เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๕๑
ไม่ให้เป็นไปตามที่ล้มเหลว
ภูวัวนี่เราไม่ได้ไปเป็นปีๆ แล้วมัง น่าจะเป็นปีๆ แล้ว แต่ของส่งเป็นประจำเดือน พอปลายเดือนๆ ไปส่งประจำมาดูเหมือน ๒๐ กว่าปี พระก็มีจำนวนมาก แต่ก่อนก็มีสองสามองค์กับท่านอุทัย สองสามองค์ๆ พอเราไปเจอเข้า คือสถานที่ภาวนาเหมาะสมมาก ขาดแคลนก็คืออาหาร เรารักสถานที่เช่นนั้นมาก เราเลยพูดกับท่านอุทัยเลย นั่นละตั้งแต่บัดนั้นมาส่งอาหารไปเลี้ยงพระๆ มีเท่าไรเราเลี้ยงหมดทั้งวัดเลย พระจะอยู่ในเกณฑ์จุดศูนย์กลางก็คือ ๓๐ วัดภูวัว เราก็เลี้ยงดูมาตั้งแต่บัดนั้น จนกระทั่งป่านนี้ดูเหมือน ๒๐ กว่าปี นี้กว่าแน่นอน ตั้งแต่นั้นมาพระท่านก็อยู่สบายๆ ภาวนาสะดวก ๒๐ กว่าปีแล้ว พระก็มาก ตั้งแต่บัดนั้นมาพระไม่ต่ำกว่า ๒๐ ตั้งแต่บัดนั้นมาละเราส่งอาหารๆ ได้ ๒๐ กว่าปี
แต่ก่อนท่านอุทัยอยู่ ท่านอุทัยอยู่ก็สองสามองค์เท่านั้น เพราะหมู่บ้านเขามีสองสามหลังคาเรือน เลยห่วงหน้าห่วงหลังกัน พระท่านอยู่ท่านก็เกรงใจเขา ก็เขาก็อดอยากขาดแคลนท่านก็ยังไปขอเขากินอีก ท่านว่าอย่างนั้น มันอย่างไรกัน ท่านลาเขาไปเขาก็ไม่ยอมให้ไป บอกว่าถ้าเขาไม่ตายท่านไม่ตาย จนก็จนเรื่องจนนี่ แต่น้ำใจไม่ได้จน เขาว่าอย่างนี้ เลยเอากันอยู่ตรงนั้นละ ตกลงท่านอุทัยก็อยู่นั้นเป็นเวลานาน เราจึงไปเพิ่มเข้าเพราะไปเจอสถานที่เหมาะสมเข้าไปนี้ก็มอบภาระลงที่เราหมดเลย รับเลี้ยงตั้งแต่บัดนั้นมาจนกระทั่งป่านนี้ พระก็อยู่จำนวนมากไม่ต่ำกว่า ๒๐ ตั้งแต่บัดนั้นมาจนกระทั่งป่านนี้
วัดภูวัวนี่เหมาะสมมากในการภาวนา กลางคืนนี้หินดานกลางแจ้งเดินได้สบาย กลางวันก็อยู่ในร่มไม้สบาย เวลานี้ดูไม่ได้ไปเป็นปีแล้วมัง เราเองไม่ได้ไป แต่สิ่งของส่งทุกเดือนไม่ให้ขาด เป็นประจำ ส่วนตัวเองไม่ได้ไป
เราอ่านหนังสือเล่มอะไรลืมแล้ว ได้อ่านย้อนหลังเรื่องราวของหมู่เพื่อน อ่านย้อนหลังของหมู่เพื่อนที่อยู่ด้วยกันมาแต่ก่อน ตั้งแต่หนองผือกับพ่อแม่ครูจารย์มั่น พอเริ่มเข้าพรรษาต่างองค์ต่างสมาทานธุดงค์ๆ ครั้นอยู่ไปๆ ล้มเหลวไปๆ สุดท้ายหมด ธุดงค์ที่สมาทานไม่มี เราอ่านย้อนหลังเลยทำให้เรามีความเข้มแข็งมากขึ้นโดยลำดับ เพื่อนฝูงเหล่านี้อาศัยไม่ได้แล้ว นั่นลงแล้วนะ เต็มวัดเต็มวานี้อาศัยไม่ได้ ไม่มีองค์ไหนเป็นหลักเป็นแหล่งเป็นแกน มีแต่โลเลด้วยกัน เราจะทำอย่างไร นั่น ปลุกเจ้าของนะ
