่าวัดๆ เครื่องทดสอบตัวเองตลอด
อย่าไปดูใครให้มากยิ่งกว่าดูตัวเอง ส่วนมากมักจะดูแต่คนอื่นไม่ดูตัวเอง จึงมีแต่ความบกพร่อง มีความกระทบกระเทือนกันเรื่อยๆ มนุษย์เรา ถ้าดูก็ให้ดูด้วยความเมตตา วางตนสม่ำเสมอ ควรสงเคราะห์ด้วยวิธีการใดก็สงเคราะห์กันไปอย่างนั้นเรียกว่าธรรม ไปดูถูกเหยียดหยามกัน เห็นเขามีความต่ำต้อยน้อยหน้ายิ่งเหยียบย่ำลงไปใช้ไม่ได้เลยชาวพุทธเรา ไม่ถูก ต้องมีความเมตตาสงสารกัน ใครอยากดีทุกคน อยากเด่นทุกคน แต่มันดีไม่ได้ เด่นไม่ได้ เพราะกรรมเจ้าของไม่อำนวย มันก็อยู่ตามกรรมเจ้าของนั่นแหละ ให้พากันจำเอา
วันนี้เอาเท่านี้ละ ไม่พูดมาก นี่เราก็จะไปธุระของเรา ให้พรแล้วก็ไป
รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
และเครือข่ายทั่วประเทศ
|