หมู่เพื่อนอยู่ด้วยกันนี้โลเลด้วยกันไปหมดทั้งวัด เราก็จะมาโลเลในท่ามกลางหมู่เพื่อนและท่ามกลางพ่อแม่ครูจารย์มั่น เป็นไปได้เหรอ ถามเจ้าของ ยิ่งเข้มงวดกวดขันละซิ ธุดงควัตรเราเอาคนเดียวเรา พระเต็มวัดไม่เล่นกับใครเลย เป็นอย่างนั้นกับหมู่กับเพื่อนก็ดีเรา ได้ฟิตตัวมาตลอดนะ ไม่ได้อ่อนกับใคร หมู่เพื่อนล้มเหลวไปๆ เรายิ่งแข็งขึ้น ยิ่งแข็งขึ้นโดยลำดับ อ่านย้อนหลังที่หมู่เพื่อนล้มเหลวไปๆ แล้วก็ตัวเองเข้มแข็งขึ้นเป็นลำดับลำดา โถ นี่ทำอย่างไรหมู่เพื่อนตั้งหน้าตั้งตาประพฤติปฏิบัติธรรมล้มเหลวไปๆ เพราะอะไร แน่ะ ก็เพราะกิเลสเหยียบย่ำทำลายให้ล้มเหลว
ได้อ่านย้อนหลังก็ดีนะล่ะ เจ้าของยิ่งแข็ง หมู่เพื่อนล้มเหลวเจ้าของยิ่งดีดขึ้นๆ เลยเชียว เราก็ไม่ลืม โอ๊ย ไม่ได้ หมู่เพื่อนทำอย่างนี้ไม่ได้นะ มีแต่ล้มเหลว ใครจะทรงศาสนา ใครจะทรงมรรคผลนิพพาน มีแต่ใครก็ล้มเหลวด้วยกัน ทั้งๆ ที่สมาทานกัน ล้มเหลวๆ เรานี่ไม่พูดแหละ เรื่องสมาทานที่จะออกปากพูดเราไม่เคย แต่จิตใจนี้หมุนติ้วตลอดนะ ไม่เคยอ่อน ที่ได้มาเป็นอาจารย์สอนคนอยู่เวลานี้ ได้พิจารณาดูตัวเอง อยู่ในท่ามกลางความล้มเหลวๆ เราดีดออกๆ ไม่ให้มีล้มเหลว
อ่านย้อนหลังๆ ใครสมาทานธุดงค์ สมาทานๆ แล้วล้มเหลวไปๆ ยิ่งเป็นการเตือนใจ กระตุกใจเราหนักขึ้นๆ ให้เข้มแข็งมากขึ้น ไม่ล้มเหลว สุดท้ายยันได้องค์เดียว เห็นไหมล่ะ ไม่ล้ม จนพ่อแม่ครูจารย์ใส่บาตรให้เรา เราลืมเมื่อไร บิณฑบาตมาแล้วเอาบาตรไปซ่อนไว้ มันมีฝาต้นเสาเอาบาตรไปวาง บิณฑบาตได้มาเท่าไรจัดเอานิดๆ แล้วบาตรซุกเข้าไปนั้น ฝาบาตรปิด ผ้าอาบน้ำปิด แล้วจัดอาหารให้พ่อแม่ครูจารย์มั่น ท่านก็รู้จนได้ แต่พระทั้งวัดจะรู้หรือไม่รู้เรื่องของเราทำ แต่พ่อแม่ครูจารย์รู้จนได้ เวลาเราจะฉันปุ๊บปั๊บใส่บาตรเรา ถ้าเป็นนักมวยก็หลบไม่ทัน เปิดฝาบาตรปุ๊บปั๊บๆ ขอใส่บาตรหน่อยๆ ใส่บาตรเรา ทำไมท่านรู้ พระเณรทั้งหมดเป็นอย่างไรไม่รู้ หูหนวกตาบอดกันหมดทั้งวัดเหรอ ทำไมพ่อแม่ครูจารย์รู้ ทำให้เราคิดหมดนะ
อันนี้ละที่จะได้มาเป็นครูเป็นอาจารย์สอนหมู่เพื่อน ฟังเอาซิหมู่เพื่อน ลอดออกมาได้ๆ ไม่ให้เป็นไปตามที่ล้มเหลวๆ นะ หมู่เพื่อนล้มเหลวเท่าไรเรายิ่งดีดยิ่งแข็งขึ้นๆ นี่ที่มาเป็นครูเป็นอาจารย์สอนทุกวันนี้ เอา ฟาดเสียกิเลสขาดสะบั้นลงไปเลย แล้วเป็นอย่างไรเพื่อนฝูงกิเลสขาดสะบั้นหรือไม่ นี่กิเลสขาดสะบั้นเลย พุ่งตัวเลย เห็นไหมล่ะ พูดให้มันชัดเสียวันนี้ ถึงกาลเวลาที่จะพูดซึ่งอยู่ในท่ามกลางเพื่อนฝูง องค์นั้นเป็นอย่างไร หาผู้ที่จะเข้มแข็งแทบจะไม่มีๆ ยิ่งเป็นการฟิตตัวเราขึ้น เตือนเราขึ้น เราจะอ่อนอย่างนี้เหรอๆ ยิ่งเป็นการเตือนหนักเข้าๆ สุดท้ายเอาตัวรอด นั่น คนเดียว ไม่เล่นกับใคร
พ่อแม่ครูจารย์ท่านแหลมคมมากนะ เราเอาบาตรเข้าไปซ่อนไว้ในต้นเสา มีฝาซ่อนไว้ จัดอาหาร ไม่ให้ใครทราบละ เราทำคนเดียวเรา ฟังซิ ที่ได้ธรรมมาสอนหมู่เพื่อน เป็นอย่างนี้ละฟังเอา อยู่ในท่ามกลางหมู่เพื่อนไม่ได้เหยียบย่ำทำลายหมู่เพื่อน อยู่ด้วยกันดูด้วยกัน ดูกันอยู่ตลอดเวลาทำให้อ่อนใจๆ อ่อนใจกับหมู่กับเพื่อน แล้วดีดเจ้าของขึ้นๆ ตลอดเวลานะ สุดท้ายก็เลยพ่อแม่ครูจารย์ใส่บาตรให้ ท่านใส่บาตรให้ ใครมาแตะไม่ได้นะบาตรเรา ได้มาเท่าไรเท่านั้น
เรื่องความเห็นแก่ปากแก่ท้องนี้รู้สึกว่าไม่มี ในชีวิตของพระไม่ปรากฏ มีแต่ดัดกันเรื่อย ดัดเรื่องอาหารการกิน ดัดให้ผ่อนลงๆ จนกระทั่งท้องเสีย ไม่ฉัน ทำอยู่อย่างนั้นแล้วจะเห็นแก่ปากแก่ท้องอย่างไรการดัดอยู่ขนาดนั้น นี่ได้ธรรมมาสอนหมู่สอนเพื่อนได้มาด้วยวิธีนี้นะ อยู่ในท่ามกลางหมู่เพื่อนไม่ได้เหยียบย่ำทำลายหมู่เพื่อน ยกตนขึ้นข่มขี่หมู่เพื่อนไม่มี ดูกันอยู่ในท่ามกลางเพื่อนฝูงด้วยกันเป็นอย่างไร ใครเป็นอย่างไรๆ ดู มันอ่อนเปียกๆ ละซิ เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้วทางนี้เข้มแข็งขึ้นตลอด ดีดผึงๆ อยู่คนเดียวนะ
บิณฑบาตมาไม่เอาอะไร เท่านั้นละ ก็มีแต่พ่อแม่ครูจารย์นานๆ ท่านใส่บาตรให้ที ท่านรู้เห็นไหมล่ะ พระทั้งวัดรู้หรือไม่รู้ เห็นหรือไม่เห็นไม่ทราบ แต่พ่อแม่ครูจารย์นี้แหลมคมมากนะ นานๆ ใส่บาตรเราทีหนึ่ง เพราะเห็นแล้วว่าเราไม่เอาอะไรกับใคร อยู่อย่างนั้นละ ฟิตตัวมาอย่างนั้น ที่ได้มาสอนหมู่สอนเพื่อนทำเล่นๆ เมื่อไร ไม่ได้เล่นนะ ทุกอย่างจริงจังหมด ถ้าลงได้ลงใจตรงไหนแล้วขาดสะบั้นไปเลย ไม่มีคำว่าอ่อนแอ เราย้อนหลังพิจารณาถึงเรื่องความเพียรของเราก็ไม่เคยอ่อนแอ
เวลาล้มลุกคลุกคลานพลิกคว่ำพลิกหงายฟัดกับกิเลสนี้ก็ซัดกันแบบนั้นละ ต่างคนต่างฟัดกันๆ มาตลอด จนกระทั่งกิเลสขาดสะบั้นออกจากใจ ทำอย่างนั้นมาเรื่อยๆ ที่จะได้คิดย้อนหลังว่าเราอ่อนแอท้อแท้ที่ตรงไหนไม่มี บอกตรงๆ เลย เพราะจิตมันมุ่งต่อพระนิพพานมันจะไปอ่อนแอได้อย่างไร ทีนี้เวลามาดูหมู่ดูเพื่อนนี้ก็แบบหลับหูหลับตาดูเอา ตาบอดหูหนวกไปอย่างนั้นนะ ใจนี่มันไม่ได้เป็น มันเห็นอะไรปั๊บมันจะพับๆ ๆ พิจารณาของมัน ไม่ใช่คุย
ตาสัมผัสสัมพันธ์อะไร หูสัมผัสสัมพันธ์ สติไปปัญญาไปด้วยกันๆๆ ไม่ได้เผลอ ดูอะไรดูด้วยความจงใจ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปด้วยความจงใจ ไม่ได้เผลอเหม่อไปอย่างนั้น แต่กิริยานั้นล้มลุกคลุกคลานไปตามสภาพของธาตุของขันธ์ จิตนี้ไม่เป็น ดีดอยู่ตลอดเวลา มองดูอะไรนี้ดีดผึงๆๆ ตลอด อยู่กับหมู่กับเพื่อนก็แบบหลับหูหลับตาอยู่ไปอย่างนั้นละ มีใครเข้มแข็งบ้างมันไม่มี โธ่ กิเลสของง่ายเมื่อไร ต้องทำขนาดนั้นละ กว่ากิเลสจะได้ม้วนเสื่อลงไปได้ธรรมะมาสอนโลกก็อย่างที่ว่านี่ละ
ยิ่งแก่ลงๆ อ่อนไปหมด เดี๋ยวนี้มันปล่อยแล้วนะ มันปล่อยภายในของมัน ปล่อยไปๆ ดูแต่ธาตุขันธ์เคลื่อนไหวมันเป็นอย่างไรๆ ล้มลุกคลุกคลานไปอย่างนั้นละเดี๋ยวนี้ แต่จิตนี้ไม่มีวัย ไม่มีคำว่าล้มลุกคลุกคลานจิต แต่ธาตุขันธ์มี แล้วที่ทำเหล่านี้ก็สมมักสมหมายทุกอย่าง สมเหตุสมผลกัน กับฟัดกันอย่างแหลกเหลวๆๆ ระหว่างกิเลสกับเราตลอดไป ไม่เคยอ่อนข้อต่อกันเลย จนกระทั่งปัจจุบันก็ทำมาอย่างนี้
ทีนี้เวลาเห็นหมู่เห็นเพื่อนมันดูไม่ได้นะต้องหลับตาดูเอา มันไม่แข็งแกร่งภายในจิต มีแต่อ่อนแอปวกเปียกดูไม่ได้นะ การที่จะครองมรรคผลนิพพานต้องเอาแบบที่ว่า กิเลสกับเราใครเก่งให้อยู่บนเวที ใครไม่เก่งให้ตกเวที เอาขนาดนั้นเลยละ ที่จะไปต่อสู้ไปยกมือไหว้ว่ายอมแล้วไม่มี กับกิเลสเรียกว่าไม่มี คือนักมวยเขาต่อสู้กันพอยอมเขาก็ยกมือไหว้เขา อ่อนกว่าเขา ยอมเขา อันนี้ไม่มี ขาดไปเลยๆ เชียว
(คณะลูกศิษย์หลวงพ่อสงบ อำเภอโพธาราม ราชบุรี ถวายน้ำปลามาทั้งหมด ๒๐๐ โหลเจ้าค่ะ) ท่านสงบท่านหยีเป็นพระอยู่โพธาราม แต่เป็นพระวัดนี้ ออกจากนี้ก็ไปอยู่โพธาราม ดี องค์นี้ดี เราได้ติดตามอยู่ตลอดเวลาบรรดาลูกศิษย์ที่พอเป็นเนื้อเป็นหนังขึ้นมาก็คือท่านสงบองค์หนึ่ง เขาเรียกท่านหยี อยู่โพธาราม องค์นี้ดี ออกจากวัดป่าบ้านตาดไปแล้วไปสร้างวัดใหม่ ดี เราไปดูแล้ววัด เราติดตามบรรดาลูกศิษย์ที่ไปจากเรา ไปที่ไหนจะมีชื่อเสียงโด่งดังในคุณธรรมไม่ค่อยเห็นนะ ไม่ค่อยมี ตัวแมงเอาไปกินหมดไม่มีเหลือ เอาละให้พร
รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
และเครือข่ายทั่วประเทศ
|